เชียงใหม่ เริ่มแล้ว! Creative Innovation Showcase 2024: เวทีใหม่สำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้ธุรกิจเติบโตในเชียงใหม่ (คลิป)

เริ่มแล้ว! Creative Innovation Showcase 2024 งานที่รวบรวมสุดยอดผลงานจาก ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ 23 ราย จากพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือและภาคใต้ ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อแสดงนวัตกรรมและโปรเจ็กต์ที่ตอบโจทย์โลกยุคปัจจุบันใน 3 สาขาหลัก ได้แก่ การออกแบบ, แฟชั่น, และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ งานนี้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ, สตาร์ทอัพ, นักลงทุน, หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงผู้สนใจได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและเพิ่มโอกาสในการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 
วันนี้(7 ธค.67) ที่ จริงใจวิลเลจ จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวอติกานต์ สุทธิวงษ์ นักส่งเสริมนวัตกรรม จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA เปิดงาน Creative Innovation Showcase 2024 ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7-8 ธันวาคม 2567 ณ จริงใจวิลเลจ จ.เชียงใหม่ ภายใต้ โครงการยกระดับวิสาหกิจฐานนวัตกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) และ ภาคใต้(SEC) โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อพัฒนาและสร้างศักยภาพการเติบโตของวิสาหกิจฐานนวัตกรรม ในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และเพื่อพัฒนาและสร้างพื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้เกิดเป็นระบบนิเวศที่เหมาะสมในการเติบโตของวิสาหกิจฐานนวัตกรรมและบุคลากร และมีเป้าหมายในการสร้างเวทีให้ผู้ประกอบการจากพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษได้แสดงศักยภาพและนวัตกรรมที่น่าสนใจ พร้อมเปิดโอกาสในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนแนวคิดจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้


 ภายในงานจะประกอบด้วย
• Showcase – การแสดงสินค้าจาก 23 ผู้ประกอบการ จาก 3 สาขา ได้แก่สาขาการออกแบบ, แฟชั่น และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่ได้รับการพัฒนาธุรกิจจากเมนเทอร์มากประสบการณ์
• Creative Talk ประกอบด้วยการบรรยายและเวทีเสวนาที่จะกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และเปิดมุมมองใหม่ๆ ในการทำงาน ได้แก่ “สร้างคอนเทนต์ทรงพลัง ชนะตั้งแต่ก้าวแรก สูตรลับฉบับ 1 ล้านคนติดตาม” โดย คุณปรัชญา โมรา” เจ้าของเพจ ไปให้ถึง100ล้าน,

“ร่วมสร้างอนาคต ภาครัฐ ภาคเอกชน กับการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์” โดย คุณภูมินทร์ มีถาวร ผู้จัดการฝ่ายไมซ์อินเทลลิเจนซ์และนวัตกรรม หรือ TCEB, คุณสันติ เหล่าพาณิชย์กุล กรรมการหอการค้าเชียงใหม่ และคุณอิ่มหทัย กันจินะ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรมสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน), “นวัตกรรมและการสร้างอิทธิพล: กลยุทธ์ธุรกิจในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง” โดยเมนเทอร์มากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ได้แก่ คุณสาธิต กาลวันตวานิช ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทฟีโนมีนา และผู้ก่อตั้งแบรนด์ พร็อพพาแกนดา (Propaganda), คุณธรรศภาคย์ เลิศเศวตพงษ์ ที่ปรึกษาด้านการออกแบบธุรกิจ และ คุณวนิดา ประภารัตน์ Founder & Brand Director Hamburger Studio • Networking กิจกรรมสร้างเครือข่าย เปิดบทสนทนา ต่อยอดธุรกิจ และสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ

 

 

เชียงใหม่ ปางช้างแม่สาจัดทำบุญ พ่อเลี้ยงชูชาติพร้อมจัด ขันโตกวันเกิดครบ 1 ขวบ ปีแรก “น้องชูใจ”(คลิป)

ปางช้างแม่สาจัดทำบุญ พ่อเลี้ยงชูชาติพร้อมจัด ขันโตกวันเกิดครบ 1 ขวบ ปีแรก “น้องชูใจ”


วันนี้ (6 ธค.67) ที่ปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้จัดพิธีทำบุญวันคล้ายวันเกิดพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สา (ที่เสียชีวิตไปแล้ว) ซึ่งตรงกับวันที่ 6 ธ.ค.2567 นางอัญชลี กัลมาพิจิตร พร้อมด้วยบุตรชายนายพลช หรือ “อ้ายไอซ์” กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา เป็นประธานในพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ต่อมาเวลา 10.09 น. เริ่มพิธีสงฆ์ โดยได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 5 รูป ทำพิธีเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้พ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร, และปู่เชิด กัลมาพิจิตร และย่าสะอิ้ง ทรรทรานนท์ และป้าสุรางค์ โยมสินธ์, ป้าพาณี กัลมาพิจิตร ช้างและควาญช้าง รวมถึงพนักงานที่ล่วงลับไปแล้ว เทวดา นางฟ้า พระภูมิเจ้าที่ พระแม่ธรณี เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จากนั้น เวลา 10.40 น. ถวายสังฆทาน ถวายอาหารเพลแด่พระสงฆ์ และร่วมกันกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล

ซึ่งในทุกๆครั้งที่มีการทำบุญครบรอบวันเกิด ผู้ที่มาร่วมในงานพิธีจะเป็นบรรดาลูกหลานและควาญช้างอาวุโสมาร่วมเป็นที่ทราบกันดีว่าพ่อเลี้ยงชูชาติ ซึ่งมีความเมตตาต้องลูกหลานและควาญช้างของปางช้างแม่สา ก็มักจะมอบโชคผ่านตัวเลขในขันน้ำมนต์เป็นประจำ ทำให้ทุกๆคนต่างก็พยายามมองหาตัวเลขจากหยดน้ำตาเทียนในขันน้ำมนต์ ซึ่งในครั้งนี้ตัวเลขจะดูยาก แต่ก็พอจะเห็นว่ามีเลข 3 เลข 6 และเลข 8 ซึ่งตรงกับอายุพ่อเลี้ยงถ้าอยู่ถึงปัจจุบันนี้ พ่อเลี้ยงจะมีอายุ 85 ปี ย่างเข้าสู่ 86 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขในบาตรน้ำมนต์มาก

ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่บริเวณศูนย์อนุรักษ์ช้างแม่สา ในปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา พร้อมคณะฯ และบรรดาแฟนๆทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ของ “น้องชูใจ” ช้างขวัญใจปางช้างแม่สาเชือกล่าสุด ที่มีอายุครบ 1 ปีในวันที่ 6 ธ.ค.67 ทางปางช้างแม่สาจึงได้จัดงานฉลองครบรอบ 1 ปี โดยจัดสะโตกผลไม้ให้น้องชูใจ กับแม่วันเพ็ญ โดยมีพลายขุนศึก พี่ชายของน้องชูใจ รวมเป็นแขกพิเศษงานวันเกิเของน้องชูใจ มาร่วมทานสะโตกผลไม้ ซึ่งถือว่าเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างพี่ชายกับน้องชูใจเป็นภาพที่สวยงามระหว่างแม่พี่ชายและน้องสาวสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาร่วมงานสร้าง

โดยบรรดาผู้มาร่วมงานรวมทั้งนักท่องเที่ยวได้ร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ ให้น้องชูใจ ที่แสดงความน่ารักน่าชังเล่นกับผู้ที่มาร่วมงานอย่างสนุกสนาน โดยมีการไลฟ์สดผ่านเพจเฟสบุคMaesa Elephant Camp ปางช้างแม่สา ทำให้มีแฟนๆคลับได้อวยพรให้น้องชูใจ พร้อมทั้งมอบกระผลไม้ผ่านออนไลน์ ให้น้องชูใจและช้างทั้งปาง ท่ามกลางบรรยากาศสุดประทับใจโดยนางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา ได้ป้อนอาหารให้น้องชูใจทพร้อมทั้งกล่าวอวยพรให้น้องชูใจมีสุขภาพพลามัยที่สมบูรณ์เติบโตอย่างแข็งแรง พร้อมทั้งขอให้บุญบารมีของพ่อชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สาที่มีอายุยืนยาวใกล้จะ 50 ปี ให้มาช่วยคุ้มครองช้างและลูกหลาน พนักงานควาญช้างของปางช้างแม่สาทุกคน ให้อยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขสืบยาวนานต่อไป พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวชมช้าง เลี้ยงอาหารช้าง สนับสนุนปางช้างเพื่อคนเลี้ยงช้างให้อยู่คู่ประเทศไทยอย่างยาวนานต่อไป

สำหรับประวัติของ “น้องชูใจ” วัย 1 ขวบเป็นลูกของแม่วันเพ็ญ อายุ 24 ปี ที่ได้ตกลูกช้างพัง เพศเมีย เป็นเชือกที่ 2 หลังผสมพันธุ์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธุ์ พ.ศ.2565 จนกระทั่งมาตกลูกช่วงเช้าของวันที่ 6 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งแม่วันเพ็ญตั้งท้อง “น้องชูใจ” รวม 22 เดือน และน้องชูใจเป็นน้องของช้างพลายเพศผู้ “เจ้าอ้วนขุนศึก“ อายุ 8 ขวบ น้องชูใจเป็นช้างลำดับที่ 69 ของจำนวนช้างปัจจุบันในปางฯ และยังเกิดตรงกับวันคล้ายวันเกิดพ่อเลี้ยงชูชาติ อีกด้วย.

เชียงใหม่ นบ.ยส.35 “บริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 67″(คลิป)

นบ.ยส.35 “บริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 67”


วันนี้ (6 ธค.67) 09.00 น. พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน ผบ.นบ.ยส.35 มอบหมายให้ พ.อ.เอกเอกวุฒิ สุขรส รอง เสธ นบ.ยส.35 นำกำลังพลจิตอาสา ร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567 ณ ธนาคารเลือด รพ.นครพิงค์เชียงใหม่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้ปริมาณโลหิต 4,500 ซีซี

เชียงใหม่ 5-8 ธันวาคมนี้! ททท. จัดใหญ่เอาใจคนรักเนื้อและชาวแคมป์มาแอ่วเหนือรับลมหนาว(คลิป)

5-8 ธันวาคมนี้! ททท. จัดใหญ่เอาใจคนรักเนื้อและชาวแคมป์มาแอ่วเหนือรับลมหนาวกับงาน “Amazing Chiang Mai Meat and Camp 2024” ที่จังหวัดเชียงใหม่

เย็นวันนี้ (5 ธ.ค. 67) นายนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดงาน “Amazing Chiang Mai Meat and Camp 2024” ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นในวันที่ 5-8 ธันวาคม 2567 ที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน

โดยการจัดงานในรอบนี้ ททท. และจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดขึ้นเป็นอีเวนต์เอาใจคนรักแคมป์ปิ้งและผู้ที่ชื่นชอบเมนูเนื้อวัว ให้เดินทางมาสัมผัสบรรยากาศสไตล์แคมป์ชิลๆ สบายๆ เต็มอิ่มกับขบวน Food Truck และความบันเทิงมากมาย พร้อมการแสดงดนตรีจากศิลปินการนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวการเดินป่าอุทยานแห่งชาติที่เชื่อมโยงจากจังหวัดเชียงใหม่ไปยังพื้นที่ต่าง ๆในภาคเหนือ เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น

ภายในงาน มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ทั้งการจัดแสดงนิทรรศการเส้นทางท่องเที่ยวเดินป่าอุทยานแห่งชาติ พร้อมกิจกรรมเชิงผจญภัย ท้าทายความกล้ากับกิจกรรมปีนหน้าผาสุดตื่นเต้น, โซน Camping/Glamping เพลิดเพลินไปกับสีสันของบอลลูนลอยฟ้า สร้างบรรยากาศเหนือจินตนาการ และการโชว์รถต่าง ๆของชาวแคมป์, โซน Meat Station ลิ้มรสเมนูเนื้อเกรดพรีเมียมที่จะปลุกทุกประสาทสัมผัสให้ตื่นตัวและจัดเต็มความอร่อยกับการออกร้านจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และขบวน Food truck ร้านเด็ดในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 40 ร้านค้า และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ Chef Show : พบกับเชฟฝีมือเด็ดเชฟเอก-เอกฉันท์ Exclusive Chef Of Ekachan และเชฟอิน เชฟ tiktoker คนดังมาร่วมรังสรรค์เมนูเนื้อวัว และการแข่งขันทำอาหารเมนูเนื้อชั้นเลิศจากฟาร์มในจังหวัดเชียงใหม่ไม่เพียงเท่านี้ ททท.ยังยกทัพศิลปินที่มีชื่อเสียงและวงดนตรีท้องถิ่นของจังหวัดเชียงใหม่มาเสิร์ฟดนตรีเพราะๆ สบายๆ ได้ตลอดทั้ง 4 ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมงานที่มาร่วมสนุกกับกิจกรรม แชะ & แชร์ สไตล์ Camping & Glamping ยังจะได้ลุ้นรับของ ที่ระลึกจาก ททท. อีกด้วย

ทั้งนี้ นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า งาน Amazing Chiang Mai Meat and Camp 2024 เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Thailand Winter Festivals 2024 ภายใต้นโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรม อีเวนต์และเฟสติวัลอันหลากหลายและครอบคลุมในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด “7 Wonders of Thailand”ตามเป้าหมายผลักดันประเทศไทยไปสู่ World Class Event Hub ประกอบกับกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวไทยในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงต้นปี 2568 ซึ่งเป็นไฮซีชั่นที่นักท่องเที่ยวนิยมออกเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยงาน Amazing Chiang Mai Meat and Camp 2024 เป็นหนึ่งในอีเวนต์ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ชูจุดขายภายใต้แนวคิดเสน่ห์ไทย (Thailand Soft Power) bd& 5 Must Do in Thailand ซึ่งจะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวความสนใจพิเศษ ทั้งกลุ่มผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบ Camping และกลุ่มชื่นชอบการรับประทานเนื้อวัวสไตล์แคมป์ ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ใช้จ่ายสูง ทำให้เกิดการสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่อย่างทั่วถึง

เชียงใหม่ “มูลนิธิเป๊ปซี่โค” ร่วมกับ “มูลนิธิรักษ์ไทย” ชูความสำเร็จโครงการ “She Feeds the World” ส่งเสริมเกษตรกรหญิงและเกษตรกรรุ่นใหม่(คลิป)

“มูลนิธิเป๊ปซี่โค” ร่วมกับ “มูลนิธิรักษ์ไทย” ชูความสำเร็จโครงการ “She Feeds the World”ส่งเสริมเกษตรกรหญิงและเกษตรกรรุ่นใหม่ พร้อมขับเคลื่อนศักยภาพของชุมชนสู่ความยั่งยืน

วันนี้ (3 ธค.) ที่ลาน จริงใจมาร์เก็ต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มูลนิธิรักษ์ไทย ร่วมกับองค์การแคร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้การสนับสนุนจาก มูลนิธิเป๊ปซี่โค ร่วมกับภาคีเครือข่าย ประกาศความสำเร็จโครงการ “She Feeds the World” พร้อมจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนบทบาทของผู้หญิงในภาคเกษตรกรรม และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่สนใจการเกษตรแบบยั่งยืน ณ จริงใจมาร์เก็ต จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 3-4 ธันวาคม 2567 โดยมีเกษตรกรหญิงและเกษตรกรรุ่นใหม่ รวมถึงตัวแทนจากชุมชนท้องถิ่นและภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมกว่า 700 คน

โครงการ “She Feeds The World ประเทศไทย” เกิดจากความร่วมมือระหว่างมูลนิธิรักษ์ไทย ร่วมกับองค์การแคร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้การสนับสนุนจาก มูลนิธิเป๊ปซี่โค โดยมีระยะเวลาในการดำเนินการตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2565-2567 เป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกรหญิงและครอบครัว ส่งเสริมความเท่าเทียมและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายเกษตรกรในท้องถิ่น

โครงการนี้ยังสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่มีอายุระหว่าง 17 – 45 ปี ในการพัฒนาระบบเกษตรกรรมแบบยั่งยืน โดยทำงานร่วมกับชุมชนใน 5 จังหวัด ภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน น่าน และพะเยา เพื่อให้เข้าถึงโภชนาการที่ดี มีน้ำสะอาดใช้อย่างเพียงพอเพื่อทำการเกษตรและอุปโภคบริโภค รวมถึงการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร การเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ความเสมอภาคทางเพศ และรายได้จากภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน

ตลอดระยะเวลา 3 ปี โครงการ “She Feeds The World” ได้มีผู้เข้าร่วมโครงการ 167,502 คน คิดเป็น 119% จากเป้าหมายโครงการ ซึ่งมีสัดส่วนของผู้หญิงที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 60% ผ่านการพัฒนาระบบการเกษตรเพื่อปรับตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในรูปแบบการเกษตรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกในกระบวนผลิต และลดการใช้สารเคมีและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เกษตรอินทรีย์ ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมสุขภาพที่ดีต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค ด้วยกลไกการทำงานร่วมกับเกษตรกรต้นแบบใน 21 ชุมชน พัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ด้านเกษตรยั่งยืน และการทำงานรวมกับอาสาสมัครเกษตรกร 200 คน ใน 80 ชุมชน ทำหน้าที่เผยความรู้ด้านการเกษตร การตลาดและส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศและการยุติการใช้ความรุนแรงสู่เพื่อนเกษตรกรในพื้นที่ 10,000 ครัวเรือน เพื่อรวมขับเคลื่อนการพัฒนาระบบเกษตรยั่งยืน


สำหรับพิธีปิดโครงการ She Feeds The World นั้น ภายในงานมีการจัดกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนถึงการพัฒนาชุมชนและวิถีชีวิตของเกษตรกรไทย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการ อาทิ:
• เสวนาและปาฐกถาพิเศษ: จากผู้เชี่ยวชาญและเกษตรกรต้นแบบที่มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวและมุมมองในหัวข้อ:
o “บทเรียนจากเกษตรกรหญิง” โดยเกษตรกรจาก 5 จังหวัดภาคเหนือ
o “นวัตกรรมและเทคโนโลยี กับความยั่งยืนในภาวะโลกรวน”
• ตลาดสินค้าชุมชน: ผลผลิตจาก 80 ชุมชน ได้แก่ ช็อกโกแลตสีม่วง ข้าวพันธุ์ท้องถิ่น และผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก
• กิจกรรมเวิร์กชอป สร้างประสบการณ์ตรง: ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมกิจกรรม ได้แก่ การทำซูชิข้าวดอย การชิมกาแฟจาก 5 ดอย และการมัดย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ

เกี่ยวกับมูลนิธิรักษ์ไทย
มูลนิธิรักษ์ไทยดำเนินงานพัฒนากลุ่มผู้ด้อยโอกาสให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างยั่งยืน เป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลที่ด้อยโอกาส สร้างชุมชนและสังคมไทยให้เข้มแข็ง มูลนิธิรักษ์ไทย องค์กรพัฒนาที่ไม่แสวงหาผลกำไร ดำเนินงานมานานกว่า 30 ปี รวมถึงปีนี้ที่ดำเนินงานในฐานะ CARE Thailand ซึ่งได้ดำเนินงานโครงการต่างๆ สร้างชุมชนเข้มแข็ง เช่น การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันเชื้อเอชไอวี, การส่งเสริมด้านการศึกษา การส่งเสริมธุรกิจชุมชนและการส่งเสริมทางด้านอาชีพ, การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, การช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และยังมีภารกิจที่สำคัญคือ การเสริมพลังผู้หญิงให้มีบทบาททางเศรษฐกิจหากผู้หญิงได้มีโอกาสเข้าถึงทรัพยากร พัฒนาทักษะ พัฒนาความมั่นใจ กล้าแสดงความคิดเห็นและเกิดบทบาททางเศรษฐกิจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.rasksthai.org


เกี่ยวกับมูลนิธิเป๊ปซี่โค
มูลนิธิเป๊ปซี่โค เป็นหน่วยงานที่ทำงานด้านการทำประโยชน์สาธารณะและสังคมของบริษัทเป๊ปซี่โค มีพันธกิจสนับสนุนการพัฒนาชุมชนให้เกิดความเจริญก้าวหน้า โดยเน้นการส่งเสริมองค์ประกอบที่จำเป็นเพื่อสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน มูลนิธิเป๊ปซี่ทำงานร่วมกับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรและผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก โดยมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ชุมชนได้รับการเข้าถึงความมั่นคงทางอาหาร การเข้าถึงน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคและบริโภค เสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ รวมถึงมุ่งมั่นที่จะสร้างผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมให้กับชุมชนที่เราอาศัยและทำงานอยู่ รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจ องค์กรท้องถิ่น องค์กรนานาชาติ และพนักงานของเป๊ปซี่โค เพื่อส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในวงกว้างเกี่ยวกับขอบข่ายของปัญหาที่มีความสำคัญของประเทศ ตลอดจนปัญหาในระดับโลกเช่นเดียวกัน สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pepsicofoundation.com


เกี่ยวกับเป๊ปซี่โค
ผลิตภัณฑ์ของเป๊ปซี่โคเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคเพลิดเพลินได้มากกว่า 1 พันล้านครั้งต่อวันในกว่า 200 ประเทศและดินแดนทั่วโลก เป๊ปซี่โคมีรายได้สุทธิมากกว่า 91,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 จากธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารสะดวกซื้อของบริษัท เช่น เลย์ โดริโทส ชีโตส เกเตอเรด เป๊ปซี่-โคล่า เมาเทนดิว เควกเกอร์ และโซดาสตรีม กลุ่มผลิตภัณฑ์ของเป๊ปซี่โคประกอบด้วยอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ซึ่งรวมถึงแบรนด์ดังที่แต่ละแบรนด์มียอดขายปลีกทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี


Guiding PepsiCo คือวิสัยทัศน์ของเราในการเป็นผู้นำระดับโลกด้านเครื่องดื่มและอาหารสะดวกซื้อสร้างความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ Winning with pep+ (PepsiCo Positive) ที่มุ่งปรับโฉมธุรกิจในทุกขั้นตอน ด้วยการนำเรื่องความยั่งยืนมาเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างการเติบโตและคุณค่าให้กับโลก และเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกและผู้คน

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทเข้าชมได้ที่ www.pepsico.com และติดตามบน X (Twitter), Instagram, Facebook และ LinkedIn @PepsiCo

เชียงใหม่ “พลอย ธนิกุล” ผช.รมต.ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เปิดงาน Lanna Expo 2024 “BCG Creative Lanna”(คลิป)

เริ่มแล้วงาน Lanna Expo 2024 “BCG Creative Lanna”ที่ลานดินหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคเหนือ


เมื่อเย็นวันนี้( 30 พ.ย. 67) นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงาน Lanna Expo 2024 ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมและจำหน่ายสินค้า Lanna Expo 2024 ถือเป็นที่มีการบูรณาการ ความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคเหนือ โดยเฉพาะครั้งนี้ได้จัดงานภายหลังจากที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ผ่านมา จึงเป็นโอกาสสำคัญ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ ให้สามารถขยายช่องทางการตลาดสินค้าและการบริการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมล้านนา ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า การจัดงาน Lanna Expo 2024 ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรับเคลื่อนโยบายรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรม ในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ผ่านการนำทุนทางวัฒนธรรมและการขับเคลื่อน “Soft Power” ทางด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังช่วยในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการเพิ่มรายได้ ให้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน) ให้สามารถพลิกเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ยิ่งช่วงนี้ใกล้เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และได้จับจ่ายซื้อของขวัญของที่ระลึกจากสินค้าทางวัฒนธรรม รวมทั้งได้เที่ยวชมงาน และเรียนรู้วัฒนธรรมล้านนาที่น่าประทับใจร่วมกัน

ทางด้านนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ ในการจัดกิจกรรม ข่วงวัฒนธรรมล้านนาสร้างสรรค์และจัดแสดงนวัตกรรมและจำหน่ายสินค้า ในงาน Lanna Expo 2024 ภายใต้ “BCG Creative Lanna” สุดยอดผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ อัศจรรย์ภูมิปัญญา เพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2567 เวลา 10.00 – 21.00 น. ที่ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่


ภายในงานจำแนกเป็น 4 กลุ่ม ในพื้นที่ 4 โซน ได้แก่ โซนกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และตกแต่ง, โซนกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม สมุนไพร , โซนค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่นและสิ่งทอ ของฝาก ของที่ระลึก และอื่น ๆ และโซนกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมทั้งมีกิจกรรมเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มภูมิภาค เพื่อพัฒนาฐานการตลาดสู่ระดับนานาชาติ

เชียงใหม่ “นายกฯ แพทองธาร-สมศักดิ์” รุกแก้ปัญหาโรค NCDs ให้คนไทยแข็งแรง – ระบบสาธารณสุขไทยมั่นคงอย่างยั่งยืน(คลิป)

นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ หนุน อสม. 13 จังหวัดภาคเหนือ รณรงค์ประชาชนกินแบบนับคาร์บ ลดปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ยกอสม.กว่า 1 ล้านคน เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงสุขภาพ ช่วยคนไทยสุขภาพดีทั่วหน้า ลดงบประมาณค่ารักษาพยาบาลของประเทศ

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ครั้งที่ 6 โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข อสม. ข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ ร่วมงาน และได้กล่าวว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เป็นภัยคุกคามต่อระบบสาธารณสุขไทย โดยแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรค NCDs กว่า 400,000 ราย และมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 2,000,000 ราย ส่งผลให้ประเทศต้องสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจในการรักษาทั้งทางตรงและทางอ้อมปีละกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่ง อสม. 1,080,000 คน ถือเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่่ยนแปลงสุขภาพที่ดีของคนไทย ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนถึงความจำเป็นที่จะต้องร่วมกันส่งเสริมป้องกันโรค NCDs และปรับพฤติกรรมการกินแบบนับคาร์บ เพื่อส่งเสริมให้พี่น้องคนไทยมีสุขภาพที่ดี ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยโรค NCDs ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณค่ารักษาพยาบาลของประเทศชาติ และสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้กับระบบสาธารณสุขไทย

ทางด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายคนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพ ปรับปรุงกฎหมายและมาตรการให้เอื้อต่อการควบคุม ดูแล และส่งเสริมสุขภาพ เพื่อแก้ปัญหาโรค NCDs ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้จัดงานขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุข และ อสม. ในการดำเนินงานและยกระดับระบบบริการด้านการป้องกันและควบคุมโรค NCDs ให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนให้ความรู้และความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม ซึ่งจากการจัดกิจกรรมรณรงค์โครงการคนไทยห่างไกล NCDs ไป 5 ครั้ง ที่จังหวัดสงขลา นครพนม นครสวรรค์ ชลบุรี และอุบลราชธานี รวม 10 เขตสุขภาพ 63 จังหวัด มี อสม. เรียนรู้การนับคาร์บแล้วกว่า 7 แสนคน และมีประชาชนร่วมลงทะเบียนนับคาร์บแล้วกว่า 6.4 ล้านคน ส่วนในวันนี้ มีการออนไลน์ไปยังเขตสุขภาพที่ 1 และ 2 รวม 13 จังหวัด มีผู้เข้าร่วมงานแบบออนไซต์ 5,000 คน และผ่านระบบ online อีก 250,000 คน รวมทั้งสิ้น 255,000 คน.

เชียงใหม่ กระทรวงพาณิชย์ จัดธงฟ้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยกทัพสินค้ากว่า 1,000 รายการ เพื่อลดภาระค่าครองชีพพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ (คลิป)

“พาณิชย์” จัดธงฟ้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดภารของประชาชน จังหวัดเชียงใหม่ ยกทัพสินค้าราคาประหยัดกว่า 1,000 รายการ เพื่อลดค่าครองชีพในพื้นที่ และช่วยกระจายผลผลิตของเกษตรกร

ที่บริเวณ Backdrop สวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา ด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมธงฟ้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมนำคณะเดินทางเข้าเยี่ยมชมและพบปะผู้ประกอบการที่มาร่วมออกร้าน ภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าไฮไลด์ และสินค้าผลไม้ที่เชื่อมโยงจากกลุ่มเกษตรกร ในราคาพิเศษทุกวัน อาทิ ไข้ไก่เบอร์ M แผงละ 95 บาท น้ำตาลทรายขาว กรัมละ 24 บาท น้ำมันพืชปาล์มขวดละ 46 บาท ข้าวหอมมะลิ 100% (5 กก.) ถุงละ 156 กล่องละ 199 บาท ส้มเขียวหวาน กิโลกรัมละ 30 บาท ส้มสายนำผึ้ง กิโลกรัมละ 60 บาท และมีสินค้าโปรโมชั่น ปลากะพงทอดน้ำปลา ชุดละ 99 บาท และเบอร์เกอร์โคขุน ชิ้นละ 99 บาท

“กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้นำนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดค่าครองชีพในการจับจ่ายใช้สอยให้ประชาชน จัดงานมหกรรมธงฟ้าฟื้นฟูเศรษฐกิจจ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา บริเวณลานหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ห้างค้าปลีก/ค้าส่งขนาดใหญ่ เกษตรกร ผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย (SMEs) วิสาหกิจชุมชน ห้างท้องถิ่นรวมทั้งผู้ประกอบการจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดไกล้เคียง นำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพมาจำหน่ายรวม 10 หมวด กว่า 1,000 รายการ ลดสูงสุด 70% อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป้อง ซอสปรุงรสน้ำยาซักผ้า ของใช้ประจำวัน เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ช่าง สินค้าชุมชน เป็นต้น

ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง มาเลือกซื้อสินค้าราคาประหยัด มีสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพครบถ้วน ทั้งของกินของใช้ และผลไม้ตามฤดูกาล เชื่อว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนได้ตามเป้าหมาย” นายพิชัยกล่าว

การจัดงานมหกรรมธงฟ้าฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการจับจ่ายใช้สอยชื้อสินค้าคุณภาพดีในราคาประหยัด และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการและเกษตรกร โดยเฉพาะอย่างยิงสินค้าทางการเกษตร อย่างเช่น ‘ส้ม’ ที่ช่วงนี้เป็นฤดูที่ผลไม้ออกผลผลิตจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าผลไม้ตกต่ำและสินค้าล้นตลาด อีกทั้งเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนหันมาบริโภคผลไม้ทางภาคเหนือและผลไม้ฤดูกาล นอกจากนี้เป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการและเกษตรกรจะได้พัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้ส่งเสริมสินค้าอัตลักษณ์ท้องถิ่นของภาคเหนือให้เป็นที่ประจักษ์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นและสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ

เชียงใหม่ รมว.ท่องเที่ยวฯ เปิดงาน “มนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองตอกไม้งาม” (CHARMING Chiang Mai Flower Festival) (คลิป)

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับจังหวัดเชียง เชียงใหม่ เปิดงาน “มนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม” เพื่อกระตั้นเครษฐกิจแล การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ณ ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ (สวน อบจ.เชียงใหม่)

(วันที่ 29 พย. 67) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดงานมนต์เสน่ห์เชียงไหม เ (CHARMING Chiang Mai Flower Festival) โดยมี นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ และ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าววัตถุประสงค์การจัดงาน เพื่อพัฒนาและสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมท่องเทียว รวมถึงเป็นการ ส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่ปลอดภัย มีเสน่ห์ ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งในปีนี้มีแนวคิดในการจัดงาน คือ THE GOLDEN OF LANNA หรือ “ความเรืองรองแห่งวิถีล้านนา” โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้

1) นิทรรศการสวนไม้ดอกไม้ประดับ (The Wonder Flower Land) : เชียงใหม่ดินแดนแห่ง ดอกไม้ที่มีทั้งพันธุ์ไม้เขดหนาว พันธุ์ไม้เขตร้อน อาทิ ดอกทิวลิป,ลิลลี่, คาราลิลลี่, บลูขันเรีย มากาเร็ด, ดอกไฮเดรนเยียร์, อาซาเลีย เวอร์บีน่า และนาร์ซิสซัส หรือ คอกดารารัตน์ ซึ่งเป็นดอกไม้ทรงโปรดของในหลวงรัชกาลที่ 9 และดอกไม้อีกหลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายสีสัน นับล้านดอก
2) นิทรรศการกล้วยไม้ (Orchid Land) : การจัดแสดงกล้วยไม้ไทยที่หาชมได้ยาก อาทิ กล้วยไม้สกุลฟาแลน, แวนด้า, แอสโค, ออนซิเดี่ยม, ซิมบิเดี้ยม เป็นต้น ผสมผสานด้วยไม้คลุมดิน ตระกูลเฟิร์น และมอส ตกแต่งประดับประดาด้วย ไม้สกุลคาคบ เช่น เคราฤๅษี, สับปะรดสี เป็นต้น
3) สีสันแห่งน้ำพุดนตรี Wonder Foutain Music Laser Show ประกอบมัลติมีเดีย สุดยิ่งใหญ่ การแสดงน้ำพุดนตรีประกอบแสง สี เสียง และพลุเอฟเฟคสุดตระการตา โดยจัดแสดงวันละ 4 รอบ ช่วงเวลา 19.00 น. 20.00 น. 21.00 น. และ 22.00 น.
4) ทุ่งไฟประดับที่ใหญ่และสวยที่สุดยามค่ำคืน สวนแสงอัจฉริยะ The Golden of Lanna ตั้งแต่เวลา 17.00 – 22.00 น. โดยมี Zone การจัดแสดงดังนี้  Golden of Lanna Zone : ศาลาวิจิตรล้านนาเป็นศาลาที่สร้างขึ้นให้เป็นสีทองเรืองรอง ดูเรียบหรู ประดับขอบไฟสีทองอร่าม และเพิ่มความประกายวิบวับด้วยแสงไฟกระพริบ เพื่อให้ศาลา แห่งนี้ มีความสง่างามตระการตามากยิ่งขึ้น Christmas of Glory Lanna Zone ต้นคริสต์มาสแห่งความรุ่งเรือง เป็นต้นคริสต์มาส ที่ประดับด้วยผ้าสีทอง ที่สื่อถึงความรุ่งเรืองและตกแต่งลวดลายศิลปะล้านนาหลากหลาย สีสัน ประดับด้วยไฟประดับเพิ่มความสวยงามในยามค่ำคืน

The Galaxy Zone และ Shade of aura Zone ซึ่งทั้ง 2 โซน เป็นโซนที่ร้อยเรียง สื่อเรื่องราวของกาลเวลาที่ไม่ว่าจักรวานแห่งนี้จะหมุนผ่านไปก็ร้อย กี่พันปี วิถีแห่งล้านนา ก็ยังคงอยู่ คู่เมืองเชียงใหม่มาถึงทุกวันนี้ แลงระยิบระยับที่เปลี่ยนสีไปเรื่อย ๆ เคลื่อนไหวใหลผ่านต้นไม้ ห่งจินตนาการจากโคนต้นจรดปลายต้นหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน เปรียบเสมือนวิถีชีวิตแต่ละยุค แต่ละสมัย ที่แม้เวลาจะเปลี่ยนผ่านไปนานขนาดไหนกลิ่นไอและอัตลักษณ์ของเมืองล้านนาเชียงใหม่ ก็ยังคงถูกส่งต่อและถูกอนุรักษ์จากรุ่นสู่รุ่นเรื่อยมา

Grand and Hill Zone ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ถูกแต่งแต้มความสดใส ให้ธรรมชาติสวยงามด้วยสีสันแห่งหมู่มวลดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาเป็นการแสดง ประกอบแมพปิ้ง (Mapping)
5) การแสดง Light of Glory โชว์ศิลปะ วัฒนธรรมผสมสาน ประกอบแลง สี เสียง เป็นประจำทุกคืน โดยแต่ละคำคืน ชุดการแสดงจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่ซ้ำกัน โดยจัดแสดงวันละ 2 รอบ ในเวลา 19.50 น. และ 21.30 น.


6) กิจกรรมดนตรีในสวน ซึ่งจะคอยบรรเลงเพลง สร้างความเพลิดเพลินให้กับนักท่องเที่ยว เป็นประจำทุกวัน สลับสับเปลี่ยนกับการแสดง Light of Glory และพิเศษสำหรับวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จัดให้มีศิลปิน นักร้องที่มีชื่อเสียง หรือ ศิลปินท้องถิ่น เพื่อสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลิน และคอยขับกล่อมนักท่องเที่ยว ในช่วงเวลา 19.00-22.00 น.
-นอกจากนี้ยังพบกับกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้การจัดงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม อีกมากมาย อาทิ
1. การจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2. กิจกรรมวิ่งและดนตรีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
3. การจัดแสดงงานนิทรรศการของหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน
4. งานมนต์เสน่ห์ควายไทยเชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม ครั้งที่ 3 วันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2567

ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมสัมผัส บรรยากาศงานมนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม (CHARMING Chiang Mai Flover Festival) ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567-5 มกราคม 2565 ณ ศูนย์ราชการจังหวัด เชียงใหม่ (สวน อบจ.เชียงใหม่) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยสามารถเข้าชมได้ทั้งแต่ เวลา 08.30 – 23.00 น. หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายส่งเสริมการท่องเที่ยว สำนักปลัดฯ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 0 5399 8333 ต่อ 213-214

เชียงใหม่ “ศุภมาส” นำทีมผู้บริหารกระทรวง อว.ลงพื้นที่ก่อนการประชุม ครม.สัญจร จังหวัดเชียงใหม่ติดตามการจัดทำแผนที่แบบเคลื่อนที่ (System (MMS) (คลิป)

“ศุภมาส” นำทีมผู้บริหารกระทรวง อว.ลงพื้นที่ก่อนการประชุม ครม.สัญจร จังหวัดเชียงใหม่ติดตามการจัดทำแผนที่แบบเคลื่อนที่ (System (MMS)) เพื่อเตรียมการรับมือและวางแผนการบริหารและจัดการทรัพยากรน้ำ พร้อมติดตั้งระบบแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมกว่า 1,200 สถานีทั่วประเทศและเตือนภัยน้ำหลากในลำน้ำสาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย จำนวน 4 สถานี จัดทำแผนที่น้ำท่วมช่วยวางแผนป้องกันและเตือนภัยล่วงหน้า เพื่อลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมนายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วย รมว.อว. และคณะผู้บริหารกระทรวง อว. ลงพื้นที่ติดตามการดําเนินงานของกระทรวง อว.ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 ที่ จ.เชียงใหม่

โดย น.ส.ศุภมาสและคณะได้เดินทางไปที่อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีการนำผลการดำเนินงานในการนำองค์ความรู้ด้านอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ไปร่วมพัฒนาพื้นที่รวมถึงแก้ปัญหาในด้านต่างๆ ให้กับชุมชนมานำเสนอ ทั้งนี้ น.ส.ศุภมาส ได้รับฟังรายงานผลการดำเนินงานเทคโนโลยีสำรวจการจัดทำแผนที่แบบเคลื่อนที่ (System (MMS)) เพื่อเตรียมการรับมือและวางแผนการบริหารและจัดการทรัพยากรน้ำ สนับสนุนการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการน้ำท่วม “อว.เพื่อประชาชน” โดย ดร.รอยบุญ รัศมีเทศ ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) และรายงานสถานการณ์การเฝ้าระวัง การช่วยเหลือบรรเทา การฟื้นฟูหลังสถานการณ์น้ำท่วมและการวางแผนรับมือสถานการณ์น้ำท่วมในอนาคตในพื้นที่ 5 จังหวัดพร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการการดำเนินงานภายใต้สถานการณ์น้ำท่วม (การเฝ้าระวัง การช่วยเหลือบรรเทา การฟื้นฟู) ในพื้นที่ 5 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วยเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปางและพะเยา

จากนั้น น.ส.ศุภมาส เปิดเผยว่า หลังเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา กระทรวง อว.โดย สสน.ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือเหตุการณ์อุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมและสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสำคัญ เช่น สถานีโทรมาตรอัตโนมัติของ สสน. ซึ่งมีอยู่กว่า 1,200 สถานีทั่วประเทศ สามารถตรวจวัดปริมาณฝนและระดับน้ำแบบเรียลไทม์ แสดงผลข้อมูลออนไลน์เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ได้ทันที นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติเพื่อสนับสนุนการเตือนภัยน้ำหลากในลำน้ำสาย จำนวน 4 สถานี เพื่อให้มีข้อมูลสำหรับเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยฝนตกหนัก น้ำท่วมหลาก และดินโคลนถล่ม ให้ประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และยังมีแผนขยายการติดตั้งสถานีโทรมาตรให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัยมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตต้นน้ำและพื้นที่ที่ยังไม่มีสถานีติดตั้ง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนแม่นยำและใช้ตัดสินใจบริหารจัดการภัยได้อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์

รมว.กระทรวง อว.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ได้ขยายการใช้งาน “คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ” ไปสู่ระดับพื้นที่ ผ่าน “ศูนย์ข้อมูลน้ำจังหวัด” ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้หน่วยงานในจังหวัดมีระบบข้อมูลสำหรับติดตามสถานการณ์น้ำ สามารถชี้เป้าคาดการณ์สถานการณ์น้ำ พร้อมรับมืออุทกภัย รวมทั้งยังช่วยวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำและทำการเกษตรในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม โดยปัจจุบันได้จัดทำเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลน้ำระดับจังหวัดครบทั้ง 76 จังหวัดแล้ว พร้อมทั้งจะขยายผลจัดตั้งศูนย์ข้อมูลน้ำให้ครบ 76 จังหวัด ต่อไป

“ล่าสุด เราได้นำระบบสำรวจภูมิประเทศแบบเคลื่อนที่ (Mobile Mapping System: MMS) สำรวจข้อมูลระดับของพื้นที่ และรอยระดับคราบน้ำท่วม (flood mark) จัดทำข้อมูลน้ำท่วมจากระดับคราบน้ำท่วมสูงสุดในปี 2567 ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดภาคเหนือ ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจเสร็จแล้วในจังหวัดแพร่ พะเยา และน่าน ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในพื้นที่น้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ร่วมกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานท้องถิ่น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2567 รวมทั้งจะวิเคราะห์ร่วมกับแบบจำลองทางด้านอุทกวิทยา เพื่อจัดทำแผนที่น้ำท่วมที่แสดงค่าระดับความสูงและน้ำท่วม ซึ่งจะช่วยในการวางแผนป้องกันและเตือนภัยล่วงหน้า ลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ” น.ส.ศุภมาส กล่าวและว่า

ที่สำคัญกระทรวง อว.โดย สสน.ยังได้แนวทางฟื้นฟูและพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งอย่างเป็นระบบและยั่งยืนใน 3 ส่วนหลัก คือ 1.พัฒนาคน โดยถ่ายทอดองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยี และสารสนเทศเพื่อการรับมือสถานการณ์น้ำและการจัดการน้ำชุมชนดำเนินการอย่างมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน 2. พัฒนาพื้นที่ ด้วยการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ พัฒนาแหล่งน้ำและเส้นทางน้ำ สร้างความเข้มแข็งระดับพื้นที่ด้วยการจัดการน้ำชุมชน แก้ไขปัญหาตามสภาพภูมิสังคมและสร้างความมั่นคงในเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ 3.พัฒนาข้อมูลและระบบ โดยการต่อยอดการจัดทำฐานข้อมูลเชิงลึกจากเครื่องมือสำรวจ-ตรวจวัดที่ทันสมัยและครอบคลุม ผังภูมิประเทศกลางเพื่อการบริหารจัดการน้ำ ศูนย์ข้อมูลน้ำระดับจังหวัด ระบบสนับสนุนการตัดสินใจในภาวะวิกฤติ