วัดพระธาตุดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ จัดพิธีอัญเชิญองค์พระพุทธรูปปางประทานพระเกศาธาตุและประทับรอยพระบาท และ ยกฉัตรทองคำ ขึ้นประดิษฐานภายในพระมหาเจดีย์ครอบรอยพระพุทธบาทเมืองโยนก เป็นสิริมงคลแก่ทางวัดและพุทธศาสนิกชน
วันนี้ (21 ธ.ค. 67) นางฐาปนา รักติประกร รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันประกอบพิธีอัญเชิญองค์พระพุทธรูปปางประทานพระเกศาธาตุและประทับรอยพระบาท ขึ้นบนแท่นประดิษฐาน และ พิธียกฉัตรทองคำ ขึ้นประดิษฐานบนยอดมณฑปไม้สักทอง ภายในพระมหาเจดีย์ครอบรอยพระพุทธบาทเมืองโยนก วัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยมี พระพรหมเสนาบดี เจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ราชวรวิหารเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
สำหรับรอยพระพุทธบาทแห่งนี้สันนิษฐานกันว่า มีมาพร้อมกับเส้นพระเกศาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บรรจุอยู่ในพระเจดีย์วัดพระธาตุดอยสะเก็ด ตามตำนานที่ปรากฏคู่มากับวัดว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เคยเสด็จมา ณ ดอยแห่งนี้ ขณะนั้นมีพญานาคสองตนได้แปลงร่างเป็นมนุษย์แล้วนำดอกบัวจากหนองชัวหน้าดอยทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมาถวายพระพุทธองค์ และสถานที่ถวายดอกบัวนั้นน่าจะเป็นจุดที่พระพุทธองค์ได้ทรงอธิษฐานประทับรอยพระบาทไว้ด้วย
โดยรอยรอยพระพุทธบาทเมืองโยนกที่พบบนยอดดอยสะเก็ด ที่ วัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ นั้น เป็นรอยพระพุทธบาทแห่งที่ 4 จากรอยพระพุทธบาทสำคัญ 5 แห่งที่ปรากฏอยู่ตามประวัติโบราณ เป็นรอยพระพุทธบาทคู่ ขนาดใหญ่กว่าคนปกติเล็กน้อย ความยาวประมาณ 31 ซม. พระบาทข้างซ้ายเหลื่อมไปทางข้างหน้าเล็กน้อย ปลายพระบาททั้งคู่หันหน้าตรงไปทางทิศตะวันออก เป็นรอยพระพุทธบาทที่เหมือนจริงที่สุด เมื่อตรวจสอบตามสเกลพบว่ามีขนาดใกล้เคียงความสูงกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในรอยพระบาทนั้นนอกจากจะมีดวงตราพระธรรมจักรแล้ว ยังมีลายเอ็นเส้นก้านใบบัวปรากฏอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการดูและรักษารอยพระบาทนี้ไว้ ทางจังหวัดเชียงใหม่และทางรัฐบาลไทย โดยกระทรวงมหาดไทย จึงได้ถวายที่ตรงนี้ให้กับทางวัดพระธาตุดอยสะเก็ด เพื่อสร้างพระมหาเจดีย์และพลับพลามณฑปครอบรอยพระพุทธบาทในเมืองโยนกนี้ไว้ เพื่อให้เป็นปูชนียสถานสำคัญและให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา โดยได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2561 มาจนถึงปัจจุบันซึ่งใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ภายใต้งบประมาณกว่า 120 ล้านบาท ซึ่งในวันนี้ (21 ธ.ค. 67) เป็นการครบรอบ 6 ปี ของการก่อสร้าง