ข่าวทั่วไทย » เชียงใหม่ 2 กลุ่มชิงนายก ทต.บ้านแปะ ลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงคึกคัก

เชียงใหม่ 2 กลุ่มชิงนายก ทต.บ้านแปะ ลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงคึกคัก

27 มีนาคม 2021
741   0

Spread the love

2 กลุ่มชิงนายก ทต.บ้านแปะ ลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงคึกคัก จัดรถแห่เข้าถึงทุกตารางเมตร หวังอาสารับใช้พัฒนาในพื้นที่ ด้าน กกต.เชียงใหม่ ตั้งเป้าคนออกไปใช้สิทธิ์ร้อยละ 75 มีผู้ชิงนายกฯมากที่สุดในประเทศไทย

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเลือกตั้ง โค้งสุดท้ายพื้นที่เลือกตั้งในเขต ทต.บ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่น่าจับตาบรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงของผู้สมัครทั้ง 2 กลุ่ม ที่มีขั้วการเมืองใหญ่ระดับชาติ 2 ขั้วการเมืองเฝ้าจับตาดูและสนับสนุนสนามเลือกตั้งในพื้นที่ ทต.บ้านแปะ แห่งนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง ผู้ลงสมัครนายกฯมี นายประสิทธิ์ กันทาดง ผู้สมัครนายก ทต.บ้านแปะ เบอร์ 1 “กลุ่มรวมพลังมวลชน” และ นายพันธ์ศักดิ์ แก้วสุดใจ ผู้สมัครชิงนายก ทต.บ้านแปะ เบอร์ 2 “กลุ่มนำพลังบ้านแปะ”

ทางอดีตนายก ทต.บ้านแปะ นายพันธ์ศักดิ์ แก้วสุดใจ ผู้สมัครนายกฯ เบอร์ 2 ลงพื้นที่พร้อมผู้สมัคร สท.เบอร์ 1-6 ขอคะแนนเสียงที่ดอยขุนแปะ บ้านบนนา บ้านขุนแปะ โดยขึ้นรถแห่ขอคะแนนเสียงเพื่ออาสารับใช้พี่น้อง “สานงานต่อ ก่องานใหม่” ในนามกลุ่มนำพลังบ้านแปะ พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านแปะ ทั้ง 2 เขต ชูนโยบายเร่งด่วน ดำเนินการโครงการ 1 ตำบล 1 โรงเรียนเทศบาล, จัดตั้งศูนย์บริการและฝึกอบรมผู้พิการประจำตำบล, จัดทำเอกสารที่ดินรายแปลงสู่สิทธิ์ที่ยั่งยืน, จัดตั้งโครงการตำบลเทคโนโลยี (ตำบลอัจฉริยะ) และขยายการให้บริการศูนย์กู้ชีพกู้ภัยให้ทั่วถึง ส่งเสริมการท่องเที่ยว ยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่

ส่วนผู้ท้าชิงโดยกลุ่มรวมพลังมวลชน ได้ลงพื้นที่หาเสียงของกลุ่มฯนำขบวนรถแห่ประชาสัมพันธ์นโยบายในพื้นที่ บ้านโฮ่งมะค่าและบ้านท่าข้ามเหนือโดยมี นายประสิทธิ์ กันทาดง ผู้สมัครนายกเทศบาล เบอร์ 1 กลุ่มรวมพลังมวลชน ซึ่งเคยเป็นอดีตนายกฯ มาก่อน 1 สมัย โดยนำผู้สมัครทั้ง 2 เขต เบอร์ 8 ถึง 13 ลงรับสมัครการเลือกตั้งครบทุกเขต พร้อมชูนโยบาย “ความดีประจักษ์ เป็นนักประสาน จิตใจเบิกบาน ปะไหนอู้ได้..” พร้อม?ประกาศไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง

โดยทั้งสองกลุ่มยังได้ฝากปัญหาการที่ข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลางให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย และเชิญชวนพี่น้องประชาชน ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลบ้านแปะ ให้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น.เพื่อแสดงออกถึงพลังประชาธิปไตยอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์ชาวบ้านในพื้นที่บ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ถึงการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยกลุ่มชาวบ้านได้ให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นในเรื่องของการเมืองท้องถิ่นในครั้งนี้ โดยชาวบ้านคนแรก บอกว่า ต้องให้คนท้องถิ่นเป็นผู้แก้ไขปัญหาเพราะเป็นคนในพื้นที่และรับรู้รับทราบปัญหาของชาวบ้านเป็นอย่างดี ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่มีชื่อผู้ที่สมควรจะมาเป็นผู้บริหารอยู่ในใจอยู่แล้ว

ในส่วนคำถามที่ว่า การเมืองในครั้งนี้รุนแรงหรือไม่นั้น ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของธุรกิจค้าขายเสื้อผ้าพื้นเมือง ต.บ้านแปะ บอกว่า การเมืองถือว่าไม่รุนแรงเพราะการออกหาเสียงของแต่ละกลุ่ม ถือว่าเป็นเรื่องปกติของการแข่งขัน ชาวบ้านดูออกว่าใครทำงานไม่ทำงานและคนไหนมีประสิทธิภาพในการนำความเจริญก้าวหน้าเข้ามาสู่หมู่บ้าน โดยรวมการหาเสียงในครั้งนี้ก็เห็นชูนโยบายของแต่ละกลุ่ม แต่ต้องดูแลเรื่องปากท้องของชาวบ้าน ซึ่งอดีตนายกฯคนล่าสุด ก็ถือว่ามีผลงานทำงานดีอยู่แล้ว เช่นโครงการ ออมวันละบาท โครงการในส่วนของกลุ่มแม่บ้านที่ได้รับการสนับสนุนทุกโครงการเป็นต้น

ในส่วนความเห็นกลุ่มการเมืองระดับชาติที่ลงมาสนับสนุนการเมืองท้องถิ่นนั้น ชาวบ้านคนหนึ่ง เปิดเผยว่า ในความเห็นส่วนตัว ไม่เห็นด้วย เห็นว่าการเมืองท้องถิ่นควรให้คนในท้องถิ่นเป็นผู้จัดการ เพราะคนในท้องที่รับทราบปัญหาดี การเมืองระดับชาติก็ให้บริหารจัดการในระดับชาติออกกฏหมาย แต่การเมืองท้องถิ่นต้องการให้ต่างคนต่างหาเสียง เลือกตั้งเสร็จทุกคนเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ตรงนี้คือความสำคัญที่ไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยก หากการเมืองระดับชาติมายุ่งจึงทำให้การเมืองท้องถิ่นไม่เจริญ เหมือนการแข่งขันกีฬา กรรมการเป่านกหวีด ก็เริ่มแข่งขันกันไป พอกรรมการเป่านกหวีดหยุดการแข่งขันในวันที่ 28 มี.ค.ที่เป็นวันเลือกตั้งแล้ว คนที่ได้รับเลือกตั้งก็ดีใจกันไป คนที่แพ้ก็ยังเป็นคนในหมู่บ้านมีสติปัญญาก็ช่วยสนับสนุนกันเพื่อพัฒนาบ้านเมืองต่อไป

ส่วนข้อถามเรื่องนโยบายของ 2 กลุ่มการเมืองที่ลงชิงนายก ทต.บ้านแปะ ชาวบ้านบอกว่า นโยบายคล้ายๆกัน อยู่ที่ใครเข้าไปบริหารต้องดูแลปัญหาให้ชาวบ้านอย่างจริงจัง ต้องอิงชาวบ้านเป็นหลัก เพราะไม่ใช่การเมืองใหญ่ระดับชาติ สส.ต้องอิงพรรค สจ.ก็ไปไกลอีกหน่อย ในส่วนของ นายก และ สท.ต้องดูแลชาวบ้าน อีกประการหนึ่งที่ว่า เอาการเมืองเมืองใหญ่มาครอบงำในท้องถิ่น ชาวบ้านไม่เห็นด้วย เพราะการทำงานใดๆจะกลายเป็นหุ่นเชิดต้องฟังแต่ข้างบนอย่างเดียวโดยไม่ฟังเสียงชาวบ้าน

ทางด้าน กกต.เชียงใหม่ ตั้งเป้าคนออกไปใช้สิทธิ์ร้อยละ 75 เพราะ จ.เชียงใหม่ มีผู้สมัครชิงนายกเทศมนตรีถึง 299 คน มากสุดในประเทศ ทางคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง หรือ กปน. จากทั้งหมด 121 หน่วยเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีที่ จ.เชียงใหม่ เดินทางเข้ารับมอบหีบบัตร บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง คูหาลงคะแนน และ ชุดวัสดุอุปกรณ์ จากคณะกรรมการการเลือกตั้งที่โรงพลศึกษา สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่การเลือกตั้งเทศบาลจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ( 28 มี.ค.)


การเลือกตั้งครั้งนี้ จ.เชียงใหม่มีเทศบาลที่จัดให้มีการเลือกตั้งทั้งหมด 121 แห่ง มากที่สุดในประเทศไทย และมีผู้สมัครทั้งหมดถึง 4,048 ราย เป็น ผู้สมัครนายกเทศมนตรี 299 คน และ ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล 3,749 คน มากที่สุดในประเทศไทยเช่นเดียวกัน โดยในส่วนของการเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่ มีผู้สมัครนายกเทศมนตรี 7 ราย ผู้สมัคร ส.ท. 4 แขวงอีก 109 ราย รวม 116 ราย


นายเกรียงไกร พานดอกไม้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า กกต.เชียงใหม่ ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลไม่น้อยกว่าการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ผ่านมาที่ร้อยละ 71 แต่ก็หวังว่ามีคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้ถึงร้อยละ 75

ส่วนความพร้อมการจัดการเลือกตั้ง ขณะนี้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้ง วัสดุอุปกรณ์และบัตรเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุข ที่มีจำนวนกว่า 26,000 คน โดยการแจกจ่ายวัสดุและอุปกรณ์การเลือกตั้งในวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย


นางนุสรา ยันตรโกวิท ปลัดเทศบาลนครเชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาล กล่าวว่า การเลือกตั้งของเทศบาลนครเชียงใหม่มีทั้งหมด 193 หน่วยเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งรวม 100,595 คน แบ่งเป็นแขวงนครพิงค์ 25,533 คน แขวงกาวิละ 27,855 คนแขวงเม็งราย 23,590 คน และ แขวงศรีวิชัย 23,617 คน ตั้งเป้าผู้ใช้สิทธิ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้เจ้าหน้าที่จัดเลือกตั้งกว่า 1,200 คน และ งบจัดเลือกตั้งรวม 8 ล้านบาท.