ผู้จัดการมรดกร่วมปางช้างแม่สาทำจดหมายถึง “อัญชลี” ขอเบิกค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการจัดการมรดก 6 แสนบาท จากกองมรดกของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร พ่อเลี้ยงปางช้างแม่สา
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ทายาทปางช้างแม่สาได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ผู้จัดการมรดกร่วมได้ทำจดหมายลงวันที่ 30 กันยายน 2565 ขอเบิกค่าใช้จ่ายต่างๆในการจัดการมรดก จำนวน 600,000 บาท (หกแสนบาท) จากกองมรดกนายชูชาติ กัลมาพิจิตร โดยอ้างถึงความจำเป็นที่จะต้องเบิกเงินในการดำเนินคดีร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกและจัดประชุมทายาท ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ โดยได้ทดลองจ่ายเงินไปก่อนหน้านี้แล้ว นางฐิติรัตน์ได้ขอนัดหมายนางอัญชลี ผู้จัดการมรดกร่วม ไปร่วมเบิกถอนเงินจำนวนดังกล่าวในวันที่ 18 ตุลาคม 2565 เวลา 13.00 น. ณ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาแม่ริม ซึ่งนางฐิติรัตน์ได้ระบุไว้ว่าจะนำใบเสร็จและหลักฐานค่าใช้จ่ายต่างๆเสนอต่อกองมรดก หากมีเงินเหลือก็จะนำส่งคืนแก่กองมรดกต่อไป
ส่วนการนัดหมายอื่นๆ เช่นการตรวจสอบทรัพย์สิน และการโอนทรัพย์สินให้ทายาทตามพินัยกรรม ตนจะไปร่วมทำหน้าที่ด้วย” อนึ่งตนได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนนางฐิติรัตน์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกร่วมแล้ว โดยศาลได้รับคำร้องและจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป ถึงแม้ว่าขณะนี้ปางช้างแม่สาจะมีโอกาสได้ขายทรัพย์สินบางรายการตามพินัยกรรมและนำเงินเข้าสู่บริษัท แต่ก็ต้องใช้เวลา
“สิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด คือการโอนเงินจำนวน 15 ล้านบาทให้แก่ปางช้างแม่สาตามพินัยกรรม กรณีเรื่องเงิน 15 ล้านบาทนี้ นางฐิติรัตน์ยังคงอ้างว่าเงินในบัญชีนี้ของนายชูชาติที่ยกให้เป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่บริษัทปางช้างแม่สาฯจะต้องแบ่งเป็นสินสมรสให้เขาครึ่งหนึ่ง เขาจึงไม่ให้เบิก ทุกวันนี้เรามีความลำบากมาก ลำบากกันทั้งช้างและพนักงาน ไม่รู้จะพูดบอกเขาอีกอย่างไรดี” นางอัญชลีกล่าวก่อนจบการให้สัมภาษณ์