ตำรวจใกล้สรุปคดีมรดกปางช้างแม่สา พบงาช้างกว่า 200 กิ่งที่หายแล้ว และคดีเงินหายรอสอบเจ้าหน้าที่ธนาคาร
ศึกมรดกพันล้านของพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่เสียชีวิตลงเมื่อต้นปี 2562 ทิ้งทรัพย์สมบัติทั้งในและนอกพินัยกรรมมหาศาลไว้ให้ทายาทจัดแบ่งบันกัน แต่ปรากฎว่าเป็นเวลาล่วงมาร่วม 4 ปี ไม่สามารถจัดแบ่งหรือโอนทรัพย์สินให้กับทายาทได้เนื่องจากยังมีการฟ้องร้องกันในหมู่เครือญาติร่วม 30 คดี รวมทั้งมีตรวจพบเงินเลี้ยงช้างตามพินัยกรรมหายจำนวนถึง 117 ล้านบาทและยังมีงาช้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กว่า 200 กิ่ง ที่เก็บไว้ที่บ้านล้านช้าง ของนายชูชาติ หายไปยังไม่ทราบผู้เก็บไว้ทั้งสองคดีมีการแจ้งความตำรวจเป็นคดีอาญาตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้ว
ความคืบหน้า ทั้งสองคดีทั้งคดีงาช้างที่หายไปจำนวน 200 กว่ากิ่ง และเงินที่ใช้ในบัญชีหมุนเวียนเลี้ยงช้างของปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่หายไปจำนวน 117 ล้านบาท ทั้งสองเรื่องผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ ที่เข้ามาควบคุมคดีด้วยตัวเองทั้งสองเรื่อง ได้เผยว่าในตดีงาช้างที่หายไปกว่า 200 กิ่ง ในบ้านล้านช้าง ซึ่งทางตำรวจได้สืบสวนสอบสวนพยานหลายปากในขณะนี้ทราบว่าได้พบงาช้างเกือบทั้งหมดแล้ว โดยมีผู้นำไปเก็บรักษาไว้อีกที่หนึ่ง แต่ก็จะสอบสวนขอเท็จจริงในเรื่องนี้ก่อนที่จะสรุปคดี ส่วนในเรื่องเงินจำนวน 117 ล้านบาท ทางตำรวจได้สอบสวนพยานหลายปากแล้ว รวมทั้งแพทย์ที่รักษานายชูชาติ กัลมาพิจิตร ในช่วงที่ไม่สบาย ยังคงเหลือการสอบสวนเจ้าหน้าที่ธนาคารอีก 2 คน ที่เข้าไปทำนิติกรรมในโรงพยาบาล ก็คงจะสามารถสรุปคดีได้ในไม่ช้านี้
ทั้งสองเรื่อง ทั้งงาช้าง ที่หายไปและ เงินที่หายไป ผู้สื่อข่าวได้ถาม นายวรพงษ์ คำนนท์ ทนายความของนางอัญชลี กัลมาพิจิตร ที่มาติดตามคดี ซึ่งในคดีงาช้างที่หายไปนั้น ตนเองได้ทราบจากพนักงานสอบสวนในคดี ว่าได้รับแจ้งว่าพบงาช้างที่หายไปแล้วภายในบ้านล้านช้าง ก่อนหน้านี้ 3 วันจึงได้เดินทางพร้อมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอนุรักษ์พื้นที่ 16 ได้เข้าไปตรวจสอบพร้อมนำหลักฐานรูปพรรณทะเบียนงาช้างทั้งหมดไปด้วยพบว่าเป็นงาช้างที่หายไปจริง แต่ถูกเก็บรักษาไว้คนละที่ ซึ่งตนเองก็แปลกใจในวันที่เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินพร้อมนางอัญชลี เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2565 แต่ก็ไม่พบงาช้างทั้งๆที่มีน้ำหนักกว่า 1,000 กิโลกรัม จนมีการนำเสนอข่าวทางสื่อติดต่อกันหลายวัน ก็ไม่ทราบว่าทำไมผู้ที่เก็บครอบครองไว้ทำไมไม่แจ้งทางเจ้าหน้าที่ให้ทราบก่อน จนมีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นทนายความก็เห็นว่าเป็นความผิดลักทรัพย์ที่สำเร็จแล้ว มีการเคลื่อนที่ออกไปและนำกลับมาคืนก็ขอให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจที่จะดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้
ส่วนในเรื่องเงินที่หายไปจำนวน 117 ล้านบาท คดีนี้ตนเองมีหลักฐานสำคัญในช่วงที่มีการประชุมและทำนิติกรรมในโรงพยาบาลในขณะที่นายชูชาติ กัลมาพิจิตร นอนรักษาตัว ซึ่งหลักฐานเอกสารการประชุมไม่ตรงกันและมีหลายอย่างที่ไม่ถูกต้อง แต่กลับมีการกระทำผิดเกิดขึ้นก่อนทั้งๆที่ยังไม่มีอำนาจในการจัดการใดๆเรื่องนี้ก็ขอให้ทางตำรวจสอบสวนสืบสวนให้ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องคดีเงินหาย 117 ล้านบาท ทางนางอัญชลี ได้มีการแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งหมด 6 คนแล้ว เรื่องนี้จะต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐานที่พบ