แม่ทัพภาคที่ 3 กำชับหน่วยทหารลดภาวะหมอกควัน พร้อมดูแลสุขภาพกำลังพลของหน่วยและประชาชนในพื้นที่เสี่ยงต่อปัญหาฝุ่นควันในจังหวัดที่คุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐาน
พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 เน้นย้ำการแก้ไขปัญหา pm 2.5 ในพื้นที่ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะ 14 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดแพร่ จังหวัดตากและจังหวัดพะเยา รวมทั้งภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งจากการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ พบว่ามีค่า PM 2.5 ระหว่าง 32 – 85 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 49 – 133 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและค่าAQI ระหว่าง 39 – 185 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง ถึง เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ใน 17 จังหวัดภาคเหนือวันนี้พบจุดความร้อนกว่า 271 จุดโดยเป็นพื้นที่อนุรักษ์ 123 จุด พื้นที่ป่าสงวน จำนวน 91 จุดและเขต สปก.จำนวน 28 จุด เบื้องต้นมณฑลทหารบก และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ลดจุดความร้อน โดยฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง ในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดสุโขทัย
ทางด้าน พันเอก วรา อุตรพงศ์ ผู้อำนวยการ กองกำลังพลกองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 มีความห่วงใยต่อสุขภาพของกำลังพล ที่อาจจะได้รับผลกระทบต่อค่า PM 2.5 หรือค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เริ่มมีแนวโน้มที่สูงขึ้นในหลายจังหวัด ดังนั้น แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 ที่เข้าข่ายเริ่มมีผลกระทบกับสุขภาพ งดนำกำลังพลออกกำลังกายกลางแจ้ง จนกว่าค่า PM 2.5 จะไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ รวมทั้งขอให้ประชาสัมพันธ์ให้กำลังพลและครอบครัวงดกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง หากค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ตลอดจนติดตามสถานการณ์ค่าคุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิด