ทนายสาวช่วยผู้ค้ำประกัน ถูกผู้กู้เบี้ยวจ่าย จนครอบครัวแตกแยก ป่วยซึมเศร้าคิดฆ่าตัวตาย พาร้องศูนย์ดำรงธรรม และยุติธรรมจังหวัด วอนช่วยไกล่เกลี่ยหนี้สินให้
วันนี้)21 ตค.68) ที่ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวณัฐปภัสร์ ขวัญเมือง (ทนายณัฐ) นำนาย A (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี เป็นชาวบ้านอยู่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ค้ำประกันการกู้ยืมเงินของ นาย B (นามสมมุติ) ทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งไปกู้เงินกับธนาคารรัฐที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าย่านอำเภอหางดง เมื่อวันที่ 7 เม.ย.56 เป็นจำนวนเงิน 900,000 บาท ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวจากธนาคารไปครบถ้วนแล้วในวันทำสัญญา โดยตกลงยินยอมเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารในอัตราที่ประกาศกำหนด พร้อมทั้งดอกเบี้ยตามสัญญาคืนให้แก่ธนาคาร โดยส่งจ่ายเป็นงวดรายเดือน ไม่น้อยกว่างวดละ 5,600 บาท ชำระภายในวันสุดท้ายของทุกเดือน โดยเริ่มชำระงวดแรกเดือน เม.ย.56 เป็นต้นไป และจะชำระหนี้ทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายใน 360 เดือน แต่ผู้กู้ คือนาย B ไม่ยอมจ่ายหนี้เลย จนธนาคารฟ้องร้องคดียึดทรัพย์ รอขายทอดตลาดทั้งผู้กู้และผู้ค้ำประกันแล้วนั้น
นาย A กล่าวว่า ตนเป็น 1 ใน 3 คนที่เป็นผู้ค้ำประกันให้นาย B ตนเครียดมานานกว่า 1 ปี หลังจากค้ำประกันให้ผู้กู้ คือนาย B แล้วไม่ชำระหนี้เลย จนกระทั้งธนาคารฟ้องร้องยึดทรัพย์คนค้ำ ซึ่งผู้ค้ำทั้ง 3 คน วันนี้ตนถูกยึดทรัพย์ และรอการขายทอดตลาดบ้าน และที่ดิน และทรัพย์สินอื่นๆ
“วันนี้ครอบครัวผมแตกแยก เพราะภรรยากล่าวหาว่า ผมเป็นผู้นำปัญหามาในบ้าน ต้องถูกยึดทรัพย์ สุดท้ายผมต้องหย่าร้างกับภรรยา ลูกก็ไปอยู่กับครอบครัวภรรยา การใช้ชีวิตของผมมีปัญหามาตลอด จนเกิดความเครียด และเป็นโรคซึมเศร้า การทำงานของผมก็บกพร่อง จนคิดฆ่าตัวตายหลายครั้งในหลายวิธี เช่น คิดจะดื่มยาฆ่าแมลง และพยายามผูกคอตายมาแล้ว” นาย A กล่าว
นางสาวณัฐปภัสร์ ทนายความ นาย A กล่าวว่า ที่ตนอาสารับให้คำปรึกษาคดีเนื่องจากญาติของนาย A มาปรึกษาตนเพราะนาย A จะฆ่าตัวตายหลายครั้ง ตนเห็นว่า น่าจะไกล่เกลี่ยได้เพราะมีผู้ค้ำประกันอีก 2 คน ก็ต้องมาร่วมรับผิดชอบด้วย แต่เมื่อตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ค้ำประกัน อีก 2 คนนั้นพบว่า ไม่มีทรัพย์สินอะไรมาก ปัญหาเลยมาตกที่นาย A ที่ถูกยึดทรัพย์มากที่สุด
“วันนี้มายื่นหนังสือให้ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ วอนขอให้ช่วยเป็นตัวกลางประสานกับ เจ้าหนี้ และลูกหนี้หรือผู้กู้ คือนาย B และะผู้ค้ำประกันรายอื่น มาตกลงกัน ขอให้ใช้หลักมนุษยธรรมเพื่อตกลงไกล่เกลี่ยกัน
“ส่วนนาย A รับผิดชอบในฐานะผู้ค้ำประกัน ได้ยินยอมที่จะจ่ายให้ธนาคาร แต่ขอประนอมหนี้ ผ่อนชำระตามกำลังที่พอมีอยู่ และขณะนี้ นาย A ก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วย จึงวอนเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 หน่วยงานช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้อีกช่องทางหนึ่งด้วย“ ทนายณัฐ กล่าว
การร้องทุกข์ที่ยุติธรรมจังหวัด ได้รับเรื่องแล้ว จะประสานงานกับทางกรมบังคับคดี และเจ้าหนี้ ทางผู้กู้ และทางผู้ค้ำประกัน ให้มาตกลงไกล่เกลี่ยข้อพิพาทดังกล่าวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน ส่วนนาย B ผู้กู้เงิน และเป็นผู้นำเงินไปใช้นั้น ยังใช้ชีวิตปกติ และยังทำงานและมีเงินเดือนใช้เกือบ 2 หมื่นบาท ทำให้ผู้ค้ำในกรณีนี้ ต่างบอกว่า ทำไมไม่นำมาชำระเงินกู้ดังกล่าวเลย จนปล่อยให้มีการฟ้องยึดทรัพย์ดังกล่าวจนสร้างปัญหาให้บุคคล.