ข่าวทั่วไทย » เชียงใหม่ ปางช้างแม่สายังวุ่น ล่าสุดยังไม่สามารถตกลงเรื่องมรดกกันได้ เพราะอีกฝ่ายร้องต่อศาลเรียกสินสมรสจำนวน 300 ล้านบาท

เชียงใหม่ ปางช้างแม่สายังวุ่น ล่าสุดยังไม่สามารถตกลงเรื่องมรดกกันได้ เพราะอีกฝ่ายร้องต่อศาลเรียกสินสมรสจำนวน 300 ล้านบาท

4 กันยายน 2022
374   0

Spread the love

ปางช้างแม่สายังวุ่น ล่าสุดยังไม่สามารถตกลงเรื่องมรดกกันได้ เพราะอีกฝ่ายร้องต่อศาลเรียกสินสมรสจำนวน 300 ล้านบาท

วันนี้ (4 กย.65) เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามนางอัญชลี กัลมาพิจิตร บุตรสาวคนโต ทายาทผู้สืบสันดานของพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สาและพ่อเลี้ยงได้เสียชีวิตลงเมื่อต้นปี 2562 ทิ้งสมบัติไว้ให้ลูกหลานรวมถึงบริษัท ปางช้างแม่สา จำกัดนับพันล้านบาท ต่อมามีปัญหาฟ้องร้องกันระหว่างนางอัญชลีกับภรรยาคนสุดท้ายของพ่อเลี้ยงชูชาติ และในที่สุดคดีผู้จัดการมรดกก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 โดยศาลได้มีคำสั่งให้เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันทั้งสองคน เพื่อจัดการมรดกให้ทายาทให้แล้วเสร็จตามพินัยกรรม แต่ก็ยังติดปัญหาที่อีกฝ่ายฟ้องร้องต่อศาลเรียกสินสมรสจำนวน 300 ล้านบาท

นางอัญชลีได้ให้สัมภาษณ์ในวันนี้ว่า “ในวันที่ 15 กันยายนนี้ นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตรได้นัดตนไปทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกเพื่อโอนที่ดินตามพินัยกรรมบางส่วนให้กับบริษัท ปางช้างแม่สา จำกัด แต่กลับไม่มีการถอนเงินจากกองมรดกเพื่อเป็นค่าโอนที่ดินตามกฏหมาย ซึ่งตรงนี้ทนายความตนกำลังทำหนังสือแจ้งไปยังนางฐิติรัตน์ว่าขั้นตอนที่ถูกต้องนั้น การโอนกรรมสิทธิ์ในพินัยกรรมต้องใช้เงินจากกองมรดกเท่านั้น ดังนั้นจะต้องมีการเบิกเงินจากบัญชีในกองมรดกก่อน แล้วถึงจะไปโอนที่ดินได้ ซึ่งตนคิดว่ายังมีเวลาพอที่จะเตรียมในเรื่องดังกล่าวก่อนวันที่ 15 กันยายน ซึ่งบัญชีเงินในกองมรดกก็มีหลายบัญชี แม้แต่บัญชีที่นางฐิติรัตน์ปฏิเสธจะโอนเงินให้กับปางช้างแม่สาก็มีเงินอยู่ถึง 15 ล้านบาท และเป็นสิทธิ์โดยชอบของปางช้างแม่สาไปแล้ว ขาดแต่ขั้นตอนการโอนเท่านั้น” หากนางฐิติรัตน์จะให้ตนร่วมเบิกเงินในบัญชีอื่นเพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายตนก็ไม่ขัดข้อง ขอให้บอกมาว่าจะเป็นบัญชีหมายเลขใด และมีเงินอยู่เท่าใด การโอนทรัพย์สินจึงจะถูกต้องตามกฏหมาย

ส่วนในเรื่องที่นางจีระภา วัชรเกตุ พี่สาวต่างมารดาของนางฐิติรัตน์ ออกมาให้กำลังใจตนนั้น ตนขอขอบคุณมาก ตนทราบดีว่าใครเป็นใคร การเข้าสู่สกุลเป็นมาอย่างไร แต่ตนคิดว่าเรื่องใดที่เกิดขึ้นไปแล้ว ก็ต้องใช้วิธีการแก้ไขปัญหาเอา เพราะบิดาตนก็ได้ตายจากไปจะครบ 4 ปีในเดือนมกราคม ปี 2566นี้แล้ว ที่ผ่านมาตนต้องอดทนมากเพื่อสะสางในทุกๆเรื่อง และเพื่อให้เกิดความถูกต้อง ยุติธรรมกับทายาททุกคน ตนอยู่ตรงนี้เป็นหลักให้กับปางช้างแม่สา ยอมรับว่าเหนื่อยมาก แต่เมื่อนางจีระภา วัชรเกตุ ผู้ใกล้ชิดบิดาตนเพราะเป็นภรรยาที่อยู่กินกันมาถึง 15 ปีก่อนหน้านางฐิติรัตน์ ได้ออกมาแสดงความเข้าใจและเห็นใจตน ตนก็ดีใจมากแล้ว ส่วนการนัดหมายที่จะมาให้กำลังใจตนของนางจีระภา วัชรเกตุ ตนกำลังดูวันนัดอยู่ คงจะได้พูดคุยกันในเร็ววันนี้ เพราะนางจีระภา วัชรเกตุ มีอายุมากถึง 76 ปีแล้วและมีปัญหาสุขภาพ ตนเกรงใจมาก ไม่อยากให้คนที่พ่อรักต้องมาเหนื่อยเพราะตน นางอัญชลีกล่าวก่อนปิดท้ายการให้สัมภาษณ์