เชียงราย “บริษัทไทยยามาฮ่า” มอบเงิน 2 แสนบาท ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย(คลิป)

บริษัทไทยยามาฮ่า มอบ 2 แสนบาท ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเชียงรายสานต่อโครงการ “ยามาฮ่าร่วมใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ผนึกกำลัง 12 ผู้จำหน่าย ใน 6 จังหวัดภาคเหนือและสถาบันอาชีวเอกชนลุยซ่อมบำรุงบรรเทาภัย

วันนี้ 7 พย.67 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมสินธานีคอมเพล็กซ์ บจก.เชียงรายสินธานี นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริษัท ไทยยามาฮ่า จำกัด พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย Dealers, นายธีรศักดิ์ เลาหะวีร์ ประธานกรรมการ นายภาคภูมิ เลาหะวีร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนางศรัณพร ชัยคณารักษ์กูล ผู้อำนวยการจักยานยนต์และสินเชื่อฯ เข้าร่วมพิธียามาฮ่าร่วมใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด มอบเงินบริจาคให้กับกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์คุณภาพชั้นนำของประเทศไทย สานต่อโครงการ “ยามาฮ่าร่วมใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยในจังหวัดต่างๆ ต่างได้รับผลกระทบกันเป็นจำนวนกว้างมากกว่า 6 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา และจังหวัดสุโขทัย อีกทั้งยังมีปัญหาที่ได้รับผลกระทบอื่นๆ ตามมาไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากการเสียพื้นที่การทำการเกษตร และการทำธุรกิจต่างๆ และยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ทางบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จึงได้ผนึกกำลัง 12 ร้านผู้จำหน่ายในภาคเหนือได้แก่ บริษัท เชียงรายสินธานี จำกัด, บริษัท ทวียนต์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด, บริษัท เจริญมอเตอร์เชียงใหม่ จำกัด, บริษัท แสงชัยมอเตอร์เซลล์ จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลิ้มเม่งจั๊ว,ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอ็น ที มอเตอร์ไบค์ เซลล์ แอนด์เซอร์วิส, บริษัท แพร่เจริญยนต์ พาวเวอร์กรุ๊ป จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุญทองรวมยนต์, ห้างหุ้นส่วนจำกัด คูกวงหลี, ห้างหุ้นส่วนจำกัด สินชัยมอเตอร์น่าน และ บริษัทโชคชัยมอเตอร์ จำกัด ในการส่งช่างบริการมืออาชีพเข้าช่วยซ่อมแซมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าในครั้งนี้ อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจาก วิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวศึกษาเอกชนอีก 3 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพ และบริหารธุรกิจ จ.เชียงใหม่ วิทยาลัยเทคโนโลยีฐานเทคโนโลยี กรุงเทพฯ และวิทยาลัยเทคโนโลยี มีนบุรีโปลีเทคนิค กรุงเทพฯ เข้าร่วมในการเป็นจิตอาสาในการให้บริการซ่อมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้กว่า 45 คน

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้กล่าวว่า “ยามาฮ่ามีความห่วงใยลูกค้ายามาฮ่า พี่น้องชาวเชียงราย และอีก 5 จังหวัด ที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ โดยตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม ถึง 31 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ยามาฮ่าได้ร่วมมือกับร้านผู้จำหน่ายในเขตภาคเหนือจำนวน 12 ร้าน และส่งทีมงานบริหาร เข้าซ่อมแซมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่ประสบอุทกภัย จำนวนถึง 2,225 คัน รวมเป็นเงิน 538,000 บาท พร้อมกันนี้เรายังได้ร่วมมือกับวิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวศึกษาเอกชน จำนวน 3 แห่ง ในการส่งน้องๆ อาชีวะจิตอาสาเข้าในการให้บริการซ่อมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่ประสบอุทกภัย

โดยในปัจจุบัน ยังคงมีพี่น้องชาวเชียงรายที่ยังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ ทางยามาฮ่าจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเยียวยาผู้ประสบภัยที่ยังคงต้องการความช่วยเหลือ และยังมีความจำเป็นอีกหลายอย่างในการฟื้นฟูพื้นที่ โดยได้สมทบทุนร่วมบริจาคเงินจำนวน 200,000 บาท ให้กับกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย ผ่านทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

“ยามาฮ่ายังคงมุ่งมั่นเต็มที่ และพร้อมเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ พร้อมเคียงข้างคนไทย และลูกค้ายามาฮ่าไปด้วยกัน” โดย บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และร้านผู้จำหน่ายในพื้นที่ทั้ง 12 ร้าน และวิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวศึกษาเอกชนชื่อดัง จำนวน 3 แห่ง ได้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการ และนักศึกษา ออกให้บริการซ่อมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่ประสบอุทกภัย โดยการตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมเปลี่ยนอะไหล่ฟรี 5 รายการ ได้แก่ ฟรีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, ฟรีบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้าย, ฟรีบริการเปลี่ยนหัวเทียน, ฟรีเปลี่ยนไส้กรองอากาศ* และฟรีเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง หมายเหตุ: *การเปลี่ยนขึ้นอยู่กับความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม โดยการประเมินจากช่างผู้ทำการตรวจสอบหน้างาน ทั้งนี้ ช่างบริการมืออาชีพจากไทยยามาฮ่า ร้านผู้จำหน่าย และน้องๆ อาชีวะ ได้ทำการซ่อมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่ประสบอุทกภัย รวมจำนวนมากถึง 2,225 คัน


ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ยังคงมุ่งมั่นที่จะเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงราย และพื้นที่อื่น อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับร้านผู้จำหน่าย ในพื้นที่ต่างๆ ในการช่วยเหลือ และซ่อมบำรุงรถจักรยานยนต์ เพื่อส่งต่อความห่วงใย และช่วยเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังคงได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัยในครั้งนี้

ในช่วงท้ายในพิธี นางศรัณพร ชัยคณารักษ์กูล ผู้อำนวยการจักยานยนต์และสินเชื่อฯ ได้มอบประกาศเกียรติคุณ จากบริษัทไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ให้กับทางคณะอาจารย์และนักศึกษา จากวิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวศึกษาเอกชนอีก 3 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพ และบริหารธุรกิจ จ.เชียงใหม่ วิทยาลัยเทคโนโลยีฐานเทคโนโลยี กรุงเทพฯ และวิทยาลัยเทคโนโลยี มีนบุรีโปลีเทคนิค กรุงเทพฯ เข้าร่วมในการเป็นจิตอาสาในการให้บริการซ่อมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้กว่า 45 คน

เชียงใหม่ เทศบาลตำบลเชิงดอย เตรียมจัดงานเทศกาลโคมล้านนาปู่จาผางประทีป ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี ระหว่างวันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2567 ณ บริเวณหนองบัวพระเจ้าหลวง (คลิป)

เทศบาลตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดงานเทศกาลโคมล้านนา ปู่จาผางประทีปหนองบัวพระเจ้าหลวง (งานยี่เป็ง) ระหว่างวันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2567 ณ บริเวณหนองบัวพระเจ้าหลวง


นายมงคล ชัยวุฒิ นายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย กล่าวว่า ไฮไลท์สำคัญของงานประกอบด้วยการปล่อยโคมไฟขึ้นฟ้าพร้อมกันจำนวน 2,000 ดวงในพิธีเปิดงาน ซึ่งทางเทศบาลได้ดำเนินการขออนุญาตจากทางอำเภอดอยสะเก็ดแล้ว และจะทำการเก็บซากโคมที่ตกในเขตพื้นที่รับผิดชอบทุกวันตลอดช่วงการจัดงาน


นอกจากยังมีการแสดงโชว์ที่ยิ่งใหญ่อลังการแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในช่วงพิธีเปิด และการประกวดเทพีจำแลงและเทพบุตรยี่เป็ง ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 50,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศและสายสะพาย โดยรางวัลชนะเลิศเทพีจำแลงรับเงินรางวัล 10,000 บาท และเทพบุตรยี่เป็งรับเงินรางวัล 8,000 บาท ซึ้งได้รับการสนับสนุนจากนางฟ้าใจดี คุณพิมพ์ลภัส ขัตติวงษ์ นายกก่อตั้งสโมสรไลออนส์เพชรเพชรบูรณ์ ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 โดยผู้เข้าประกวดเทพีจำแลงต้องมีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ส่วนเทพบุตรต้องมีอายุระหว่าง 16-26 ปีบริบูรณ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 098-697-2368

การจัดงานในครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน อาทิ อำเภอดอยสะก็ด , วิทยาลัยเทคโนโลยีและสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา , สภาวัฒนธรรมอำเภอดอยสะเก็ด , สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และสถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด เพื่อร่วมสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมล้านนาให้คงอยู่สืบไป

ว่าที่ร้อยตรี อภิพงค์ คงสัมพันธ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานในปีนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้สัมผัสบรรยากาศเดิมของหนองบัวก่อนการพัฒนาพื้นที่ โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงภูมิทัศน์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ ดังนั้นการจัดงานครั้งนี้เทศบาลตำบลเชิงดอย พร้อมทั้งผู้สนับสนุน และภาคีเครือข่ายจึงตั้งใจอย่างเต็มที่ในการจัดการแสดงที่ยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมกิจกรรมมากมายตลอด 4 วันเต็ม โดยพิธีเปิดงานจะมีขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.00 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน สนุกกับวงดนตรี “เดอะเพอะ” และการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งวันที่ 17 พฤศจิกายน พบกับวง “SL Music และประกวดยุวทูตวัฒนธรรมดอยสะเก็ด 18 พฤศจิกายน ส่งท้ายกับคณะรำวงซายูริ

ว่าที่ร้อยตรี อภิพงค์ คงสัมพันธ์ รองนายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย กล่าวเน้นย้ำว่า ปีนี้จะมีการเข้มงวดในส่วนของการห้ามเล่น และนำประทัด พลุ ดอกไม้ไฟ้เข้ามาในบริเวณการจัดงาน รวมถึงห้ามนำโคมลอยหรือโคมไฟเข้ามาในบริเวณงาน เพื่อเป็นการควบคุมมาตรฐานของโคม และปริมาณ ตามที่ได้ทำการขออนุญาตจากอำเภอดอยสะเก็ด ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อโคมไฟที่ได้มาตรฐานตามระเบียบข้อบังของจังหวัดเชียงใหม่ ได้ ณ จุดหน่ายในบริเวณงานเท่านั้น หรือติดต่อจองล่วงหน้าได้ผ่านช่องทางไลไอดี : gogoh3113

เชียงใหม่ คณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทย มุ่งสู่ Net Zero 2065(คลิป)

คณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทย มุ่งสู่ Net Zero 2065


(วันนี้ 1พย.67) ที่ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ศาสตราจารย์ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ครั้งที่ 9 “บทบาทคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย มุ่งสู่ Net Zero 2065”พร้อมทั้งมอบ นโยบายที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อมุ่งสู่ Net Zero ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมหาวิทยาลัยแม่โจ้และคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น มีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย จำนวนกว่า 150 คน จาก 45 แห่งทั่วประเทศเข้าร่วมงาน โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวต้อนรับ ทั้งนี้มี ดร.วรพงศ์ นันทาภิวัฒน์ ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวรายงาน

การประชุมสัมมนาฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเป็นการร่วมระดมความคิดของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศทุกกลุ่มสถาบันการศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัยใน ทปอ. กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ กลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และกลุ่ม สสอท. มหาวิทยาลัยเอกชน ร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทย สู่ Net Zero ผสานกลยุทธ์การวิจัย การเรียนการสอนและบริหารจัดการวิชาการเข้ากับแนวคิด Green University รวมถึงการปรับตัวสานกลยุทธ์ธุรกิจ สู่ Net Zero เพื่อรับมือกับข้อกำหนดทางการค้าและเงื่อนไขตลาดทุน ซึ่งมีทั้งการจัดนิทรรศการผลงานเด่นของมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 20 ผลงาน การบรรยายพิเศษและการเสวนาจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ในประเด็นที่น่าสนใจ

วันแรกมีบรรยายพิเศษ เรื่อง“มหาวิทยาลัยแม่โจ้กับการขับเคลื่อนประเทศไทย สู่ Net Zero”, ผสานกลยุทธ์การวิจัย การเรียนการสอนและบริหารจัดการวิชาการเข้ากับแนวคิด Green University การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จากนั้นในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงานโครงการต่างๆ ของมหาวิทยาลัย ฟาร์มมหาวิทยาลัย โรงเรือนไส้เดือนดินกำจัดขยะอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การผลิตกัญชาอินทรีย์เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ และเกษตรอัจฉริยะ Smart Fishery ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ Green University ของมหาวิทยาลัย


สำหรับในวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2567 มีการบรรยายพิเศษ เรื่อง “Climate Change วิกฤตของโลก และทางออกของเรา” ความรู้และงานวิจัยเกี่ยวกับวิกฤติโลกร้อน ความร่วมมือระหว่างประเทศ และนวัตกรรมที่จะนำพาโลกสู่สภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น และแนวทางที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยในการมุ่งสู่ Net Zero โดย รองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการ (UNISERV) และหัวหน้าหน่วยวิจัยเพื่อการจัดการพลังงานและเศรษฐนิเวศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่อง “ทศวรรษแห่งการปรับตัว สานกลยุทธ์ธุรกิจสู่ Net Zero” กลยุทธ์ธุรกิจยุคใหม่เพื่อรับมือกับข้อกำหนดทางการค้า และเงื่อนไขตลาดทุนโลกและมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจในทศวรรษที่ผ่านมาและในอนาคต โดย นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รวมถึงการเสวนา เรื่อง “บทบาทของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยกับการพัฒนามหาวิทยาลัย” โดยผู้แทนคณะกรรมการส่งเสริมจากทุกกลุ่มสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมการประชุม สัมมนา

นอกจากนั้นได้เข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงาน บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) บริษัท ปลูกผักเพระรักแม่ จำกัด (มหาชน) (โอ้กะจู๋) และ บริษัท กรีนไดมอนด์ จำกัด (บุญสมฟาร์มสาหร่ายเกลียวทอง) ซึ่งเป็นภาคีภาคธุรกิจที่มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ รวมถึงการศึกษาดูงานด้านศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ล้านนา และด้านหัตถกรรมและเศรษฐกิจท้องถิ่น


ด้าน ดร.วรพงศ์ นันทาภิวัฒน์ ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวเพิ่มเติมว่า “คณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยคือผู้เกี่ยวข้องในวงการธุรกิจและการศึกษา เราจะได้มีส่วนร่วมในการหารือและหาข้อแนะนำในการที่จะทำให้ประเทศเราสามารถบรรลุการเป็น Net Zero ในปี 2065 ได้”


การประชุมสัมมนาคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ครั้งที่ 9 นอกจากเผยแพร่ภาพลักษณ์และสร้างชื่อเสียงที่ดีให้แก่มหาวิทยาลัย และจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ยังเป็นกิจกรรมการสร้างความสัมพันธ์และส่งเสริมเครือข่ายของมหาวิทยาลัยทุกภาคส่วนให้สามารถพัฒนาขีดความสามารถที่เกิดประโยชน์ต่อสังคม เศรษฐกิจและชุมชนในทุกมิติต่อไป

เชียงใหม่ บริษัท เพ็ทมาร์ท (ประเทศไทย) จํากัดชวนเที่ยวงานมหกรรมสัตว์เลี้ยงแสนรัก (คลิป)

บริษัท เพ็ทมาร์ท (ประเทศไทย) จํากัด ร่วมกับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ชวนเที่ยวงานมหกรรมสัตว์เลี้ยงแสนรัก ยกขบวนกองทัพสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงหลากหลายแบรนด์ นอกจากนั้นยังได้ดูโชว์ของเจ้าตัวมาสคอตเป่าลมเป็นบรรดาสัตว์ต่างๆ โชว์ลีลาอย่างหน้าประทับใจ ใช้หัวหมุนลงพื้น เอาขาชี้ฟ้า เล่นเอาผู้ที่มาชมถึงกับอื้งไปตามๆ กัน

วันนี้(31 ตค.67) บริษัท เพ็ทมาร์ท (ประเทศไทย) จํากัด ร่วมกับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ชวนเที่ยวงานมหกรรมสัตว์เลี้ยงแสนรัก ยกขบวนกองทัพสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงหลากหลายแบรนด์มาให้ช้อปในราคาสบายกระเป๋า และกิจกรรมอีกมากมายภายในงาน Chiangmai Petmart Fair 2024 ครั้งที่ 6 ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2567 ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

ร่วมด้วยกิจกรรมพิเศษมากมาย อาทิ ช้อปเพลินไปกับโปรโมชั่นสินค้าและผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ดีที่สุดกว่า 10,000 รายการ สนุกไปกับเหล่าเซเลปดารามากความสามารถ หน้าตาดี ที่จะมาสร้างรอยยิ้มและความสุขไปพร้อมกันกับ ฟิล์ม ธนภัทร , กลัฟ คณาวุฒิ , เจมีไนน์ – โฟล์ท และพิธีกรรับเชิญ เลโอ โซสเซย์ ร่วมลุ้นโปรพิเศษสุดเฉพาะงานนี้เท่านั้น ทั้งของแจกฟรีและแถมของภายในงาน

แต่ไฮไลน์ของงานก็เห็นจะเป็นการนำมาสคอตเป่าลม เป็นสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสุนัข แมว กระต่าย กว่า 10 ชีวิตมาเต้นโชว์ภายในงานให้กับคนที่มาร่วมงานได้ชม มาดูลีลาของมาสคอตแต่ละตัวออกลีลาไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะเจ้าแมวสีส้ม โชว์ลีลาได้อย่างประทับใจแบบสุดๆ ใช้หัวหมุนลงพื้น เอาขาชี้ฟ้า เล่นเอาผู้ที่มาชมถึงกับอื้งไปตามๆ กัน

เชียงใหม่ ผบช.ภ.5 แถลงข่าว จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 2,494,000 เม็ด พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่(คลิป)

ผบช.ภ.5 แถลงข่าว จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 2,494,000 เม็ด พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

วันนี้ (29 ตค.67) เวลา 09.30 น. ตามนโยบายรัฐบาล สั่งการให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี, พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร, พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และพล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ฝ่ายทหาร นบ.ยส.35 โดย พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน มทน.3/ผบ.นบ.ยส.35 ฝ่ายปกครอง สำนักงาน ปปส.ภาค 5 ร่วมแถลงข่าว บก.สส.ภ.5 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 2,494,000 เม็ด พื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 22.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.ภ.5 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 คน คือ นายอัครชัย อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่, นายภูมิพัฒน์ อายุ 30 ปี ภูมิลำเนา อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ และนายดุสิต อายุ 48 ปี ภูมิลำเนา อ.ดอยเต่า จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าจำนวน 10 กระสอบ รวมประมาณ 2.5 ล้านเม็ด ที่บริเวณสถานีบริการน้ำมัน ตั้งอยู่ที่ถนนเชียงใหม่ – หางดง หมู่ 6 ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ ต่อเนื่อง สวนลำไย พื้นที่หมู่ 6 ต.โปงทุ่ง อ.ดอยเต่า จว.เชียงใหม่

คดีนี้ พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.ภ.5 ติดตามพฤติการณ์กลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติด ที่มีช่องทางนำเข้าจากแนวชายแดน ทาง อ.เวียงแหง จว.เชียงใหม่ แล้วลำเลียงมาจุดพักยาเสพติดในพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.เชียงดาว – อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ และจะมีกลุ่มลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถจักรยานยนต์ PCX สีแดง ขับนำรถยนต์กระบะบรรทุกสิ่งของเต็มหลังกระบะ จากพื้นที่ อ.แม่แตง ผ่าน อ.แม่ริม – อ.เมืองเชียงใหม่ แล้ว วิ่งไปตามถนนสายเชียงใหม่ – หางดง จึงสกัดจับกุมที่บริเวณปั๊มน้ำมัน เขต ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ โดยมี นายภูมิพัฒน์ฯ ขับรถจักรยานยนต์ PCX สีแดง นำทาง และนายอัครชัยฯ ขับรถยนต์บรรทุกพบ ยาบ้าประมาณ 2.5 ล้านเม็ด บรรทุกอยู่บริเวณหลังรถ และต่อมาได้ขยายผลไปจับกุมนายดุสิตฯ ซึ่งเป็นคนว่าจ้าง/ติดต่อกลุ่มลำเลียงยาเสพติดที่บริเวณสวนลำไย พื้นที่หมู่ 6 ต.โปงทุ่ง อ.ดอยเต่า จว.เชียงใหม่ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลหาเครือข่ายและตรวจยึดอายัดทรัพย์สินมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

ลำพูน “พลังงาน” ภูมิใจโครงการส่งสริมการมลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ จ.ลำพูน (คลิป)

“พลังงาน” ภูมิใจโครงการส่งสริมการมลิตก๊าซชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ จ.ลำพูน หนุนชุมชนใช้พลังงานทดแทน พร้อมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนอย่างยั่งยืน กระทรวงพลังงาน หนุนชุมชนใช้พลังงานทดแทน ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนผลิตก๊าซชีวภาพ ใช้ทดแทน LPG ในชุมชนอย่างต่อเนื่อง แผยช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และลดภาวะโลกร้อนนี้

(28 ตุลาคม 2567) นายเพทาย หมุดธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงานทรวงพลังงานได้นำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมพื้นพื้นที่เทศบาลตำบลศรีบัวบาน ชุมชนศรีบัวบาน จ.ลำพูน สนับสนุนประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปี 2543-2544 ดำเนินโครงการชีวภาพ(Biogas) ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ จำนวน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ (1.) บ้านหนองหล่ม หมู่ที่ 8 จำนวน 3 บ่อ (2) บ้านป้วย หมู่ที่ 10 จำนวน 2 บ่อ และ (3.) บ้านทุ่งยาว หมู่ที่ 7 จำนวน 3 บ่อ ทั้ง 3 หมู่บ้างขนาดบ่อละ 100 ลบ.ม. มาใช้ในการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากกลิ่นเหม็นของเสียและมูลสุกรภายในฟาร์ม ที่อยู่ภายในหมู่บ้านและบริเวณโดยรอบ ทั้ง 3 หมู่บ้าน พร้อมทั้งได้ใช้พลังงานจากก๊าชชีวภาพ ลดภาระค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี

นอกจากการสนับสนุนการผลิตก๊าซชีวภาพ (Biogas) เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวแล้ว ต่อมายังได้มีการพัฒนาต่อยอดด้วยการต่อท่อส่งก๊าชชีวภาพแบบเครือข่าย (Biogas Network) โดยความร่วมมือของเทศบาลและชุมชน ที่ช่วยให้คนในชุมชนได้ใช้ก๊าซชีวภาพทดแทนก๊าซหุงต้ม (LPG) เพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือนอย่างทั่วถึง ให้กับบ้านหนองหล่ม จำนวน 70 ครัวเรือน บ้านป่าป่วย จำนวน 70 ครัวเรือน และบ้านทุ่งยาว จำนวน40 ครัวเรือน ซึ่งนับว่าเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นได้อย่างคุ้มค่า และเป็นการประหยัดพลังงานของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาระบบ Biogas Network มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพการกรองก๊าชชีวภาพ โดยเฉพาะก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟต์ (H-S) ซึ่งส่งผลให้ภาชนะหุงต้มผุพัง รวมถึงอุปกรณ์ภายในบ้านที่เป็นโลหะต่าง ๆ เสียหายอีกทั้งยังมีปัญหาแรงดันก๊าซเบา เนื่องจากไม่มีสถานีเพิ่มแรงดันทำให้ก๊าซไปไม่ถึงปลายท่อ ชุมชนและเทศบาลจึงได้ร่วมมือกับบริษัท ชีเนอร์จี้ โซลูชั่นส์ จากสหรัฐอเมริกา ที่ได้คิดค้นและจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีการดูดชับก๊าชธรรมชาติ(Adsorbent Natural Gas : ANG) โดยบริษัทฯ ได้มอบเทคโนโลยีพร้อมอุปกรณีในการบรรรจุแก๊สลงถัง ซึ่งเป็นโครงการนำร่องในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดูดซับก๊าซ หรือ ANG ในการอัดเก็บก๊าชชีวภาพที่ได้มาจากมูลสุกรของหมู่บ้าน และมีระบบการกรองและกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซโฮโดรเจนซัลไฟด์หรือก๊าซใช่เน่า (H25) และความชื้นที่มากับก๊าชชีวภาพ ทำให้ก๊าชชีวภาพที่ได้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือนได้


อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเป็นการช่วยแก้ปัญหาเรื่องภาชนะ หรืออุปกรณ์ที่มีส่วนผสมของโลหะของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ก๊าซชีวภาพดังกล่าวอย่างได้ผล ปัจจุบันมีการอัดใส่ถังกัวจความจุ 47.5 ลิตร โดยถังที่อัดด้วยความดัน 20 บาร์ สามารถใช้ทำอาหารได้ประมาณ 5-7 วัน ในราคาถังละ 70 บาท และถังก๊าซที่อัดด้วยความดัน 40 บาร์ สามารถใช้ทำอาหารได้ประมาณ 10-15 วัน ในราคาถังละ 130 บาท ปัจจุบันสถานีอัดก๊าซมีจำนวน 1 สถานีที่บ้านทุ่งยาว ครอบคลุมการใช้งานประมาณ 70 ครัวเรือน

ทั้งนี้ สำนักงานพลังงานจังหวัดลำพูน อยู่ระหว่างการผลักดันสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาการบรรจุก๊าซชีวภาพลงถังสำหรับใช้ในครัวเรือนให้มีมาตรฐาน ซึ่งจะทำให้เกิดความปลอดภัย สามารถขยายการใช้งานให้ครอบคลุมทั้งตำบลศรีบัวบานและพื้นที่ใกล้เคียงในเชิงพาณิชย์ได้มากขึ้น นำไปสู่การส่งเสริมการใช้ก๊าชชีวภาพ ทดแทนก๊าซ LPG ทั้งชุมชนในระดับตำบล ลดการปล่อย CO2 จากพลังงานทดแทนสู่เป้าหมายชุมชนลดคาร์บอนและปลอด LPG

“กระทรวงพลังงานส่งเสริมให้ประชาชนในทุกภาคส่วน ใช้พลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ในระดับชุมชน ซึ่งเชื้อเพลิงที่นำมาใช้ทดแทนพลังงานฟอสฟิส ได้แก่ แสงอาทิตย์ น้ำ ชีวมวล ก๊าชชีวภาพ ฯลฯ ล้วนแต่เป็นลังงานที่มีศักยภาพ สามารถแก้ไขปัญหากาการขาดแคลนพลังงาน ช่วยปัญหามลพิษ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังวยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้” นายเพทาย กล่าว

เชียงใหม่ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เผย สกร.เสียหายจากน้ำท่วมทั่วไทย กว่า 33 ล้าน เปิดกิจกรรม “สกร. ซ่อม สร้าง ล้างใหม่ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย(คลิป)

อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ เผย สกร.เสียหายจากน้ำท่วมทั่วไทย กว่า 33 ล้าน เปิดกิจกรรม “สกร. ซ่อม สร้าง ล้างใหม่ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ สกร.ระดับตำบลสันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

วันนี้(21 ต.ค.67) นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ พร้อมนายพงษ์ศักดิ์ บุญเป็ง ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดเชียงใหม่ พร้อม ผู้อำนวยการ สกร.ทุกจังหวัดในภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง พร้อมกับนายลักษ์ บุญชละ นายกเทศมนตรีตำบลสันผีเสื้อ และนายภาวิต บุญชละ รองนายกฯ ร่วมกันเปิดกิจกรรม “สกร. ซ่อม สร้าง ล้างใหม่ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” พร้อมมอบถุงยังชีพให้บุคลากรในสังกัด สกร.ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จำนวน 400 ชุด


กิจกรรม “สกร. ซ่อม สร้าง ล้างใหม่ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” จัดขึ้นจากเกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ทำให้หน่วยงาน สถานศึกษา ครู บุคลากร และนักศึกษาในสังกัดสำนักงาน สกร.ประจำ จ.เชียงใหม่ ได้รับความเสียหายทั้งด้านทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย และชีวิตความเป็นอยู่ จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบ สถานศึกษา จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ศกร.ระดับตำบลสันผีเสื้อ, ห้องสมุดประชาชนอำเภอเมืองเชียงใหม่ และ ศกร.ระดับตำบลวัดเกต, ศกร.ระดับตำบลไชยสถาน ครู บุคลากร และนักศึกษา จำนวน 400 คน ในพื้นที่สำนักงาน สกร.ประจำ จ.เชียงใหม่ สกร.ระดับอำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงดาว แม่อาย ฝาง แม่แตง สารภี หางดง สันป่าตอง และจอมทอง ​เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย และฟื้นฟูสถานศึกษาให้กลับสู่สภาพปกติ สามารถปฏิบัติงานและจัดการเรียนการสอนได้โดยเร็วที่สุด


สำนักงาน สกร.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือหน่วยงาน สถานศึกษาจากภัยพิบัติ เพื่อช่วยเหลือ ซ่อมแซม ฟื้นฟูหน่วยงาน สถานศึกษาที่ประสบภัยพิบัติ รวมถึงปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ ถนน พื้นที่ในบริเวณสถานศึกษา และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการจัดการเรียนการสอนที่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 18 – 22 ตุลาคม 2567 สำนักงาน สกร.ประจำจังหวัดกำแพงเพชร แพร่ และเชียงใหม่ ได้นำบุคลากร จำนวน 83 คน ร่วมกิจกรรม “สกร. ซ่อม สร้าง ล้างใหม่ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมสถานศึกษาในสังกัด ทั้ง 4 แห่งดังกล่าว ที่ได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้ สำนักงาน สกร.ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดตั้งโรงครัวและจัดทำถุงยังชีพ จำนวน 400 ถุง เพื่อมอบให้แก่ครู บุคลากร และนักศึกษา ซึ่งแบ่งมอบตามจำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้ ​1. ศกร.ระดับตำบลสันผีเสื้อ จำนวน 130 ถุง, 2. ห้องสมุดประชาชนอำเภอเมืองเชียงใหม่ จำนวน 50 ถุง, ​3. ศกร.ระดับตำบลวัดเกต จำนวน 55 ถุง, ​4. ศกร.ระดับตำบลไชยสถาน จำนวน 71 ถุง, 5. ศกร.ระดับตำบลสบแม่ข่า จำนวน 94 ถุง ​โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีภาคีเครือข่าย ได้แก่ ศึกษาธิการภาค 15 ศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ นายกเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ และผู้นำชุมชนตำบลสันผีเสื้อ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดกิจกรรมดังกล่าว


นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ กล่าวว่า ภาพรวมการเสียหายของ สกร.ทั่วประเทศจากภัยพิบัติอุทกภัยน้ำท่วมครั้งนี้ มูลค่าเสียหาย รวมมากกว่า 33 ล้านบาท และ จ.เชียงราย เสียหายมากที่สุด รวมกว่า 16 ล้านบาท ทั้งหมดได้เสนอขอเบิกงบกลางไปแล้ว และภายใต้การกำกับดูแลของท่านเพิ่มพูล ชิดชอบ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบนโยบายให้เร่งดำเนินการฟื้นฟูสถานที่ศึกษา ห้องเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอน และดูแลบุคลากรทางการศึกษา คณะครูและนักเรียนในสังกัด สกร.ให้ดำเนินการช่วยเหลือให้เสร็จสิ้นก่อนเปิดภาคเรียนที่จะถึงนี้


ส่วน ศกร.ต.สันผีเสื้อถือว่าเสียหายหนัก ทาง สกร.แพร่ และ สกร.กำแพงเพชร เดินทางมาช่วยเหลือแล้ว และวันนี้มอบถุงยังชีพที่ได้รับการสนันสนุนจากเนสท์เล่ มอบให้ใน สกร.ใน จ.เชียงใหม่จำนวน 400 ชุด และที่ จ.เชียงราย มอบผ่ายไปที่ สกร.จ.พะเยา แล้วก่อนหน้านี้ รวมจำนวน 400 ชุดเช่นกัน

เชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่ร่วมทำบุญ ตักบาตรเทโวโรหณะ วัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง มีการแสดงนรกภูมิ(คลิป)

ชาวเชียงใหม่ร่วมทำบุญ ตักบาตรเทโวโรหณะ วัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง มีการแสดงนรกภูมิ และอบายภูมิ มีทั้งเปรต และอสุรกาย สร้างสีสันภายในงาน

เช้าวันนี้(18 ตค. 67) ศรัทธาประชาชน และนักท่องเที่ยว ชาวเชียงใหม่ แห่ร่วมทำบุญ ตักบาตรเทโวโรหณะ ที่ วัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง พร้อมชมการแสดงแสงสีเสียง การแสดงนรกภูมิ และอบายภูมิ มีทั้ง ผีเปรต และอสุรกาย เดินลงจากเชิงบันได การแสดงครั้งนี้เพื่อให้ พุทธศาสนิกชน สำนึกในบาปบุญคุณโทษ

โดยมีเทวดาและนางฟ้า มารำอวยพร อย่างสวยสดงดงาม จากนั้น พระราชโพธิวรคุณ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ นำพระภิกษุสงฆ์สามเณร เดินลงมาจากบันไดนาค ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ร่วมกันใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง ซึ่งคณะศรัทธาสาธุชน ตั้ง แถวยาว รอใส่บาตร มีนักท่องเที่ยวที่สนใจร่วมงานและศรัทธาสาธุชนนำมาถวายครั้งนี้ ซึ่งสิ่ของที่ได้ทางวัดจะนำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ และผู้ประสบภัยน้ำท่วม ต่อไป

เชียงใหม่ คณะการแพทย์แผนไทย และ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลาส่งน้ำมันทาแผลน้ำกัดเท้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.เชียงใหม่

คณะการแพทย์แผนไทย และ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลาส่งน้ำมันทาแผลน้ำกัดเท้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.เชียงใหม่

วันที่ 16 ตุลาคม 2567 ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาง นำโดยนางณฤชล รัญเสวะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาง สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลขี้เหล็ก อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่และบุคลากรทางการแพย์ รับมอบน้ำมันทาแผลน้ำกัดเท้า (ตำรับน้ำมันสมุนไพรภายนอก) ที่อาจารย์จากคณะการแพทย์แผนไทย และ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับร้านไทรบุรีสมุนไพร จ.สงขลา ร่วมผลิตขึ้น เพื่อช่วยประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เท้าเปื่อยจากน้ำกัดเท้า ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ฟื้นฟูบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆจากปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ของจังหวัด รวมทั้งส่งมอบให้ รพ.สต.ที่ในสังกัด อบจ. ที่ได้รับผลกระทบ


ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาง กล่าวว่า โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาง สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ต้องขอขอบคุณอาจารย์จากคณะการแพทย์แผนไทย และ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และร้านไทรบุรีสมุนไพร จ.สงขลา ที่ผลิตและมอบเวชภัณฑ์ยาดังกล่าวผ่านมาทางโรงพยาบาลเพื่อส่งมอบให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป หวังว่าในอนาคตจะเกิดความร่วมมือระหว่างอาจารย์จากคณะการแพทย์แผนไทย และ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กับทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาง ที่จะผลิตน้ำมันทาแผลน้ำกัดเท้า(ตำรับน้ำมันสมุนไพรภายนอก)ในโอกาสต่อไป เนื่องจากน้ำมันทาแผลน้ำกัดเท้าเป็นเวชภัณฑ์ยาที่มีความจำเป็นสำหรับประชาชนที่เท้าเปื่อยจากน้ำกัดเท้า ซึ่งมักจะพบในผู้ที่ทำอาชีพเกษตรกรรม ชาวไร่ ชาวสวน ในพื้นที่ ซึ่งเวชภัณฑ์ดังกล่าวมีอายุการใช้ถึง 3 ปี

เชียงใหม่ “ซีพีเอฟ”-“พันธมิตร-คู่ค้า” ร่วม “ต่อชีวิตช้างไทย” มอบอาหารช้างคุณภาพ สู่กลุ่มช้างเปราะบาง (คลิป)

‘ซีพีเอฟ-พันธมิตร-คู่ค้า’ ร่วม “ต่อชีวิตช้างไทย” มอบอาหารช้างคุณภาพ สู่กลุ่มช้างเปราะบาง ที่ปางช้างแม่สา

(16 ต.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานที่ปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารและเจ้าของปางช้างแม่สา ต้อนรับนายสุพงษ์ ลักษณ์ธนากุล ผู้บริหารเชียงใหม่ธนากุลกรุ๊ปและนายฤทธิชัย ภูมิอมร ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจอาหารสัตว์บก นายพูนศักดิ์ ทองพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจอาหารโค บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน และทีมงาน ร่วมกันมอบอาหารช้างเอราวัล จำนวน 150 ถุง

โดยบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ สานต่อโครงการ “ต่อชีวิตช้างไทย” จับมือพันธมิตรและคู่ค้าอาหารสัตว์บกทั่วประเทศ ร่วมบริจาคแต้ม (Point) สมทบทุนซื้ออาหารช้าง ช่วยเหลือช้างกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัย ผนึกกำลังร้านเชียงใหม่ธนากุล ร่วมส่งมอบอาหารช้างเอราวัณ รวม 12 ตัน กระจายสู่ปางช้างแม่สา และปางช้างแม่แตง จ.เชียงใหม่ ตลอดจน สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ หรือโรงพยาบาลช้างลำปาง

นายฤทธิชัย ภูมิอมร ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟร่วมร้อยเรียงความดีเดินหน้าโครงการ “ต่อชีวิตช้างไทย” มอบอาหารคุณภาพให้ช้างอิ่มท้อง สร้างสุขภาพดี นับตั้งแต่วิกฤติช้างไทยในสถานการณ์โควิด-19 ที่บริษัทได้ส่งต่ออาหารช้างให้กับหลายหน่วยงานที่ช่วยเหลือช้าง จนถึงอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของช้างโดยตรง ซีพีเอฟในฐานะผู้ผลิตอาหารช้างที่มุ่งสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันร่วมกัน จึงจับมือพันธมิตรและคู่ค้าอาหารสัตว์บกทั่วประเทศ ขยายผลสร้างเครือข่ายช่วยเหลือช้าง แบ่งเบาภาระผู้เลี้ยงช้างกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบ ด้วยการส่งต่ออาหารที่เพียงพอ มีคุณค่าทางโกชนาการ ช่วยแก้ไขปัญหาภาวะทำโภชนาการให้กับช้างไทย

“โครงการ “ต่อชีวิตช้างไทย” เป็นนวัตกรรมทางสังคมในการสร้างการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งเกษตรกรที่เป็นลูกค้าอาหารสัตว์บกซีพีเอฟ คู่ค้า และทุกภาคส่วนมาร่วมกันอนุรักษ์ช้าง ด้วยการนำแต้ม CPF Feed Point จากช่องทางออนไลน์ และแอปพลิเคชัน CP SmartMORE มาแลกเป็นอาหารช้าง ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันบริจาคแต้มเปลี่ยนให้เป็นอาหารช้าง ส่งต่อไปยังช้างกลุ่มเป้าหมาย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และขอบคุณเชียงใหม่ธนากุล ร้านตัวแทนจำหน่ายอันดับหนึ่งของอาหารสัตว์บก ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่งอาหารในครั้งนี้ ”

นายฤทธิชัย กล่าวอีกว่า ซีพีเอฟ นำศักยภาพของบริษัทด้านการเป็นผู้นำการผลิตอาหารสัตว์คุณภาพ มาต่อยอดสู่การช่วยเหลือช้าง ผ่านโครงการ“ต่อชีวิตช้างไทย” ปีที่ 3 ด้วยการมอบอาหารช้างเอราวัณ ผลิตจากโรงงานผลิตอาหารสัตว์บกหนองแค จ.สระบุรี เพื่อร่วมบรรเทาปัญหาของปางช้างที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย นอกจากการท่องเที่ยวที่หยุดชะงักนั้น หลังภาวะน้ำหลากทำให้พื้นที่แหล่งอาหารธรรมชาติ ถูกทำลายลงไปเช่นกัน ส่งผลให้ช้างเลี้ยงในแต่ละปางช้างทางภาคเหนือ ขาดแคลนอาหาร สุขภาพร่างกายอ่อนแอลง อาหารช้างเอราวัณ E3 มีส่วนสำคัญที่ทำให้ช้างมีอาหารเสริมที่มีคุณภาพ มีคุณค่าโภชนาการอาหารสัตว์ ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ใช้ส่วนผสมวัตถุดิบจากพืช มีเยื่อใยสูงเหมาะสำหรับช้างทุกระยะ 4

 

ทั้งนี้การซื้อขายอาหารสัตว์บกซีพีเอฟผ่านร้านตัวแทนจ าหน่ายในระบบออนไลน์ จะได้รับแต้ม CPF Feed Point ในทุกการใช้จ่าย 100 บาท มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม รวมถึงเกษตรกรโคนมที่ใช้แอปพลิเคชัน CP SmartMORE ในทุก 29 แต้ม ซีพีเอฟจะสบทบทุนเพิ่มเป็น 100 บาท เปลี่ยนเป็นอาหารช้างส่งต่อสู่กลุ่มช้างเปราะบางทั่วประเทศ สามารถร่วมบริจาคแต้มสมทบทุนเป็นอาหารช้างได้ เพื่อกระจายความช่วยเหลือสู่ช้างทั่วประเทศ ส าหรับผู้สนใจสามารถบริจาคสมทบทุนซื้ออาหารช้างได้ที่ https://liff.line.me/1654713008-raEmYnyj หรือแอดไลน์ @cpffeedonline ในอนาคตโครงการฯ จะต่อยอด การนำแต้มมาบริจาคให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น จาก “ต่อชีวิตช้างไทย” สู่การต่อชีวิตเด็กไทย และการต่อชีวิตสิ่งแวดล้อมไทยสิ่งแวดล้อมโลก.