กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ “ดีพร้อม” ผนึกกำลังกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เปิดตัวกิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและความงามอัพไซเคิล (Upcycled Food & Beauty)” ภายใต้โครงการสร้างการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (SUSTAINDUSTRY) ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชีวภาพหมุนเวียนและสีเขียว (BCG Economy) ในภูมิภาค และผลักดันผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดโลกด้วยแนวคิดเศรษฐกิจยั่งยืน
วันนี้(16 ตค.68) ห้อง ธาราทอง 2 ชั้น 2 โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่ “ดีพร้อม”ผนึกกำลัง กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เปิดตัว ‘Upcycled Food & Beauty’ ชูเศรษฐกิจสีเขียว ลดปัญหา Food Loss ปั้นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงสู่ตลาดโลก จัดแถลงข่าวเปิดตัวการดำเนินกิจกรรมดังกล่าว ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอดรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นางสาวชฏาพร วรรณแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาการส่งเสริมธุรกิจอุตสาหกรรม ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม , ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชิตาพัณณ์ ใบงิ้ว ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์ และรองศาสตราจารย์ ,ดร.โพธิ จ้าวไพศาล รองผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้อีกด้วย
นางสาวชฎาพร วรรณแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาการส่งเสริมธุรกิจอุตสาหกรรม ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โดย ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนและผลักดันการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี งานวิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับความคิดสร้างสรรค์มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมโดยใช้ทุนทรัพย์ที่มีอยู่ในพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งสอดรับกับนโยบายของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2568 “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ที่นี่มีแต่ให้” ภายใต้กลยุทธ์ “ให้เครื่องมือทันสมัย” เพื่อเพิ่มศักยภาพและผลิตภาพรองรับการเปลี่ยนแปลงร่วมกับบูรณาการเชิงพื้นที่ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ 4 ให้ 1 ปฏิรูป “ให้ทักษะใหม่ ให้เครื่องมือทันสมัย ให้โอกาสโตไกล ให้ธุรกิจไทยที่ดีคู่ชุมชน ปฏิรูป DIPROM” ควบคู่กับการผลักดันการขับเคลื่อนนโยบาย SUSTAINDUSTRY ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 มุ่งเน้นการสร้างการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการใช้หลัก เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วยความตระหนักถึงการลดปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคเหนือ ได้แก่ (1) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปในพื้นที่ ที่มีการใช้วัตถุดิบสูงแต่มีประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ส่งผลให้เกิดวัตถุดิบเหลือใช้ (By-Product) และผลผลิตพลอยได้ในปริมาณมาก (2) การลดวิกฤต Food Loss จากผลผลิตทางการเกษตรตกเกรด เช่น รูปทรง สี หรือขนาดที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ไม่ถูกส่งต่อเพื่อการบริโภค ก่อให้เกิดปัญหา และส่งผลกระทบ
ต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง และ (3) การผลักดันการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ และการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นางสาวชฎาพร วรรณแก้ว กล่าวต่อว่า ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 ได้ตระหนักถึงสภาพปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดทำกิจกรรม “พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและความงามอัพไซเคิล” (Upcycled Food & Beauty) ภายใต้โครงการสร้างการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (SUSTAINDUSTRY) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารอัพไซเคิล (Upcycled Food) และความงามอัพไซเคิล (Upcycled Beauty) จากวัตถุดิบเหลือใช้ ผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตอาหาร และผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ที่มีมูลค่าต่ำหรือตกเกรดไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ ร่วมกับกระแสนิยมของผู้บริโภคที่ใส่ใจรักสุขภาพเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่ม “Vegan” ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาส่วนผสมจากสัตว์ สอดคล้องกับการปรับรูปแบบธุรกิจตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไปพร้อมกัน สอดรับกับนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนหนึ่งในกุญแจสำคัญของนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่
โดยนำทรัพยากรและวัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์ในขั้นแรกไปแล้วนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตอีกครั้ง
โดยนำกลับมาใช้เพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับส่วนเหลือทิ้งในกระบวนการผลิต
เพื่อลดปริมาณขยะจากภาคการผลิตให้เป็นศูนย์ (ZERO WASTE) ดังนั้น กิจกรรมนี้ จึงตอบโจทย์การเปลี่ยน
“ภาระ” ที่เคยสร้างมลพิษ ให้กลายเป็น “โอกาส” ในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจใหม่ให้กับพื้นที่
นางสาวชฎาพร วรรณแก้ว กล่าวต่อว่า สำหรับกิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและความงามอัพไซเคิล (Upcycled Food & Beauty) ในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือในการพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อปรับเปลี่ยนและยกระดับผู้ประกอบการให้ก้าวทันพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดย ดีพร้อม ได้บูรณาการความร่วมมือกับกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ เพื่อยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการภาคเกษตรอุตสาหกรรมในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และผลักดันการบริหารจัดการผลผลิตหรือวัตถุดิบเหลือใช้ให้เกิดการหมุนเวียนทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ (Value Creation)
จากผลผลิตหรือวัตถุดิบเหลือใช้จากห่วงโซ่การผลิตอาหาร มุ่งเน้นเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Vegan Trend) สร้างสรรค์สินค้าที่ตอบโจทย์กระแสนิยมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนสู่
ZERO WASTE โดย ดีพร้อม ตั้งเป้าผลักดันผลิตภัณฑ์อาหารและความงามอัพไซเคิล จำนวน 20 ผลิตภัณฑ์
จากอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน และลำปาง)
ผ่านการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารอัพไซเคิล (Upcycled Food) และผลิตภัณฑ์ความงามอัพไซเคิล (Upcycled Beauty) ภายใต้แนวคิดการสร้างความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
ทางธรรมชาติ สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน ร่วมกับกระแสนิยมของผู้บริโภคที่ใส่ใจรักสุขภาพเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม “Vegan” สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์โดยประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ร่วมกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าด้วยวิธีการที่มีจริยธรรม พร้อมทั้งนำผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาเข้าทดสอบตลาด (Market Testing) สร้างโอกาสทางการตลาด โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้สูงถึงกว่า 20.35 ล้านบาท
นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน มีการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคการผลิต ภาคการบริการ รวมถึงภาคการเกษตร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของภาคเหนือด้วยภูมิประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์เอื้อต่อการทำการเกษตรกรรม ทำให้มีผลผลิตทางการเกษตรจำนวนมากส่งผลให้เกิดการนำผลผลิตทางการเกษตรไปแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่เนื่องจากอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปนั้นในกระบวนผลิตมีการใช้วัตถุดิบอยู่ในเกณฑ์สูง แต่ประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรในการผลิตสินค้ายังอยู่ในระดับต่ำ และมีการใช้วัตถุดิบอย่างสิ้นเปลืองและสร้างมูลค่าเพิ่มได้น้อยกว่าที่ควร ทำให้เกิดวัตถุดิบเหลือใช้หรือผลผลิตพลอยได้ (By-Product) จากกระบวนการผลิตอาหาร นอกจากนี้ ยังมีวิกฤตจากการสูญเสียอาหาร (Food Loss) ที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่การผลิต ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการในภาคการผลิตโดยตรง ก่อให้เกิดขยะอาหารเป็นจำนวนมาก
ด้วยเงื่อนไขด้านมาตรฐานอาหารที่สูง ทำให้ต้องคัดเลือกและทิ้งส่วนที่ไม่ต้องการเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดผลผลิตทางการเกษตรที่มีมูลค่าต่ำ หรือตกเกรด เนื่องจากรูปทรง สี ขนาด หรือลักษณะอื่นใดที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุดิบที่ไม่ถูกส่งผ่านไปเพื่อการบริโภคก่อให้เกิดปัญหาของเสียและมลพิษ ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามมา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับกิจกรรมที่เน้นความยั่งยืน คือ ผลตอบแทนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม (SROI) ซึ่งเป็นการสร้างคุณค่าที่ไม่สามารถวัดเป็นตัวเงินได้ทั้งหมด และคาดว่ากิจกรรมนี้จะมีส่วนช่วยลดปริมาณวัตถุดิบเหลือใช้ (By-Product) และ Food Loss ที่ต้องนำไปกำจัดในแต่ละปีอย่างมีนัยสำคัญ นำไปสู่การลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นผลตอบแทนต่อสิ่งแวดล้อมของกลุ่มจังหวัดโดยตรง และหวังเป็นอย่างยิ่งจากความสำเร็จของการดำเนินกิจกรรมนี้ จะสามารถขยายผลไปสู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ให้ตื่นตัวเพิ่มขึ้นและสามารถสร้างสายการผลิตผลิตภัณฑ์ในลักษณะที่เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกแห่งอนาคตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นการขยายตัวการดำเนินธุรกิจอันจะนำไปสู่การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจของภูมิภาคให้ขยายตัวสูงขึ้นตามไปด้วย