เชียงใหม่ สำนักงานชลประทานที่ 1 จัดโครงการกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร ศึกษาผลสำเร็จของงานสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำฯ(คลิป)

สำนักงานชลประทานที่ 1 จัดโครงการกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร ศึกษาผลสำเร็จของงานสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระระราชดำริ

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.แม่โปง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ นายณัฐวุฒิ นากสุก ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 1 เป็นประธานเปิดงาน โครงการกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร ศึกษาผลสำเร็จของงานสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดโดยสำนักงานชลประทานที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีนายไพรัตน์ ทับประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวรายงาน จากนั้นรับชมวีดีทัศน์และบรรยายสรุปความเป็นมาของศูนย์ฯ

โครงการกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร ดังกล่าวในวันนี้ โดยสำนักงานชลประทานที่ 1 มีภารกิจหลักด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการองค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนการผนึกกำลังกับภาคีเครือข่ายสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ในการสร้างความเข้าใจ และตระหนักถึงคุณค่าของภารกิจดังกล่าว ดังนั้น เพื่อสร้างการรับรู้สร้างความเข้าใจ สร้างทัศนคติต่อกลุ่มเป้าหมายให้เกิดประสิทธิภาพ และส่งเสริมภาพลักษณ์ของสำนักงานชลประทานที่ 1 ต่อประชาชนและสาธารณะได้รับทราบบทบาทหน้าที่ และภารกิจที่มีผลงานในการดำเนินงานสนองพระราชดำริที่เป็นผลสำเร็จของการศึกษา ทดลอง วิจัย และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรกรรม เพื่อสร้างการรับรู้ในศักยภาพ ภารกิจและภาพลักษณ์ของสำนักงานชลประทานที่ 1 รวมทั้งการสื่อสารเพื่อสร้างทัศนคติที่ดี การส่งเสริมความรักและธำรงซึ่งสถาบันหลักของชาติ ตามแนวพระราโชบาย ในหลวงรัชกาลที่ 10 “สืบสาน รักษา ต่อยอด”แก่ประชาชนทั่วไป รวมทั้งเพื่อให้แก่สื่อมวลชน ซึ่งมีอิทธิพลต่อการรับรู้และทัศนคติของประชาชน ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรวดเร็วฉับไว และทันเหตุการณ์

ต่อมาคณะนั่งรถชมภายในศูนย์ฯ ชมงานศึกษาและพัฒนาการประมง ชมการเลี้ยงกบ ชมแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ และเยี่ยมชมการเพาะเลี้ยงเห็ด เมนูอาหารเด็ดจากเห็ด โดยนางพิรญาณ์ จันทร์เขียว นักวิชาการเกษตรทดลองการปลูกพืชศูนย์ห้วยห้องไคร้ แนะนำ ข้าวเกรียบเห็ดหอมและน้ำพริกเห็ดหอม

ชมแปลงปลูกพืช และการปลูกผักปลอดภัยไร้สารชนิดต่างๆ บ่อกักเก็บน้ำ และจุดสาธิตต่างๆ การปลูกหญ้าแฝก และเยี่ยมชมหอเฉลิมพระเกียรติ ร .9 และพลับพลาทรงงาน เป็นสถานที่สุดท้าย จากนั้นคณะสื่อมวลชนและผู้ร่วมกิจกรรมออกจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องใคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นอันเสร็จสิ้นโครงการดังกล่าว.

เชียงใหม่ “MEDEZE” นำเสนอข้อมูลนักลงทุน เตรียมเสนอขาย IPO เข้าจดทะเบียน SETเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 268 ล้านหุ้น (คลิป)

“MEDEZE” นำเสนอข้อมูลนักลงทุน เตรียมเสนอขาย IPO เข้าจดทะเบียน SET นำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์แก่นักลงทุนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 268 ล้านหุ้น

(8กย.67) ที่โรงแรมแมริออท เชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเปิดงาน “MEDEZE” นำเสนอข้อมูลนักลงทุน เตรียมเสนอขาย IPO เข้าจดทะเบียน SET โดยมีนายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายพิพัฒน์ พิศณุวงรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน MEDEZE Treasury PTE. LTD และ รศ.ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ที่ปรึกษาวางแผนทางการเงิน บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE ผู้ให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) และตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells)

นอกจากนี้ยังมีนายปวริศ เวสส์สุภารัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ร่วมนำเสนอข้อมูลนักลงทุน (Retail Investor Roadshow) ร่วมนำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์แก่นักลงทุนเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 268 ล้านหุ้น

เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ทำพิธีวางศิลาฤกษ์พระประธานองค์ใหญ่ สูง 32 เมตร ภารกิจแรก ของเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ณ พุทธมณฑลจังหวัดเชียงใหม่(คลิป)

จังหวัดเชียงใหม่จัดพิธีวางศิลาฤกษ์พระประธานองค์ใหญ่ สูง 32 เมตร ภารกิจแรก ของเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ณ พุทธมณฑลจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอดอยหล่อจังหวัดเชียงใหม่

วันนี้( 9 กย.67) ที่พุทธมณฑลจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธ์ เขมงกโร) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เจ้าอาวาสวัดเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร เป็นองค์ประธานพิธี วางศิลาฤกษ์พระประธานองค์ใหญ่ ปางเปิดโลก ความสูง 32 เมตร ณ.พระพุทธมณฑลจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอดอยหล่อจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีคณะสงฆ์ จังหวัดเชียงใหม่ คณะศรัทธาสาธุชน จำนวนมาก เข้าร่วมพิธี ถือว่าเป็นองค์ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ เสร็จพิธีมีการมอบ ถังดับเพลิง 300 ถัง มอบให้ 25 อำเภอจังหวัดเชียงใหม่ อีกด้วย

และในงานนี้ยังมี พระครูพิพัฒน์สุตสุนทร ( ครูบาโต ) พร้อมด้วย คุณสถาพร วิจิตรสุนทร หรือ เอ็ม หัตถ์เทพ ผู้เป็นศิษย์ มอบถวายเงินสมทบทุนในการก่อสร้าง เบื้องต้น เป็นจำนวนเงิน 3 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ทุนในการก่อสร้างทั้งสิ้น 16 ล้านบาท โดยมีคณะสงฆ์อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอสันกำแพง และอำเภอแม่ออน ดูแล

เชียงใหม่ นบ.ยส.35  โชว์ผลงาน 10 เดือน จับกุม 412 คน ปราบยาเสพติด ยึดยาบ้ากว่า 246 ล้านเม็ด ยึดทรัพย์กว่า 94 ล้านบาท

นบ.ยส.35  โชว์ผลงาน 10 เดือน จับกุม 412 คน ปราบยาเสพติด ยึดยาบ้ากว่า 246 ล้านเม็ด ยึดทรัพย์กว่า 94 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 ที่ห้องพลอยไพลิน โรงแรมกรีนเลค รีสอร์ท อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่  พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส.  พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35) พล.ต.ต.ธนะรัชต์  ชุ่มสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วยราชการตำรวจภูธรภาค 5  พล.ต.ต.วรพัฒน์ บุญมา ผบก.ตชด.ภาค 3  พ.ต.อ.จักริน พิริยะจิตตะ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการสกัดกั้น กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายกฤษณ์ ภู่ประดิยุทธกุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ นายสราวุธ ภักดี ผอ.ปปส.ภ.6 นายธันวา ผุดผ่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 และฝ่ายปกครอง จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน และแม่ฮ่องสอน ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ภายหลังจากรัฐบาลต้องการให้ปัญหายาเสพติดลดลงให้ได้ภายใน 1 ปี โดยกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน 11 อำเภอ ชายแดนของจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย และได้กำหนดพื้นที่เพิ่มเติมอีก 7 อำเภอชายแดนของจังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา และน่าน รวมเป็น 18 อำเภอใน 6 จังหวัด

โดยในวันที่ 9-10 กันยายน 2567 ได้จัดประชุมทบทวนผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในกลไกที่บูรณาการงานร่วมกัน อาทิ หน่วยงานทหาร (กองกำลังผาเมือง,กองกำลังนเรศวร) ตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจภูธรภาค 6 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 ฝ่ายปกครองในพื้นที่ รวมถึงสำนักงาน ปปส. ภาค 5 และ ปปส. ภาค 6 เพื่อทบทวนการทำงานที่ผ่านมาและเตรียมวางแผนงานการดำเนินงานในปี 2568 ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดไป

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2567 ที่ผ่านมานั้น ดำเนินการ สกัดกั้น ปราบปรามขยายผล  ป้องกันยาเสพติด อย่างเข้มข้น มีเหตุปะทะ 44 ครั้ง กลุ่มขบวนการเสียชีวิต 31 ศพ ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ปริมาณของกลางยาบ้า 256 ล้านเม็ด ไอซ์ 2,682 กก. เฮโรอีน 375 กก. ฝิ่น 206 กก. และคีตามีน 21 กก.จับกุมผู้ต้องหาได้ 1,607 ราย รวมทั้งการปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ และสืบสวน ขยายผล ยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติด จำนวนกว่า 94.33 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการจัดระเบียบหมู่บ้านชายแดน สถานประกอบการ สถานบันเทิงในพื้นที่ และได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพแกนนำหมู่บ้าน/ชรบ. ในพื้นที่ชายแดน และส่งเสริมให้ ชรบ. ปฏิบัติการตรวจตราเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในพื้นที่หมู่บ้าน

ในปีงบประมาณ 2568 จะดำรงความต่อเนื่องในการสกัดกั้นยาเสพติดอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อสนองตอบต่อนโยบายรัฐบาล เพื่อให้ปัญหายาเสพติดลดลงให้มากที่สุด จนไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย และนำความปลอดภัยมาสู่พี่น้องประชาชน ซึ่งด้านการสกัดกั้นยาเสพติด ฝ่ายทหาร จะกำหนดกลยุทธ์และเอกภาพการบัญชาการในพื้นที่ โดยจะบูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจเพื่อแบ่งมอบพื้นที่และภารกิจให้สอดคล้องกับหน่วยงานป้องกันชายแดน ในส่วนด้านงานปราบปราม จะใช้กลยุทธ์การประสานงานข่าวยาเสพติดชายแดนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อกำหนดสภาพแวดล้อม บีบบังคับ กำจัดเสรีการปฏิบัติของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด จนนำไปสู่การจับกุมและยึดทรัพย์เครือข่ายการค้ายาเสพติด เพื่อลดทอนศักยภาพของเครือข่ายการค้ายาเสพติด ส่วนด้านการป้องกันยาเสพติด เน้นการเสริมสร้างหมู่บ้าน/ชุมชนชายแดน ให้มีความเข้มแข็ง รวมถึงการเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่  ส่วนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะใช้กลไกความร่วมมือในระดับท้องถิ่นบริเวณชายแดน เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงสถานการณ์ความรุนแรงและปัญหายาเสพติดร่วมกัน และให้ความร่วมมือในการจับกุมผู้กระทำผิดยาเสพติดที่หลบหนีหมายจับไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นำกลับมาลงโทษเพื่อตัดวงจรการค้าและการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ต่อไป

เชียงใหม่ ชาวบ้านดอยสะเก็ด บุก อบจ.เชียงใหม่ ทวงถามขยะส่งกลิ่นเหม็นหลายหมู่บ้าน ฟุ้งถึงวัดพระธาตุดอยสะเก็ด (คลิป)

ชาวบ้านดอยสะเก็ด บุก อบจ.เชียงใหม่ ทวงถามขยะส่งกลิ่นเหม็นหลายหมู่บ้าน ฟุ้งถึงวัดพระธาตุดอยสะเก็ด ประเมินด้านสิ่งแวดล้อมบอกชาวบ้านด้วย ผู้บริหาร ทั้ง อบจ.และบริษัทไม่ลงมาพบชาวบ้านเพื่อช่วยกันแก้ไข ชาวบ้านบอก แบบนี้หากเอาขยะไป อ.จอมทอง หรือที่อื่นชาวบ้านก็จะประท้วงแน่นอน บ่อขยะ อบจ.เชียงใหม่จะเต็มแล้ว

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ห้องประชุมศูนย์ป้องกันปัญหาหมอกควันไฟป่า สนง.อบจ.เชียงใหม่ นายสมชาติ วัฒนากล้า รองนายก อบจ.เชียงใหม่ พร้อมนายยุทธนา ลิ้มเลิศ หัวหน้าฝ่ายเครื่องกล สนง.อบจ.เชียงใหม่ ได้รับหนังสือจากตัวแทนชาวบ้าน นำโดยนายชัยศิลป์ รินแก้ว ประธานคณะทำงานกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชน คนรักดอยสะเก็ด นายอุดม อิ่นคำ อดีตผู้บริหาร อปท.ที่ปรึกษาเครือข่ายฯ และนายสุพจน์ ดวงอยู่สาร ผู้แทนคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพ อ.ดอยสะเก็ด ได้ยื่นหนังสือ เรื่อง ขอทราบความก้าวหน้าตามข้อคำถามและข้อเสนอภาคประชาชน คนรักดอยสะเก็ด ที่เสนอแก้ไขปัญหาขยะเน่าเหม็น ที่ศูนย์กำจัดขยะ อบจ.เชียงใหม่ ตั้งอยู่ หมู่ 1 ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ทุกวันนี้ขยะส่งกลิ่นเหม็นไปหลายหมู่บ้านเป็นเวลานานหลายเดือน เหม็นขึ้นไปบนวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวงด้วย จนชาวบ้านประท้วงเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2567 ให้เวลา อบจ.และบริษัทคู่สัญญาฯเอกชนที่รับกำจัดขยะ แก้ไขภายใน 1 เดือน

ต่อมา ชาวบ้านตั้งคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาชน “คนรักดอยสะเก็ด” ทำหนังสือเสนอแนะ พร้อมแนวทางแก้ไขปัญหาให้ อบจ.เชียงใหม่ ทำงานร่วมกับชาวบ้านเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะเน่าเหม็น ให้เวลา 1 เดือนเช่นกัน และในวันที่ 10 กันยายน 2567นี้ จะครบรอบ 1 เดือน จึงเดินทางมายื่นหนังสือถึง นายก อบจ.เชียงใหม่ ทวงถามว่า แก้ไขปัญหาไปถึงไหนแล้ว

หนังสือระบุว่า เรื่องที่กลุ่มเครือข่ายฯขอทราบความก้าวหน้าที่แจ้ง ถึง นายก อบจ.เชียงใหม่ ปัญหาผลกระทบจากลิ่นขยะเหม็นฟุ้งกระจายทั่วพื้นที่ชุมชนฯ ขอให้ยึดแนวทางแก้ไขปัญหา จำนวน 8 ข้อ และตามที่ทำ MOU กับชาวบ้าน ไว้ตั้งแต่แรก คือจัดเจ็บขะเฉพาะใน 4 อำเภอ คือ อ.ดอยสะเก็ด อ.สันทราย อ.แม่อ่อน และ อ.สันกำแพง และจากที่กำจัดขยะได้วันละ 250 ตันต่อวัน หากขยะมามากเกิน คือปัจจุบันมากกว่า 300 ตันต่อวันให้นำไปกำจัดที่อื่นต่อไปนั้น

ซึ่งใกล้ครบกำหนดที่ยื่นเอกสารหนังสือต่อ อบจ.เชียงใหม่ รวมเวลา 1 เดือน ยังไม่ได้รับคำตอบว่าได้ดำเนินไปถึงไหนแล้ว ซึ่งทางเครือข่ายฯคณะทำงานๆจะได้แจ้งแก่พี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบฯให้รับทราบและเพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดต่อไป

นายชัยศิลป์ รินแก้ว ประธานคณะทำงานกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนคนรักดอยสะเก็ด กล่าวว่า ปัญหาเร่งด่วนวันนี้ ขอแก้ไข 3 ข้อก่อน คือ 1.จัดระเบียบรถขนขยะ ที่มารอเข้าศูนย์กำจัดขยะ อบจ.ตั้งแต่เวลา 05.00-08.00 น.รถจำนวนมากสร้างปัญหาด้านการจราจรติดขัด และเป็นห่วงเกิดอุบัติเหตุ 2.ติดตั้งไฟฟ้าให้แสงสว่างของถนนด้านหน้าศูนย์กำจัดขยะ และ 3.ตัดหญ้าสองไหลทางเข้าศูนย์กำจัดขยะ เพื่อการจราจรที่สะดวกสำหรับชาวบ้านใช้เดินทางสัญจร ดังกล่าว และหากการจัดการขยะที่ อ.ดอยสะเก็ดไม่ดี ไม่มีคุณภาพ ไม่มืออาชีพ หากจะเอาขยะไปทิ้งที่ อ.จอมทอง ที่จะสร้างโรงไฟฟ้าจะเชื้อเพลงขยะ ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าชาวบ้านก็จะประท้วงได้ และ อ.จอมทองมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคืออุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของเชียงใหม่อีกด้วย ต้องมารับฟังปัญหาของชาวบ้านด้วย

นายธาม รักษ์ธรรมธัญ แพทย์ด้านสิ่งแวดล้อม ของเครือข่ายฯ กล่าวว่า การทำงานต้องการให้ผู้บริหารลงพื้นที่มารับทราบปัญหาของชาวบ้านบ้าง หากบ่อขยะอยู่ใกล้บ้านท่าน ท่านจะทราบปัญหา หากปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขชาวบ้านทนไม่ไหว อาจจะเอารถขนขยะไปจอดที่บ้านท่านผู้บริหารให้ได้ทราบว่ากลิ่นขยะนั้นมันเป็นอย่างไร

“และต้องการให้ทาง อบจ.และบริษัทที่รับกำจัดขยะ ให้ดูแลด้านสิ่งแวดล้อม น้ำ อากาศ กลิ่น แมลง ผลการประเมินทางวิชาการ หรือผลวิจัยทางวิชาการ สมควรนำมาบอกให้ประชาชนได้รับทราบด้วย“ แพทย์ด้านสิ่งแวดล้อม กล่าว

ทางนายสมชาติ วัฒนากล้า รองนายก อบจ.เชียงใหม่ รับเรื่องไปดำเนินการแก้ไขให้อย่างเร่งด่วนทันที่ 3 ข้อเสนอแก้ไขเร่งด่วน คือ เรื่องการจราจร ไฟฟ้า และตัดหญ้า จะให้เสร็จสิ้นในสัปดาห์หน้าทั้งหมด
และกล่าวแจ้งกับชาวบ้าน อีกว่า ต่อไปนี้ตนจะรับเรื่องแก้ไขปัญหาขยะโดยตรง เนื่องจากรับมอบหน้าที่มาจากนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายก อบจ.เชียงใหม่ ให้ทำงานช่วยประชาชนอย่างเต็มที่ จะประชุมสรุปปัญหาขยะดอยสะเก็ดอีกครั้งในวันที่ 10 กันยายน 2567 นี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ เพราะจังหวัดเชียงใหม่เองก็รับทราบปัญหาขยะของชาวบ้านมาโดยตลอด ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนร่วมประชุม สรุปปัญหาทุกด้าน

“ประเด็นสำคัญอีก คือ จัดหาที่ดินเพื่อเป็นที่จัดการขยะแห่งใหม่ต่อไป พร้อมหารือเกี่ยวกับสถานที่จัดสร้างโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลงขยะ สร้างอีกแห่งที่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ด้วย

ส่วนการแก้ไขปัญหาศูนย์กำจัดขยะนั้น บริษัทคู่สัญญาที่ดำเนินการ ได้กำจัดขยะสูงจาก 7 เมตร เหลือ 4 เมตร และนำขยะฝังกลับทั้งหมดแล้ว และคาดว่าบ่อขยะที่ฝังกลบจะเต็มในเดือนธันวาคม 2567 นี้ ดังนั้นจึงมีการประชุมวันที่ 10 กันยายน นี้เพื่อหาพื้นที่กำจัดขยะของ อบจ.เชียงใหม่แห่งใหม่ต่อไป นายสมชาติ วัฒนากล้า รองนายก อบจ.เชียงใหม่ กล่าว.

เชียงใหม่ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ 8 มหาวิทยาลัยต่างประเทศ จัดประชุมวิชาการนานาชาติ “การเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพโลก” (คลิป)

คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ 8 มหาวิทยาลัยต่างประเทศ จัดประชุมวิชาการนานาชาติ ‘การเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพโลก’: การสร้างความเข้มแข็งด้านผลลัพธ์ทางสุขภาพ การศึกษา การปฏิบัติทางคลินิก และวิจัย (Global Health Recalibration: Strengthening Outcomes, Education, Clinical Practice, and Research) โดยมี นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิดการประชุม พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทพ.พิริยะ เชิดสถิรกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธานี แก้วธรรมานุกูล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันพุธที่ 4 กันยายน 2567


ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นักวิชาการ นักวิจัยด้านสุขภาพ รวมทั้งนักศึกษาจากประเทศไทยและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 433 คน จากทั่วโลก ได้แก่ ออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน จีนไทเป เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มัลดีฟส์ นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออภิปรายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพโลก ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลลัพธ์ทางสุขภาพที่เข้มแข็ง การศึกษา การปฏิบัติทางคลินิก และวิจัย รวมถึงโอกาสและความท้าทาย ของการสร้างผลลัพธ์ที่เข้มแข็งทางด้านสุขภาพ ผ่านความร่วมมือระหว่างสหวิชาชีพ นอกจากนั้น ยังเป็นเวทีสำหรับสหวิชาชีพ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพในการสร้างเครือข่าย อันจะนำไปสู่การพัฒนาทีมสุขภาพและการพัฒนาสุขภาพโลกในระดับภูมิภาคและระดับโลก

การประชุมวิชาการนานาชาติ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพโลก: การสร้างความเข้มแข็งด้านผลลัพธ์ทางสุขภาพ การศึกษา การปฏิบัติทางคลินิก และวิจัยในครั้งนี้ นับเป็นการจัดประชุมวิชาการนานาชาติครั้งที่ 7 ที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุม ซึ่งจะเป็นการสานต่อ และพัฒนาองค์ความรู้ ด้านการส่งเสริมสุขภาพของโลกต่อเนื่องมาจากการจัดประชุมวิชาการนานาชาติที่คณะพยาบาลศาสตร์ได้จัดไปแล้ว จำนวน 6 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2544, พ.ศ. 2547, พ.ศ. 2551, พ.ศ. 2555, พ.ศ. 2559, และ พ.ศ. 2563 (จัดทุก 4 ปี) ซึ่งประสบผลสำเร็จอย่างมาก ซึ่งจะเห็นได้จากการที่มีผู้เข้าร่วมการประชุมมาจากทั่วโลก ทั้งนี้ยังได้ดำเนินกิจกรรมพบปะสนทนาระหว่างผู้แทนจากเครือข่ายของศูนย์ความร่วมมือทางการพยาบาลและการผดุงครรภ์ขององค์การอนามัยโลก The Global Network of WHO Collaborating Centers จากนานาประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กระชับความสัมพันธ์ และส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างศูนย์ความร่วมมือและสมาชิกพันธมิตร

สำหรับการจัดประชุมวิชาการนานาชาติ Global Health Recalibration 2024 จะเป็นการเผยแพร่ให้ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากวิทยากร/ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในระดับโลก จำนวน 15 คน นอกจากนี้ ในการประชุม ได้มีการนำเสนอผลงานวิจัย จำนวน 236 เรื่อง แบ่งเป็นการนำเสนอแบบปากเปล่า (Oral Presentation) 120 เรื่อง และนำเสนอด้วยโปสเตอร์ 116 เรื่อง และได้มีการจัดนิทรรศการวิชาการจากสถาบันการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถเลือกชมกิจกรรม และความก้าวหน้าของสถาบันการศึกษาต่างๆ อีกด้วย

เชียงใหม่ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดกิจกรรมแข่งขัน “เชียงใหม่ไนท์ซาฟีรี Balance Bike” (เจ้าหนูขาไถ) ครั้งที่ 1(คลิป)

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ใส่ใจด้านสุขภาพ จัดกิจกรรมแข่งขัน “เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Balance Bike (เจ้าหนูขาไถ) ครั้งที่ 1

(31 สค.67 ) สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดกิจกรรมแข่งขัน “เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Balance Bike (เจ้าหนูขาไถ) ครั้งที่ 1 โดยมี นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นประธานเปิดการแข่งขัน ณ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า การจัด “การแข่งขัน Balance Bike (เจ้าหนูขาไถ) ครั้งที่ 1” ในวันนี้ จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนด้านสุขภาพ เป็นโอกาสที่น้องๆ ทุกคน ได้มาสัมผัสกับความสนุกสนาน พร้อมกับการออกกำลังกายท่ามกลางธรรมชาติ และยังได้เสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกายที่แข็งแรง พัฒนาการทางด้านจิตใจ อารมณ์ ให้มีความเบิกบาน มีความกล้าหาญ มีน้ำใจนักกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ ด้วยกิจกรรมจักรยานขาไถ พร้อมทั้งสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกันระหว่างน้องๆ เพื่อนๆ และครอบครัว ซึ่งล้วนเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มพัฒนาการของน้องๆ อีกด้วย


โดยการแข่งขันนี้ มีน้องๆ หนูๆ เข้าร่วมมากกว่า 150 คน แบ่งเป็นรุ่นอายุ 3 ขวบ ไปจนถึงรุ่นอายุ 7-10 ขวบ ซึ่งในแต่ละรุ่นผู้ชนะเลิศและรองชนะเลิศก็จะได่รับถ้วยรางวัล เป็นการปลูกฝังให้เด็กๆ หันมาเล่นกีฬา

เชียงใหม่ โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง จัดประชุมวิชาการครบรอบ 25 ปี ยกระดับการดูแลโรคมะเร็ง(คลิป)

โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง จัดประชุมวิชาการครบรอบ 25 ปี ยกระดับการดูแลโรคมะเร็งด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์


แพทย์หญิง อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ คูประเสริฐยิ่ง นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งลำปาง ร่วมเปิดประชุมวิชาการครบรอบ 25 ปี โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง “ยกระดับการดูแลโรคมะเร็งด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Advanceed Cancer Care Through Medical Innovation & Technology) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 30 สิงหาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติ โรงแรมดิเอ็มเพรส อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และบุคลากรทางการแพทย์ในเขตสุขภาพที่ 1 และ 2 โรงพยาบาลมะเร็งภูมิภาค โรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ และโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย เข้าร่วมกิจกรรม

ทั้งนี้เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านโรคมะเร็งที่ทันสมัย ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข สนับสนุนให้นักวิชาการและผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานต่าง ๆ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านวิชาการโรคมะเร็ง รวมทั้งสร้างความร่วมมือในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งกับเขตสุขภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความก้าวหน้าทางวิชาชีพ

อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสาธารณสุขอันดับ 1 ของประเทศไทย กรมการแพทย์โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และโรงพยาบาลมะเร็งในภูมิภาค 7 แห่ง หรือที่เรียกว่ากลุ่มมะเร็ง 7+1 ได้วางแนวทางเพื่อแก้ปัญหาโรคมะเร็งอย่างเป็นระบบ ตามแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งระดับชาติ (National Cancer Control Program : NCCP) อันเป็นความร่วมมือของทุกเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันดำเนินการจัดทำแผนชาติขึ้น โดยมุ่งเน้นการเข้าถึงการบริการด้านโรคมะเร็งอย่างครบวงจรครอบคลุมทั้งการส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษาโรคมะเร็ง ซึ่งในเขตสุขภาพที่ 1 และ 2 นี้ โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง ได้บูรณาการงานด้านโรคมะเร็งและสร้างความร่วมมือระหว่างเครือข่ายสุขภาพดำเนินงานร่วมกันอย่างดีมาตลอด

ที่ผ่านมาโรงพยาบาลมะเร็งลำปาง ได้ขับเคลื่อนทั้งการป้องกันโรคมะเร็ง เช่นการให้วัคซีน HPV vaccine for Non-School Based ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข รณรงค์เพิ่มความรู้ในการป้องกันโรคมะเร็งปอด เนื่องจากมะเร็งปอดในภาคเหนือ ยังคงเป็นปัญหาสุขภาพที่ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในช่วงที่มีปัญหามลพิษจากหมอกควัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของประชาชนในภาคเหนือ การให้บริการรักษาโรคมะเร็งด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งเข้าถึงการรักษาโรคมะเร็งทุกที่ สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน โดยผู้ที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) หรือบัตร 30 บาท ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งแล้ว สามารถเข้ารับบริการรักษาโรคมะเร็งได้ไม่ต้องใช้ในส่งตัว สามารถยื่นบัตรประจำตัวประชาชนสมาร์ทการ์ดเพื่อแสดงตัวตนใช้สิทธิบัตรทองก่อนรับบริการทุกครั้ง ซึ่งโรงพยาบาลมะเร็งลำปางได้เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา

เชียงใหม่ ตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ แถลงผลการจับกุม ชาวต่างชาติ ในช่วง 1 เดือน จับกุมได้มากกว่า 30 ราย ส่วนใหญ่อยู่เกินกำหนดหรือโอเวอร์สเตย์(คลิป)

ตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ แถลงผลการจับกุม ชาวต่างชาติ ในช่วง 1 เดือน จับกุมได้มากกว่า 30 ราย ส่วนใหญ่อยู่เกินกำหนดหรือโอเวอร์สเตย์ ดำเนินคดีและผลักดันออกนอกประเทศ

พันตำรวจเอก สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผู้กำกับ ตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ พันตำรวจโทหญิง พัสษลพร ศุกระศร รองผู้กำกับตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ ร่วมแถลงผลการจับกุม นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ รายแรกเป็นม้งลาว สัญชาติอเมริกัน อายุ 74 ปี เข้ามาอย่างถูกต้อง แต่เมื่อครบกำหนดอนุญาต ได้หลบเลี่ยงการตรวจของเจ้าหน้าที่ อาศัยที่พูดและฟังภาษาไทยได้ และเดินทางไปพักอาศัยหลายๆจังหวัด โดยเช่าห้องพักเล็กๆอาศัย และสุดท้ายมาถูกจับกุม ที่โรงแรม ย่านถนนท้ายวัง ในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าอยู่เกินกำหนด มากถึง 1,563 วัน

และรายที่ 2 เป็นชายชาวเมียนมา ซึ่งเข้ามาทำงาน สถานประกอบการ แต่อยู่เกิน 240 วัน ส่วนรายที่ 3 จับกุมนักท่องเที่ยว ชาวยูเครน อายุ 35 ปี เข้ามาทำธุรกิจ ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ทางออนไลน์ ไม่ได้มีการประกอบอาชีพแต่อย่างใด และเก็บตัวอยู่แต่ในห้องพัก และอยู่โดยการอนุญาตสิ้นสุด หรือเกินถึง 131 วัน และรายที่ 4 เป็นนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ อายุ 36 ปี ชอบไปก่อความเดือดร้อนรำคาญ บริเวณสถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ และถูกพลเมืองดี แจ้งให้จับกุม และถูกเจ้าหน้าที่ตามจับกุมได้ ที่บริเวณสุสานแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองเชียงใหม่ และอยู่เกินกำหนด 39 วัน จึงควบคุมตัวดำเนิน คดีตามกฎหมาย และผลักดันออกนอกประเทศต่อไป

พันตำรวจตรี สุธีรเทพ โพธิ์นฤมิตร สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เผยว่า สำหรับในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ จับกุม ต่างด้าวที่ทำผิด หรืออยู่เกินกำหนดอนุญาต มากกว่า 30 ราย โดยจะมีการเข้มงวดกวดขัน อย่างต่อเนื่อง หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือมีข้อสงสัย สามารถติดต่อผ่านทาง websiteของตม.จว.เชียงใหม่ หรือโทรศัพท์สายตรง 053 / 201755

เชียงใหม่ วัดโลกโมฬี จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสะพานบุญ ระดมคาราวาน รถ 6 ล้อ ขนเครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม พื้นที่วิกฤติ จ.เชียงราย แพร่ สุโขทัย(คลิป)

ธารน้ำใจชาวเชียงใหม่ สู้ภัยน้ำท่วม วัดโลกโมฬี จังหวัดเชียงใหม่ พร้อม คณะสงฆ์ฯ ร่วมกับชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่ และเครือข่ายพันธมิตรผู้มีจิตเป็นกุศล ระดมสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค หลายพันชุด เดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วภาคเหนือ ในพื้นที่ จ.เชียงราย แพร่ และสุโขทัย

ที่วัดโลกโมฬี อ.เมืองเชียงใหม่ ดร.พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ประธานสงฆ์ (เจ้าอาวาส) วัดโลกโมฬี ในนามมูลนิธิพระบรมธาตุดอยสุเทพ ร่วมกับคณะสงฆ์เชียงใหม่ และเครือข่ายพันธมิตรหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย มจร.วิทยาเขตเชียงใหม่ วัดเจ็ดลิน วัดแสงแก้ว อ.แม่แจ่ม รร.โสตศึกษาอนุสารสุนทร บ.นิ่มซี่เส็งขนส่ง ชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนศรัทธาประชาชนผู้มีจิตเป็นกุศล ระดมสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค หลายพันชุด เดินทางไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั่วภาคเหนือ เบื้องต้นลงพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย อ.วังชิ้น จ.แพร่ และ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย

โดยสิ่งของที่ นำไปช่วยเหลือครั้งนี้ประกอบด้วย เครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง ไข่ไก่ ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งเร็จรูป น้ำดื่ม ยารักษาโรค แพมเพิส หลายพันชุด ไปช่วยเหลือ โดยได้รับความอนุเคราะห์รถ 6 ล้อที่ใช้ขนสิ่งของจาก จากบริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง จำกัด ร้าน ต.เต่ายานยนต์ และดอยคำออฟโรด

ดร.พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ กล่าวว่า ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่วัดโลกโมฬี และกัลยาณมิตรได้ร่วมจัดส่งสิ่งของที่ได้รับบริจาคไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งครั้งแรกเดินทางไปมอบสิ่งของที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย อ.เทิง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เกิดน้ำท่วมอย่างหนักในรอบ 30 ปี

“เมื่อเห็นสถานการณ์ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยแล้ว รู้สึกเห็นใจ และมีความเป็นห่วง คณะสงฆ์ฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงขอเป็นส่วนหนึ่ง ส่งกำลังใจและความช่วยเหลือมาให้ตามกำลังเท่าที่จะสามารถทำได้” ดร.พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ กล่าว

พร้อมกันนี้ ยังได้ประกาศตั้งจุดรวบรวมสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพิ่มเติม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ณ วัดโลกโมฬี อ.เมืองเชียงใหม่ ผู้มีจิตเป็นกุศลประสงค์จะมอบสิ่งของบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย ติดต่อได้ที่วัดโลกโมฬี (เบอร์ 0963633996 , 065-4165938 , 0813876677) โดยสามารถนำสิ่งของไปร่วมบริจาคได้ทุกวัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยทางวัด จะรวบรวมสิ่งของทั้งหมด จัดส่งถึงพื้นที่ ประสบภัยต่อไป