ปางช้างแม่สาเร่งสร้างสะพานไม้ใกล้เสร็จแล้ว ผู้รับเหมาเตรียมส่งมอบงานเพื่อรับนักท่องเที่ยวก่อนปีใหม่ 2566
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2565 นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวของปางช้างแม่สา โดยเฉพาะในส่วนของสะพานไม้ที่กำลังสร้างขึ้นมาใหม่แทนสะพานเดิมที่พังลงจากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ปางช้างต้องปิดบริการไปเป็นเวลาสองเดือนเต็ม และต้องใช้สะพานชั่วคราวสร้างด้วยไม้ไผ่ พร้อมกับเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565
นางอัญชลีได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าสะพานที่สร้างขึ้นมาใหม่มีความกว้างแค่สองเมตรหรือครึ่งหนึ่งของสะพานเดิม แต่เราได้ออกแบบให้สะพานมีความแข็งแรงได้มาตรฐาน สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก มีราวจับป้องกันอันตรายตลอดสองฝั่งและมีทางลาดลงทั้งสองด้าน สำหรับบุคคลทั่วไปและผู้พิการที่ใช้วีลแชร์สามารถเข้าชมช้างได้ โดยทางลาดจะมีระยะทางยาว 10 เมตร
ปางช้างแม่สาได้ว่าจ้างบริษัทเสริมสร้างสุขเป็นผู้รับงานก่อสร้างในครั้งนี้ ส่วนงบประมาณในการสร้างสะพานรวมถึงการซ่อมแซมในส่วนของโครงสร้างที่ถูกน้ำเซาะรวมแล้วกว่า 800,000 บาท ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปมากแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จและส่งมอบงานได้ก่อนสิ้นปี เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลกันมาชมช้างที่ปางช้างแม่สาในช่วงวันหยุดยาว บางวันมากถึง 800 คน ตนเกรงว่าสะพานไม้ไผ่จะไม่สามารถใช้ได้นาน จึงขอให้บริษัทเสริมสร้างสุขเร่งส่งงานทันทีที่สะพานไม้สร้างเสร็จเรียบร้อย ตนจะได้เปิดใช้ทั้งสองสะพานควบคู่กัน
สำหรับปางช้างแม่สายังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากเราได้เปิดให้เข้าฟรี มีกิจกรรมป้อนอาหารช้าง มีการจำหน่ายตะกร้าผลไม้เพียงตะกร้าละ 100 บาทเท่านั้น ตนเน้นไปที่ความสุขของช้างและนักท่องเที่ยว รวมถึงงานอนุรักษ์ช้างจำนวน 68 เชือกของปางช้างแม่สามากกว่า จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่านอกจากกิจกรรมป้อนอาหารช้างแล้ว เรายังมี Elephant Care Program หรือโปรแกรมการดูแลช้างประมาณ 45 นาที เป็นกิจกรรมไฮไลต์อีกด้วย ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่เพจ Maesa Elephant Camp ปางช้างแม่สา หรือติดต่อสอบถามได้ที่ เบอร์โทร 053-206-247, 053-206-248, 089-838-4242 และ 081-882-3738
นางอัญชลี กล่าวปิดท้ายว่าอยากให้ทุกคนมาช่วยกันดูแลช้าง เพราะปางช้างแม่สาได้รับผลกระทบมากในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทั้งโรคโควิด-19 และอุทกภัยทางธรรมชาติ ถ้าอยากให้ปางช้างแม่สายังคงอยู่ ก็ขอให้มาช่วยกันด้วย
