เชียงใหม่ วันหยุดยาววันแม่แห่งชาติ นักท่องเที่ยวพาครอบครัวสักการะหลวงพ่อเจ้าทันใจ วัดพระธาตุดอยคำ พร้อมดูวิวเมืองเชียงใหม่(คลิป)

วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ นักท่องเที่ยวพาครอบครัวขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนวัดพระธาตุดอยคำ โดยเฉพาะขอพรจากหลวงพ่อพระเจ้าทัน พร้อมชมวิวบริเวณลานจุดชมวิว ด้านหลังมองเห็นหอคำหลวง ล่าสุดทางวัดได้นำต้นอินทผลัมสีแดงสดและต้นทุเรียนจำลองยักษ์มาประดับบริเวณลานจุดชมวิวเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ

บรรยากาศตลอดทั้งวันบนวัดพระธาตุดอยคำ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาฯ หรือวันแม่แห่งชาติ มีประชาชนพาครอบครัวบุตรหลานทะยอยกันเดินทางขึ้นไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บนวัดพระธาตุดอยคำกันอย่างเนืองแน่นโดยเฉพาะส่วนใหญ่จะเดินทางขึ้นมากราบสักการะบูชาขอพรองค์หลวงพ่อพระเจ้าทันใจ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเราและครอบครัว ในตอนแรกก็ไม่ต้องนำดอกมะลิมาถวาย จะขอพรเพียงจุดธูป 3 ดอก ตั้งจิตอธิฐานขอหลวงพ่อพระเจ้าทันใจตามที่เราต้องการ จะอธิฐานขอพรได้เรื่องเดียว ถ้าสำเร็จแล้วก็ค่อยนำดอกมะลิมาถวายแต่ต้องไม่ต่ำกว่า 50 พวง น้อมนำมาถวายหลวงพ่อพระเจ้าทันใจ


ในส่วนบริเวณลานจุดชมวิวของทางวัด สามารถมองเห็นด้านหลังของหอคำหลวง ภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์และตัวเมืองเชียงใหม่ มีพระพุทธรูปปางพระทานพร และพระพุทธรูปปางไสยาสน์ เป็นพระพุทธรูปอยูในพระอริยาบถนอนตะแคงขวา บริเวณลานชมวิวก็ได้ปรับปรุงเพิ่มดอกไม้ และจุดนั่งพักสำหรับถ่ายภาพให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังวัดพระธาตุดอยคำ ล่าสุดทางวัดได้นำต้นอินทผลัมสีแดงสดและต้นทุเรียนจำลองยักษ์มาประดับบริเวณลานจุดชมวิวเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ


สำหรับวัดพระธาตุดอยคำ เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งหริภุญชัย โดยพระโอรสทั้ง 2 เป็นผู้สร้างในปี พ.ศ. 1230 ประกอบด้วยเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัย พญากือนา กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา ส่วนภายในวิหารวัดพระธาตุดอยคำก็ประดิษฐาน พระรอดหลวง อายุกว่า 1,338 ปี เป็นพระรอดหินทรายที่มีอายุเก่าแก่หาชมได้ยาก

เชียงใหม่ จัดการแสดงแสงสีเสียงนิราศหริภุญชัยของ นศ.ม.แม่โจ้ เล่าเรื่องราวผ่านเพลงซอล้านนาที่วัดศรีสุพรรณ(คลิป)

การแสดงแสงสีเสียง บทประพันธ์ นิราศหริภุญชัย ซึ่งถอดบทนำมาประพันธ์ สร้างสรรค์ใหม่ นำแสดงโดยนักศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่ ประกอบแสงสีเสียง เล่าเรื่องผ่านเพลงซอล้านนา ที่วัดศรีสุพรรณ จังหวัดเชียงใหม่ เล่าย้อนไปในอดีต เมื่อ 500 ปี ก่อน ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก


ที่ลานหลังพระอุโบถสเงิน หลังแรกของโลก วัดศรีสุพรรณ จังหวัดเชียงใหม่ นักศึกษาและอาจารย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้กว่า 40 ชีวิต นำงานวิจัยบทประพันธ์ ของอาจารย์ ดร.วีรินทร์ภัทร์ บูรณะสระกวี หัวหน้าโครงการวิจัย นิราศหริภุญชัย ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานวิจัยแห่งชาติ หรือ ว ช. ซึ่งอาจารย์ใช้เวลานานกว่า 1 ปี ศึกษาค้นคว้าและประพันธ์ขึ้นมาใหม่ และนำมาแสดงในงานนี้ เป็นครั้งแรก โดยการแสดงยังเป็นอัตลักษณ์ของล้านนา ในอดีตเมื่อกว่า 500 ปี ที่ผ่านมา


ผสมผสานกับยุคในปัจจุบัน ที่มีนักแสดงยุคปัจจุบัน มาเล่าเรื่อง จากตำราที่ค้นพบ และเล่าย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 500 ปีก่อน ผ่านการแสดง ที่พระเมืองแก้ว กษัตริย์ล้านนา เสด็จจากเชียงใหม่ ไปยังเมืองหริภุญชัย หรือจังหวัดลำพูน ในปัจจุบัน ที่ได้มีการพรรณนา ถึงสถานที่ต่างๆ และผู้หญิงที่รัก ซึ่งน่าจะหมายถึง พระนางสิริยศวดี ราชมารดา และถ่ายทอดออกมา เป็นการเล่าเรื่อง ผ่านการแสดง ตลอดเส้นทาง พบเจอกับอะไรบ้าง ซึ่งการแสดง ยิ่งใหญ่อลังการ ทั้งชุดแต่งกายแบบล้านนาในอดีต ประกอบดนตรีล้านนา และแสงสีเสียง โดยมีฉากหลังเป็นพระอุโบสถเงินหลังแรกของโลก วัดศรีสุพรรณ ตลอดนะยะเวลาแสดงนาน 45 นาที ได้รับความสนใจ จากนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งก็จะเป็นอีก 1 เรื่องราว ที่มาช่วยกระตุ้น ภาคการท่องเที่ยว ของจังวัดเชียงใหม่

อาจารย์ ดร.วีรินทร์ภัทร์ บูรณะสระกวี หัวหน้าโครงการวิจัย อาจารย์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เผยว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก โครงนิราศหริภุญชัย ถือเป็นโครงต้นฉบับ ของด้านวรรณกรรมล้านนาประพันธ์โดยพระเมืองแก้ว กษัตริย์แห่งล้านนา ที่สร้างวัดศรีสุพรรณ และเจ้าของบทประพันธ์ นอกจากจะพรรณนา ถึงสถานที่ ยังใส่ความรู้สึกของผู้ประพันธ์ลงไปด้วย จึงนำมาเล่าเรื่อง ผ่านเพลงซอล้านนา เอามาทำดนตรีใหม่ มีการสร้างเรื่องราว มีตัวเอก มีตัวละคร มีเส้นเรื่องขึ้นมา ในการเล่าเรื่องและเรื่องนี้ ยังคงมีอัตลักษณ์ของล้านนาอยู่ และมีการผสมผสานยุคปัจจุบันเข้าไปด้วย

อาจารย์ สุรชัย ศรีนรจันทร์ ผู้วิจัย คณะศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เผยว่า หลังจากนี้ก็จะนำผลงานชิ้นนี้ ไปเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ต่อไป

เชียงใหม่ สสส. สานต่อความสำเร็จ! อย่างยิ่งใหญ่ เดินหน้าจัดงานเดิน-วิ่ง “HEALTHY HERO” ครั้งที่ 4 ที่ ม.เชียงใหม่ ศึกษาตบเท้าเข้าร่วมสุดคึกคัก! หวังรณรงค์รู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้าและป้องกันโรคไม่ติดต่อ(NCDs)(คลิป)

สสส. สานต่อความสำเร็จกับกิจกรรมเดิน-วิ่ง “HEALTHY HERO” เดินหน้าจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีนักศึกษา และประชาชนทั่วไปสนใจเข้าร่วมงานกว่า 2,000 คน ทั้งนี้เพื่อมุ่งเน้นสร้างความตระหนัก รณรงค์รู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้าและป้องกันโรคไม่ติดต่อ (NCDs ) เป็นกระบอกเสียงรณรงค์ร่วมปกป้องเด็กและเยาวขนจากบุหรี่ไฟฟ้าให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่

เช้าวันนี้(11 สค.67) นางประภาศรี บุญวิเศษ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุข พร้อมด้วย นายเธียรสิทธิ์ จิโรจน์วีรภัทร ประธานสมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพไทย,ผศ.ดร.ปิติพงษ์ ยอดมงคล รองอธิการบดีฝ่ายการบริหารทรัพยากรบุคคลและพัฒนาบุคลากร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมปล่อยตัวนักวิ่งระยะทาง 4.94 กม.

ดร.นพ. ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้มุ่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าผ่านการสื่อสารในเชิงบวก เนื่องจากค่านิยมและความเข้าใจผิดเรื่องความร้ายแรงของบุหรี่ไฟฟ้า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นขึ้น จากการที่เข้าถึงง่าย และการสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทบุหรี่ รวมถึงเรื่องทัศนคติของเด็ก เยาวชน และประชาชนที่มีต่อบุหรี่ไฟฟ้า การแก้ปัญหาสุขภาพจากการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าจึงต้องให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง 2 เรื่อง 1.ช่วยเหลือผู้ที่ติอยู่แล้วให้เลิกสูบบุหรี่ 2.รณรงค์ป้องกันไม่ให้เยาวชนไปเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า การป้องกันนักสูบหน้าใหม่ถือเป็นมาตรการที่สำคัญและจำเป็นที่จะต้องมีบุคคลที่มีความรู้ และมีบุคคคคคลต้นแบบในการปลูกฝังค่านิยม ทัศนคติที่ถูกต้อง รวมถึงสร้างสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ให้เยาวชนเห็นคุณค่าในตัวเอง ทำให้เอาวชนยืนยันที่จะไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าไปตลอดชีวิต

นางสาวนิรมล ราศรี ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ (สสส.) กล่าวว่า สสส. มุ่งสร้างนวัตกรรมสุขภาพ ลดปัจจัยเสียงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ (NCDs) โดยเฉพาะการส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกา
ทุกคนมีสุขภาพดีตลอดช่วงชีวิต อีกทั้งส่งเสริมการใช้ “พื้นที่สุขภาวะละแวกบ้าน” เพิ่มพื้นที่มีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวันโดยการเดิน-วิ่ง เนื่องจากทุกเพศทุกวัยทำเองได้ง่าย เพื่อสร้างสังคมกระฉับกระเฉงพร้อมส่งเสริมให้นักวิ่งมีความรู้ที่ถูกต้อง เตรียมความพร้อมร่างกายก่อนลงสู่สนามอย่างปลอดภัยและลดการบาดเจ็บจากการวิ่ง

ผศ.ดร.ปิติพงษ์ ยอดมงคล รองอธิการบดีฝ่ายการบริหารทรัพยากรบุคคลและพัฒนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมหนุนเสริมของมหาวิทยาลัย อาทิ กิจกรรมแยกขยะ กิจกรรม HealthyCMU ส่งเสริมความรู้และความตระหนักด้านสุขภาพปอด (Smoke Free) การประเมินระดับการติดสารนิโคติน กิจกรรม CMU Zero Tolerance Area รณรงค์ประชาสัมพันธ์ข้อมูล กฏระเบียบ กฎหมาย เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในมหาวิทยาลัย ซึ่งมี 6 ประเด็นได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาเสพติด การพนันความรุนแรง การกลั่นแกล้ง และการคุกคามทางเพศ ความปลอดภัยทางถนน และการสวมใส่หมวกนิรภัย

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage : Healthy Hero ห่างไกลโรค NCDs และบุหรี่ไฟฟ้า
และ TikTok : healthyhero.TH

เชียงใหม่ ชาวบ้านดอยสะเก็ดประท้วงเหม็นกลิ่นขยะ ของศูนย์จัดการขยะมูลฝอย อบจ.เชียงใหม่ บริษัทผู้รับกำจัดขยะ เผย เร่งดับกลิ่นแล้ว ปฏิบัติตาม พรบ.สาธารณสุข(คลิป)

ชาวบ้านดอยสะเก็ดประท้วงเหม็นกลิ่นขยะ ของศูนย์จัดการขยะมูลฝอย อบจ.เชียงใหม่ บริษัทผู้รับกำจัดขยะ เผย เร่งดับกลิ่นแล้ว ปฏิบัติตาม พรบ.สาธารณสุข

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 10 สิงหาคม 2567 ที่สวนป่าของกรมป่าไม้ และริมถนนหน้าสนามกีฬาเทศบาลตำบลดอยสะเก็ด อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้าน 3 ตำบล มีตำบลเชิงดอย ตำบลป่าป้อง ตำบลแม่โป่ง และอีกหลายอำเภอ ในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้มารวมตัวกันกว่า 100 คน ไม่พอใจเหม็นกลิ่นขยะ จากบ่อขยะที่บริษัทเอกชนรับกำจัดขยะให้ อบจ.เชียงใหม่ ที่อยู่บ้านป่าตึงน้อย ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด กลิ่นขยะเหม็นกระจายไปหลายหมู่บ้าน สร้างปัญหามานานหลายเดือน กลิ่นเหม็นรุนแรงมากตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา


ศูนย์จัดการขยะของ อบจ.เชียงใหม่ นำมาพักขยะและผังกรบขยะ จากที่กำหนดไว้เพียงวันละไม่เกิน 300 ตัน แต่ขยะเข้าโรงงาน กว่า 500 ตันต่อวัน จึงมีกลิ่นเหม็นดังกล่าว ในที่ชุมนุม มีเอกสารแจก ระบุว่า สรุปเงื่อนไขข้อเสนอภาคประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากกลิ่นขยะเหม็นฟุ้งกระจายทั่วพื้นที่ชุมชน

คณะทำงาน “เครือข่ายจัดการขยะภาคประชาชน” ที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ชุมนุมพี่น้องประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อผลกระทบกลิ่นเหม็นจากขยะของศูนย์จัดการขยะแบบครบวงจร อบจ.เชียงใหม่

ชาวบ้านที่มาชุมนุม ได้ลงรายชื่อ เบอร์โทร มีชาวต่างชาติก็ร่วมลงรายชื่อด้วย จากนั้นฟังตัวแทนชาวบ้านกล่าวโจมตีโรงงานขยะดังกล่าว โดยการนำของนายชัยศิล รินแก้ว กล่าวว่า ชาวบ้านจะตั้งเครือข่ายจัดการขยะภาคประชาชน เพื่อติดตามการทำงานของ บริษัทเอกชนที่รับกำจัดขยะให้ อบจ.เชียงใหม่ ขอรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหา และหลังจากนี้ให้เวลา อบจ.เชียงใหม่ แก้ไขปัญหาในเวลา 1 เดือน หากไม่ดำเนินการ จะมารวมตัวอีกครั้ง ครั้งนี้กว่า 100 คน ครั้งต่อไปจะแจ้งให้ชาวบ้านออกมาจำนวนมากกว่านี้ ส่วนรายชื่อชาวบ้าน จะนำรายชื่อทั้งหมด พร้อมแนวทางแก้ไขปัญหาที่ขยะส่งกลิ่นเหม็นดังที่เขียนไว้ตามเอกสารระบุ นำเสนอให้ผู้ว่าฯ และนายอำเภอดอยสะเก็ด และเสนอถึง นายกฯ อบจ.เชียงใหม่ และบริษัทฯเอกชนที่รับกำจัดขยะ และ อปท.พื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาดังกล่าวต่อไป จากนั้นชาวบ้านสลายตัวในเวลา 12.00 น.ของวันเดียวกัน ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอยสะเก็ด มาอำนวยความสะดวก

ส่วนแหล่งข่าวจากบริษัทเอกชนที่รับกำจัดขยะให้ อบจ.เชียงใหม่ ให้ข้อมูลว่า ในการจัดการขยะ เรื่องผลกระทบดังกล่าวต่อชาวบ้านมีมาตรการและการจัดการอย่างต่อเนื่องแล้วกำลังดำเนินการโดยเร่งด่วนดังนี้

การแก้ไขผลกระทบเรื่องกลิ่นศูนย์บริหารจัดการขยะเชียงใหม่ ปัจจุบันทางศูนย์บริหารจัดขยะแบบครบวงจร อบจ.เชียงใหม่ ได้เร่งดำเนินการแก้ไขและกำหนดมาตรการแก้ไขเรื่องกลิ่นดังต่อไปนี้


มาตรการแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่น, 1. ปรับความสูงขยะเป็น 4 เมตร, 2. ฉีดพ่น EM ทุกๆ 3 ชั่วโมงโดยใช้โดรน : อย่างต่อเนื่อง, 3. ติดตั้ง สแลนแลกำแพง 6-7เมตร, 4. ทำความสะอาด บริเวณหน้าโครงการ : อย่างต่อเนื่อง, 5. อบจ.ตั้งด่านสกัด รถไม่ได้มาตรฐาน และตรวจสอบปริมาณขยะ : อย่างต่อเนื่อง 6.จัดทำขันดินเพื่อฝังกลบขยะ ตามหลักสุขาภิบาล ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 30 วัน, 7.พิจารณาจำกัดปริมาณการรับขยะ 250 ตันต่อวัน (มาตรการแก้ไขระยะยาว) ทางศูนย์บริหารจัดการขยะอบจ.เชียงใหม่ กำลังเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่น เพื่อลดผลกระทบเรื่องกลิ่นโดยเร็ว ทั้งนี้ทางศูนย์บริหารจัดการขยะ อบจ.เชียงใหม่ ดำเนินการและปฏิบัติตาม พรบ.สาธาณสุข มาโดยตลอด.

เชียงใหม่ ชาวบ้านป่วยหลายโรค เข้ารับน้ำแร่หินดำ หรือแร่ดำน้ำมนต์จากพ่อครูสมบัติ เชื่อบำบัดโรคต่างๆได้ สธ.ตรวจสอบน้ำแร่ได้มาตราฐาน(คลิป)

ชาวบ้านป่วยหลายโรค เข้ารับน้ำแร่หินดำ หรือแร่ดำน้ำมนต์จากพ่อครูสมบัติ เชื่อบำบัดโรคต่างๆได้ สธ.ตรวจสอบมาตราฐานคุณภาพน้ำผ่าน น้ำแร่ดำได้ส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ และโรงพยาบาลทั่วประเทศ ช่วงเกิดระบาดโรคโควิด-19 มาแล้ว

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานที่ลานบุญบ่อน้ำแร่ดำ หรือบ่อน้ำแร่หินดำ หรือน้ำแร่เพอร์เฟค ของนายสมบัติ เจริญทรัพย์ หรือพ่อครูสมบัติ ตั้งอยู่เลขที่ 8/1 บ้านแม่เตาดิน หมู่ 4 ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ชาวบ้านที่ป่วยหลายโรค จำนวนหลายคน เดินทางมารับน้ำแร่โดยให้พ่อครูสมบัติ ทำพิธีมนต์น้ำมนต์ให้ดื่ม โดยมีนายชวินศุทฤทธิ์ พงค์ธนัชภิภัทรา ชาวบ้าน บ้านหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ป่วยด้วยโรคนิ่วในไต จำนวน 2 ก้อน พร้อมเพื่อนบ้านหนองจ๊อม อีกจำนวนหนึ่ง มีผู้ป่วยเป็นโรคกระเพาะ และโรคสายตาพร่ามัว ก็เดินทางเข้าพบพ่อครูสมบัติ เพื่อรับน้ำมนต์ดื่ม และนำน้ำแร่ล้างตา ทำให้ตาสว่างขึ้น สดใสขึ้นได้ด้วยน้ำแร่ ซึ่งน้ำแร่ดังกล่าวได้รับการตรวจสอบคุณภาพมาตราฐานน้ำดื่ม ได้ผ่านมาตราฐานคุณภาพเป็นน้ำแร่100% จากกระทรวงสาธาณสุขแล้ว

สำหรับผู้มารับน้ำแร่ และน้ำมนต์ ต้องนำขันครู ขอให้พ่อครูสมบัติ มนต์น้ำมนต์ มีกรวยขันตั้ง คนละ จำนวน 4 ชุด(หรือ 4 กรวย) เทียน 4 เล่ม ค่าขันตั้ง คนละ 12 บาท และค่าชุดกรวยดอกและเทียนขันตั้ง คนละ 50 บาท ทุกคนต้องนำข้าวสารข้าวจ้าว คนละ 1 ลิตร ส่งให้พ่อครูสมบัติ เพื่อนำไปประกอบพิธีด้วย

การประกอบพิธีในศาลา ติดบ่อน้ำแร่ ที่มีสระน้ำพระยานาค 5 เศียร พ่อครูสมบัติ ได้นำกรวยดอกและชุดเทียน ถวายพระเจ้า 7 พระองค์ ที่แท่นบูชาพระเจ้า ที่เข้านิมิตฝันพ่อครูสมบัติ และพบพระธาตุออกแอ่ว(พระธาตุออกเที่ยว คือเห็นเป็นแสงหลังพระธาตุ พระเจ้า 7 พระองค์ในหมู่บ้านหลายครั้ง) ในนิมิตฝันหลายครั้งได้บอกให้นำน้ำแร่แจกให้ผู้คนดื่มกิน เพื่อช่วยบำบัดดูแลสุขภาพให้ชาวบ้านด้วย ก็เลยนำน้ำแร่ออกแจกฟรี ซึ่งได้เริ่มทำมาตั้งแต่เกิดระบาด คือ โรคโควิด-19 เป็นต้นมา รวมเวลาที่แจกน้ำแร่มานานกว่า 3 ปีมาแล้ว

ช่วงพ่อครูสมบัติ ประกอบพิธีมนต์น้ำมนต์น้ำแร่ดำ มีขั้นตอนโดย นำหินแร่ดำ ซึ่งหินแร่ดังกล่าว พ่อครูสมบัติ บอกว่า พบในพื้นที่ขุดเจาะบ่อแร่ ที่เป็นบ่อแร่หินดำอยู่เดิม ได้นำหินแร่ดำดังกล่าวใส่ลงไว้ในขันน้ำมนต์ จากนั้นเทน้ำแร่ลงไปให้เต็ม สวดบทคาถา เป็นอันเสร็จพิธีมนต์น้ำมนต์

จากนั้นนำขวดน้ำเปล่ามา 1 ขวด ใส่ข้าวสารลงไปในขวด แล้วใส่น้ำแร่จากขันน้ำมนต์ จากนั้นเขย่าขวดแล้วนำให้ผู้ที่เข้ารับน้ำมนต์ นำไปดื่มคนละ 2 แก้ว เป็นอันเสร็จพิธี อย่างไรก็ตามการรับน้ำมนต์น้ำแร่ จะต้องมารับน้ำมนต์ รวมกันให้ครบ 3 วันติดต่อกัน และในช่วงเช้าเท่านั้น ต้องก่อนที่พ่อครูสมบัติ จะรับประทานอาหารเช้า เพราะตามความเชื่อ หากพ่อครูไปกินอาหารที่เป็นของแสลง เช่น ไปกินอาหารเมนูเนื้อสัตว์ใหญ่ เช่นมีเนื้อวัว หรือ มีเนื้อตะพาบน้ำ แล้วทำพิธีมนต์น้ำมนต์น้ำแร่ให้ผู้มาบำบัดโรคมะเร็ง จะไม่ได้ผลก็เป็นได้ เพราะสัตว์ 2 ชนิดดังกล่าวเป็นสัตว์แสลง สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเชื้อส่วนบุคคล และเป็นความเชื่อของชาวบ้านบ้างคนเท่านั้น พ่อครูสมบัติ กล่าว

ด้านนายชวินศุทฤทธิ์ พงค์ธนัชภิภัทรา ชาวเชียงใหม่ บ้านหนองจ๊อม บอกว่า ก่อนนั้นตนป่วยเป็นโรคนิ่วในไต เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอสันทราย เมื่อเดือน กรกฎาคม 2567 เป็นต้นมา คุณหมอตรวจพบมีก้อนนิ่วในไต ขนาด 2 เซ็นติเมตร จำนวน 2 ก้อน รับยาจากคุณหมอ รอการตรวจซ้ำ ช่วงนี้ตนมาพบพ่อครูสมบัติ มารับน้ำแร่ นำไปดื่มกินควบคู่กับการกินยาของโรงพยาบาล หมอนัดดูอาการอีกครั้งวันที่ 13 สิงหาคมที่จะถึง เพื่อจะตรวจดูนิ่วในไตอีกครั้งว่าได้สลายไปบ้างหรือไม่ หากไม่สลายก็จะลงมือรักษาตามขั้นตอนอื่นๆต่อไป

“ช่วงที่ผมมาดื่มน้ำแร่ รอวันนัดพบหมอ คุณหมอติดต่อถามมาตลอดถึงอาการ ผมบอกว่าไม่มีอะไร จากก่อนที่จะพบว่ามีนิ่วในไต ยอมรับว่าปวดตามตัวมาก ถึงขนาดเข้าห้องฉุกเฉินมาแล้ว แต่พอมาดื่มน้ำแร่ ก็ไม่รู้สึกปวดตามตัวเลย คุณหมอสอบถามมาตลอดช่วงที่ผ่านมา ก็แปลกใจ เพราะปกติคนเป็นไต จะปวดตามเนื้อตามตัวบ่อยมาก อย่างไรก็ตาม ก็ต้องรอผลการตรวจจากโรงพยาบาลอีกครั้งต่อไป ผมก็มีความหวังว่า น้ำแร่ดังกล่าวจะช่วยสลายนิ่วในไตของผมได้” นายชวินศุทฤทธิ์ กล่าว

ด้านนายอนันต์ ธาตุอินจันทร์ อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 190 ม.6 ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า ก่อนนั้นตนเป็นผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจโต เข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาล มานานถึง 6 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ ประมาณ 1 สัปดาห์ เกิดอาการวูบบ่อยมาก จึงเข้าไปรับน้ำแร่จากพ่อครูสมบัติ ได้นำมาดื่มกินควบคู่กับการกินยาขยายลิ่มเลือดที่คุณหมอให้มา ดื่มกินน้ำแร่มา 4 วันแล้ว วันนี้อาการวูบได้หายไป ออกจากบ้านมาทำงานได้แล้ว ก็เชื่อว่าน้ำแร่ดังกล่าว ได้ช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้ตนได้ นายอนันต์ กล่าว.

เชียงใหม่ ผู้บริหาร ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียนอนุบาล โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมถวายพระพร เนื่องในโอกาส พิธีมหามงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง(คลิป)

ผู้บริหาร ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียนอนุบาล โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมถวายพระพร เนื่องในโอกาส พิธีมหามงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง หรือวันแม่แห่งชาติ และร่วมร้องเพลงประสานเสียง ค่าน้ำนม จนผู้ปกครองหลายคนน้ำตาซึม


ที่มณฑลพิธี ลานกิจกรรมวันแม่แห่งชาติ ทางผู้บริหาร ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม ประจำปี 2567 ถวายพานพุ่มเงิน พานพุ่มทอง มีนางพรรณี บุญประเสริฐ ผู้อำนวยการ โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต กล่าวอาศิรวาท ถวายราชสดุดี เฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และขอพระราชทาน พระราชานุญาต ประกาศสมานฉันท์โดยพร้อมเพียงกัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และถวายพระพรชัยมงคล ด้วยความจงรักภักดี


จากนั้น คณะผู้บริหาร คณะครู บุคลากร ผู้ปกครอง และนักเรียน ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และการแสดงของนักเรียน รำถวายพระพร และการแสดง ชุดสดุดีแม่ไทย และน้องๆนักเรียนชั้นอนุบาล 3 จำนวน 12 คน ได้ร่วมร้องเพลง ประสานเสียง เพลงค่าน้ำนม ได้อย่างไพเราะ ทำให้ผู้ปกครองหลายคน ถึงกับน้ำตาซึม ในการขับร้องของลูกๆ นอกจากนั้นยังมีกิจกรรม สร้างความสัมพันธ์และความผูกพันแม่ลูก โดยให้บรรดาแม่ๆ เปิดกาดหมั้ว ดรุณนิมิต คุณแม่พาหนู เรียนรู้อาหารดีมีประโยชน์ โดยแม่ขายอาหาร ขนม เครื่องดื่ม และให้บรรดาลูกๆ พากันมาซื้ออาหาร และยังเป็นการสร้าง ความผูกพันแม่ลูก ใน วันแม่แห่งชาติ

เชียงใหม่ เปิดประมูล ทุเรียนน้ำแร่แม่ออนเชียงใหม่ สายพันธุ์หมอนทอง ปี 67 เคาะราคาสูงสุดลูกละ 33,000 บาท(คลิป)

เชียงใหม่เปิดประมูล ทุเรียนน้ำแร่แม่ออนเชียงใหม่ สายพันธุ์หมอนทอง ปี 67 เคาะราคาสูงสุดลูกละ 33,000 บาท เผยยอดเงินประมูล 20 ลูก 400,000 บาท ยอดร่วมบริจาคสบทบอีก 114,999 บาท รวม 514,999 บาท นำเงินสนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับอาคารผู้ป่วย OPD หลังใหม่ โดยไม่หักค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลแม่ออน

ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร OPD รพ.แม่ออน อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ มีการประมูลทุเรียนน้ำแร่แม่ออน โดยมี นางสุเบ็ญญา พัฒนยรรยง นายอำเภอแม่ออน พร้อมด้วยนายแพทย์สมมิตร สิงห์ใจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่ออน นายสีหเดช เจียเจษฏา ประธานชมรมมัคคุเทศก์รักษ์ล้านนา ร่วมเปิดประมูล ทุเรียนน้ำแร่แม่ออนเชียงใหม่ สายพันธุ์หมอนทอง ปี 67

สืบเนื่องจากโรงพยาบาลแม่ออนเชียงใหม่ ได้งบประมาณสำหรับสร้างอาคารผู้ป่วยนอกหลังใหม่ ขณะนี้ตัวอาคารได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ยังขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยต้องใช้เงินประมาณ 5,500,000 บาท ซึ่งทางพระอาจารย์พัน ญาญโสภโณ ประธานสถานพำนักสงฆ์ ม่อนกุเวร ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ได้นำเงินของศรัทธาผู้ใจบุญก้อนแรก จำนวน 3,000,000 บาท มอบให้โรงพยาบาลแม่ออน ไปเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 นั้น และวันที่ 4 สิงหาคม 2567 ท่านพระอาจารย์พัน ได้มีกำหนดการจัดงานทอดผ้าป่าเพื่อหาเงินอีก 2,500,000 บาท เพื่อมอบให้โรงพยาบาลแม่ออน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับอาคารผู้ป่วยนอกหลังใหม่

นายสีหเดช เจียเจษฏา ประธานชมรมมัคคุเทศก์รักษ์ล้านนา บอกว่า สืบเนื่องจากโรงพยาบาลแม่ออนเชียงใหม่ ได้งบประมาณสำหรับสร้างอาคารผู้ป่วยนอกหลังใหม่ ขณะนี้ตัวอาคารได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ยังขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยต้องใช้เงินประมาณ 5,500,000 บาท ซึ่งพระอาจารย์พัน ญาญโสภโณ ประธานสถานพำนักสงฆ์ ม่อนกุเวร ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ได้นำเงินของศรัทธาผู้ใจบุญก้อนแรก จำนวน 3,000,000 บาท มอบให้โรงพยาบาลแม่ออน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 นั้น และในวันที่ 4 สิงหาคม 2567 ท่านพระอาจารย์พัน ได้มีกำหนดการจัดงานทอดผ้าป่าเพื่อหาเงินอีก 2,500,000 บาท เพื่อมอบให้โรงพยาบาลแม่ออน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับอาคารผู้ป่วยนอก หลังใหม่ ในการนี้ชมรมมัคคุเทศก์รักษ์ล้านนา จึงได้จัดกิจกรรมประมูลทุเรียนน้ำแร่แม่ออนขึ้น เพื่อนำเงินทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่าย ร่วมสมทบกับเงินทอดผ้าป่าในวันนี้

ผลการประมูลทุเรียนน้ำแร่แม่ออน ในวันนี้มีผู้ประมูลทุเรียนในราคาสูงสุดลูกละ 33,000 บาท คือ บริษัทสแตนดาร์ดทัวร์ จำกัด และราคาประมูลน้อยสุดลูกละ 10,000 บาท ยอดเงินประมูลทุเรียน 20 ลูก รวม 400,000 บาท และผู้ร่วมสบทบอีก 119,999 บาท รวมทั้งสิ้น 519,999 บาท โดยในระหว่างการประมูลอยู่นั้น พระอาจารย์พัน ญาญโสภโณ ประธานสถานพำนักสงฆ์ ม่อนกุเวร พร้อมด้วย อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์ ดารานักแสดงชาย ได้เดินทางมาร่วมในระหว่างการประมูล พร้อมร่วมเป็นพิธีกรร่วมการประมูล โดยมีผู้บริหารของทางร้าน ณัฐการอาหารปักษ์ใต้ เป็นผู้ประมูลทุเรียนน้ำแร่แม่ออน ลูกที่ 13 ไปได้ในราคาลูกละ 21,000 บาท และได้ร่วมถ่ายรูปกับ อั้ม อธิชาติฯ อีกด้วย โดยรายได้ทั้งหมดที่ได้จากการประมูลทุเรียนน้ำแร่แม่ออน จะนำไปร่วมกับการทอดผ้าป่าในวันนี้? วันที่ 4 สิงหาคม 2567 เพื่อสนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับอาคารผู้ป่วย OPD หลังใหม่ ของโรงพยาบาลแม่ออนต่อไป

ด้วยเหตุนี้ ชมรมมัคคุเทศก์รักษ์ล้านนา จึงเปิดงานประมูลทุเรียนน้ำแร่แม่ออน ร่วมสมทบ เพื่อปิดยอด เงิน 2 ล้าน 5 แสนบาท เพื่อส่งมอบให้โรงพยาบาลแม่ออน สามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ ในเดือนตุลาคม 2567 นี้ เพื่อช่วยเหลือชีวิตประชาชน และนักท่องเที่ยว ที่มาท่องเที่ยวบ้านแม่กำปอง ดอยกิ่วฝิ่น แม่ลาย บ้านป๊อก น้ำพุร้อนสันกำแพง ม่อนกูเวร และพื้นที่ใกล้เคียง สำหรับทุเรียนน้ำแร่แม่ออนเชียงใหม่ แห่งแรกของประเทศไทย ที่ปลูก และดูแลด้วยหัวใจ

 

เชียงใหม่ เกษตรกรในพื้นที่อำเภอสารภี ล้มลำไย 50 ไร่ หันมาปลูกอินทผลัมทดแทน ผลผลิตดีทุกปี(คลิป)

เกษตรกรในพื้นที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ล้มลำไย 50 ไร่ หันมาปลูกอินทผลัมทดแทน ได้ผลผลิตดีทุกปี พร้อมเปิดเป็นศููนย์เรียนรู้และท่องเที่ยวฟรี

ที่สวนอินทผลัม หมู่ที่ 1 ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ของนายบุญส่ง แสงเพ็ชร 68 ปี เกษตรกรเปิดเผยว่าที่ผ่านมาได้ปลูกลำไย แต่ราคาตกต่ำจึงได้ตัดต้นลำไยทิ้ง หันไปศึกษาการปลูกอินทผลัม พอศึกษาได้วิชาความรู้ก็มาปลูกอินทผลัม ที่อำเภอสารภี และที่สวนอำเภอฮอด รวมจำนวน 50 ไร่ มี 1,000 ต้น มีทั้งพันธุ์สีแดงจีทู พันธุ์บาฮีผลสีเหลือง ได้ซื้อกล้าพันธุ์เนื้อเยื่อมาปลูกได้ 5 ปี 3 ปีก็ให้ผลผลิต ตอนนี้ขายบาฮีเหลืองกิโลกรัมละ 200 บาท จีทูแดงหมดแล้ว แต่ผลผลิตบาฮีจะมีให้ชิมให้ชมอยู่อีกตลอดเดือนสิงหาคม 67 นี้เท่านั้น ซึ่งสวนอินทผลัมที่อำเภอสารภีแห่งนี้สามารถออกผลผลิตได้ประมาณ 10 ตัน ส่วนอินทผลัมของตนที่อำเภอฮอดจะออกผลผลิตได้ถึง 40 ตันเลยทีเดียว ซึ่งก็ทะยอยตัดขายไปเรื่อยๆ ทั้งที่อำเภอสารภีและอำเภอฮอด

นายบุญส่งบอกอีกว่า สำหรับเกษตรกร ประชาชน นักท่องเที่ยวสามารถมาศึกษาชมสวนได้พร้อมให้คำแนะนำในการปลูกอินทผลัมทุกขั้นตอน ที่สวนอินทผลัมเชียงใหม่ อำเภอสารภี ส่วนการเดินทางมาที่สวนอินทผลัมไร่แสงเพชร อำเภอสารภี มาจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 10 กิโล ฝั่งขาออก เลี้ยวซ้ายตรงแยกป่าแดด เขามาประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงสวนอิทผลัมสารภี หรือโทรสอมถามเส้นทาง 0905621923,0819931784

สำหรับราคาอินทผลัมบาฮีสีเหลืองกิโลละ 200 บาท และในวันที่ 12 สิงหาคม 2557 เป็นวันแม่แห่งชาติทางสวนลดเหลือกิโลกรัมละ 190 บาท จึงขอเชิญประชาชนนักท่องเที่ยวมาเรียนรู้ศึกษาวิธีปลูก ได้จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมหรือจนหมดฤดู

เชียงราย บช.ปส.(นปส.เชียงราย) ร่วมกับ ฉก.ทัพเจ้าตาก จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมรถกระบะและบิ๊กไบค์ ยึดยา 6,000,000 เม็ด ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

บช.ปส.(นปส.เชียงราย) ร่วมกับ ฉก.ทัพเจ้าตาก จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมรถกระบะและบิ๊กไบค์ ยึดยา 6,000,000 เม็ด ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

วันที่ 31 ก.ค. 67 พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า จากการเพิ่มมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนด้านจังหวัดเขียงราย และพะเยาโดยการมอบหมายให้ พลตรี นิรันดร์ชัย ทิพย์กาญจนกุล รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตั้นและเคมีภัณท์ชายแดนภาคเหนือ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้านยาเสพติด เพื่อเพิ่มมาตรการในการแก้ไขปัญหาเส้นทางลำเลียงยาเสพติดของ 2 จังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เทิง จว.เชียงราย และ อ.ภูซางจว.พะเยา

และเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้เมื่อคืน กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.(นปส.เชียงราย) ร่วมกับ ฉก.ทัพเจ้าตาก จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมรถกระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 1 คัน คาดว่าเป็นรถนำ บริเวณ บ.หัวดอย ต.ท่าสาย อ.เมือง จว.ช.ร. พร้อมของกลางยาบ้าบรรจุอยู่ภายในกระสอบ ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระบะรถยนต์ จำนวน 30 กระสอบๆ ละ 200,000 เม็ด รวมยาบ้า 6,000,000 เม็ด

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 กล่าวต่อว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นผลจากการติดตามกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน ในพื้นที่ อ.แม่สาย เข้ามาพักคอยในพื้นที่ อ.เมือง จว.ช.ร. ตามที่หน่วยข่าวของ กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.(นปส.เชียงราย)คาดการณ์ไว้


ทั้งนี้หน่วยงานด้านการสกัดกั้นยังคงเพิ่มความเข้มในการป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องถึงแม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงฤดูฝนซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงานก็ตาม

เชียใหม่ อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ปลูกป่าต้นไม้สวยงามเพื่อการท่องเที่ยวเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว

อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ปลูกป่าต้นไม้สวยงามเพื่อการท่องเที่ยวเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว


อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายปธิกร เอี่ยมสะอาด นายอำเภอไชยปราการ ได้นำส่วนราชการ ส่วนเอกชน นักเรียน เยาวชน ประชาชน ทหาร ตำรวจ เดินทางขึ้นบนดอยสินชัย ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวนประมาณ 1,000 คน ทำพิธีเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ 72 พรรษา ทุกคนทุกฝ่ายมาด้วยความปลื้มปิติยินดี และพร้อมทำความดีด้วยหัวใจ ได้ทำการปลูกป่าเสริมบนดอยสินชัย นำต้นพยาเสือโคร่ง ต้นคริสมาส ขึ้นทำการปลูกม่อนลม และรอบรอบถนนสองข้างทาง บ้านสินชัย ยาวไปถึง หมู่บ้านผาแดง บ้านป่าเกี๊ยะ และถนนเส้นบ้านอรุโณทัย จำนวนกว่า3,000 ต้น และจะนำชาวบ้านปลูกเสริมไปให้ทั่วสองข้างถนน และในสวนหิน

ซึ่งในโอกาสวันข้างหน้าถนนสายนี้จะเป็นสายการขับรถเพื่อท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์รักษ์ป่าชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ที่อาศัยบนดอยบนเขาลูกนี้หลายหมื่นชีวิตที่พลิกผันมาจากครอบครัวทหารจีนยูนานที่อพยบมาขออาศัยแนวชายแดนของประเทศไทยซึ่งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเมตตาเอนดูก็ทรงอนุญาตให้อยู่และรักษาแนวชายแดนไทยและต้องรักษากฎหมายไทยตลอดจนทางผู้นำทหารได้นำกำลังทหารไปต่อสู้ชายแดนจังหวัดเชียงราย จังหวัดน่าน สู้กับทหารคอมมิวนิสของประเทศเพื่อนบ้านพร้อมผลักดันไม่ให้เข้ามาในประเทศไทยได้ ในยุคนั้นจนรบชนะ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ให้อยู่ในชายแดน มาจนถึงวันนี้มีลูกหลานรับการศึกษาเหมือนคนไทย ในวันนี้ 90% ได้รับสัญชาติไทยและทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทยเหมือนคนไทยทุกคน นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นมาชมมาเที่ยวมีที่พักโฮมสะเตย์ อาหารยูนนาน ยังมีวิถีชีวิตแบบชาวยูนานอยู่ครบ

ทางนายปธิกร เอี่ยมสะอาด นายอำเภอไชยปราการ พร้อมส่วนราชการ ส่วนเอกชน ตลอดจนคณะสงฆ์ ได้สนับสนุนส่งเสริมให้เป็นพื้นที่หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ตลอดเส้นทางสองข้างทางจะมีการทำการเกษตรหมุนเวียนตลอดปี ประชาชนได้ติดประดับธงชาติไทยทุกหลังคาเรือนแสดงถึงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์