ข่าวทั่วไทย » เชียงใหม่ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ส่งเสริม ชุมชนบ้านห้วยเป้า อ.เชียงดาว เปลี่ยนทางรอดสู่ทางเลือกบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน(คลิป)

เชียงใหม่ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ส่งเสริม ชุมชนบ้านห้วยเป้า อ.เชียงดาว เปลี่ยนทางรอดสู่ทางเลือกบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน(คลิป)

9 สิงหาคม 2025
70   0

Spread the love

สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ส่งเสริม ชุมชนบ้านห้วยเป้า อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เปลี่ยนทางรอดสู่ทางเลือกบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน

ผู้สื่อข่าวพาไปดูตัวอย่างความสำเร็จของชุมชนบ้านห้วยเป้า ตำบลทุ่งข้าวพวง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ที่สามารถ “เปลี่ยนทางรอด” ให้กลายเป็น “ทางเลือก” ได้อย่างน่าทึ่ง จากการทำเกษตรเชิงเดี่ยวที่พึ่งพาสารเคมี มาเป็นการทำเกษตรปลอดภัยที่หลากหลายและยั่งยืน


ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือกับ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ซึ่งเข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรม ภายใต้แนวทางโครงการหลวง เพื่อยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนบนพื้นที่สูงอย่างต่อเนื่อง และวันนี้ความสำเร็จของบ้านห้วยเป้ากำลังสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนอื่น ๆ


นายภาณุพงศ์ คำลือ นักส่งเสริมและพัฒนาปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าโครงการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่สูงห้วยเป้า เปิดเผยว่าในอดีต ชาวบ้านห้วยเป้าส่วนใหญ่ทำไร่ข้าวโพดเชิงเดี่ยว ซึ่งต้องใช้สารเคมีจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และรายได้ที่ไม่แน่นอน แต่เมื่อ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เข้ามาส่งเสริมความรู้ตามแนวทางโครงการหลวง ชาวบ้านก็ได้เรียนรู้การทำเกษตรแบบปราณีต ที่เน้นคุณภาพ ความปลอดภัย และเป็นมิตรกับธรรมชาติ

และที่บ้านห้วยเป้า หมู่ 1 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เป็นชุมชนที่ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ดอนซึ่งขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ต้องพึ่งพาน้ำฝนเพียงอย่างเดียว และทำให้ชาวบ้านต้องปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นหลัก ส่งผลให้ดินเสื่อมโทรม ผลผลิตไม่มีคุณภาพ และมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต

แต่ด้วยความร่วมมือกับ โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยเป้า จาก สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และการตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการน้ำของคนในชุมชน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กและติดตั้งระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวอยู่ภายใต้หลักการทำงานที่ยึดชุมชนเป็นศูนย์กลาง โดยแก้ไขปัญหาจากฐานข้อมูล ผสมผสานองค์ความรู้ เทคโนโลยี และภูมิปัญญาท้องถิ่นตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเน้นการปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวแบบดั้งเดิมไปเป็นการทำเกษตรแบบประณีตที่ใช้น้ำน้อย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และใช้ต้นทุนต่ำ

นายภาณุพงศ์ คำลือ กล่าวต่อไปว่า ผลจากความพยายามนี้ทำให้เกษตรกรมีน้ำเพียงพอสำหรับการเพาะปลูกตลอดทั้งปี ส่งผลให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญยังช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย และชุมชนยังเกิดความหวงแหนและหันมาดูแลทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน โดยจัดกิจกรรมอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมเป็นประจำทุกปี เช่น การทำฝาย ปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศต้นน้ำ และการทำแนวกันไฟ เพื่อให้ชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
-ความสำเร็จของบ้านห้วยเป้าจึงเป็นบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า การแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ พร้อมกับการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน คือกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง


ปัจจุบัน บ้านห้วยเป้าได้กลายเป็น ชุมชนต้นแบบของการทำเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่สูง โดยมีการปลูกพืชหลากหลายชนิดในโรงเรือน เช่น ผักสลัด เมล่อน แตงญี่ปุ่น สมุนไพรพื้นบ้าน และไม้ผลเมืองหนาว ด้วยเทคนิคการควบคุมสภาพแวดล้อม ทำให้ลดการใช้สารเคมีลงได้มาก หรือบางครั้งก็ไม่ใช้เลย ซึ่งช่วยให้ผลผลิตปลอดภัยและได้ราคาดีขึ้น

นี่ไม่ได้เป็นเพียงต้นแบบด้านการผลิตเท่านั้น แต่ยังเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไกของคนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้าน หรือเยาวชนต้นกล้าเกษตรอินทรีย์ รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างทั่วถึงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ถูกนำมาปรับใช้จริง จากระบบเกษตรที่เคยพึ่งพาสารเคมี สู่เกษตรปลอดภัยที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ จากรายได้ที่ไม่มั่นคง สู่ความพอเพียงที่ยั่งยืน และจากปัญหาเชิงโครงสร้าง สู่ความคิดใหม่ที่ตั้งอยู่บนความเข้าใจ


บ้านห้วยเป้าจึงไม่ได้เป็นเพียงหมู่บ้านต้นแบบ แต่คือหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า “การพัฒนาพื้นที่สูงตามแนวทางโครงการหลวง” สามารถสร้างความยั่งยืนได้จริงในทุกมิติ ทั้งชีวิต เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ถ้าเราทุกคนร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และเดินไปด้วยกันอย่างเป็นระบบ นายภาณุพงศ์ คำลือกล่าว