ข่าวทั่วไทย » เชียงใหม่ ทายาทปางช้างแม่สา แจ้งความเอาผิดคดีอาญา ต่ออดีตผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัทฯ ในข้อหา ฉ้อโกง- ยักยอกทรัพย์ (คลิป)

เชียงใหม่ ทายาทปางช้างแม่สา แจ้งความเอาผิดคดีอาญา ต่ออดีตผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัทฯ ในข้อหา ฉ้อโกง- ยักยอกทรัพย์ (คลิป)

6 พฤศจิกายน 2022
486   0

Spread the love

“อัญชลี” บุตรสาวพ่อเลี้ยงชูชาติ เจ้าของปางช้างแม่สา แจ้งความตำรวจให้ดำเนินคดีกับอดีตผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัทฯ พร้อมพวกความผิดคดีอาญา “ฉ้อโกง-ยักยอกทรัพย์ “หลังตรวจสอบพบมีการเบิกถอนเงินในบัญชีเลี้ยงช้าง ตั้งแต่ปี ม.ค.62 ถึง 4 พ.ย.65 รวมเกือบ 200 ครั้ง เงินมากถึง 117 ล้านบาทหายเกลี้ยง เผยมีผู้ร่วมกระทำผิดนับ 10 ราย ต้องดำเน้นคดีให้ถึงที่สุด

นางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการบริษัท ปางช้างแม่สา ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.สาริน อินต้อ พนักงานสอบสวน สภ.แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ว่า ด้วยเมื่อวันที่ 21 ม.ค.2562 บริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด ได้มีการทำรายงานการประชุม (เท็จ) โดยที่ไม่มีการประชุมกันจริง 2 ครั้ง โดยนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ซึ่งป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเชียงใหม่-ราม มีการลงลายมือชื่อของนายชูชาติฯ ขณะที่มีอาการป่วย (เสียชีวิตในวันที่ 27 ม.ค.2562) มีการเรียกเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพไปทำการเปลี่ยนเงื่อนไขการสั่งจ่ายเงินในบัญชี จำนวน 4 บัญชี โดยเดิมผู้มีอำนาจสั่งจ่ายหรือเบิกถอนเงินมีเพียงนายชูชาติ เพียงคนเดียว เปลี่ยนเป็นนายชูชาติ หรือ นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร และนายเชิดศักดิ์ กัลมาพิจิตร คนใดคนหนึ่งก็ได้ มีการแจ้งขอจดทะเบียนบริษัทฯ เพิ่มกรรมการเข้าบริษัทไปอีก 1 คน จากนั้นตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.62 ถึงวันที่ 19 ก.ย.64 ได้มีการเบิกถอนเงินออกจากบัญชี โดยมี อดีตผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัทฯ พร้อมพวกให้พนักงานไปเบิกถอนแล้วนำเงินที่ได้ไปให้อดีตผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัทฯ


จากการตรวจสอบของผู้แจ้ง ซึ่งได้ฟ้องคดีแพ่งโดยมีธนาคารที่ บริษัทฯ เปิดบัญชีใน อ.แม่ริมเป็นจำเลย จึงได้ขอเอกสารเป็นสลิปการเบิกถอนเงินเมื่อนำมาตรวจสอบทราบว่า บางรายการพนักงานที่ไปเบิกเงิน ไม่ได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อในใบเบิกถอนเงิน จึงทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย 117,000,000 บาท (หนึ่งร้อยสิบเจ็ดล้านบาท) มีการเบิกถอนเงินออกไปเกือบ 200 ครั้ง จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับอดีตผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัทฯ พร้อมพวก ดำเนินคดีตามกฎหมาย จนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป ซึ่งการเบิกเงิน เกิดขึ้นช่วง เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2562. ถึงวันที่ 4 พ.ย. 2565(วันที่ทราบเรื่องการกระทำผิด) ต่อเนื่องเกี่ยวพันกันหลายครั้ง ทางเจ้าหน้าที่จะสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับกระทำผิดต่อไป


ด้านนางอัญชลี กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนมาโรงพักแม่ริมวันนี้ ในฐานะกรรมการบริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด พบว่า อดีตผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัทฯ น่าจะเข้าข่ายกระทำความผิดในการเบิกเงินบริษัทฯออกไปใช้โดยมิชอบด้วยกฏหมาย หลังจากที่ตนเข้ามาทำหน้าที่่จัดการมรดกร่วมกับนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ภรรยา(คนใหม่)ของคุณพ่อ นายชูชาติ กัลมาพิจิตร ที่เสียชีวิตไปนาน 4 ปีมาแล้วนั้น ตนเข้ามาทำหน้าที่จัดการมรดกตั้งแต่ พ.ศ.2562 ก็เข้าใจว่า เงินบัญชีมรดกของบริษัทฯ มีจำนวน 9 ล้านบาทเท่านั้น ต่อมาตนมาทราบภายหลังว่า มีบัญชีอีกจำนวน 4 บัญชีของบริษัทฯ และได้ถูกเบิกออกไปโดยที่ตนไม่ทราบ


“ตนเป็นผู้มีอำนาจในการลงนามแทนบริษัท ต้องลงนามคู่กับนายเชิดศักดิ์ กัลมาพิจิตร ที่เป็นน้องชาย และคุณฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร 2 ใน 3 มีอำนาจลงนามในทางทำธุระกรรมต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 ประมาณเดือนตุลาคม ตามคำสั่งศาลของจังหวัดเชียงใหม่ ให้ตนเองได้เข้ามาดูแล บริษัท ปางช้างแม่สา ตอนนั้นอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่าย ตนเองได้รับเงินของ บริษัทฯ รวม 9 ล้านบาท ซึ่งตอนนั้นตนไม่รู้เลยว่าเงินในบัญชี เดิมมีอยู่ 20 ล้านบาท แต่เหลือ 9 ล้านบาท คุณเชิดศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้บริหารเดิม กับคุณฐิติรัตน์ ได้ใช้เงินไปประมาณ 11 ล้านบาท ก่อนที่ดิฉันจะเข้ามารับมอบเงินให้ดิฉัน 9 ล้านบาทดังกล่าว”

นางอัญชลี กล่าวต่อว่า จนกระทั่งตนได้ติดต่อสอบถามไปที่ธนาคาร ที่บริษัท ปางช้างแม่สา โดยพ่อของตนเปิดบัญชีไว้ พบว่า มีอีกหลายบัญชีอย่างน้อยอีกประมาณ 4 บัญชี รวมเป็นเงินประมาณ 117 ล้านบาท และทุกบัญชีถูกถอนเอาเงินออกไปในระหว่างปี 2562 จนถึง 2564 มีเงินเหลือในบัญชีจำนวนไม่มาก การถอนเงินออกไปแล้วนั้น ทำให้บริษัทฯไม่มีเงินในการที่จะมาใช้จัดการบริหารเลี้ยงช้าง จ่ายเงินเดือนพนักงานได้เลย จึงแจ้งความเอาผิดกับอดีตผู้จัดการฝ่ายบัญชีแลการเงินบริษัฯปี 2562 รายนี้เป็นรายแรกก่อน เพราะพบว่าผิดปกติที่เบิกเงินแต่ละครั้งมากถึงหลักล้านบาท และมากสุดครั้งละ 9 ล้านบาท ซึ่งธนาคารสาขาในอำเภอแม่ริม ไม่น่าจะมีเงินมากเพียงพอในการเบิกแต่ละครั้งได้ หลังจากแจ้งเอาผิดกับอดีตผู้จัดการฯแล้ว ก็ขอให้ตำรวจขยายผลการสืบสวนสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะรวมแล้วประมาณ 10 คน มาดำเนินคดีในความผิดเข้าข่ายการฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ของบริษัทฯ


“ก่อนหน้านี้ตนได้เดินทางไปที่ธนาคารสำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ หวังจะพูดคุยกับกรรมการผู้จัดการใหญ่ของของธนาคาร แต่ได้พบเพียงเลขา ก็เลยได้ทำหนังสือแจ้งให้ธนาคารสำนักงานใหญ่ได้ทราบ ว่า เราประสงค์ที่จะขอเงินของบริษัท ปางช้างแม่สา คืนทั้งหมด เพราะมีการเบิกเงินไปโดยมีข้อสงสัย และเนื่องจากว่า ปางช้างแม่สา ประสบปัญหาซ้ำซ้อนหลายอย่าง นอกจากโรคโควิด-19 แล้ว เราก็ยังมีปัญหาเรื่องของภัยธรรมชาติก็ทำให้สะพานเข้าปางช้างแม่สาขาด ไม่สามารถที่จะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้ หรือทำกิจกรรมใดๆได้ตลอดเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา จึงจำเป็นต้องใช้เงินของบริษัท ปางช้าง ตามมรดกที่คุณพ่อระบุไว้ นำมาใช้ ในการบริหารงาน การดูแลช้าง แต่เงินถูกเบิกไปเกือบหมดบัญชี ดังกล่าว”


นางอัญชลี กล่าวอีกว่า “ในพินัยกรรมมรดกจากคุณพ่อชูชาติ กัลมาพิจิตร บอกไว้ชัดเจนว่า ทรัพย์สินส่วนมากของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของช้าง เงินสด เงินในธนาคาร ทรัพย์สินต่างๆ ที่บริษัทฯ ใช้อยู่ อย่างเช่น รถ ยานพาหนะต่างๆ หรือแม้กระทั่งที่ดินหลายแห่ง บ้านล้านช้าง ที่ดินในหลายอำเภอ คอนโดห้องชุด ให้ตกเป็นของ บริษัท ปางช้างแม่สาทั้งหมด แต่ว่าเราไม่สามารถจัดการทรัพย์สินได้ ผู้จัดการมรดกร่วมไม่ทำหน้าที่ พบมีการขัดขวาง มีการยื่นที่จะขอเป็นผู้จัดการมรดกคนเดียวบ้าง จนทให้เป็นคดียืดเยื้อกันมาหลายปี จนกระทั่งตอนนี้คดีสิ้นสุดแล้วในกรณีจัดการมรดก แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการมรดกได้อีก”


นางอัญชลี กล่าวต่อว่า ธนาคารที่คุณพ่อนำเงินไปฝาก หรือบริษัท ปางช้างแม่สา นำเงินไปฝาก อันนี้เราฟ้องไปแล้วเป็นคดีแพ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่วันนี้เรากำลังพูดถึงคดีอาญา คนที่เบิกเงินหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข หรือว่า มีการประชุมอันเป็นเท็จ เพราะว่า ในวันที่ประชุมคุณพ่อก็นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล คุณพ่อยังได้ลงลายมือชื่อว่า เป็นประธานในการประชุม ในขณะที่คุณพ่อนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล น่าจะเข้าข่ายนำเอกสารอันเป็นเท็จไปใช้ที่ธนาคารประกอบกับการเบิกถอนเงินด้วยหรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบ ดังนั้นวันนี้ จึงรวบรวมหลักฐานและพยานบุคคล เข้ามาแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีกับอดีตผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน ของปางช้างแม่สาที่ทำหน้าที่ในปี พ.ศ.2562 ในข้อหา ยักยอกทรัพยและฉ้อโกงทรัพย์ บริษัท ปางช้างแม่สา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนเอาผิดผู้ลงนามเบิกเงินที่น่าจะเข้าข่ายความผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป