เชียงใหม่ ผู้หญิงก็ไม่แพ้ผู้ชายให้ส่างลองขี่คอ เดินรอบพระวิหาร 3 รอบ โดยไม่ให้เท้าแตะพื้น ถือเป็นเอกลักษณ์ งานสีสันงานประเพณีปอยส่างลอง วัดร้องอ้อ จังหวัดเชียงใหม่(คลิป)

ผู้หญิงก็ไม่แพ้ผู้ชายให้ส่างลองขี่คอ เดินรอบพระวิหาร 3 รอบ โดยไม่ให้เท้าแตะพื้น ถือเป็นเอกลักษณ์ งานสีสันงานประเพณีปอยส่างลอง วัดร้องอ้อ จังหวัดเชียงใหม่ และหลังบรรพชา เป็นสามเณร บิดามารดาและญาติ ก็รอใส่บาตรสามเณรใหม่ ได้บุญกุศลกันถ้วนหน้า


งานประเพณีปอยส่างลอง วัดร้องอ้อ ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีพี่น้องชาติพันธุ์ไทยใหญ่ นำบุตรหลาน เข้าบรรพชาเป็นสามเณร ก่อนบรรพชา ก็จะมีการแต่งกาย ให้กับลูกหลาน ที่จะบรรพชา ในชุดส่างลอง ที่มีสีสันสวยงาม เสื้อผ้ามีสีสันสดใส และประดับไปด้วยอัญมณี และสวมมงกุฎ ในชุดเจ้าชายน้อย บรรดาญาติ หรือบุคคลใกล้ชิด ก็จะให้ส่างลอง ขี่คอเดินรอบพระวิหาร ซึ่งปกติจะมีแต่ผู้ชายที่ให้ขี่คอ แต่ปีนี้ที่มีผู้หญิงหลายคน ที่เป็นญาติ ให้ส่างลองขี่คอ เดินรอบพระวิหาร และเต้นรำไปด้วย ตามจังหวะเครื่องดนตรี สร้างสีสันในขบวนแห่ โดยมีขบวนเครื่องอัฐบริขาน ขบวนต้นเงิน ขบวนส่างลอง เมื่อครบ 3 รอบ ก็จะมีการรวมตัวกัน เต้นรำตามจังหวะ เครื่องดนตรี ไปมาบริเวณหน้าพระวิหาร ถือเป็นงานบุญงานกุศล ที่ยิ่งใหญ่ ของพี่น้องไทยใหญ่

จากนั้นก็จะนำส่างลองทั้งหมดทยอย ขึ้นไปบนพระวิหาร เพื่อบรรพชา เป็นสามเณร โดยมีพระครูประภาสปริยัติวิมล เจ้าคณะตำบลสันผีเสื้อ เจ้าอาวาสวัดป่าข่อยใต้ ประธานฝ่ายสงฆ์ ประกอบพิธี เพื่อบวชเรียน และยังเป็นการแสดงความ กตัญญูต่อบิดามารดา หรือผู้มีพระคุณ ตลอดที่บวชเรียนอยู่ที่วัด ก็จะมี พระอธิการ ชาญชัย กนฺตวีโร เจ้าอาวาสวัดร้องอ้อ เป็นผู้อุปการะผู้แล จากนั้นสามเณรบวชใหม่ทั้ง 4 รูป ก็จะลงไปรับบิณฑบาต กับบรรดาญาติพี่น้อง และผู้ปกครอง ที่ได้เห็นชายผ้าเหลือง มารอใส่บาตร หน้าพระวิหาร ได้บุญกุศลกันถ้วนหน้า ถือเป็นประเพณีที่งดงาม ของพี่น้องไทใหญ่

เชียงใหม่ ตำรวจจราจรเชียงใหม่กวดขันวินัยจราจร ทำผิดแจกใบสั่ง ส่วนชมรม ENGLISH CORNER ตำรวจภูธรภาค 5 ทำดีปฎิบัติตามกฎจราจร(คลิป)

ตำรวจจราจรเชียงใหม่ กวดขันวินัยจราจร ทำผิดแจกใบสั่ง ส่วนชมรม ENGLISH CORNER ตำรวจภูธรภาค 5 ทำดีปฎิบัติตามกฎจราจร จะติดเข็มกลัดหน้าอก และปรบมือให้ ทำดี ขับดี ชีวีปลอดภัย


ตำรวจจราจร กลุ่มงานจราจร ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับชมรม ENGLISH CORNER มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และตำรวจภูธรภาค5 ร่วมกันตั้งจุด รณรงค์ความปลอดภัยทางถนน บริเวณหน้าสวนสาธารณหนองบวกหาด ในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อเข็มงวดกวดขันวินัยจราจร โดยทำการตรวจจับ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย หากพบว่าผิดวินัยจราจร ก็จะออกใบสั่งอิเลคทรอนิค ให้ไปเสียค่าปรับ ส่วนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันไหน ที่ปฎิบัติตามวินัยจราจร สวมหมอกนิรภัย ทางชมรม ENGLISH CORNER และตำรวจภาค5 ก็จะติดเข็มกลัดบนหน้าอกเสื้อ โดยมีข้อความ บนเข็มกลัด ทำดี ขับดี ชีวีปลอดภัย และภาพตำรวจจราจร และมีโลโก้ตำรวจภาค 5 และยังมีเสียงปรบมือชื่นชม จากเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัคร ชมรม ENGLISH CORNER สำหรับคนที่ปฎิบัติตามกฎ และวินัยจราจร

พันตำรวจเอกหญิง สุธิดา สมิทธิไกร ผู้กำกับการ ฝ่ายอำนวยการ 2 กองบังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค5 บอกว่าได้ร่วมกับชมรม ENGLISH CORNER รณรงค์การขับขี่ปลอดภัย ทุกวันตลอด 365 วัน เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญ หากทุกคนปฎิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสวมหมวกนิรภัย ทั้งผู้ขับขี่และคนนั่งซ้อนท้าย ก็จะติดเข็มกลัดให้ พร้อมกับเสียงปรบมือ เพื่อชื่นชม ทั้งนี้เชื่อว่าทุกคนจะหันมาใส่ใจกับความปลอดภัยกันมากขึ้น

เชียงใหม่ จัดพิธีต้อนรับสมณศักดิ์สัญญาบัตร พัดยศ ในการที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ โปรดพระราชทาน สมณศักดิ์ ตั้งพระครูสัญญาบัตรให้ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2 รูป(คลิป)

พิธีต้อนรับสมณศักดิ์สัญญาบัตร พัดยศ ในการที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ โปรดพระราชทาน สมณศักดิ์ ตั้งพระครูสัญญาบัตรให้ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2 รูป ในราชทินนามที่ พระครูสูตพัฒโนดม และพระครูพิพัฒน์สูตสุนทร


ขบวนแห่สัญญาบัตร-พัดยศ ตั้งขบวนบริเวณซุ้มประตูโขง ทางเข้าวัดเจ็ดยอด เคลื่อนขบวนเข้าสู่ พระวิหารวัดเจ็ดยอด โดยมีพระเทพปริยัติ เจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง ประธานในพิธีจุดธูปเทียน

จากนั้น พระครูสูตพัฒโนดม ผศ.ดร.หรือ พระมหาวรเมศร์ จารุวณฺโณ อายุ, ๔๓ ปี. พรรษา, ๒๓. วุฒิการศึกษา, นักธรรมชั้นเอก เปรียญธรรม ๔ ประโยค ปริญญาพุทธศาสตร์บัณฑิต ปริญญาศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต และDoctor of Philosophy ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์เชียงใหม่ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด และพระครูปลัดกฤต ฐิตวิริโย,ดร. อายุ 47 ปี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด และเจ้าอาวาสวัดพระบาทปางแฟน ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด วุฒิการศึกษา นักธรรมเอก เปรียญธรรม 3 ประโยค ปริญญาพุทธศาสตร์บัณฑิต ภาษาบาลี ปริญญาศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต และDoctor of Philosophy ในราชทินนามที่ พระครูพิพัฒน์สุตสุนทร และถวายเครื่องสักการะ แด่พระเทพปริยัติ

โดยมีรองนายกเทศมนตรีตำบลช้างเผือก อ่านพระบรมราชโองการ เลื่อนและแต่งตั้งสมณศักดิ์ พระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาส พระอารามหลวงชั้นเอก จากนั้นพระเถรานุเถระ ในพิธี 10 รูป เจริญมงคลคาถา พระเทพปริยัติ ประธานสงฆ์ในพิธี กล่าวสัมโมทนียกถา ถวายไทยธรรม แด่ พระเถรานุเถระในพิธี และรับพรจากพระเถรานุเถระในพิธี และศิยานุศิษย์ และสาธุชน ถวายมุทิตาสักการะ แด่พระครูสุตพัฒโนดม ผศ.ดร. และพระครูพิพัฒน์สุตสุนทร ดร.เป็นเสร็จพิธี

เชียงใหม่ ช่างฟ้อน 600 คน ร่วมฟ้อนฉลองวันเกิดนายก อบจ.เชียงใหม่ ครบ 60 ปี เจ้แดง เยาวภา ควงสามี สมชาย อดีตนายรัฐมนตรี ร่วมงานด้วย(คลิป)

ช่างฟ้อน 600 คน ร่วมฟ้อนฉลองวันเกิดนายก อบจ.เชียงใหม่ ครบ 60 ปี เจ้แดง เยาวภา ควงสามี สมชาย อดีตนายรัฐมนตรี ร่วมงานด้วย

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 24 มี.ค. 67 ที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดพิธีทำบุญสืบชะตาเนื่องในวันคล้ายวันเกิด อายุ 60 ปี โดยมีช่างฟ้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 600 คน ได้เข้าร่วมฟ้อนเพื่อฉลองทำบุญครบรอบวันเกิด โดยมีพระเดชพระคุณพระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน พระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

นอกจากนี้ได้มี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พร้อมด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 26 และ พล.ต.ท. ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงข้าราชการ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

สำหรับนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ “สว.ก๊อง” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ประธานกรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคมในวุฒิสภาไทย ชุดที่ 10 ประธานสโมสรฟุตบอลเชียงใหม่ ยูไนเต็ด เดิมชื่อ “ชูชัย เลิศพงศ์อดิศร” เกิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2507 ประกอบอาชีพทนายความตั้งแต่ พ.ศ. 2529 เป็นต้นมา เคยเป็นอาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ และป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ธกส.เชียงใหม่ ที่ปรึกษากฎหมายสหกรณ์การเกษตรดอยหล่อ เชียงใหม่ ที่ปรึกษากฎหมายนายกสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้

นายพิชัย เคยลงสมัครรับเลือกตั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 สังกัดพรรคความหวังใหม่ ร่วมกับอำนวย ยศสุข อดีต ส.ส. อินสอน บัวเขียว อดีต ส.ส. แต่ได้รับเลือกตั้งเพียงคนเดียวคือ ดร.อำนวย ยศสุข ซึ่งนายพิชัย ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2551 หมายเลข 1 ได้รับคะแนน 171,090 คะแนน ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดเชียงใหม่ และได้รับตำแหน่งประธานกรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคมในวุฒิสภาไทย ชุดที่ 10 ต่อมาการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2563 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งโดยการสนับสนุนของพรรคเพื่อไทย และสามารถเอาชนะบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นได้ดำรงค์ตำแหน่ง นายก อบจ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2563 และกำลังจะครบกำหนดวาระในการดำรงตำแหน่ง ซึ่งจะมีการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ อีกครั้ง

เชียงใหม่ นักเรียน/ผู้ปกครอง ร่วมกันซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง นำมาห่อใบตอง เขียนข้อความจำนวน 1000 ชุด มอบ ให้กำลังนักรบไฟป่า(คลิป)

เด็กนักเรียนและผู้ปกครองในจังหวัดเชียงใหม่ นับ 100 คนร่วมกันซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง นำมาห่อใบตอง และทอดไข่เจียว พร้อมข้าวเหนียว และเขียนข้อความจำนวน 1000 ชุด มอบ ให้กำลังนักรบไฟป่า ที่เสียสละในการดับไฟป่า


ที่วัดโลกโมฬี อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ปกครองและเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาและชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย และเด็กนักเรียน โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย และเด็กนักเรียน โรงเรียนเยรีนาเซลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจิตอาสาทั้งหมด ร่วมกันนำหมูปิ้งและข้าวเหนียว มาห่อใบตอง พร้อมทั้งเขียนข้อความ บนกระดาษ นำไปผูกไว้กับห่อข้าวทุกห่อ เช่น สู้ๆๆ ขอบคุณที่เสียสละดับไฟป่า หรือขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปลอดภัย ซึ่งเป็นข้อความที่เขียนมาจากใจ ของเด็กๆ


นอกจากนั้น พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดโลกโมฬี ยังให้ลูกศิษย์ทอดไข่เจียว ที่นักท่องเที่ยวนำมาแก้บน พระแม่จิระประภา มหาเทวี นำใส่ถุง และห่อข้าวเหนียว รวมทั้งหมดประมาณ 1,000 ชุด เพื่อมอบให้กับเจ้าหน้าที่ นำไปมอบให้กับนักรบไฟป่า ที่ยังคงทำหน้าที่ดับไฟ อยู่ในป่า ที่ยังคงเกิดขึ้น เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กับพี่ๆ ที่ช่วยกันดับไฟ เพื่อลมหายใจของชาวเชียงใหม่ ทำให้เด็กๆและผู้ปกครอง มีความตั้งใจ เป็นอย่างมาก ในกิจกรรมครั้งนี้ ขณะที่รอบเช้าวันนี้ เชียงใหม่ยังพบไฟป่ามากถึง 24 จุด กระจายใน 9 อำเภอ เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งดับไฟ

เชียงใหม่ ศูนย์​ดำรง​ธรรม​แม่ริม ลงพื้นที่ตรวจ 3 หาดทรายริมน้ำปิง ต.เหมืองแก้ว สั่งรื้อถอนร้านค้ารุกที่สาธารณะ​ (คลิป)

ศูนย์​ดำรง​ธรรมอำเภอ​แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจ 3 หาดทรายริมน้ำปิง ในพื้นที่ตำบลเหมืองแก้ว สั่งรื้อถอนร้านค้ารุกที่สาธารณะ​

วันนี้( 21 มี.ค.) ที่โม้งทรายบิช บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.เหมืองแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นายประเสริฐศักดิ์
บุตรสา ปลัดอาวุโส อ.แม่ริม ฝ่ายความ มั่นคง พร้อม น.ส.ฉัตรพรรณกร สุวรรณะ ปลัด อ.แม่ริม ที่ดูแลศูนย์ดำรงธรรม นายธีรวัฒน์ ณ ลำพูน ปลัด อ.แม่ริม ฝ่ายปกครอง ได้ลงพื้นที่ตรวจโม้งทรายบิช ตามคำสั่งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด กรณีมีผู้ร้องเรียนการบุกรุกพื้นที่ชายหาด ริมน้ำปิงฝั่งตะวันออก จุดแรก ซึ่งเป็นที่สาธารณะชุมชน และไม่ได้ขออนุญาตทำเป็นร้านอาหารเครื่องดื่ม หรือแผงลอย บริการประชาชน และนักท่องเที่ยว ที่มาเล่นน้ำชายหาดดังกล่าว โดยมีนายทองคำ กันธาแดง นายกเทศมนตรีตำบล (ทต.) เหมืองแก้ว พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานเจ้าท่าที่ 1 เชียงใหม่ สำนักงานสรรพสามิต เขตสรรพสามิต อ.เมือง สำนักงานสาธารณสุข อ.แม่ริม สำนักงานที่ดิน อ.แม่ริม ฝ่ายปกครอง สภ.แม่ริม และผู้ประกอบการกว่า 20 คน โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้ นายประเสริฐศักดิ์ และคณะตรวจสอบดังกล่าว ได้ชี้แจงข้อร้องเรียนและให้คำแนะนำผู้ประกอบการผ่านนายสุชาติ ไชยมูล ตัวแทนผู้ประกอบการโม้งทรายบิช จำนวน 25 ราย ที่ได้รับอนุญาตจากประชาคมหมู่บ้านให้ประกอบกิจการดังกล่าว ทั้งนี้มีผู้ร้องเรียน 3 เรื่อง คือ จำหน่ายแอลกอฮอล์ให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จำหน่ายแอลกอฮอล์เกินเวลากฏหมายกำหนด และเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฏหมายดังกล่าว รวมถึงเรื่องการใช้เครื่องขยายเสียง ที่เปิดเพลงเสียงดังรบกวนชุมชนใกล้เคียง

นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า ขอให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกรอบระเบียบกฏหมาย และไม่ฝ่าฝืนกฏหมายใดๆ
พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์แก่เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี และไม่จำหน่ายแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฏหมายกำหนด พร้อมขออนุญาตใช้พื้นที่ เพื่อเปิดสถานบริการหรือแผงลอยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องตามกฏหมาย เพื่อใช้เป็นแนวทางหรือบรรทัดฐานการปฏิบัติ หรือจัดระเบียบชายหาดหรือที่สาธารณะ ในปีหน้า

นอกจากนี้ให้ผู้ประกอบการรื้อถอนร้านค้า หรือแผงลอย ที่รุกล้ำชายหาดสาธารณะ จำนวน 4 ราย ตามคำสั่งสำนักงานเจ้าท่าที่ 1 เชียงใหม่ พร้อมขอความร่วมมือการป้องกันอาชญากรรม อาทิ การทะเลาะวิวาท ลามกอนาจาร ค้าประเวณี ยาเสพติด และการใช้เครื่องเสียง ที่อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญชุมชนที่อยู่ใกล้เคียง โดยให้ฝ่ายตำรวจและปกครอง ช่วยตรวจตราดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด

ต่อมานายประเสริฐศักดิ์ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ตรวจ บริเวณหาดทรายเหมืองแก้ว บ้านน้ำต้น หมู่ 1 ซึ่งเป็น
จุดที่ 2 เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ จำนวน 29 ราย มีนายชนพัฒน์ รักกะเปา ตัวแทนผู้ประกอบการ เข้าร่วมรับฟังชี้แจงดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้มีคำสั่งให้รื้อถอนร้านค้า หรือแผงลอยทั้งหมด ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยกำหนดระยะเวลารื้อถอนภายใน 30 วัน แต่ผู้ประกอบการสามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ภายใน 15 วันได้ ทั้งนี้สำนักงานเจ้าท่าที่ 1 เชียงใหม่ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ สภ.แม่ริม วันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมาแล้ว

หลังจากนั้นนายประเสริฐศักดิ์ และคณะ ได้ลงพื้นที่บริเวณหาดวังดินเพชรริมปิง บ้านวังดิน หมู่ 9 จุดที่ 3 ซึ่งเป็นพื้นที่เอกชน ติดริมน้ำปิง มีนายนิมิตร ขยัน กำนัน ต.เหมืองแก้ว ผู้ได้รับอนุญาตจากประชาคมหมู่บ้าน และเป็นตัวแทนผู้ประกอบการ จำนวน 15 ราย ให้ดำเนินการบริการนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนและเล่นน้ำชายหาดดังกล่าว ร่วมรับฟังคำชี้แจงจากนายประเสริฐศักดิ์ และคณะ พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามระเบียบกฏหมายอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน

นายนิมิตร กล่าวว่า พร้อมปฏิบัติตามระเบียบกฏหมายดังกล่าว แต่เรียกร้องทางอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตามระเบียบกฏหมายอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน ไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อสร้างความเป็นธรรมทุก
ฝ่าย อย่างเท่าเทียมกัน ไม่โยนไปมาหากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามกฏหมายอาจเข้าข่าย ม.157 การละเว้นการ
ปฏิบัติหน้าที่ได้


“ส่วนตัวส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อสร้างงานและรายได้สู่ท้องถิ่น เป็นการสร้างโอกาสพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน ซึ่งตอบสนองนโยบายการท่องเที่ยววัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิตชุมชน และภูมิปัญญาท้องถิ่น ในช่วงงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง หรือมหาสงกรานต์ ตามซอฟต์เพาเวอร์ของรัฐบาลอีกด้วย” นายนิมิตรกล่าว

เชียงใหม่ ม.แม่โจ้ MOU ร่วมกับ USDA Regional Agriculture Innovation Network (RAIN) ส่งเสริมนวัตกรรมการเกษตร(คลิป)

ม.แม่โจ้ MOU ร่วมกับ USDA Regional Agriculture Innovation Network (RAIN) ส่งเสริมนวัตกรรมการเกษตร รับมือผลกระทบวิกฤตสภาพอากาศ เพื่อยกระดับภาคการเกษตรและเครือข่าย

วันอังคารที่ 19 มีนาคม 2567, เชียงใหม่, ประเทศไทย –มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และองค์การวินร็อค อินเตอร์เนชั่นแนล (Winrock International) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับ USDA Thailand Regional Agriculture Innovation Network (RAIN) ซึ่งเป็นเครือข่ายผลักดันนวัตกรรมด้านการเกษตรในระดับภูมิภาคที่ได้รับการสนับสนุนการเงินจากโครงการ Food for Progress ภายใต้การบริหารของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) มุ่งสร้างความร่วมมือตรวจสอบนวัตกรรมการเกษตรที่มีความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา และขยายผลส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ในวงกว้าง เพื่อรับมือกับผลกระทบที่มาจากวิกฤตสภาพอากาศ

รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้กล่าวต้อนรับและขอบคุณผู้มาร่วมงาน และคุณลิสา เอ.บูเจนนาส กงสุลใหญ่อเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติกล่าวแสดงความยินดีต่อการลงนามบันทึกข้อตกลง โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ สุวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และคุณ วิลเลี่ยม สปาร์คส์ ผู้อำนวยการโครงการ RAIN เป็นผู้แทนลงนามทั้งสองฝ่าย
ณ ห้องประชุมสภา ชั้น 5 อาคารสำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งผู้บริหารจากทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยาน

การลงนามในบันทึกข้อตกลงนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือกันของทั้งสองหน่วยงานในการตรวจสอบนวัตกรรมภาคเกษตรกรรมที่ช่วยให้รับมือกับผลกระทบวิกฤตสภาพอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ มีแนวทางของการสร้างความยั่งยืน และการขยายตลาด ตลอดจนขยายผลสนับสนุนให้เกษตรกรไทยใช้นวัตกรรมดังกล่าวในวงกว้าง RAIN จะใช้องค์ความรู้และนวัตกรรมที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เช่นการใช้เครื่องหมายโมเลกุลในการปรับปรุงพันธุ์ข้าว องค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการผลิตลำไย ฟาร์มต้นแบบสวนลำไยอินทรีย์อัจฉริยะ การจัดการฟาร์มอย่างชาญฉลาด และการจัดการระบบเกษตรอินทรีย์เพื่อสุขภาพ ร่วมกันพัฒนาต่อยอดและขยายผลให้เกิดประโยชน์ต่อเครือข่ายนวัตกรรมด้านการเกษตรทั้งในและต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

ตัวอย่างความร่วมมือที่เป็นไปได้ระหว่างสองหน่วยงานภายใต้บันทึกข้อตกลงนี้ได้แก่ การสนับสนุนเกษตรกรให้นำแนวทางปฏิบัติด้านการผลิตแบบออร์แกนิกมาใช้ ผ่านระบบการรับประกันแบบมีส่วนร่วม (PGS) ระบบการรับรองอินทรีย์ เช่น ออร์แกนิกประเทศไทย, USDA ออร์แกนิก และอื่น ๆ รวมถึงทบทวนวิธีปฏิบัติของเกษตรกรที่อยู่ในเครือข่ายของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในภาคเหนือ และทั่วประเทศ นอกจากนี้ทั้งสองหน่วยงานจะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การสนับสนุน และผู้เชี่ยวชาญในการร่วมตรวจสอบนวัตกรรมและสนับสนุนการขยายผลในวงกว้าง ตลอดจนพิจารณาความเป็นไปได้ในการสร้างความร่วมมือระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับศูนย์กลางนวัตกรรมระดับภูมิภาค

รองศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ สุวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างม.แม่โจ้และ RAIN จะช่วยยกระดับการเกษตรอินทรีย์ และเกษตรธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการเกษตรที่ยั่งยืน อาหาร อาชีพ และภูมิปัญญา ด้วยการยกระดับองค์ความรู้ทางด้านเกษตรอินทรีย์ และทำให้เกษตรกรนำนวัตกรรมไปใช้งานได้จริงในวงกว้างอีกทั้งยกระดับเกษตรกรให้เป็นผู้ผลิตและเป็นผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์ ส่งเสริมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ภาคเหนือ และสร้างเยาวชนเกษตรอินทรียเพื่อสนับสนุนให้พวกเขาอยู่กับชุมชนของตัวเอง”

นาย วิลเลี่ยม สปาร์คส์ ผู้อำนวยการโครงการ RAIN กล่าวว่า “การสร้างเครือข่ายพันธมิตร เพื่อแลกเปลี่ยน นวัตกรรมและความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านเกษตรกรรมเป็นหัวใจสำคัญของการบรรลุเป้าหมายการทำงานของ RAIN ในปีที่ผ่านมาเราได้ริเริ่มความร่วมมือกับหน่วยงานจากภาครัฐและเอกชน และหน่วยงานวิจัยมากกว่า 11 แห่ง ซึ่งช่วยให้เราได้ใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและเครือข่ายของแต่ละหน่วยงาน คัดเลือก และสนับสนุน การใช้นวัตกรรมที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกรไทยอย่างเป็นรูปธรรม การลงนามในบันทึกความเข้าใจกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นก้าวสำคัญสำหรับการส่งเสริมนวัตกรรมในการเพาะปลูก พืชเศรษฐกิจส่งเสริมที่มีบทบาทต่อความเป็นอยู่ของประชากรในภาคเหนือเช่น ข้าว และลำไย รามถึงเกษตรกรในเครือข่ายของม.แม่โจ้ทั่วประเทศไทย เรามั่นใจต่อศักยภาพของความร่วมมือนี้จากการที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้มีชื่อเสียงยาวนานในด้านองค์ความรู้ ตลอดจนการพัฒนาผู้เชี่ยวชาญ และนักวิจัยในด้านการเกษตร และนวัตกรรมการเกษตร”

โครงการ RAIN ดำเนินการโดยองค์การวินร็อค อินเตอร์เนชั่นแนล ที่คัดเลือก และตรวจสอบนวัตกรรมด้านการเกษตร ตลอดจนสนับสนุนการใช้งานในวงกว้าง ด้วยเป้าหมายส่งเสริมให้เกษตรกรไทย 30,000 ราย ใช้นวัตกรรมรวม 30 รายการ รับมือกับผลกระทบต่อวิกฤตสภาพอากาศ ผ่านการปรับปรุงผลผลิต ลดต้นทุน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และขยาย ตลาดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใน พ.ศ. 2570

โครงการ RAIN ได้รับเงินสนับสนุนจากโครงการ Food for Progress ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของ กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา และมีเป้าหมายช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและประชาธิปไตยปรับเปลี่ยนภาคเกษตรกรรมให้ทันสมัยและแข็งแกร่งขึ้น โครงการ Food for Progress มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ข้อ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิผลของภาคเกษตรกรรม และขยายตลาดสินค้าเกษตร อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ Food for Progress ได้ที่ https://www.fas.usda.gov/programs/food-progress.

เชียงใหม่ มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย สานโอกาส สร้างรอยยิ้ม ผ่านการมอบทุนการศึกษา ประจำปี 2566

มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย มุ่งมั่นสานต่อพันธกิจเพื่อ “สานโอกาส สร้างรอยยิ้ม” ผ่านกิจกรรมการมอบทุนการศึกษา ประจำปี 2566 แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศไทย รวมทั้งสิ้นจำนวน 701 ทุน มูลค่ากว่า 11.52 ล้านบาท มุ่งหวังสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนที่เรียนดี และประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้ได้รับโอกาสในการเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป


​มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2535 ตลอดระยะเวลากว่า 32 ปี ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นในการส่งเสริมสังคมอย่างยั่งยืนผ่าน 3 แนวทาง ดังนี้
• ส่งเสริมการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน ในทุกระดับชั้น ครอบคลุมหลากหลายสาขาวิชา
• พัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน และคนพิการ รวมถึงส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
• ส่งเสริมการดำเนินการขององค์กรสาธารณกุศลต่างๆ เพื่อสาธารณประโยชน์


การมอบทุนในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทางมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา รวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ซึ่งมูลนิธิฯ ตระหนักดีว่าการศึกษาเป็นพื้นฐานสำคัญ ในการพัฒนาทักษะความรู้ ความสามารถที่จะนำไปสู่การสร้างอนาคตที่ดีให้แก่เยาวชน อันจะเป็นบุคลากรสำคัญในการนำพาประเทศให้เจริญก้าวหน้า จึงได้ดำเนินกิจกรรมมอบทุนการศึกษา และยกระดับคุณภาพชีวิตแก่เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องมากว่า 32 ปี รวมทั้งสิ้นกว่า 19,000 ทุน รวมเป็นมูลค่า 189,594,100 บาท โดยในปี 2566 มูลนิธิฯ ได้สนับสนุนทุนตามรายละเอียดดังนี้


ทุนสนับสนุนด้านการศึกษา 4 ภาค
• ภาคเหนือ : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง​จำนวน 278 ทุน ​มูลค่า 3.13 ล้านบาท
o โครงการเยาวชนไทยวันพรุ่งนี้
o โครงการทุนการศึกษาเยาวชนภาคเหนือ
• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : มหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน 159 ทุน ​มูลค่า 3.60 ล้านบาท
o ทุนการศึกษานักเรียน นักศึกษาขาดแคลนทุนทรัพย์ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
o ทุนการศึกษานักเรียนพยาบาล ภายใต้โครงการตำรวจตระเวนชายแดน
• ภาคตะวันออก : มหาวิทยาลัยบูรพา​จำนวน 54 ทุน ​มูลค่า 1.51 ล้านบาท
o ทุนการศึกษานิสิตขาดแคลนทุนทรัพย์ ในภาคตะวันออก
• ภาคใต้ : มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต​จำนวน 130 ทุน ​มูลค่า 1.68 ล้านบาท​
o ทุนการศึกษานักศึกษาขาดแคลนทุนทรัพย์ ในภาคใต้
• ทุนอาชีวศึกษา 4 ภาค​​จำนวน 80 ทุน​มูลค่า 1.60 ล้านบาท
o ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
o ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)


มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย มุ่งเน้นการช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเหมาะสม และเท่าเทียม รวมถึงช่วยให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล ได้มีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และเติบโตด้วยความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นรากฐานที่แข็งแรงในการพัฒนาประเทศ อันจะนำไปสู่การยกระดับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยให้เข้าใกล้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ต่อไปในอนาคต

“โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”

เชียงใหม่ คต. จัดประกวด “Agri Plus Award 2024” ชูสินค้านวัตกรรมเกษตร สร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อต่อยอดทางการค้า เน้นผู้ประกอบการอยู่ได้อย่างยั่งยืน(คลิป)

กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการ Agri Plus Award 2024 เร่งผลักดันสินค้านวัตกรรมเกษตรเข้าสู่ตลาดในไทยและต่างประเทศ หนุนผู้ประกอบการ นักศึกษา ตลอดจนนักวิจัยใช้นวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการได้อย่างเป็นรูปธรรม สามารถเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน

นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการสร้างสรรค์มูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรนวัตกรรมสู่ตลาดสากล (Agri Plus Award 2024) เป็นการจัดประกวดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากสินค้าเกษตรไทยระดับประเทศ ครั้งที่ 3 หลังการจัดประกวดมาอย่างต่อเนื่องในปี 2019 และปี 2022 ตามลำดับ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสินค้าเกษตรนวัตกรรม เจ้าของผลิตภัณฑ์ นักเรียน นิสิต นักศึกษา นักวิจัย และประชาชนทั่วไป ได้แสดงศักยภาพในการพัฒนาสินค้าเกษตรไทยด้วยนวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้แก่สินค้าได้อย่างเป็นรูปธรรม ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ขยายช่องทางจัดจำหน่าย อีกทั้งจะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เกิดแรงบันดาลใจในการนำนวัตกรรมเข้ามาประยุกต์ใช้พัฒนาสินค้าเพื่อสร้างมูลค่าให้สูงขึ้น นำไปสู่การเพิ่มรายได้ของผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน

ซึ่งจากการประกวดครั้งล่าสุดที่ผ่านมามีผู้ให้ความสนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวดถึง 165 ผลงาน แบ่งเป็นประเภทอาหาร 105 ผลงาน และประเภทไม่ใช่อาหาร 60 ผลงาน ผลงานที่ส่งเข้าประกวด อาทิ ผลิตภัณฑ์ประเภทขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาหารสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ของใช้เพื่อสุขภาพ และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง เป็นต้น

โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ที่ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมสินค้านวัตกรรมเกษตรของไทยให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่มีความหลากหลาย โดยผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาต่อยอดสินค้าเกษตรขั้นต้นให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูง ใช้กลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG นำองค์ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้ในการผลิตสินค้า อันจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ และส่งเสริมให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

สำหรับการประกวด Agri Plus Award 2024 แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร (Food Innovation) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร (Lifestyle Innovation) และกลุ่มผลิตภัณฑ์หรือบริการเกษตรนวัตกรรมใหม่ (Rising Star) เกณฑ์การตัดสินนั้นจะพิจารณาจากการพัฒนาสินค้าและอรรถประโยชน์ การประยุกต์ใช้นวัตกรรม การสร้างมูลค่าเพิ่มในมิติอื่นๆ อาทิ บรรจุภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การสื่อสาร การตลาด การดําเนินธุรกิจตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG การดําเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และศักยภาพด้านการค้า (ในประเทศและต่างประเทศ)

ผู้ชนะเลิศทั้ง 3 ประเภทจะได้รับถ้วยรางวัลชนะเลิศ ส่วนรองชนะเลิศจะได้รับโล่รางวัล โดยทุกท่านที่ได้รับรางวัลจะยังได้เกียรติบัตรพร้อมโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ต่างๆ ของสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม กรมการค้าต่างประเทศ ทั้งนี้ จะจัดให้มีพิธีประกาศผลและมอบรางวัลในเดือนพฤษภาคม 2567 โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี ผู้สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 11 เมษายน 2567 สอบถามรายละเอียดการสมัครเข้าร่วมโครงการ โทร. 089-519-5666 ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ทางเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือ Facebook: กรมการค้าต่างประเทศ/apiinspire

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อ คุณน้ำเพชร มิตรเมฆ โทร. 089 488 3942

เชียงใหม่ “สีจระเข้” แอ่วเหนือ จับมือ ร้าน ต.โฮม จ.เชียงใหม่ เปิด SHOP SEE JORAKAY นวัตกรรมสีทาบ้าน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (คลิป)

“สีจระเข้” นวัตกรรมสีทาบ้านจากวัตถุดิบธรรมชาติ ผสานกับเทคโนโลยีกราฟีน วัสดุแห่งอนาคต ให้ความแข็งแรง ทนทาน ปลอดภัยกับผู้ใช้งานและผู้อยู่อาศัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บุกตลาดภาคเหนือ เปิด SHOP SEE JORAKAY ผนึก ร้าน ต.โฮม ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง ครบครัน ทันสมัย แห่งเมืองเชียงใหม่ ครบครันด้วยสินค้าจาก SEE JORAKAY (สีจระเข้) ทั้ง 4 กลุ่ม ได้แก่ Natural Color, Art Color, Texture Color และ Heritage Color ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าคนรักบ้าน และเจ้าของโครงการที่ให้ความสำคัญกับงานดีไซน์ ควบคู่กับการใส่ใจสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม

SEE JORAKAY (สีจระเข้) กลุ่ม Natural Color เป็นนวัตกรรมสีทาบ้านภายใต้แนวคิด “สีปลอดภัย สีธรรมชาติ สีจระเข้” ผลิตจากวัตถุดิบที่มีความปลอดภัย คุณภาพสูง ผสานเข้ากับนวัตกรรมเฉพาะของจระเข้ ทำให้ได้สีที่มีความสบายตา ปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย ไร้กลิ่นฉุน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสีจระเข้ได้ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของโครงการ หรือแม้แต่กลุ่มสถาปนิก และช่างผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ สีจระเข้ ยังเป็นรายแรกในประเทศไทยที่เลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มาจากไลม์สโตนหรือ หินปูนธรรมชาติ จากประเทศสเปน มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย และที่สำคัญดีต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่ห่วงใยสุขภาพ และคนรุ่นใหม่ ที่มีความรักสุขภาพควบคู่ไปกับการรักสิ่งแวดล้อม เพราะสีจระเข้เป็นสีที่มีการเลือกสรรวัตถุดิบที่มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและผู้อยู่อาศัย ผลิตภายใต้แนวคิดที่คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ กระบวนการ

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ SEE JORAKAY มี 4 กลุ่ม ได้แก่

1. Natural Color เป็นสีที่มีจุดเด่นที่เลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติผสานกับเทคโนโลยีกราฟีนที่ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะพร้อมช่วยกระจายความร้อนทำให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็น ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขั้นตอนการแห้งตัวของสี ปราศจากสารอินทรีย์ ระเหยง่าย (Non VOCs) และไม่มีสารก่อมะเร็ง (Non Formaldehyde) สามารถเข้าอยู่ได้ทันทีหลังจากทาสีเสร็จเรียบร้อย
2. Art Color เป็นสีที่ใช้สำหรับสร้างลวดลายสไตล์ลอฟท์และลายหินอ่อน ช่วยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะให้กับผนังบ้าน โดยใช้อุปกรณ์สร้างลวดลายได้หลากหลาย เช่น ลูกกลิ้ง เกรียง โดยมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยยับยั้งการเกิดราดำและตะไคร่น้ำ
3. Texture Color เป็นสีที่ผลิตจากมอร์ต้าชนิดไฮบริด และมีเทคโนโลยี 3D Texture ใช้สำหรับสร้างพื้นผิวที่มีมิติได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีจุดเด่นที่ความแข็งแกร่งทนต่อรังสี UV ทนต่อไอเกลือทะเลใช้งานได้ยาวนานกว่า 15 ปี สามารถใช้สร้างลวดลายได้หลากหลายวิธี
4. Heritage Color เป็นวัสดุฉาบแต่งผิวที่คิดค้นขึ้นมาเพื่องานบูรณปฏิสังขรณ์สำหรับโบราณสถาน ปูชนียสถาน หรือสถานที่อันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะ ด้วยเนื้อสีที่ผลิตจากไลม์สโตน ผสานเข้ากันกับเทคโนโลยีกราฟีน และนวัตกรรมการผลิตเฉพาะตัวของจระเข้ จึงทำให้ได้ สีจระเข้ Heritage Color วัสดุที่สามารถใช้ทดแทน “ปูนหมัก ปูนตำ” สำหรับงานบูรณะ โดยไม่ทำลายพื้นผิวเดิมของอาคาร เพื่อให้สถานที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และคุณค่าทางความทรงจำ กลับมาสวยงดงาม ท้าทายกาลเวลา ให้คนรุ่นหลังได้มาศึกษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์สืบต่อไป

และเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น SEE JORAKAY ได้ร่วมกับ ร้าน ต. โฮม ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง ครบครัน ทันสมัย จ.เชียงใหม่ เปิดช็อปสีจระเข้อย่างเป็นทางการในจังหวัดเชียงใหม่ โชว์สัมผัสประสบการณ์แห่งสีสัน และลวดลายกับสีจระเข้ ด้วยเทคโนโลยีจากสีธรรมชาติ พร้อมสัมผัสประสบการณ์แห่งแรงบันดาลใจ ด้วยเทคนิคความรู้ดี ๆ จากผู้เชี่ยวชาญจากสีจระเข้ นำโดย คุณวิกิจ กันฉาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ, คุณสุภกิตติ์ เตชดนัย ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจกลุ่มสี และคุณพงศธรณ์ สุดาจันทร์ วิทยากรอาวุโส ศูนย์ฝึกอบรม จระเข้ อะคาเดมี่ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มาร่วมอัปเดตผลิตภัณฑ์ ภายใต้หัวข้อ “Paint The New Norm” เพ้นท์มาตรฐานใหม่ให้ชีวิตสีปลอดภัย สีธรรมชาติ สีจระเข้ อีกด้วย

พบกับสีคุณภาพพร้อมทีมที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ และทีมช่างพร้อมให้บริการงานทาสี แบบมืออาชีพ มีครบ จบที่เดียว ทั้งสินค้า และบริการ ได้แล้ววันนี้ “ต.โฮม จ.เชียงใหม่” ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของสีจระเข้ได้ทาง www.seejorakay.com