ข่าวทั่วไทย » เชียงใหม่ ชาวบ้านเจ้าของที่ในอำเภอสันป่าตองเดือดร้อน ถูกฟาร์มไก่ยึดเอาที่ดินไปนับสิบปี(คลิป)

เชียงใหม่ ชาวบ้านเจ้าของที่ในอำเภอสันป่าตองเดือดร้อน ถูกฟาร์มไก่ยึดเอาที่ดินไปนับสิบปี(คลิป)

12 กรกฎาคม 2024
351   0

Spread the love

ชาวบ้านเจ้าของที่ในอำเภอสันป่าตองเดือดร้อน ถูกฟาร์มไก่ยึดเอาที่ดินไปนับสิบปี แจ้งความแล้วสุดท้ายยังเข้าที่ดินตนเองไม่ได้ ร้องทุกข์ขอสื่อช่วยเกรงจะไมได้รับความเป็นธรรม

(12 กค.67)ผู้สื่อข่าวรายงานริมถนนหน้าฟาร์มไก่แห่งหนึ่ง ริมคลองชลประทาน ใน ต.ขุนมะขามหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ชาวบ้านนำโดย นายสมบุญ กิจเศรณี เจ้าของที่ดิน พร้อมกลุ่มชาวบ้านกว่า 20 คน ได้มาถือป้ายและรวมตัวบริเวณริมถนนหน้าฟาร์มไก่ โดยมีข้อความว่า ” ผู้สื่อมวลชนช่วยด้วย, และป้ายใหญ่ที่ติดรั้ว เขียนว่า “ฮุบ ที่สวนโค่นต้นลำไย โค่นต้นมะม่วง ถมบ่อเลี้ยงปลา“ และ ”ที่ดิน 3 ไร่ 94 ตารางวา แปลงนี้ บุกรุกของผมไป“ ส่วนข้อความที่ชาวบ้านนำยืนประท้วง ”ไม่สงสารชาวบ้านบ้างหรือ, บริษัทใหญ่โต ยังบุกรุกที่ชาวบ้านอีกหรือ, เรียกร้องความยุติธรรม, เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นคน, ตัดลำไยมะม่วง ถมบ่อ รื้อรั้วทิ้ง ทำได้ลงคอ, ทำได้อย่างไร ที่มีโฉนด เสียภาษี ผมเกษตรกร คุณฮุบไปหาผลประโยชน์ เศร้าครับ” นอกจากนี้ก็ได้นำป้ายไวนิลไปติดไว้ที่บริเวณริมรั้วของฟาร์มไก่ดังกล่าว

ต่อมาทางพนักงานของไก่ เมื่อทราบว่ามีกลุ่มชาวบ้านมาชุมนุม ถือป้าย ก็ได้ออกมาทำการรื้อป้ายที่ติดไว้ริมรั้วของฟาร์มไก่ออก ก่อนจะกลับเข้าไปในฟาร์ม ขณะเดียวกันได้มีผู้บริหารของฟาร์มไก่รายหนึ่ง ได้ขับรถผ่านมาบริเวณที่กลุ่มชาวบ้านรวมตัวกัน พร้อมกับตะโกนบอกว่า ที่ดินกังกล่าวเป็นที่ดินครอบครองโดยปรปักษ์ นาน 11 ปีแล้ว ก่อนที่จะขับรถผ่านกลุ่มชาวบ้านไป

นายสมบุญ กิจเศรณี เจ้าของที่ดิน กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าว เป็นของตน ซึ่งปลูกลำไย มะม่วง และทำบ่อปลาไว้ ทุกปีก็จะมีรายได้จากการนำผลผลิตดังกล่าวไปจำหน่าย ซึ่งพื้นที่ทั้งหมด 3 ไร่ 94 ตารางวา ก่อนหน้านี้ตนไม่ทราบว่าที่ดินดังกล่าวได้ถูกยึดเอาไป แต่พอมาทราบเรื่อง ตนก็ได้เข้าแจ้งความกับทาง ร.ต.อ.นันทวัฒน์ ปานเปาว์ พนักงานสอบสวน สภ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับเจ้าของฟาร์มไก่และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็ได้รับเรื่องไว้แล้ว และดำเนินคดีกับผู้บริหารจำนวน 4 ราย และนิติบุคคลคือบริษัทของฟาร์มไก่ดังกล่าว 1 ราย รวมเป็น 5 ราย ภายหลังจากดำเนินการแจ้งความปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ที่ดิน จะเข้าไปทำการรังวัด เพราะที่ของตนมีโฉนดถูกต้อง และมีการเสียภาษีที่ดินทุกปี ปรากฏว่าไม่สามารถเข้าไปดำเนินการรังวัด ทำให้ตนสูญเสียรายได้ รวมทั้งต้นลำไย ต้นมะม่วง ที่ปลูกไว้ก็ถูกตัดหมด บ่อปลาที่มีอยู่ก็ถูกถม เข้าไปในที่ดินตนเองไม่ได้เพราะฟาร์มไก่ล้อมรั้วไว้หมด ตนและครอบครัวจึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเป็นแค่ชาวบ้าน แต่ทางคู่กรณีเป็นถึงบริษัทใหญ่ จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้สื่อมวลชนช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทางด้านนายสมบูญ เจ้าของที่ดินพร้อมกลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางไปที่ สภ.สันป่าตอง เพื่อขอพบกับพนักงานสอบสวน หลังจากทราบว่า ในวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกคู่กรณีทั้งหมดเข้าพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมกับจะแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาลักทรัพย์ เนื่องจากป้ายไวนิลที่ได้นำไปติดไว้ที่รั้วฟาร์มไก่ดังกล่าว ได้ถูกพนักงานฟาร์มไก่รื้อถอนและนำไปโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทางด้านร.ต.อ.นันทวัฒน์ ปานเนาว์ พนักงานสอบสวน สภ.สันป่าตอง กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าว ภายหลังจากที่ทางผู้เสียหายที่เป็นเจ้าของที่ดินมาแจ้งความ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เรียกคู่กรณีที่เป็นฟาร์มไก่ เดินทางมาพบเพื่อทำการสอบสวนแล้ว 1 ครั้ง และในวันนี้เป็นครั้งที่สอง ที่ได้เรียกมาเพื่อให้รับทราบข้อกล่าวหา ในฐานความผิด “บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์” ซึ่งช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ที่ดินจะเข้าไปรังวัดก็ไม่สามารถเข้าไปได้ด้วย และในวันนี้หลังจากที่ทางฟาร์มไก่ เป็นเจ้าของและผู้เกี่ยวข้อง 4 ราย รวมถึงนิติบุคคลที่เป็นบริษัท 1 ราย รวม 5 ราย มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ก็ได้ให้กลับไปรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานที่ทางฟาร์มไก่กล่าวอ้างมา หลังจากนั้นก็จะได้เรียกมาทำการสอบสวนอีกครั้ง
-พร้อมกันนี้ทางด้านคดีก็จะมีการตรวจสอบภาพจากดาวเทียม ตั้งแต่ปี 55 เป็นต้นมา ก็พบว่าที่ดินดังกล่าวยังเป็นสวน มีบ่อปลาอยู่ แต่หลังจากนั้นก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลง มีการก่อสร้าง ช่วงแรกไม่ทราบว่าเป็นของเอกชน กระทั่งทางผู้เสียหายมาแจ้งความถึงได้ทราบว่าเป็นที่ของเอกชน มาตั้งบริษัททำฟาร์มไก่ ส่วนอีกคดีหนึ่งที่เกิดขึ้่นในวันนี้ที่ทางผู้เสียหายจะแจ้งความเรื่องลักทรัพย์ เนื่องจากป้ายไวนิลที่ติดไว้ถูกรื้อถอนและนำไป ในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้ดำเนินการตามกฎหมาย และเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา และให้ทางคู่กรณีมารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป