ข่าวสังคม-ธุรกิจ » เชียงใหม่ FIA ร่วมกับ ร.ย.ส.ท. ประชุมหารือกับนานาชาติ 25 ประเทศทั่วโลก กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ (คลิป)

เชียงใหม่ FIA ร่วมกับ ร.ย.ส.ท. ประชุมหารือกับนานาชาติ 25 ประเทศทั่วโลก กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ (คลิป)

9 ตุลาคม 2025
113   0

FIA ร่วมกับ ร.ย.ส.ท. ประชุมหารือกับนานาชาติ 25 ประเทศทั่วโลก กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์และมอเตอร์สปอร์ตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้เติบโตอย่างยั่งยืน

วันนี้(8 ตค.68) ที่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายโมฮัมเหม็ด เบน ซูลาเยม ประธานสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA President Mohammed Ben Sulayem) นายพฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ นายกราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมาคมกีฬา “ร.ย.ส.ท.” ร่วมกันเปิดการประชุมระดับภูมิภาค FIA Asia-Pacific Congress 2025 มีผู้แทนจาก 25 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ผู้บริหารระดับสูงของ FIA ผู้นำองค์กร ด้านมอเตอร์สปอร์ตและการขนส่ง หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชน จากต่างประเทศเข้าร่วม โดยหัวข้อการหารือ ในการประชุม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ของการแข่งขันรถ ในระดับภูมิภาค การสร้างนักแข่งและบุคลากรรุ่นใหม่ ตลอดจนการส่งเสริมมาตรฐาน ความปลอดภัยในการแข่งขัน เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั่วโลก รวมทั้งการเปลี่ยนผ่าน มาเป็นยุคยานยนต์ไฟฟ้า การออกแบบเมือง และระบบขนส่งที่ยั่งยืน และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการเพิ่มความปลอดภัยทางถนน ซึ่งมีการประชุมระหว่างวันที่ 8 – 10 ตุลาคม 2568 โดย มีนายโมฮัมเหม็ด เบน ซูลาเยม ประธาน FIA ร่วมกับ นาย พฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ นายก ร.ย.ส.ท. ร่วมกันเปิดงานดังกล่าว

นายโมฮัมเหม็ด เบน ซูลาเยม ประธานสมาพันธ์กีฬาแข่งรถนานาชาติ (FIA) กล่าวว่า “เป้าหมายการสัมมนาและพูดคุยเรื่องความปลอดภัยและการแข่งขันรถยนต์มอเตอร์สปอร์ต รวมถึงความยั่งยืน และรักษาสิ่งแวดล้อม โดยสปอร์ตยานยนต์ มีการใช้พลังงาน สะอาด ในการแข่งขันรถ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง จะทำให้การแข่งขันรถปล่อยควันดำลดลง รวมถึงมีการพูดคุย ในเรื่องของความปลอดภัยยานยนต์และการแข่งขันรถยนต์มอเตอร์สปอร์ต”

ในโอกาสนี้ได้ให้สัมภาษณ์ตัวแทนสื่อมวลชนสอบถามถึง การจัดการประชุมครั้งแรกที่ FIA จัดประชุมที่เชียงใหม่ อะไรคือแรงผลักดันหรือแรงบันดาลใจที่ทำให้ FIA อยากมาจัดประชุมที่เชียงใหม่ครั้งนี้

ซึ่ง นายโมฮัมเหม็ด เยน ซูลาเยม กล่าวเพิ่มเติมว่า “การประชุมในระดับนี้เริ่มจากขนาดเล็กกว่านี้มาก่อนแล้วค่อยๆ เติบโตขึ้น อย่างที่ผมกล่าวไว้ เดิมทีมีแต่ชมรมฝั่งโมบิลิตี (รถยนต์) แต่ตอนนี้มีทั้งกีฬาและโมบิลิตี ประการที่สอง เพื่อทำให้เครือข่ายแข็งแรงขึ้น เข้าถึงภูมิภาคต่างๆ ปีที่แล้ว ได้ไปที่ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม สำหรับประเทศไทยก็ยอดเยี่ยม ทั้งในด้านโมบิลิตี ซึ่งต่อยอดสู่กีฬา จึงจะอยู่ในมอเตอร์สปอร์ตได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งเดียวกัน เมื่อมองย้อนกลับไป ความรักในรถยนต์ ความรับผิดชอบของ FIA ต่อการป้องกันความปลอดภัยบนท้องถนน และสิ่งแวดล้อม ถือว่าเป็นความท้าทายต่อผู้ผลิตทุกคน และเป็นความท้าทายต่อสหพันธ์ด้วย เรามักพูดเสมอว่า “เราไม่ใช่ส่วนหนึ่งของปัญหา เราเป็นส่วนหนึ่งของทางออก” การมาจัดประชุมที่นี่ ร่วมกับ ราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ร.ย.ส.ท.) ซึ่งเป็นสมาคมที่ให้การสนับสนุนด้าน motorsport and mobility ของประเทศไทย ทำให้ได้ทำงานร่วมกันในการนำผู้คนจากทั่วภูมิภาคมาที่นี่

การประชุม การพบปะกันสำคัญมาก การได้เห็นหน้า รับฟัง พบปะ และทานอาหารร่วมกัน ก็มีคุณค่าทางด้านวัฒนธรรม ซึ่งมีสมาชิกกว่า 245 องค์กร ในด้านกีฬาและโมบิลิตีทั่วโลก และมีผู้ขับขี่ในชมรมต่าง ๆ กว่า 80 ล้านคน ดังนั้น FIA มี “ความรับผิดชอบ” ที่ต้องเข้าถึงผู้คนในแต่ละประเทศ ไม่มีคำว่า “ไซซ์เดียวใช้ได้กับทุกคน” แม้อยู่ในไทยกับเพื่อนบ้าน หากไปฟิลิปปินส์หรือประเทศใกล้เคียง วิธีการและบริบทก็แตกต่าง ไม่ใช่เพราะอยู่ในภูมิภาคเดียวกันแล้วจะเหมือนกัน คือ เหตุผลที่ต้อง “รับฟัง” ผ่านสมาชิกของและพร้อม “สนับสนุน” การให้ไอเดีย ทำงานร่วมกัน เป็นการแบ่งปันองค์ความรู้จากประเทศอื่นๆ และยังรวมถึงเงินทุนสนับสนุนจาก FIA ซึ่งสำคัญเช่นกัน แม้ว่าฟอร์มูลา วัน คือรายการแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะเป็นจุดสูงสุด แต่สำหรับ FIA เป็นเจ้าของ ผลประโยชน์จะย้อนกลับไปยังสมาชิก”

ด้าน “ความยั่งยืน” นายโมฮัมเหม็ด เบน ซูลาเยม กล่าวต่อว่า “ตอนนี้ยังมีความไม่แน่นอนทิศทางของโมบิลิตีจะไปทางไหน จะเป็นไฟฟ้าล้วนหรือไม่? ถ้าเป็นไฟฟ้าล้วน ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง แล้วตรวจสอบดู มันใช่คำตอบหรือเปล่า แล้วจะทำอย่างไรกับโคบอลต์และแบตเตอรี่ลิเธียมหลังหมดอายุ? จีนกำลังก้าวนำอยู่ตอนนี้ ผมเชื่อว่าเวลาตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม อาจสมเหตุสมผลกว่าหาก “ตั้งโจทย์ให้ผู้ผลิต” ว่า “เราต้องการไปให้ถึงระดับนี้” จะ “อย่างไร” ให้เป็นความท้าทายของพวกเขา แต่การบังคับให้ไปทางไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ผมไม่เชื่อว่านั่นคือทางออกเดียว มีทางเลือกมากมาย มีไฮบริด มีเชื้อเพลิงบางประเภทแทนน้ำมันฟอสซิล ไบโอฟิวเอล เชื้อเพลิงสังเคราะห์ และเชื้อเพลิงยั่งยืน และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังใช้ในพีระมิดของมอเตอร์สปอร์ต ผมเพิ่งดูแข่งรถบรรทุก น่าทึ่งมากที่เห็นแข่งโดยไม่มีควันดำ เพราะใช้เชื้อเพลิงยั่งยืน! ดังนั้น การทำงานร่วมกับทีมและรับฟังพวกเขา ในฝั่งโมบิลิตี ก็ท้าทายเช่นกัน เพราะเชื้อเพลิงที่ใช้ในมอเตอร์สปอร์ตจะถูกนำไปใช้ในโมบิลิตีด้วย จะทำให้มีเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ฟอร์มูลา วัน มีประสิทธิภาพถึง 60% เทคโนโลยีนั้นมีอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องการให้ผู้ผลิตที่ทำงานกับเรา มอบยานยนต์ที่เข้าถึงได้ ยั่งยืน และเชื่อถือได้แก่ผู้บริโภค และมันทำได้จริง แต่ความท้าทายไม่มีวันหยุด

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเพิ่มเติมประเด็น ด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่นำเข้าสู่มอเตอร์สปอร์ตผ่าน FIA เรื่องนวัตกรรมดิจิทัล เช่น AI ซึ่งกำลังมาแรงมาก โดยเฉพาะในไทย เราจะได้เห็นการนำ AI มาใช้ในงานของ FIA อย่างไรบ้าง?

นายโมฮัมเหม็ด เยน ซูลาเยม กล่าวว่า ได้หารือและตระหนักว่า AI สามารถใช้ในทางบวกได้ ในเรื่องกรรมการพิจารณาเหตุ (Stewards) มีความท้าทายใหญ่ สจ๊วตต้องยุติธรรม กระตือรือร้น และถูกตรวจสอบตลอดเวลา (*สจ๊วต = เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการดูแลให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างยุติธรรมและปลอดภัย) จึงมีการนำสิ่งที่เรียกว่า “ROC” มาใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งจำเป็นต้องยกระดับให้สอดคล้องกับความต้องการของแชมเปียนชิพ ความต้องการคือการตัดสินที่ดียิ่งขึ้น และผู้อำนวยการการแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น ตอนนี้มี “เส้นทาง” ให้คนรุ่นใหม่จากทั่วโลก ไทย เอเชีย แอฟริกา—มีสมองที่ยอดเยี่ยมอยู่ทุกที่ถ้าไม่เอื้อมไปหา เขาอาจไม่มีโอกาสแสดงศักยภาพ จากนั้นฝึกอบรม และใช้เทคโนโลยี ROC—ศูนย์ควบคุมระยะไกลในสหราชอาณาจักร เป็นปฏิบัติการขนาดใหญ่ ซึ่งจะพร้อมใช้ปีหน้า

มี 2 วัตถุประสงค์ คือ ช่วยด้านการฝึกอบรม และทำให้มั่นใจว่าเรายุติธรรมและตัดสินได้ถูกต้องเมื่อเกี่ยวกับนักแข่ง อีกส่วน—AI เข้ามาตรงไหน? เมื่อใช้ AI จะทำให้ทราบว่า “คำตัดสินแบบไหนดีที่สุด” ในสถานการณ์หนึ่ง ๆ สามารถป้อนข้อมูลทั้งหมดแล้วดูได้ว่าแนวทางตัดสินที่เหมาะสมที่สุดคืออะไร สุดท้ายแล้ว “มนุษย์” ทดแทนไม่ได้ สำหรับเราแล้ว เราใช้ AI อย่างไรนั้น ยกตัวอย่างแชมเปียนชิพยอดนิยมที่สุด ฟอร์มูลา วัน จะเห็นประเด็นร้องเรียนต่าง ๆ เช่น การปะทะ การโดนโทษ 5 หรือ 10 วินาที ตรงนี้น่าจะผ่อนปรนให้พวกเขาบ้าง แล้วบอกว่า “ทำสิ่งที่คุณทำได้ดีที่สุดคือการแข่ง!” แล้วเราจะจัดการส่วนของเราให้น่าดูยิ่งขึ้น คุณจะได้ชมการแข่งขันที่สนุกกว่า ดังนั้น AI จะช่วยลดความผิดพลาดที่มนุษย์อาจทำ และช่วยสนับสนุนมนุษย์ในการตัดสินใจ

ผู้สื่อข่าวถาม ทุกวันนี้มอเตอร์สปอร์ตเติบโตมาก เรามีประวัติศาสตร์อยู่แล้ว และกำลังสร้างต่อเนื่องในไทย โดยเฉพาะกระแสของ “อเล็กซ์ อัลบอน” ในฟอร์มูลา วัน อยากทราบว่าอยากบอกอะไรกับเยาวชนไทยที่ภาคภูมิใจกับ FIA และกำลังก้าวสู่ความท้าทายในมอเตอร์สปอร์ตบ้าง

นายโมฮัมเหม็ด เยน ซูลาเยม ประธานสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) กล่าวว่า อันดับแรก เหมือนกีฬาอื่นๆ อย่ายอมแพ้ แต่อีกด้าน คุณต้องมีเครื่องมือ และต้องทำให้มอเตอร์สปอร์ตเข้าถึงได้ การเข้าถึงเกิดจากความสามารถในการจ่าย และด้วยธรรมชาติของกีฬามีค่าใช้จ่ายสูง ยกตัวอย่างเมื่อพูดถึงอัลบอน เขาเข้าสู่วงการอย่างไร ผ่านคาร์ทติ้งและระดับรากหญ้า ใครจะสามารถจ่ายราว 300,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อให้ลูกลงแข่งหนึ่งปีได้บ้าง ในยุโรปแพงมาก ดังนั้น FIA จึงมีความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ เราจึงเริ่มจากฐานราก ซึ่งมีสองเส้นทาง มี “ครอสคาร์” สำหรับพื้นกรวดไปสู่แรลลี่ และมี “คาร์ทติ้ง” สำหรับไปสู่การแข่งขันทางเรียบ ครอสคาร์เริ่มราว 8,000 ยูโร แต่ต่อมาพุ่งเป็น 30,000 ยูโร ไม่ใช่ราคาที่เข้าถึงได้ สิ่งที่เราทำคือปล่อยแบบพิมพ์เขียว และกำหนดข้อกำหนดความปลอดภัยจากนั้นผ่าน ASN (สมาคมกีฬายานยนต์แห่งชาติ) อย่าง RAAT ที่อยู่ในประเทศไทย สามารถคอยกำกับดูแลให้สามารถผลิตได้ในประเทศไม่ต้องนำเข้า ต้นทุนจึงลดลงไม่มีภาษีนำเข้า ไม่มีค่าเดินทาง และใช้แรงงานในประเทศของคุณเอง ในแอฟริกาและเอเชีย พิสูจน์แล้วว่าเข้าถึงได้มากขึ้น เหลือประมาณหนึ่งในสามของราคาเดิม นี่คือภาพรวมที่เห็น ความสมดุลยังไม่ดีนัก จีนกับอินเดียรวมกัน 2.8 พันล้านคน รวมประเทศอื่น ๆ ในเอเชียก็เกิน 3 พันล้าน แต่ถ้ามองจำนวนไลเซนส์แข่งขัน ยังน้อยเมื่อเทียบกัน ทว่าในยุโรป บางประเทศประชากรแค่ 6 ล้านคน แต่มีไลเซนส์แข่งขันราว 16,000 ใบ อัตราส่วนจึงไม่สมดุล ดังนั้น เราต้องการพัฒนามอเตอร์สปอร์ตด้วยการทำให้ระดับรากหญ้าเข้าถึงได้มากขึ้น นายโมฮัมเหม็ด เยน ซูลาเยม ประธานสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) กล่าว

นายพฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ นายกราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมาคมกีฬา “ร.ย.ส.ท.” กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ที่ทาง FIA เลือกประเทศไทย เป็นสถานที่จัดงานสัมมนา มอเตอร์สปอร์ต และความปลอดภัยบนถนน มีหลายประเทศเข้าร่วม ทำให้ทุกคนมารวมกลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ควรจะเหมือนกันทั่วโลก ที่ผ่านมาต่างคนต่างทำ ซึ่งคนที่อยู่มอเตอร์สปอร์ตจะรู้ว่าการแข่งขันยานยนต์ ไม่ใช่แข่งความเร็วอย่างเดียว เรายังเน้นความปลอดภัย ทั้งใช้หมวกกันน็อค ชุดกันไฟ เซฟตี้เบลล์ ก็มาจากการแข่งขันรถยนต์ทั้งนั้น พร้อมทั้งเชิญชวน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ ซึ่งปัจจุบัน มีมากกว่า 5,000 คน