เชียงใหม่ โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต เชียงใหม่ จัดกิจกรรมถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา (คลิป)

นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้บริหาร โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต จังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรมถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา แสดงความจงรักภักดี


วันนี้(26 กค. 67) ที่ลานกิจกรรม โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรม ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา โดยมีตัวแทนผู้ปกครอง ตัวแทนเด็กนักเรียนอนุบาล ตัวแทนคณะครู และผู้บริหาร โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต ถวายพานพุ่มเงิน ถวายพานพุ่มทอง เบื้องหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โดยมีอาจารย์ ธวัช บุญประเสริฐ และอาจารย์ พรรณี บุญประเสริฐ ผู้จัดการ และผู้อำนวยการ โรงเรียน และผู้รับใบอนุญาต เปิดกรวยดอกไม้ ถวายพระพร และกล่าวคำอาเศียรวาท และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นตัวแทน นักเรียน โรงเรียนอนุบาลดรุรนิมิต ได้รำถวายพระพร และการแสดงชุด พระราชาจอมราชัน เพื่อแสดงออก ถึงความจงรักภักดี ในฐานะพสกนิกรที่เคารพเทิดทูนสถาบัน หลังจากเสร็จกิจกรรมถวายพระพร จากนั้น ทั้งหมดได้ร่วมกัน ทำกิจกรรมจิตอาสา ทำดีด้วยหัวใจ พัฒนาโรงเรียน

เชียงใหม่ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ จัดแถลงข่าวการแข่งขันกอล์ฟหอการค้า “CCC Golf 2024″(คลิป)

หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ จัดแถลงข่าวการแข่งขันกอล์ฟหอการค้า “CCC Golf 2024” จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2567 ณ สนามอัลไพน์กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ โดยมีรางวัล Hole in one เป็นรถยนต์ จาก 4 ค่าย ใหญ่ Toyota Isuzu Nissan และ MG พร้อมรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

วันนี้ 24 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.30 น. ณ Inthanin Coffee อินทนิลคอฟฟี่ บางจาก เชียงใหม่ออยล์ ด้วยหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นองค์กรมิได้มุ่งแสวงหากำไร (Non Profit Organization ) มีหน้าที่ในการส่งเสริมสนับสนุนการประกอบการของสมาชิก ในขณะเดียวกันต้องดำเนินนโยบายและกิจกรรมสาธารณประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัด และของประเทศโดยส่วนรวม จึงได้ กำหนดจัดกิจกรรมการแข่งขันกอล์ฟขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งมาพัฒนาองค์กร เพิ่มขีดความสามารถสมาชิกและผู้ประกอบการฯ ตลอดจนพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถ องค์กรหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกหอการค้าฯ นักกอล์ฟผู้บริหาร จากภาครัฐ และภาคเอกชน อันจะประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของส่วนรวมต่อไป

ซึ่งในปีนี้ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ มีกำหนดจัดการแข่งขันกอล์ฟหอการค้า “CCC Golf 2024” ในวันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2567 ณ สนามอัลไพน์กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ โดยมีรางวัล Hole in one เป็นรถยนต์ จาก 4 ค่าย ใหญ่ Toyota Isuzu Nissan และ MG พร้อมรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

วิธีการและกฎการแข่งขัน ใช้กฎข้อบังคับในการแข่งขันของ R&A ร่วมกับกฎและเงื่อนไขในการแข่งขัน ของแต่ละสนาม (Local Rule) ที่ใช้รูปแบบการแข่งขัน แบบ Stroke Play-Gross Score แข่งขัน 1 วัน 18 หลุม ในกรณีแต้มเสมอกันตัดสินโดย ใช้วิธี Count back จากหลุม 18 ผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้กล้องวัดระยะทางและผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้รถกอล์ฟได้ตลอดการแข่งขัน

การแบ่งแต้มต่อแต่ละ Flight
Flight A: แต้มต่อ 0-12
Flight B: แต้มต่อ 13-18
Flight C: แต้มต่อ 19-24
Flight Lady

รางวัลชนะเลิศ
รางวัลชนะเลิศ ประเภททีม
รางวัลชนะเลิศ ประเภทบุคคลทั่วไป Over all low gross
รางวัลชนะเลิศ ประเภทบุคลทั่วไป Over all low net
ถ้วยรางวัล Fight
Flight A รางวัลชนะเลิศ
Flight A รางวัลรองชนะเลิศ
Flight B รางวัลชนะเลิศ
Flight B รางวัลรองชนะเลิศ
Flight C รางวัลชนะเลิศ
Flight C รางวัลรองชนะเลิศ
Flight Lady รางวัลชนะเลิศ
Flight Lady รางวัลรองชนะเลิศ
ถ้วยรางวัลบูบี้
รางวัลพิเศษ ตีใกล้ธง PAR 3
รางวัลพิเศษ ตีไกลใน แฟร์เวย์ PAR 5

เชียงใหม่ สว.เชียงใหม่ พร้อมทำงานกับประชาชน เน้น “เชียงใหม่มหานคร” จัดการตัวเอง เลือกตั้งผู้ว่าฯ(คลิป)

สว.เชียงใหม่ พร้อมทำงานกับประชาชน เน้น “เชียงใหม่มหานคร” จัดการตัวเอง เลือกตั้งผู้ว่าฯ

เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 23 ก.ค.2567 นายประหยัด จตุพรพิทักษ์กุล สว.เชียงใหม่ อันดับ 10 กลุ่ม 17 เดินทางกลับหลังการเลือกตั้งประธานสมาชิกวุฒิสสภา (ประธาน สว.)ที่กรุงเทพมหานคร เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีนายสุรศักดิ์ เวียนทอง ผู้ช่วย สว.เชียงใหม่ และนายบัญชา ทากาศ ว่าที่ผู้ช่วย สว.เชียงใหม่อีกท่านหนึ่ง และนายดี จันทคลักษณ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนผลิตอาหารสัตว์(ส่งไนท์ซาฟารี) และนายประทุม เกิดนพคุณ ศิลปินดีเด่นภาคเหนือ เดินทางมาต้อนรับ

นายประหยัด สว.เชียงใหม่ กล่าวว่า การเลือกประธาน สว.เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ที่น่าประทับใจคือ สว. 200 ท่าน จาก 20 กลุ่มอาชีพ ร่วมทั้งประธานและรองประธานทุกๆท่าน ที่ตนได้เห็นการแสดงวิสัยทัศย์มีจุดยืนชัดเจน มีเป้าหมายเดียวกันที่จะตั้งใจทำหน้าที่เพื่อชาติและเพื่อประชาชน จะทำงานร่วมกันเพื่อเป็นความหวังของประเทศชาติ

“ผมในฐานะ สว.อิสระ มาจากภาคประชาชนและประชาสัมคม มีโอกาศพบและพูดคุยกับ ท่านวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล สว.เชียงใหม่อีกท่านหนึ่งแล้ว ก็จะทำงานร่วมกัน และขอทำงานร่วมกับทาง สว.ท่านอื่นๆ ร่วมทั้่ง สส.และพรรคการเมืองอื่นๆ โดยมีผู้ช่วยทั้ง 8 ท่านร่วมทำงานประสานงานร่วมกันเพื่อพี่น้องประชาชน“

นายประหยัด สว.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า การเข้าไปทำหน้าที่คัดกรองกฎหมาย สนับสนุนกฎหมายภาคประชาชน จะผลักดันกฎหมายการปกครองพิเศษ พรบ.เชียงใหม่มหานคร ที่ทำมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2518 และยกร่างแล้วในปี พ.ศ.2554 ก่อนรัฐประหาร และ 22 พฤษภาคม 2567 ได้เสนอไปที่สภาฯแล้วเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย และอยู่ในช่วงล่ารายชื่อหนึ่งหมื่นรายชื่ออยู่

“ผมขอเข้าไปทำหน้าที่ในคณะกรรมมาธิการ 2 คณะ คือ กรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น และกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหา pm 2.5 ที่ไม่เพียงกระทบกับสุขภาพชาวเชียงใหม่เท่านั้น ยังกระทบกับชีวิตผู้คนภาคเหนือทั้งหมดอีกด้วย“

“ภาระงานที่ต้องทำเร่งด่วน เน้นเรื่อง ”เชียงใหม่มหานคร“ จากที่ภาษีของประชาชน 70% ส่งเข้าส่วนกลาง ต้องกลับกัน ให้ภาษี 70%นั้น ต้องบริหารจัดการกันเองใน จ.เชียงใหม่ เพื่อนำมาดูแลท้องถิ่นจัดงบประมาณดูแลเรื่องสาธารณะประโยชน์ด้านต่างๆ เป็นต้น และจะให้มีสภาพลเมือง มีตัวแทนภาคประชาชน ใช้สิทธิ์ใช้เสียงขอคำปรึกษาจากชาวเชียงใหม่ ช่วยกันกำกับดูแลเพื่อชาวเชียงใหม่ด้วยกันเอง ต้องการให้เชียงใหม่เป็นจังหวัดนำร่อง“

นายประหยัด สว.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ช่วย สว.วันนี้ ว่าที่ผู้ช่วย 2 ท่านมาต้อนรับ คือนายสุรศักดิ์ เวียนทอง และนายบัญชา ทากาศ เป็นคนพื้นที่บ้านแม่เหียะ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แล้วยังมี นายสมศักดิ์ คณาคำ อดีตปลัดจังหวัดเชียงใหม่ และนักวิชาการท่านอื่นๆอีก รวม 8 ท่านดังกล่าวและจะแถลงข่าวเปิดตัวเร็วๆนี้ ทุกๆ ท่านจะช่วยประสานงานทำงานด้านต่างๆ ร่วมกัน อย่างไรก็ตามการทำงานก็จะพบปะชาวบ้านให้มากที่สุดเดือนละ 1 ครั้งในการเปิดประชุมสภากาแฟหรือมีกิจกรรมใดๆ ในชุมชนก็จะเข้าพบปะ หรือร่วมปรึกษาหารือกันอย่างน้อยๆ เดือน ละ 1 ครั้ง หรือ 2 เดือนครั้งอีกด้วย นายประหยัด จตุพรพิทักษ์กุล สว.เชียงใหม่กล่าว

เชียงใหม่ ผู้เฒ่าถูกฮุบที่ดินในอำเภอสันป่าตอง เดินหน้าตามคดียันจะสู้ทั้งอาญาและแพ่งให้ถึงที่สุด

ผู้เฒ่าถูกฮุบที่ดินในอำเภอสันป่าตอง เดินหน้าตามคดียันจะสู้ทั้งอาญาและแพ่งให้ถึงที่สุด

กรณีนายสมบุญ กิจเศรณี อายุ 76 ปีจ้าของที่ดินติดฟาร์มไก่ ต.มะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ที่ถูกนายทุนใหญ่เจ้าของฟาร์มเลี้ยงไก่เข้าฮุบที่ดินมีโฉนดและการเสียภาษีที่ดินมาตลอด โดยเจ้าของฟาร์มไก่บุกเข้ายึดเอาที่ดินไป จำนวน 3 ไร่ 94 ตารางวา ตัดต้นลำไยกว่า 200 ต้นและต้น มะม่วงพร้อมทั้งทำการถมบ่อปลา มีมูลค่าความเสียหาย ร่วม 20 ล้านบาท โดยฝ่ายฮุบที่ดินอ้างครอบครองปรปักษ์ 11 ปีแล้ว และไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น จนทางนายสมบุญ แจ้งความตำรวจดำเนินคดีพร้อมแจ้งศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่และยุติธรรมเชียงใหม่ เข้าช่วยเหลืออีกทางโดยมีหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศและโฉนดที่ดินครุฑแดงพร้อมทั้งใบเสียภาษีทุกปียืนยันความถูกต้องตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น


ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 ก.ค.นี้ นายสมบุญ กิจเศรณี พร้อมญาติ ได้เดินทางมาติดตามคดีถูกฟาร์มไก่ฮุบที่ดิน ซึ่งทางเพนักงานสอบสวน สภ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่บริษัมฟาร์ไก่และกรรมการผู้บริหารมีทั้งหมด 4 คนความผิดฐานร่วมกันบุกรุกและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์รวมถึงความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี
โดยทางนายสมบุญได้เข้าพบกับทาง ร.ต.อ.นันทวัฒน์ ปานเนาว์ พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี เพื่อขอความคืบหน้าในคดีและขอให้มีการเร่งรัดคดีให้ด้วยโดยอ้างว่าได้แจ้งความไว้เป็นเวลานานแล้ว

หลังจากที่ได้เข้าไปพูดคุยกับทางพนักงานสอบสวนแล้ว นายสมบุญ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงการมาติดตามเร่งรัดคดีว่าตนได้เข้าพบกับ ร.ต.อ.นันทวัฒน์ ปานเนาว์ พนักงานสอบสวน เพื่อขอทราบว่าคดีนี้ได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ทาง พนักงานสอบสวนว่าในขณะนี้ได้สอบสวนแล้วจะส่งสำนวนไปให้ทางอัยการเพื่อตรวจสำนวนก็ขอให้รอไปก่อน ซึ่งตนก็คงให้เวลาตำรวจได้ทำงานไปตามขั้นตอนอย่างเต็มที่ ตนก็ต้องขอขอบคุณทางตำรวจ และหน่วยงานต่างๆรวมทั้งสื่อมวลชนที่เข้ามาช่วยเหลือตน ตนต้องการความยุติธรรมความเป็นธรรมถึงต้องร้องเรียนถึง ผู้ว่าฯเชียงใหม่และยุติธรรมเชียงใหม่ บ้านเมืองนี้ต้องมีความยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามเน้นย้ำว่าทางฝ่ายฟาร์มไก่มีการติดต่อเข้ามาบ้างหรือไม่ นายสมบุญ ตอบว่าให้ตำรวจเป็นพยานเลย ตนให้โอกาสเขามาโดยตลอดตำรวจที่สอบสวนก็ทราบดีตนให้โอกาสเขามาตลอด ตนรอเขามาพูดคุยถึง 8 ครั้งมีเพียงครั้งเดียวที่ทนายเขามารับเรื่องและจะนำไปแจ้งให้เขาทราบแต่เรื่องก็เงียบหายไป ทั้งๆที่เขาครอบครองที่ดินตนซึ่งเป็นโฉนดครุฑสีแดงชัดเจน จนตนต้องมาเรียกร้องความยุุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามนายสมบุญ ว่าในเรื่องการดำเนินการจะให้เขาชดใช้ค่าเสียหายอย่างไรบ้าง นายสมบุญ ตอบว่าตนกับเขายังไม่เคยเจอและรู้จักกันเลย ก็น่าจะมาเจรจากันก่อน ที่ผ่านมาเจอทนายเขาอยู่ครั้งเดียว ซึ่งตนก็แสดงหลักฐานทั้งหมดในการเป็นเจ้าของที่ดินให้เขาไปแล้ว เขาก็รับทราบต่อหน้าตำรวจและจะนำไปเสนอเรื่องก็เงียบไป ส่วนเรื่องที่ต้องเรียกค่าเสียหายในที่ดินถึง 18 ล้านบาท ก็เพราะว่าตนได้คิดเป็นมูลค่าความเสียเป็นอย่างๆไปตนไม่ได้เหมารวม ราคาที่ดินยังไม่ทราบว่าเท่าไหร่เพราะตอนนี้ยังไม่มีการเข้ารังวัดว่าที่ดินอยู่ตรงไหนแล้วเป็นอย่างไรส่วนบ่อปลาที่เลี้ยงไว้เป็นเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ ต้นลำไยที่มีผลผลิตแล้วมากกว่า 100 ต้น ต้นมะม่วงอีก บ่อปลาถูกถมและต้นลำไยมะม่วงถูกตัดทำลายหมด ตามที่ตนเห็นจากภาพถ่ายทางอากาศตอนนี้ไม่เหลืออะไรเลย และจะมาบอกว่าครอบครองปรปักษ์มา 11 ปี มันเป็นไปไม่ได้ หากเขาครอบครองจริงทำไมตนจะต้องเสียภาษีให้กับกรมที่ดินทำไม ตนได้ขอรังวัดมาตลอดไม่ใช่ไม่ขอ แต่มันเข้าไปไม่ได้เพราะเขาล้อมรั้วไว้ ตนจึงต้องมาแจ้งความตำรวจเพื่อขอความยุติธรรม เขาจะบอกครอบครองปรปักษ์ได้อย่างไรขอให้ใช้ข้อเท็จจริงพิสูจน์ เรื่องนี้ตนจะสู้ทั้งคดีอาญาและทางแพ่งอย่างถึงที่สุด.

ลำพูน อ.ไพศาล แสงไชย ผู้แก้กรรม ให้ “เมฆ วินัย ไกรบุตร” ร้องสื่อฯ โวยที่ดินซื้อมาต้นปี กว่า 10 ไร่ เหลือประมาณ 9 ไร่ หายไป 2 งาน 70 ตรว.(คลิป)

อ.ไพศาล แสงไชย ผู้แก้กรรม ให้ “เมฆ วินัย ไกรบุตร” ร้องสื่อฯ โวยที่ดินซื้อมาต้นปี กว่า 10 ไร่ เหลือประมาณ 9 ไร่ หายไป 2 งาน 70 ตรว. ตั้งข้อสงศัย หลักหมุดโฉนดถูกย้าย หดหาย กลายเป็นถนนได้อย่างไร.?

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2567 “อาจารย์ไพศาล แสนไชย” อาจารย์ชื่อดังเมืองลำพูน เป็นผู้ระลึกชาติได้ มีนิมิตพิศวง ผู้เคยทำพิธีแก้กรรมให้ “เมฆ วินัย ไกรบุตร“ บ้านอยู่ หมู่ 2 บ้านปากบ่อง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน

อาจารย์ไพศาล ได้ร้องเรียนสื่อมวลชนกรณีปัญหาที่ดินของตัวเอง ซื้อมาจำนวน 10 ไร่ 3 งาน 35.3 ตารางวา มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท วันนี้ตรวจสอบที่ดินได้หายไป 2 งาน 70 ตารางวา เหลือ 9 ไร่ 2 งาน ที่ดินที่หายกลายเป็นถนนไปแล้ว

อาจารย์ไพศาล บอกเล่าให้ฟังว่า ต้นปีเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2567 ตนได้ซื้อที่ดินของชาวบ้านรายหนึ่ง มูลค่ากว่า 1 ล้านบาทพร้อมโอนกันเรียบร้อย เดิมเป็นที่ทำไร่ทำสวน อยู่นอกหมู่บ้านที่ตนอยู่ปัจจุบันนี้ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร

“ตามเอกสารโฉนดที่ดิน ระบุชัดเจน ว่า มีพื้นที่รวม จำนวน 10 ไร่ 3 งาน 35.3 ตารางวา เอกสารระบุชัดอีกว่า หมุดที่ดินเลข 3733 แบ่งแนวเขตกับที่ดินแปลงใกล้เคียง หมุดปักอยู่ติดลำเหมือง ระหว่างแบ่งเขตที่ดินตน กับที่ดินไกล้เคียงเพียงรายเดียว(อยู่ด้านหลัง)

ส่วนที่ดินใกล้เคียงอีกรายด้านหน้า มีถนนเทศบาลป่าซาง(เทศบาลปากบ่อง) (ที่ยุบรวม บริหารร่วมกัน) ถนนเทปูนจะอยู่ตรงกลาง และสิ้นสุดถนนเทปูนลงในจุดกากบาท ในที่ดินของตนกับที่ดินตรงข้ามถนนของตนที่อยู่ด้านหน้าดังกล่าวเท่านั้น ก่อนนั้นจะไม่มีถนนไปหาที่ดินอีกแปลงหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง แต่มีถนนลูกรังต่อไปข้างหลังอีกหลายเมตร

“ที่ไปตรวจสอบที่ดิน เพื่อจะใช้ประโยชน์ พบว่า หมุดที่ดินหมายเลข 3733 ได้ถูกย้ายจากเดิมที่ติดลำเหมือง ได้ถูกย้ายเข้ามาในที่ดินของผม ถนนทางลูกรัง ความกว้างประมาณ 6 เมตร ความยาวอีกหลายเมตร ทำให้เหลือที่ดิน จากเดิม กว่า 10 ไร่ เหลือเพียงกว่า 9 ไร่ดังกล่าว ที่ดินได้หายไปแล้ว และได้ถนนมาแทน“ อาจารย์ไพศาล กล่าว

อาจารย์ไพศาล กล่าวถึงปัญหานี้ ว่า “ผมกับลูกศิษย์ แจ้งไปที่สำนักงานที่ดินป่าซางเรียบร้อยแล้ว ได้รับคำตอบที่ไม่พึงพอใจ มีเจ้าหน้าที่รังวัดคนหนึ่ง บอกว่า ขอให้ยกเลิกหนังสือคำขอ เพราะตรวจสอบไม่ได้แล้ว หากเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบก็จะได้ที่ดินเท่าเดิม“

อาจารย์ไพศาล บอกอีกว่า ตนเห็นว่าไม่ถูกต้อง เมื่อร้องขอให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรงไม่สามารถแก้ไขให้ตนได้ ตนจึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินให้ชาวบ้าน ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอให้ได้รับทราบปัญหาของตนด้วย

“ผมเพียงต้องการให้เจ้าหน้าที่ที่ดิน นำเครื่องมือมารังวัดใหม่ ให้ตรงตามแผนที่ดาวเทียม เมื่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทำให้ไม่ได้ ก็จะร้องขอเจ้าหน้าที่รังวัดจากส่วนกลาง ขอลงมาทำหน้าที่ต่อไป และร้องเรียนสื่อมวลชนให้เป็นกระบอกเสียงเผยแพร่ข่าวช่วยอีกทางหนึ่ง อาจารย์ไพศาล กล่าวทิ้งท้าย.

เชียงใหม่ ชาวบ้านบ้านทุ่งข้าวตอกใหม่ กว่า 300 หลังคาเรือนร้องขอ “สร้างวัด” เพื่อปฏิบัติ​ศาสนกิจ หลังมีผู้ร้องเรียนคัดค้าน(คลิป)

ชาวบ้านบ้านทุ่งข้าวตอกใหม่ กว่า 300 หลังคาเรือนร้องขอ “สร้างวัด” เพื่อปฏิบัติ​ศาสนกิจ หลังมีผู้ร้องเรียนคัดค้าน

วันนี้(20 กค.67) ที่สำนักปฏิบัติธรรมร่มธรรมเด่นชัยมงคล หมู่ที่ 8 บ้านทุ่งข้าวตอกใหม่ ต.หนองแหย่ง อ.สันทราย ​จ.เชียงใหม่​ ได้มีนายเสน่ห์ วิริยา ตัวแทนกลุ่มพุทธศาสนิกชน ชาวบ้านหมู่ที่ 8 บ้านทุ่งข้าวตอกใหม่ พร้อมด้วยชาวบ้าน กว่า 200 คน รวมตัวกันชูป้ายเรียกร้อง ขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องลงมาช่วยเหลือ พร้อมสนับสนุน กรณีกลุ่มชาวบ้านเสนอให้สำนักปฏิบัติธรรมร่มธรรมเด่นชัยมงคลแห่งนี้เป็น “วัด” เพื่อใช้ เป็นสาธารณะประโยชน์ และประกอบกิจกรรมศาสนกิจ ทางพระพุทธศาสนา

นายเสน่ห์ วิริยา เปิดเผยว่า สถานที่แห่งนี้เดิมทีเคยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนบ้านร้องเม็ง หรือ สถานีอนามัยตำบลหนองแหย่งเดิม ได้ขอใช้พื้นที่สาธารณะประโยชน์ ที่อยู่ในความดูแลรักษา จำนวน 1 แปลง เพื่อจะนำมาก่อสร้างเป็นสถานีอนามัย ต.หนองแหย่ง พื้นที่ 6 ไร่ 61 ตารางวา ได้รับอนุญาตให้ดูแลรับผิดชอบมาตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2542 แต่ข้อเท็จจริง สถานีอนามัยไม่ได้เข้าใช้ประโยชน์ ได้ปล่อยทิ้งไว้ ผ่านมายี่สิบกว่าปี ไม่มีมีผู้ดูแล และชาวบ้านหมู่ที่ 8 เป็นหมู่บ้านใหม่ ที่แยกมาจากทุ่งขาวตอก หมู่ที่ 4 ตำบลหนองแหย่ง เดิม เมื่อปี 2523 เนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น เมื่อแยกหมู่บ้านจัดตั้งขึ้นมาใหม่ ชาวบ้านไม่มีที่สาธารณะที่ส่วนกลางสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ในบางปีได้รับจัดสรรงบประมาณมาจากทางหน่วยงานราชการหรือเป็นเงินบริจาคจากชาวบ้านรวบรวมเงินกันเอง ก็ได้ก่อสร้างอาคารต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์ส่วนรวม ร่วมกัน ในที่ดินแปลงดังกล่าวได้แก่ หอถังน้ำประปาหมู่บ้าน 2 แห่ง ก่อสร้างจากงบประมาณ กรมทรัพยากรน้ำ และงบประมาณของเทศบาลตำบลหนองแหย่ง มอบให้หมู่บ้านบริหารจัดการ ให้บริการน้ำประปาแก่ราษฎร จัดสร้างโรงน้ำดื่มของหมู่บ้านขึ้น มอบให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ เก็บค่าเช่าให้กับทางหมู่บ้าน, สร้างอาคารศูนย์การศึกษานอกโรงเป็นประจำตำบลหนองแหย่ง (เดิมเป็นอาคารศูนย์เด็กเล็กที่ชาวบ้านสร้างขึ้น ประมาณ ปี พ.ศ. 2530 ต่อมา กศน. มาขอใช้ จนถึงปัจจุบัน) สร้างอาคารศาลาเก็บของ ของหมู่บ้าน, สร้างอาคารศาลาเอนกประสงค์ของหมู่บ้านโดยใช้งบประมาณ SME ของหมู่บ้าน ใช้เป็นศาลาประชาคม ใช้เป็นสถานที่ประชุมของหมู่บ้าน และบางครั้ง ใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศลศพ กรณีคนในหมู่บ้านเสียชีวิตลง เป็นต้น

นายเสน่ห์ วิริยา กล่าวต่ออีกว่า การก่อสร้างอาคารสำนักปฎิธรรม แทบจะถาวร ล้วนแต่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชาวบ้านหมู่ที่ 8 ทั้งหมดที่ชาวบ้านร่วมกันบริจาคเงิน เพื่อก่อสร้างเป็นศาลาเอนกประสงค์ ก่อสร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของชาวบ้าน จากเงินบริจาค เพื่อให้ใช้ประโยชน์ในทางพระพุทธศาสนา “สำนักสงฆ์” เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านจิตใจ และด้านสุขภาพจิต สุขภาพกาย ของคนในชุมชนเพื่อยึดเหนียวจิใจของชาวพุทธ

ทั้งนี้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2563 ชาวบ้านได้ขอใช้ที่ราชพัสดุเพื่อสร้างศาลาสถานปฏิบัติธรรม และทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ของชุมชมชนหมู่ 8 และชุมชนหมู่บ้านอื่นๆ โดยเนื้อหาของกิจกรรมนั้นจะเน้นในเรื่องของผู้ป่วยพักฟื้น ดูแลผู้สูงอายุ เป็นสถานปฏิบัติธรรมของผู้สูงอายุและประชาชนทั่วไป โดยมติที่ประชาคมมีการเห็นด้วยในการสร้างบนสถานที่แห่งนี้ เนื่องจากในการประชุม มีการ รับรู้รับทราบมาโดยตลอด และมีการขออนุญาติ ดำเนินการขอให้ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนช่วยทำโครงการและแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งชาวบ้านทุกคนที่เข้าร่วมประชุม ต่างมีความปิติยินดี ที่หมู่บ้านจะได้มีสถานที่ทำกิจกรรม ส่วนกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ในที่ประชุม ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ได้มีมติเห็นสมควรที่จะได้นิมนต์ พระวิชัย ชัยมังคโล พระสงฆ์ ผู้ที่มีผลงานดีเด่นด้านการพัฒนาชุมชน จนได้รับปริญญามหาบัณฑิตฑิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สาขาขาพัฒนาชุมชน และเป็นประธานกองทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลสันทราย สร้างศูนย์ผู้ป่วยอัมพฤตอัมพาตวัดหัวยเกี๋ยงฯลฯ ได้มาเป็นผู้นำในการก่อสร้างศาลาเอกนกประสงค์ดังกล่าว
โดยทาง พระวิชัย ชัยมังคโล ที่ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับส่วนรวมและสังคม ที่สำคัญที่สุดคือ แรงงานที่ก่อสร้างล้วนแต่เป็นชาวบ้านได้ช่วยกันทั้งสิ้น และ สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ มีผู้สูงอายุในชุมชน บ้านทุ่งข้าวตอกใหม่ หมู่ที่ 8 และใกล้เคียง ได้มาสวดมนต์ ปฏิบัติธรรรม ณ ศาลาแห่งนี้ทุกค่ำคืน รวมทั้ง พระวิชัย ชัยมังคโล ได้ เทศนาธรรม อบรมหลักธรรม การดำรงชีวิต ให้กับพุทธศาสนิกชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดมา


และสำนักปฏิบัติธรรมร่มธรรมเด่นชัยมงคล หมู่ที่ 8 บ้านทุ่งข้าวตอกใหม่ แห่งนี้ได้มีผู้หลักผู้ใหญ่ ได้เข้ามาเยี่ยมชม และมาร่วมทำบุญ มาร่วมทำกิจกรรม กับพี่น้องชาวบ้าน สร้างความสุข ความภาคภูมิใจมาสู่ชุมชนฯลฯ อาทิเช่น ท่านอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, ท่านอธิบดี,ผู้พิพากษาศาลแรงงาน ภาค 1, นายอำเภอสันทราย, ท่านอดีตสาธารณสุขอำเภอสันทราย ได้เข้ามาดูแลและใช้สถานที่แห่งนี้อีกด้วย
ทั้งนี้ปัจจุบัน หน่วยงานที่ขอใช้พื้นที่เดิม คือ สถานีอนามัยตำบลหนองแหย่ง หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนร้องเม็ง ( ปัจจุบัน ) ได้ส่งคืนพื้นที่ดังกล่าวให้กับกรมธนารักษ์​เชียงใหม่ ​เนื่อง​จากไม่ได้ก่อสร้างอาคารตามวัตถุประสงค์การขอใช้ที่ดินครั้งแรก และไม่ได้เข้าใช้ประโยชน์ดังกล่าวตลอดมา

และเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 นายเสน่ห์ วิริยา ในฐานะตัวแทนของชาวบ้าน ได้ยื่นรายงานขอใช้ที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดิน ราชพัสดุ ที่อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง บ้านทุ่งข้าวตอกใหม่ แปลงนี้ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอสร้างเป็นวัด ศาสนสถานทางพระพุทธศาสนา โดยมีนายสมบูรณ์ คิดจักร ผู้ใหญ่บ้าน ให้การรับรอง นายดวงเลิศ กาวิละ คณะกรรมการฯ ให้การรับรอง และ นายสมบูรณ์ มุ้ยแบ่ง คณะกรรมการฯ ให้การรับรอง ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการและในการขอใช้พื้นที่แปลงดังกล่าวเพื่อก่อสร้าง “วัด” หรือ “สถานปฏิบัติธรรม” ได้เสนอผ่านความเห็นชอบจากผู้เกี่ยวข้องต่างๆ โดยได้เสนอความเห็นชอบแก่เจ้าคณะตำบลหนองแหย่ง ท่านพระครูโกวิทย์ ธรรมโส เสนอความเห็นชอบต่อท่านพระครูโกศล ธรรมวิจัย เจ้าคณะอำเภอสันทราย เสนอความเห็นชอบ นายศิวะ ธมิกานนท์ นายอำเภอสันทราย ในขณะนั้น โดยนายอำเภอลงความเห็นไม่มีเหตุข้ดข้อง ตามพ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ืและเป็นการส่งเสริม
พระพุทธศาสนา” และเสนอความเห็นชอบต่อพระเทพปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ โดยเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่เห็นสมควร และยังได้มีคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายได้เป็นสำนักปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นสถานที่สงบสัปปายะ เหมาะสมกับการให้เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่งจึงมอบหมายให้เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมเพื่ออบรมกรรมฐานแก่อุบาสิกอุบาสิกา และสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาต่อไป โดยให้ไว้ ณ วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

นายเสน่ห์ วิริยา กล่าวว่า การร้องขอใช้พื้นที่แห่งนี้ในการสร้างวัด ไม่ได้ดำเนินการโดยพละการ ได้มีการปรึกษาหารือ ขอคำแนะนำ ขออนุญาต จากทุกๆฝ่ายมาโดยตลอด มีการประชุม ประชาคมหมู่บ้าน แต่มีฝ่ายที่ร้องเรียนคัดค้านไม่เห็นความสำคัญของการสร้างวัด เพื่อสาธาณะประโยชน์ของคนในชุมชน
“แต่มีการร้องเรียนไป ทุกหน่วยงาน มีการขัดขวางไม่ให้มีการสร้างวัดขึ้นในที่ดินผืนนี้ ทั้งๆ ที่มีมติเป็นเอกฉันท์​จากการประชุมประชาคมของชาวบ้าน “

ในวันนี้จึงรวมัวกันเพื่อร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และร้องขอให้ทางเทศบาลตำบลหนองแหย่ง ช่วยนำเรื่องนี้เข้าประชุมสภาเพื่อผลักดัน ให้สถานที่แห่งนี้ เป็นที่สาธารณประโยชน์ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เพื่อช่วยสนับสนุนให้ชาวบ้านหมู่ที่ 8 บ้านทุ่งข้าวตอกใหม่ ต.ทุ่งข้าวตอก อ.สันทราย ​จ.เชียงใหม่​ ได้มี “วัด” หรือ “สถานที่ปฏิบัติธรรม” เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจ มีสถานที่ทำกิจกรรม ทางศาสนา และเป็นสถานที่สาธารณะประโยชน์ในหมู่บ้านทุ่งข้าวตอกใหม่ หมู่ 8 ตำบลหนองแหย่ง อำเภอสนทราย จังหวัดเชียงใหม่ ต่อไป.

เชียงใหม่ ฉก.สิงหนาท กกล.นเรศวร ร่วมกับ จนท.ฝ่ายปกครอง อ.ปาย , จนท.ตร.สภ.ปาย และร้อย ตำรวจตระเวนชายแดน 336 ยึดยาบ้า 6 ล้านเม็ด พื้นที่ อ.ปาย จว.ม.ส.

ฉก.สิงหนาท กกล.นเรศวร ร่วมกับ จนท.ฝ่ายปกครอง อ.ปาย , จนท.ตร.สภ.ปาย และร้อย ตำรวจตระเวนชายแดน 336 ยึดยาบ้า 6 ล้านเม็ด พื้นที่ อ.ปาย จว.ม.ส.


พลเอกนฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตั้นและเคมีภัณท์ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตั้นและเคมีภัณท์ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 ร่วมกับหน่วยทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองเพิ่มมาตรการในการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชานแดน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ทำให้กลุ่มขบวนการพยายามขนยาเสพติดเข้าประเทศตามชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดตาก ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พยายามใช้กำลังกดดันทุกช่องทาง ประกอบกับการลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่แนวชายแดนอำเภอแม่สอด และอำเภอพบพระ จังหวัดตาก และ อ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นอำเภอที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล โดยพร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่

ล่าสุด เมื่อ 19 ก.ค. 67 เวลา 1300 หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท กองกำลังนเรศวร โดย กองร้อยทหารราบ ที่ 723 ร่วมกับ จนท.ฝ่ายปกครอง อ.ปาย , จนท.ตร.สภ.ปาย และร้อย ตชด.336 ร่วมกับจุดชุดลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณ บ.น้ำปลามุง ม.9 ต.แม่นาเติง อ.ปาย จว.ม.ส.
ผลการปฏิบัติ ตรวจพบ กระสอบดัดแปลง จำนวน 31 เป้ ภายในบรรจุยาบ้า รวมประมาณ 5 – 6 ล้านเม็ด

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตั้นและเคมีภัณท์ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 กล่าวว่า ขณะนี้ทุกหน่วยได้จัดกำลังปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะช่วงหยุดยาวที่มักจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่ภาคเหนือจำนวนมาก จึงต้องเพิ่มกำลังในการสกัดกั้นเต็มรูปแบบ ตลอด 24 ชั่วโมงโดยเฉพาะด้าน อ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อ.แม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดกั้นในพื้นที่พิเศษระหว่างแต่ละอำเภอ รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ได้ช่วยสอดส่องบุคคลที่เข้ามาในพื้นที่ของตนเองหากพบความผิดปกติสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้

เชียงใหม่ ชาวบ้านและกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมทำบุญเนื่องในวันเข้าพรรษาที่ม่อนพญานาคราช(คลิป)

ศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนพญานาคราช อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้านและกลุ่มชาติพันธุ์หลายชนเผ่าในจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมทำบุญถวายเทียนพรรษา ถวายผ้าไตร และสืบชะตาเสริมดวง พร้อมอัญเชิญพระพุทธชินราชองค์ใหญ่ หน้าตักกว่า 59 นิ้ว เตรียมนำประดิษฐานที่พระมหาเจดีย์ภูริทัตตนาคราชที่มึความสูงกว่า 10 ชั้น

วันนี้(19 กค.67) ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนพญานาคราช อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศทำบุญช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ซึ่งมีคณะศรัทธา ชาวบ้านและกลุ่มชาติติพันธุ์หลายชนเผ่า เดินมาร่วมทำบุญจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์หลายชนเผ่า ต่างแต่งกายสวมเสื้อผ้าหลากสีสวยงามทั้งชายหญิง มาร่วมทำบุญถวายเทียนพรรษา ถวายผ้าไตร และสืบชะตาเสริมดวง ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ธรรมสถานม่อนพญานาคราช ซึ่งวันนี้ถือว่า เป็นงานวันพระใหญ่ โดยมีครูบาชัยประสิทธิ์ภิกขุ เจ้าสำนักธรรมสถานม่อนพญานาคราช เป็นผู้ทำพิธี

โดยบรรยากาศเช้านี้มีการอัญเชิญพระพุทธชินราชองค์ใหญ่ หน้าตักกว่า 59 นิ้วซึ่งมีผู้จิตศรัทธานำมาถวายซึ่งเป็นพระพุทธรูปสีขาวไข่มุก เพื่อเตรียมนำประดิษฐานที่พระมหาเจดีย์ภูริทัตตนาคราชที่มีความสูงกว่า 10 ชั้น ในโอกาสต่อไป โดยมีพี่น้องชาติติพันธ์หลากหลายชนเผ่า และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมกันยก แห่รอบพระมหาเจดีย์ภูริทัตตนาคราช สร้างความสนุกสนานครื้นเครง โดยเฉพาะ สีสันในงานนี้ กลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่าต่างๆ แต่งชุดหลากสีสวยงามโดยเฉพาะพี่น้อง ไตไทยใหญ่และกลุ่มชนเผ่า บะโฮ ซึ่งมีการแต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่านั้นๆ สร้างสีสันในงานไม่น้อย และหลังจากแห่พระพุทธชินราชองค์ใหญ่ เสร็จแล้ว ก็จะมีการถวาย เทียนพรรษาพร้อม ผ้าไตร จำนวน 99 ไต ถวายแก่พระสงฆ์ เสร็จพิธีมีการสืบชะตา เสริมดวง ให้กับผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้

 

เชียงใหม่ “ดีพร้อม” เร่งยกระดับอุตสาหกรรมสีเขียวในพื้นที่ภาคเหนือดันโปรเจกต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่ออุตสาหกรรมที่ยั่งยืน(คลิป)

“ดีพร้อม” เร่งยกระดับอุตสาหกรรมสีเขียวในพื้นที่ภาคเหนือดันโปรเจกต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่ออุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งเดินหน้า ขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมสีเขียวให้ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา ผ่านกลไก 3 ด้าน คือ 1) Green Productivity 2) Green Marketing และ 3) Green Finance เพื่อผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมคำนึงถึงความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีนายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และนายวัชรุน จุ้ยจำลอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกันเปิดตัวงาน Moving Green Forward ”ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา” #LANNA มาปลุกพลัง ปลดล็อค ก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ สู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ และการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมด้วยคุณท๊อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนและผู้ก่อตั้ง Platform ECOLIFE พูดถึง Moving Green Forward ก้าวต่อไป เพื่อสร้างโอกาสจุดประกายสู่อุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ที่โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่

โดยโปรเจกต์กรีนต่าง ๆ ได้แก่ 1) เชียงใหม่เมืองคาร์บอนต่ำ 2) การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 3) Let’s plant meat 4) การนำกลับมาใช้ใหม่อย่างสร้างสรรค์ และ 5) กลุ่มถิ่นนิยม ผ่านการจัดกิจกรรม “Moving Green Forward ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา” มุ่งการใช้นวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์จากความหลากหลายทางชีวภาพ และการใช้ประโยชน์จากของเสียด้วยกระบวนการอัพไซเคิล โดยตั้งเป้ายกระดับผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือกว่า 450 ราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 273 ล้านบาท


นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับกาเปลี่ยนแปลงในหลายมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดความเสี่ยงและความผันผวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้เกิดปรากฏการณ์ภาวะโลกเดือด ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นจนเกินสมดุล ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญพร้อมทั้งมองเห็นโอกาสและความท้าทายต่าง ๆ ให้กับภาคอุตสาหกรรมที่จะสามารถเติบโตทางเศรษฐกิจและตอบโจทย์ตลาดโลกได้อย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การบริหารงานของนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกกรม จึงสั่งการให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งเดินหน้าผลักดันให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทย ผ่านกลไก 3 ด้าน คือ 1) Green Productivity 2) Green Marketing และ 3) Green Finance ขานรับการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวไปข้างหน้าเพื่ออุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

นายภาสกร กล่าวต่อว่า ทิศทางการขับเคลื่อนทั้ง 3 ด้าน สอดรับกับการดำเนินงานของดีพร้อมที่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการทุกระดับให้สามารถปรับตัวได้เท่าทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ภายใต้นโยบาย “RESHAPE THE FUTURE : โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต” ผ่านกลยุทธ์การปรับตัวให้ก้าวทันอุตสาหกรรมยุคใหม่ (RESHAPE THE INDUSTRY) การสร้างการเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรมสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนผ่าน โครงการยกระดับธุรกิจ SME ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่มุ่งส่งเสริมการใช้นวัตกรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจากความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการ การใช้ทรัพยากร และการหมุนเวียนวัสดุกลับมาใช้ใหม่ให้ได้มากที่สุด


สำหรับกิจกรรม “Moving Green Forward ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา” ในพื้นที่ภาคเหนือในวันนี้ เป็นกิจกรรมที่ช่วยเร่งสร้างการรับรู้ให้ภาคอุตสาหกรรมได้ตระหนักและให้ความสำคัญ ในการลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคเหนือเกิดความตระหนักเห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนสามารถนำไปต่อยอดให้เกิดเป็น Moving Green Career สร้างโปรเจกต์กรีน ดีต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเพิ่มรายได้ จากแนวคิดความสำเร็จของผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือผ่านโปรเจกต์กรีนต่าง ๆ ที่มาถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้ ได้แก่ 1) เชียงใหม่เมืองคาร์บอนต่ำ ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงพลังของทุกภาคีเครือข่ายสู่การทำงานร่วมกันเรียนรู้ร่วมกัน มองเห็นสาเหตุและเข้าใจภาพรวมของปัญหา PM2.5 จนเกิดเป็นกระบวนการแก้ปัญหาฝุ่นควันอย่างยั่งยืน 2) การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ช่วยส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากฟางข้าว มาสร้างสรรค์สู่ผลิตภัณฑ์ตกแต่งผนังที่มีความสวยงาม มีคุณสมบัติพิเศษสามารถดูดซับเสียงและเป็นฉนวนกันความร้อน ซึ่งช่วยลดมลพิษจากการเผาฟางข้าวได้ 3) Let’s plant meat โปรตีนทางเลือกโดยวัตถุดิบที่ทำจากพืช โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ผลิต ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อทดแทนเนื้อสัตว์ช่วยสร้างความยั่งยืนในมุมมองของวัตถุดิบอาหาร 4) การนำกลับมาใช้ใหม่อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะจากซองกาแฟ ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงมีแนวคิดนำกลับมาใช้ใหม่โดยออกแบบเป็นกระเป๋าอัพไซเคิล กระเป๋าแฮนด์เมดจากซองกาแฟ และ 5) กลุ่มถิ่นนิยม ที่สะท้อนให้เห็นถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักและอยากพัฒนาชุมชนของตัวเองด้วยการพัฒนาให้ความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์และกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับชุมชน พร้อมทั้งช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรในพื้นที่ภาคเหนือ สร้างความยั่งยืนให้ระบบนิเวศอย่างสมดุล โดยตั้งเป้ายกระดับผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือกว่า 450 ราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 273 ล้านบาท และนำร่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมทั่วประเทศ มุ่งสู่เป้าหมาย 7.2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปีตามเป้าของกระทรวงอุตสาหกรรม

“ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นการจัดงานครั้งที่ 2 หลังจากเปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ โดยภายในงานวันนี้ จัดให้มีการเรียนรู้เทรนด์ธุรกิจ องค์ความรู้ต่าง ๆ และมุมมองการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่ครบทุกมิติ ขณะเดียวกัน ยังมีการบรรยายและเสวนาจากองค์กรและบริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงการบริหารจัดการด้านอุตสาหกรรมสีเขียว กิจกรรมคลินิกให้คำปรึกษาแนะนำจากหน่วยงานพันธมิตรที่มาจัดแสดงสินค้านวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การให้แนะนำสินเชื่อสำหรับธุรกิจรักษ์โลกจากสถาบันการเงินต่าง ๆ และกิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นอีก 2 ครั้ง ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น และในพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ภายในเดือนกรกฎาคมนี้” นายภาสกร กล่าวทิ้งท้าย

เชียงใหม่ ลุงสมบุญ ร้องศูนย์​ดำรงธรรม​จังหวัดเชียงใหม่ สนง.ยุติธรรมฯ กรณี​ถูกฮุบที่ดิน 3 ไร่ 94 ตรว. (คลิป)

ลุงสมบุญ ร้องศูนย์​ดำรงธรรม​จังหวัดเชียงใหม่ สนง.ยุติธรรมฯ กรณี​ถูกฮุบที่ดิน 3 ไร่ 94 ตรว.

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่​ นายสมบุญ กิจเศรณี พร้อมด้วยชาวบ้าน กว่า 30 คน เดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม​ต่อ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้​ว่าราชการ​จังหวัด​เชียงใหม่​ ผ่านทางศูนย์​ดำรง​ธรรม​จังหวัด​เชียงใหม่​ พร้อมชูป้ายขอความเป็นธรรม กับหน่วยงานที่เดี่ยวข้อง ภายหลังเข้าแจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วจนมาถึงวันนี้แต่เรื่องยังเงียบ

นายสมบุญ กิจเศรณี เจ้าของที่ดิน กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าว เป็นของตน ซึ่งปลูกลำไย มะม่วง และทำบ่อปลาไว้ ทุกปีก็จะมีรายได้จากการนำผลผลิตดังกล่าวไปจำหน่าย ซึ่งพื้นที่ทั้งหมด 3 ไร่ 94 ตารางวา ก่อนหน้านี้ตนไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวได้ถูกยึดเอาไป แต่พอมาทราบเรื่อง ตนก็ได้เข้าแจ้งความกับทาง ร.ต.อ.นันทวัฒน์ ปานเปาว์ พนักงานสอบสวน สภ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับเจ้าของฟาร์มไก่และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็ได้รับเรื่องไว้แล้ว และดำเนินคดีกับผู้บริหารจำนวน 4 ราย และนิติบุคคลคือบริษัทของฟาร์มไก่ดังกล่าว 1 ราย รวมเป็น 5 ราย

ภายหลังจากดำเนินการแจ้งความปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ที่ดิน จะเข้าไปทำการรังวัด เพราะที่ของตนมีโฉนดถูกต้อง และมีการเสียภาษีที่ดินทุกปี ปรากฏว่าไม่สามารถเข้าไปดำเนินการรังวัด ทำให้ตนสูญเสียรายได้ รวมทั้งต้นลำไย ต้นมะม่วง ที่ปลูกไว้ก็ถูกตัดหมด บ่อปลาที่มีอยู่ก็ถูกถม โดยเข้าไปในที่ดินตนเองไม่ได้เพราะฟาร์มไก่ล้อมรั้วไว้หมด ตนและครอบครัวจึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเป็นแค่ชาวบ้าน แต่ทางคู่กรณีเป็นถึงบริษัทใหญ่ จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรม ศูนย์​ดำรง​ธรรม​จังหวัด​เชียงใหม่​และยุติธรรจังหวัด​เชียงใหม่​ช่วยเหลือโดยมี นายปฐวี ไชยเสน เจ้าหน้าที่​ศูนย์​ดำรง​ธรรม​จังหวัด​เชียงใหม่​ เข้ารับเรื่องร้องเรียน​ในครั้งนี้ พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงและเร่งดำเนินการโดยคาดว่าภายใน 15 น่าจะทราบผลเบื้องต้น

จากนั้น นายสมบุญ กิจเศรณี เจ้าของที่ดิน พร้อมชาวบ้านเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ที่ยุติธรรม​จังหวัด​เชียงใหม่ ​โดยมีนางสาวณัฐนันท์ พิทักษา ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เข้าสอบถามและรับทราบถึงปัญหา ​พร้อมได้รับเรื่องร้องเรียน โดยจะนำเรื่องเข้าเสนอต่อคณะอนุกรรมการประจำจังหวัดฯ โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธาน เพื่อเร่งช่วยเหลือและดำเนินการอย่างโดยเร็วที่สุด.