ข่าวทั่วไทย » เชียงใหม่ ผู้การฯเชียงใหม่เรียกประชุมพนักงานสอบสวนสืบสวนคดีเงินเลี้ยงช้างกว่าร้อยล้านบาทหาย (คลิป)

เชียงใหม่ ผู้การฯเชียงใหม่เรียกประชุมพนักงานสอบสวนสืบสวนคดีเงินเลี้ยงช้างกว่าร้อยล้านบาทหาย (คลิป)

12 พฤศจิกายน 2022
220   0

Spread the love

ผู้การฯเชียงใหม่เรียกประชุมพนักงานสอบสวนสืบสวนคดีเงินเลี้ยงช้างกว่าร้อยล้านบาทหาย หากพบว่ามีคนรับต่อถือว่ารับของโจร

ศึกมรดกพันล้านของพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่เสียชีวิตไปร่วม 4 ปีทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลไว้ให้ทายาท แต่ปรากฎว่าทายาทที่มีผู้จัดการร่วมมีนางอัญชลี กัลมาพิจิตร บุตรสาวคนโต กับนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ภรรยาคนสุดท้าย ยังไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้เนื่องจากยังมีปมเงินเลี้ยงช้างในธนาคารถูกเบิกถอนออกไปอย่างไม่ถูกต้องถึง117 ล้านบาท และยังมีปมสินสมรสที่เรียกถึง 300 ล้านบาทจึงหาข้อยุติไม่ได้ และมีการแจ้งตำรวจให้สอบสวนเส้นทางการเงินที่หายไปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงช้าง68 เชือกได้รับความเดือดร้อนอย่างสาหัสทางผู้การฯจังหวัดเชียงใหม่เข้ามาควบคุมคดีหาเส้นทางการเงินหาคนกระทำผิดตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้


ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้(11 พย.65) ทาง พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมทั้ง พ.ต.อ.นพฤทธิ์ กันทา ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้เดินทางไปยัง สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้เรียกประชุมนายตำรวจ มี พ.ต.อ.สิทธา คำเลิศ ผกก.สภ.แม่ริม,พ.ต.ท.ภาสกร ปกปิงเมือง รอง ผกก.(สอบสวน)ฯพร้อมพนักงานสอบสวนจำนวน 3 คนในทุกคดีในเรื่องมรดกปางช้างแม่สา ที่มีการฟ้องร้องถึง 4 คดี ไม่ว่าจะเป็นคดีบุกรุกบ้านล้านช้าง ,คดีแจ้งความเท็จ,คดีทรัพย์สินทองและงาช้างหาย และคดีเงินในบัญชีธนาคารของบริษัทปางช้างแม่สาหายไปกว่า 100 ล้านบาท


โดยในที่ประชุมให้ทาง พนักงานสอบสวนแต่ละคนได้รายงานถึงผลการดำเนินการสอบสวนในทุกคดีให้ทราบ โดยทาง พล.ต.ต.ธวัชชัย ได้กำชับให้ทำงานด้วยความโปร่งใสตามข้อเท็จจริงไม่ต้องหวั่นไหวในเรื่องใดหากตำรวจทำตามข้อเท็จจริงที่้เกิดขึ้นผลจะออกมาอย่างไรไม่ต้องไปกลัว และหากติดขัดในข้อใดให้รีบรายงานทาง ผกก.และหัวหน้าพนักงานสอบสวน โดยในคดีนี้ก็จะลงมาควบคุมคดีโดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่หายไปกว่าร้อยล้านบาท จะให้ทางชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ทำการสืบสวนเส้นทางการเงินว่าใครเป็นผู้เบิกออกไป เมื่อเบิกออกไปแล้วไปอยู่ที่ใครบ้าง และเงินที่เบิกออกไปนำไปใช้เกี่ยวกับการเลี้ยงช้างหรือใช้ในกิจกรรมของบริษัทปางช้างแม่สา หรือไม่ ก็คงจะต้องติดตามสอบสวนตั้งแต่มีการทำนิติกรรมในช่วงก่อนที่นายชูชาติ กัลมาพิจิตร เจ้าของทรัพย์มรดกที่ล้มป่วยในโรงพยาบาลก่อนจะเสียชีวิต มีการทำนิติกรรมในโรงพยาบาลจริงหรือไม่และมีเจ้าหน้าที่ธนาคารเข้าไปทำในช่วงนั้นอย่างไร เพื่อให้ความจริงทุกอย่างปรากฎให้ได้


หลังจากประชุมเสร็จสิ้น พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่าในการเดินทางมาครั้งนี้เพื่อดูในเรื่องคดีปางช้าง โดยเพื่อเร่งรัดพนักงานสอบสวนรวมทั้งรวบรวามพนายหลักฐานเพื่อให้ความเป็นธรรมคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ในประเด็นที่การสืบสวนสอบสวนมีการติดขัดและที่มีปัญหาก็ให้แจ้งทาง ภ.จว.เพื่อสนับสนุนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ในวันนี้ได้นำผู้กำกับฯสืบสวนมาด้วยเพื่อสืบสวนดำเนินการเพิ่มเติมในขณะนี้ได้ดู3 คดีโดยเฉพาะในส่วนเรื่องคดีเงินหายมันต้องเริ่มสอบสวนตั้งแต่เจ้าของทรัพย์ก็คือนายชูชาติ กัลมาพิจิตร จะเสียชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงลายมือชื่อในการเบิกเงิน จากนั้นก็มาดูเรื่องการเบิกเงินเบิกไปทำอะไร ใครเป็นผู้เบิก เบิกเงินไปไหน เส้นทางการเงินเป็นอย่างไร เบิกไปใช้ในบริษัท หรือไปใช้เป็นการส่วนตัว อันนี้คือขั้นตอนที่จะต้องตรวจสอบโดยละเอียด ซึ่งอาจจะมีผู้ร่วมกระทำผิดมากกว่านี้ แต่หากมีการนำเงินไปใช้ในกิจกรรมบริษัทอาจจะไม่ผิดก็ได้ต้องดูในรายละเอียดอีกที


ด้านนางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา และยังเป็นผู้จัดการมรดกร่วมปางช้างแม่สา ได้เผยว่าหลังจากทราบว่าทางผู้การฯเชียงใหม่เข้ามาควบคุมคดีนี้ก็รู้สึกดีใจมาก เพราะตนรอมานานร่วม 4 ปีแล้วที่ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกกลั่นแกล้งใส่ร้าย แล้วเราก็มีความลำบากในเรื่องความรับผิดชอบต่อปางช้างแม่สาต่อช้างและคนของปางช้างแม่สา เรามีปัญหาในเรื่องการเงินมาตลอดโดยที่ว่าเราไม่รู้เรื่องเงินร้อยกว่าล้านบาท ดังนั้นเงินที่หายไปจึงไม่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายในบริษัทปางช้างแม่สาที่ตนบริหารอยู่อย่างแน่นอน


“ตอนแรกเราคิดว่ามีวิธีเดียวที่จะใช้หนี้ปางช้างแม่สา ก็คือการจัดการทรัพย์สิน แต่ในที่สุดก็มีเรื่องขึ้นมาให้เราเป็น2 ทางก็คือเอาเงิน100 กว่าล้านคืนมาให้บริษัทปางช้างแม่สา กับทวงมรดกของปางช้างแม่สา ซึ่งก็ถือว่ามีทั้งทรัพย์สิน เริ่มตั้งแต่ตัวช้างและที่ดิน เงินสด ที่นายชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้เป็นพ่อปรารถนาจะให้ช้างสามารถอยู่ต่อไปได้อย่างมั่นคงแข็งแรง ตนเองในฐานะที่เป็นบุตรสาวคนโต และเป็นคนที่รู้เรื่องของปางช้างมากกว่าคนอื่น ก็ปรารถนาจะให้คดีต่างๆและการจัดการทรัพย์สิน แม้กระทั่งเงินที่ปางช้างแม่สาควรจะได้รับคืน ให้ได้รับคืนมาโดยเร็ว โดยเฉพาะตอนนี้ปางช้างแม่สาปิดมาเดือนกว่าแล้ว ไม่มีเงินหมุนเวียนที่จะบริหารเลย เราก็อยากจะให้คดีทุกอย่างให้ตำรวจได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วแล้วก็เมื่อความจริงเปิดเผยมันจะส่งผลดีหลายอย่าง คือตนเองที่ถูกกล่าวหาและต่อว่าสารพัดจะได้เคลียร์ตัวเองว่าความจริงเป็นอย่างไร ตนทำความดีเพื่อสังคมมาตลอด หากทางตำรวจทำคดีเสร็จสิ้นก็จะเกิดผลที่ดีต่อชีวิตช้าง 68 เชือก พนักงานในปางช้างและต่อชีวิตตน รวมถึงครอบครัวตนอีกด้วย เป็นสิ่งที่่ตนมองเห็นในอนาคตอันใกล้นี้” นางอัญชลีกล่าว