อดีตภรรยาพ่อเลี้ยงชูชาติ ที่มีความสัมพันธ์ยาวนานถึง 15 ปี ออกมาให้กำลังใจ “อัญชลี” บุตรสาวพ่อเลี้ยงชูชาติ ที่เป็นทายาทตัวจริง ขอให้สามารถจัดการทรัพย์สินของพ่อเลี้ยงให้ได้ และขออวยพรให้สืบทอดการทำปางช้างแม่สาต่อไป
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อเพื่อสัมภาษณ์นางจีระภา วัชรเกตุ อายุ 77 ปี อดีตภรรยาพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตรที่เสียชีวิตลงในปี 2562 โดยทิ้งมรดกนับพันล้านทั้งเงินในบัญชี ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ช้างและธุรกิจปางช้างไว้ให้ทายาท แต่มีปัญหาไม่สามารถจัดการทรัพย์สินได้ แม้ทุกวันนี้คดีผู้จัดการมรดกจะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม จนนางจีระภาต้องออกมาเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับพ่อเลี้ยงชูชาติ ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สา ว่าตนเป็นภรรยาคนหนึ่ง ที่ได้อยู่กันกับพ่อเลี้ยงยาวนานถึง 15 ปี ก่อนที่จะถูกน้องสาวคนละแม่แต่พ่อเดียวกันแย่งไป จนตนเองรู้สึกช๊อค จึงล้มป่วยลง ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลถึงห้าปีเต็ม
ปัจจุบันตนอาศัยอยู่กับลูกชายและลูกสาวซึ่งเกิดจากสามีเดิม ตนมีโรคประจำตัว จึงไม่ออกจากบ้านไปไหน
แต่งานนี้ตนเองขอออกมาให้กำลังใจนางอัญชลี กัลมาพิจิตร บุตรสาวพ่อเลี้ยงชูชาติ ที่เป็นทายาทตัวจริง ขอให้สามารถจัดการทรัพย์สินของพ่อเลี้ยงให้ได้ และขออวยพรให้สืบทอดการทำปางช้างแม่สาต่อไป โดยเรื่องดังกล่าวนางจีระภาได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังและยืนยันว่าทุกเรื่องเป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นจริง ตนเองนั้นเป็นพี่สาวนางฐิติรัตน์ ครอบครัวตนอยู่ด้วยกันที่อำเภอเวียงป่าเป้า เมื่อตนได้มาอยู่กินกับพ่อเลี้ยงชูชาติ พ่อเลี้ยงได้ซื้อบ้านและที่ดินให้ตนที่อำเภอเวียงป่าเป้า และก่อนที่จะมีงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ตนได้แนะนำพ่อเลี้ยงให้รู้จักกับพี่น้องฝ่ายตน โดยแนะนำว่าเป็นพี่เขย ขณะนั้นนางฐิติรัตน์ยังอยู่กินกับสามีเดิม มีบุตรสาวด้วยกันกับสามีเดิมหนึ่งคน ตนไม่เคยนึกเลยว่านางฐิติรัตน์จะมาแย่งสามีพี่สาว โดยหลังจากแนะนำให้รู้จักกันแล้ว นางฐิติรัตน์ได้แอบสานต่อความสัมพันธ์แบบลับๆ ต่อมาตนมารู้จากคนใกล้ชิดทั้งพนักงานร้านค้าต่างๆ ที่รู้จักกับตนดี ได้บอกเล่าเรื่องนี้กับตน เหตุผลคือขณะนั้นน้องสาวตนมีหนี้สินมากมายร่วม 20 ล้านบาท และพ่อเลี้ยงชูชาติได้ช่วยใช้หนี้ให้ เท่าที่ตนรู้ นางฐิติรัตน์ได้จดทะเบียนแยกกันอยู่กับสามีเดิมและย้ายไปอยู่กินกับพ่อเลี้ยงที่บ้านล้านช้าง โดยเอาลูกติดจากสามีเดิมไปด้วย
ในช่วงประมาณสองปีก่อนเสียชีวิต พ่อเลี้ยงจะโทรหาตนแทบทุกวัน เพราะมีความระแวงสงสัยว่าจะมีอันตราย
ตอนที่อยู่กับตน พ่อเลี้ยงมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว คือโรคระบบทางเดินหายใจ คือจะหยุดหายใจไปบ้างในช่วงที่นอนหลับสนิท ตนเป็นคนนำพ่อเลี้ยงชูชาติไปรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพ ตนจึงรู้ดีว่าพ่อเลี้ยงต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตอนนอนมาตั้งนานแล้ว ภายหลังถึงพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว และต้องรักษาพร้อมกันทั้งสองโรค ส่วนเรื่องของตน ทุกวันนี้คนเวียงป่าเป้ายังคงกังขาเรื่องบ้านที่ตนเคยเป็นเจ้าของ เคยจัดงานขึ้นบ้านใหม่ ทำไมกลับกลายเป็นของน้องสาวไปได้
อย่างไรก็ตาม ที่ตนเองกล้าออกมาพูดออกสื่อก็เพราะลูกสาวพ่อเลี้ยงชูชาติคือทายาทที่เหมาะสม ควรได้รับมรดกของพ่อเขา และคุณอัญชลีก็เป็นคนที่พ่อเขารักมาก เขาจะพูดกับตนมาตลอดว่าลูกสาวคนนี้คือคนที่จะต้องสืบทอดการทำปางช้างแม่สา พ่อเลี้ยงเขาไว้วางใจในลูกคนนี้ที่สุดแล้ว นางฐิติรัตน์ไม่เคยมีประสบการณ์ ที่ผ่านมาเป็นเพียงภรรยา คอยดูแล จัดยาให้พ่อเลี้ยงกิน และอยู่ในตำแหน่งภรรยา ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารปางช้าง จึงควรให้ลูกหลานสายตรงเขาจัดการไป รวมถึงเรื่องทรัพย์สินก็ควรประมาณตนได้แล้วว่ามาทีหลัง พ่อเลี้ยงเขาแบ่งให้ไปก็มากแล้ว ไม่ควรมาทำให้ลูกหลานในตระกูลเขาลำบาก พ่อเลี้ยงเขาเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ สมบัติทุกอย่างล้วนมาจากปางช้างแม่สา เขาชอบเล่าให้ฟังถึงความลำบากในการทำงาน และเขาก็อยากให้ลูกหลานเขาได้ทำต่อ “นางฐิติรัตน์ควรหยุดได้แล้ว อย่าว่าร้ายนางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา ตนทนฟังไม่ได้จริงๆ ถ้าพ่อเขาอยู่เขาก็คงจะรับไม่ได้เหมือนกัน ที่มาทำกับลูกสาวเขาแบบนี้” นางจีระภากล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนยุติการให้สัมภาษณ์