เชียงใหม่ ประชาชนชาวเชียงใหม่ ร่วมทำบุญและพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้าง เจดีย์ พุทธคยาจำลอง ขนาดเท่าของจริง บริเวณพุทธมณฑลเชียงใหม่ เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(คลิป)

ประชาชนชาวเชียงใหม่ ร่วมทำบุญและพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้าง เจดีย์ พุทธคยาจำลอง ขนาดเท่าของจริง บริเวณพุทธมณฑลเชียงใหม่ เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


พระเดชพระคุณ พระพรหมโมลี กรรมการมหาเถระสมาคม รักษาการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นองค์ประธาน ในการประกอบพิธี วางอิฐและแผ่นศิลาฤกษ์ ในการสร้างเจดีย์ พุทธคยาจำลอง ให้เหมือนในประเทศอินเดีย ขนาดเท่าองค์จริง เป็นองค์เจดีย์สี่เหลี่ยม ที่สูงใหญ่ โดยสูงถึง 51 เมตร ฐานวัดโดยรอบได้ 121.29 เมตร โดยก่อสร้าง บริเวณพุทธมณฑลเชียงใหม่ หมู่บ้านโทกเสือ หมู่ที่ 18 ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง มากถึง 190 ไร่

มีพลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข รักษาราชการ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ฝ่ายฆราวาส และมีคุณแม่ จันทร์ฟอง กิ่วแก้ว พร้อมกับ คุณเชิดพงศ์ กิ่วแก้ว ผศ.ดร.สมพร ปีนทะยา คุณพฤกษา ธิติธาวินโชค ทพ.พงค์เพชร กิ่วแก้ว คุณน้ำเพชร กิ่วแก้ว คุณ เกษรา บุตรบัว ด.ช.พชร กิ่วแก้ว คุณกัลยา คำปัน บจก. เพชรอินทรีทรานสปอร์ต บจก. เขมรัชตทรานสปอร์ต บมจ ปูนซีเมนต์นครหลวง บจก. นครหลวงคอนกรีต เป็นเจ้าภาพในการจัดสร้าง เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และใช้ประกอบพิธี วันสำคัญทางพุทธศาสนา เป็นศูนย์รวมจิตใจ ของพุทธศาสนิกชน ของชาวเชียงใหม่ และจากทั่วประเทศ

นอกจากนี้มีนาย นิรัตน์ พงศ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มาร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์ด้วย ขณะที่ประชาชนที่มาร่วมงาน ได้นำแก้ว แหวน เงินทอง ของมีค่า อัญมณี พระเครื่อง นำมาใส่ในฐานแผ่นศิลาฤกษ์ เพื่อร่วมบุญใหญ่

สำหรับพุทธคยา สถานที่จริง เป็นพุทธสังเวชนียสถาน ที่สำคัญที่สุด 1 ใน 4 สังเวชนียสถาน และถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่สุดของชาวพุทธทั่วโลก เพราะเป็นจุดเริ่มต้น ของพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ที่จังหวัดคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา 350 เมตร อดีตตำบลที่ตั้ง พุทธคยาชื่อว่า อุรุเวลาเสนานิคม ซึ่งเป็นสถานที่ เจ้าชายสิทธัตถะ ได้ตรัสรู้ พระ – อะ-นุต-ตะ-ระ-สัมมา-สัมโพธิญาณ เป็นสมเด็จพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเวลากว่า สองพันห้าร้อยปี ที่สถานที่แห่งนี้ เป็นศูนย์รวมของจุดหมายแสวงบุญ ของชาวพุทธ ผู้มีศรัทธาทั่วโลก ซึ่งพุทธมณฑณเชียงใหม่ จะจำลอง สังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง มาไว้ณ. สถานที่แห่งนี้

เชียงใหม่ ผบ.นบ.ยส.35 ระบุสถานการณ์ยารุนแรงขึ้นรอนำเข้าทางชายแดนกว่า 90 ล้านเม็ด(คลิป)

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ 35 หรือ นบ.ยส.35 ระบุสถานการณ์ยารุนแรงขึ้นรอนำเข้าทางชายแดนกว่า 90 ล้านเม็ด

วันที่ 15 มิถุนายน 2567 เวลา 11.00 น. พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ 35 หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า จากการเฝ้าติดตามทางการข่าวพบว่าสถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบันยังคงมีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องและรุนแรง เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตค่อนข้างมีเสรีในการผลิตโดยเฉพาะเขตรัฐฉานเหนือที่ติดกับประเทศจีนถือว่าเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญประกอบกับเมียนมานำกำลังส่วนใหญ่ออกรบบริเวณพื้นที่ด้านล่างตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตากเป็นหลัก

ขณะที่การผลิตยาในปัจจุบันนิยมใช้สารสังเคราะห์ทำให้การผลิตง่าย โดยไม่ต้องมีการขนส่งสารตั้งต้นจากต่างประเทศ ตลอดจนราคายาบ้ามีราคาถูกลง จากการซื้อขายหน้าโรงงาน 3-4 เท่า โดยบริเวณชายแดนราคาอยู่ที่ 5 บาท ข้ามเข้ามาในเขตไทยราคาจะอยู่ที่ 20-30 บาท ซึ่งแต่เดิมราคาในจังหวัดเชียงใหม่จะอยู่ที่เม็ดละ 50 – 100 บาท ส่วนที่กรุงเทพฯราคาจะอยู่ที่เม็ดละ 150 บาท เนื่องจากมีกำลังการผลิตมากขึ้นกลุ่มผู้ค้าต้องการงบประมาณค่อนข้างมาก ดังนั้นการลักลอบขนยาเข้าพื้นที่ตอนในของไทยจึงมีปริมาณค่อนข้างมาก จะเห็นได้จากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ในแต่ละครั้ง ทั้งนี้จากการข่าวล่าสุดพบว่ามียาเสพติดรอนำเข้าทางชายแดนกว่า 90 ล้านเม็ด ไอซ์ 2 ตัน

ทั้งนี้ที่ผ่านมาหน่วยงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ที่มีทั้งหน่วยทหาร ตำรวจ และพลเรือนตลอดจนประชาชนในพื้นที่ได้บูรณาการร่วมกันในการสกัดกั้น ทั้งด้าน 5 อำเภอชายแดนของจังหวัดเชียงใหม่ และ อ.แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย จะเห็นได้จากกรณีการจับกุมที่ อ.เชียงดาว กว่า 8 ล้านเม็ด ซึ่งเกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแจ้งเบาะแส ส่งผลให้กลุ่มขบวนการเริ่มนำเข้ายาทาง อ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อ.ภูซาง อ.เวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ไม่นับที่ไปทางภาคอีสาน ทาง นบ.ยส.35 ได้วิเคราะห์ว่าตลาดยาไม่ได้เพิ่มตามจำนวนยาที่จับกุมได้ ส่วนในต่างประเทศตลาดยาบ้ายังคงอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซียที่เป็นตลาดแรงงาน ส่วนยาไอซ์ตลาดส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น และประเทศทางยูโรป

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือกล่าวต่อว่า จากสถิติการจับกุมยาที่ผ่านมาพบว่า มีการจับกุมยาเสพติดบริเวณชายแดนภาคเหนือได้มากกว่า 70 % ตามจับกุมในพื้นที่ตอนใน 20-30 % และยาหายจากวงจรการสกัดกั้นประมาณ 1 ใน 3 ของการนำเข้า ปัจจุบันการสกัดกั้นยาเสพติดค่อนข้างยากลำบากเนื่องจากสภาพภูมิประเทศ เส้นทางการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว เทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบกับภาคเหนือมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญหลายจังหวัด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หน่วยงานสกัดกั้นจะต้องบูรณาการงานด้านการข่าวอย่างรัดกุม เพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น และเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความปลอดภัย ที่สำคัญต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ในการแจ้งเบาะแส

ทั้งนี้หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) มีผลการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ 11 อำเภอชายแดน ของจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย รวมถึง การติดตามจับกุมไปจนถึงพื้นที่ตอนในของหน่วยบูรณาการภายใต้ นบ.ยส.35 ในภาพรวมตั้งแต่ 1 ธ.ค. 66- 14 มิ.ย.67 )มีเหตุการณ์สำคัญ 94 เหตุการณ์ โดยมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการ 36 ครั้ง ตรวจยึดจับกุม 53 ครั้ง และขยายผล ยึดทรัพย์ 5 ครั้ง ตรวจยึด ยาบ้ารวม 178,179,021เม็ด, ไอซ์ 1,890 กก., เฮโรอีน 252 กก., ฝิ่นดิบ 188 กก., จับกุมผู้ต้องหา 1,521 ราย, กลุ่มขบวนการ เสียชีวิต 25 ศพ ซึ่งจากสถิติการจับกุมยาเสพติดย้อนหลัง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในห้วงเดียวกัน พบว่า การตรวจยึดยาบ้า เพิ่มขึ้น 105,819 เม็ด คิดเป็นร้อยละ 146.24 ส่วน ไอซ์ เพิ่มขึ้น 608 ก.ก. คิดเป็นร้อยละ 47.43

เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ มอบกล้าไม้มีค่า 10 ชนิด ให้กับส่วนราชการ นำไปร่วมกันปลูก เพิ่มความสมบูรณ์ให้ธรรมชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ(คลิป)

จังหวัดเชียงใหม่ มอบกล้าไม้มีค่า 10 ชนิด ให้กับส่วนราชการ นำไปร่วมกันปลูก เพิ่มความสมบูรณ์ให้ธรรมชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ที่ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีมอบกล้าไม้ให้กับหัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ “โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ซึ่งเป็น 1 ใน 10 โครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ของรัฐบาล ที่ต้องการให้พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมกันแสดงถึงพลังแห่งความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลยิ่งนี้ โดยได้มีการเชื่อมโยงสัญญาณร่วมกับการจัดพิธีในส่วนกลาง ซึ่งมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ที่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

.
สำหรับกิจกรรม ของจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ ได้มีการมอบกล้าไม้ให้แก่ส่วนราชการในจังหวัดฯ เป็นพันธุ์กล้าไม้มีค่าจำนวน 10 ชนิด ได้แก่ ต้นรวงผึ้ง ราชพฤกษ์ ทองอุไร เหลืองอินเดีย เหลืองปรีดียาธร นางพญาเสือโคร่ง อินทนิลน้ำ เสลา ทองกวาว และแคนา ชนิดละ 72 ต้น รวม 720 ต้น เพื่อนำไปปลูกในสถานที่ราชการและสถานที่ต่างๆ ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งบำรุงรักษาต้นไม้ให้เจริญเติบโตงอกงาม อันเป็นการสนองพระราชดำริด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้

เชียงใหม่ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และกงสุลใหญ่สหรัฐฯ จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมฉลองครบรอบ 248 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ กับมิตรในภาคเหนือของไทย(คลิป)

เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต โกเดค และกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ ลิสา บูเจนนาสเฉลิมฉลองครบรอบ 248 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ร่วมกับมิตรในภาคเหนือของไทย

วันที่ 13 มิถุนายน 2567 ที่โรงแรมยู นิมมาน จังหวัดเชียงใหม่ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต โกเดค และกงสุลใหญ่สหรัฐฯเชียงใหม่ ลิสา บูเจนนาสเฉลิมฉลองครบรอบ 248 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ใน จ.เชียงใหม่ร่วมกับมิตรและแขกผู้มีเกียรติจากทั่วภาคเหนือของไทย ซึ่งในแต่ละปี ชาวอเมริกันจะเฉลิมฉลองการประกาศอิสรภาพในวันที่ 4 กรกฎาคม เพื่อระลึกถึงและเชิดซูเกียรติของบิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐฯ และค่านิยมต่าง ๆ ที่กำหนดความเป็นสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นเสรีภาพ การปกครองตนเอง และความเสมอภาคทั้งนี้ เอกอัครราชทูตโกเดค และกงสุลใหญ่บูเจนนาสได้ร่วมเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งจัดขึ้นด้วยแนวคิด

“งานวันฉลองการประกาศอิสรภาพสหรัฐฯ ที่ National Mal” ซึ่งเป็นสวนสาธารณะในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ที่แวดล้อมไปด้วยอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์มากมายที่บอกเล่าเรื่องราวของสหรัฐฯ โดยภายในงานมีการจำลองอาคารต่าง ๆ ที่ผู้ชมมีส่วนร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็นอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ Smithsonian Air and Space Museum อนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่สอง อนุสรณ์สถานลินคอล์น และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ภายในงานยังมีการนำเสนอบริษัทที่ประกอบกิจการโดยชาวอเมริกันที่จ้างงานในอัตราตอบแทนที่เหมาะสม มีการฝึกอบรมและมาตรฐานแรงงานชั้นสูงให้แก่ชุมชนต่าง ๆ ในภาคเหนือของไทย

นอกจากนี้ยังมีการแสดงรับเชิญของวง II MarineExpeditionary Force Band ซึ่งประจำอยู่ที่เกาะโอกินาวาและมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยได้แสดงเพลงอเมริกันที่เป็นที่รู้จักให้แก่แขกผู้มีเกียรติ ซึ่งเน้นย้ำถึงวัฒนธรรมอเมริกันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในระหว่างที่เดินทางมาแสดงรับเชิญที่จ.เชียงใหม่ ทางวงจะได้จัดเวิร์กช็อปด้านดนตรีให้กับนักเรียนโจงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยด้วย

ภายในงาน เอกอัครราชทูตโกเดคยังได้กล่าวถึงความสำเร็จต่าง ๆ อันเนื่องมาจากความความสัมพันธ์สหรัฐฯไทยในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือครั้งใหม่กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของไทยในโครงการ International Academic Partnership Program (IAPP) ซึ่งเชื่อมโยงสถาบันการศึกษาขอสหรัฐฯ และไทย 50 สถาบัน รวมถึงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง นเรศวร แม่โจ้และพายัพที่อยู่ในภาคเหนือของไทย เอกอัครราชทูตโกเดคยังได้กล่าวถึงโครงการของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่สนับสนุนการอนุรักษ์โลไม้อายุ 2,000 ปีที่ถ้ำผีแมนโลงลงรักใน จ.แม่ฮ่องสอน ปฏิบัติการค้นหาทหารสหรัฐฯ ที่สูญหายใน จ ลำปาง ในช่วงครามโลกครั้งที่สอง และการจัดฝึกอบรมให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นและกำลังเติบโตในภาคเหนือของไทย

ในการเยือนจังหวัดเชียงใหม่ครั้งที่ 5 เอกครราชทูตโกเดคยังได้เยี่ยมชมมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ซึ่งโครงการของรัฐบาลสหรัฐเพื่อส่งเสริมคามหลากหลายและความเท่าเทียมได้มอบทุนการศึกษาให้กับผู้นำชาวเมียนมาร์นใหได้ศึกษา ณ สถาบันแห่งนี้และแห่งอื่น ๆ ทั่วภูมิภูมิภาคเอเซีย เอกอัครราชทูตโกเดคและกงสุลใหญ่บูเจนนาสยังได้เข้าพบ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชากาภาค 5 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการบังคับใชักฎหมายเพื่อปกป้องชาวอเมริกัน การสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าสู่ประเทศไทย และการต่อสู้กับขบวนการลักลอบค้ามนุษย์และสัตว์ป่า

“ไม่มีช่วงเวลาไหนที่สำคัญต่อประเทศไทยและสหรัฐฯ ในการทำงานร่วมกันเท่ากับเวลานี้อีกแล้ว ในค่ำคืนนี้ขณะที่เราเฉลิมฉลอง ขอให้เรามุ่งมั่งทุ่มเทต่อความเป็นหุ้นส่วนของเราเพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายต่าง ๆ ของวันนี้ เรามาทำงานเพิ่มขึ้นกันสองเท่าเพื่อสร้างโลกที่มีความสุขสงบ รุ่งเรือง มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นสำหรับทุก ๆ คนในทุก ๆ ที่” เอกอัครราชทูตโกเดคกล่าว

ลำพูน องค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย ตลาดสาขาลำพูน จัดโครงการพัฒนารายได้ชุมชนยั่งยืน ภาคเหนือ(คลิป)

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดงานโครงการพัฒนารายได้ชุมชนยั่งยืน ภาคเหนือ โดยองค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย ตลาดสาขาลำพูน


วันนี้ 12 มิถุนายน 2567 เวลา 14.30 น. นายเกรียง กัลบัตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิด โครงการพัฒนารายได้ชุ่มชนยั่งยืน ภาคเหนือ จัดขึ้นบริเวณองค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย ตลาดสาขาลำพูน ซึ่งองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน พัฒนาส่งเสริมและสนับสนุนช่องทางการตลาด ให้เป็นตลาดต้นแบบ โดยมีองค์ประกอบของตลาด มาตรฐาน Go Green 6 G ซึ่งประกอบด้วย 1.Green Product 2.Green Price 3. Green Press 4.Green Process 5.Green Power 6.Green partnership ตามนโยบายของรัฐบาล

โดยให้ความสำคัญกับกิจกรรมการรณรงค์ ลด ละ เลิก การใช้ภาชนะโฟมบรรจุอาหาร (No Foam) เพื่อต่อยอดตลาดสะอาด ปราศจากโฟม ต่อยอดให้เกิดมาตรฐานตลาด อีกทั้งองค์การตลาดยังส่งเสริมและสนับสนุนระบายสินค้าลันตลาดของจังหวัดต่างๆ โดยประสานความมือกับภาคีเครื่อข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการระบายสินค้าให้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว พร้อมทั้งส่งเสริมทักษะการประกอบอาชีพบนพื้นฐานของความถนัดและทรัพยากรท้องถิ่นของตลาดสาขาลำพูน ให้เกิดรายได้ต่อชุมชนอย่างยั่งยืน
นี้

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาส่งเสริมและสนับสนุนช่องทางการตลาด ส่งเสริมทักษะการประกอบอาชีพบนพื้นฐานของความถนัดและทรัพยากรท้องถิ่นของตลาดสาขาลำพูน ที่มีอยู่เพื่อให้เกิดรายได้ต่อชุมชนอย่างยั่งยืน

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติอต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ องค์การตลาด (อต.)โทร.02-0249270-4 โทรสาร 02-0249277 e-mail: prmo.org@gmail.co

เชียงใหม่ เปิดตำนานประเพณี”เลี้ยงดง ปู่แสะ-ย่าแสะ” ยักษ์กินคนที่ปกปักรักษาพระธาตุดอยคำ (คลิป)

เล่าตำนานของยักษ์ปู่แสะ ย่าแสะ เป็นยักษ์กินคนที่ปกปักรักษาวัดพระธาตุดอยคำที่มีอายุกว่า 1,338 ปี ในประเพณีเลี้ยงดง บวงสรงปู่แสะ ย่าแสะ ซึ่งเทศบาลเมืองแม่เหียะ จัดขึ้นในเช้าวันที่ 20 มิ.ย.67 ที่จะถึงนี้

พ่อหนานอานนท์ มังสาสติ มัคนายกวัดพระธาตุดอยคำ เปิดเผยว่า ตำนานของยักษ์ปู่แสะ-ย่าแสะ เป็นยักษ์ที่ปกปักรักษาวัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้ว่า ในอดีตกาลตำนานพระเจ้าเลียบโลก คำว่า เลียบโลกหมายถึงพระพุทธองค์ได้เสด็จมานี่ก็พบกับยักษ์ 3 พ่อแม่ลูก คือปู่แสะ ย่าแสะ และสุเทพฤาษี ยักษ์ 3 พ่อแม่ลูกนี้ชอบกินเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมายังดอยคำแห่งนี้ ก็มาโปรดยักษ์ทั้ง 3 พ่อแม่ลูก เทศนาธรรมให้ฟังและขอร้องยักษ์ทั้ง 3 ให้เลิกกินเนื้อมนุษย์ แต่ยักษ์ทั้ง 3 ก็ยังอยากกินเนื้ออยู่จึงขอกินเนื้อสัตว์แทน พระพุทธเจ้าก็ไม่ตอบไม่อนุญาตบอกว่า ให้ไปถามเจ้าเมือง ยักษ์จึงไปขอกับเจ้าเมืองโดยขอกินควายปีละ 1 ตัว จนมาถึงปัจจุบันนี้

พ่อหานอานนท์ กล่าวอีกว่า อยากขอเชิญชวนศรัทธาสาธุชนญาติโยมทั้งหลาย ประชาชนที่อยากจะมาร่วมในพิธีดังกล่าวก็ขอเชิญชวนกันมาในวันที่ 20 มิย.นี้ และหลังจากเสร็จพิธีบวงสรวงเลี้ยงปู่แสะ ย่าแสะแล้ว ก็สามารถขึ้นมากราบสักการะบูชาขอพรองค์หลวงพ่อพระเจ้าทันใจได้ มากราบขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเราและครอบครัว ซึ่งทุกวันนี้ก็มีประชาชนต่างเดินทางขึ้นมากราบสักการะจำนวนมากโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ในตอนแรกก็ไม่ต้องนำดอกมะลิมาถวาย จะขอพรเพียงจุดธูป 3 ดอก ตั้งจิตอธิฐานขอหลวงพ่อพระเจ้าทันใจตามที่เราต้องการ จะอธิฐานขอพรได้เรื่องเดียว ถ้าสำเร็จแล้วก็ค่อยนำดอกมะลิมาถวายแต่ต้องไม่ต่ำกว่า 50 พวง น้อมนำมาถวายหลวงพ่อพระเจ้าทันใจ จากนั้นมาขอศิลขอพรไหว้พระธาตุดอยคำที่สร้างโดยพระเจ้าจามเทวี ขณะนี้มีอายุ 1338 ปี


สำหรับประวัตินั้น ยักษ์ปู่แสะย่าแสะเป็นยักษ์ผู้ดูแลพระธาตุดอยคำ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาที่นี่ เทศนาโปรดยักษ์แล้วก็ทรงประธานพระเกษาให้ยักษ์ทั้ง 3 ตนก็บอกว่าให้นำมาบรรจุไว้ที่พระธาตุดอยคำแห่งนี้ ต่อไปในอนาคตก็จะเป็นสถานที่กราบไว้ของประชาชน เรียกว่า “วัดพระธาตุดอยคำ” ซึ่งยักษ์ผู้เป็นลูกหลังจากที่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงขออนุญาตจากพ่อแม่ไปบวชเป็นฤาษีเรียกว่า ฤาษีสุเทพ อาศัยอยู่ในถ่ำใต้วัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้ และสุดท้ายฤาษีสุเทพก็ไปเป็นประธานในการก่อสร้างเมืองลำพูน โดยวัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้มีอายุถึง 1,338 ปี หลังจากนับจากที่บรรจุพระธาตุเรียบร้อยมา

ในส่วนการจัดงานประเพณีเลี้ยงดง หรือเลี้ยงปู่แสะย่าแสะ ในปีนี้เทศบาลเมืองแม่เหียะก็ได้จัดประเพณีแบบเรียบง่าย อันเชิญดวงวิญญาณของปู่แสะย่าแสะมารับเครื่องเส้น โดยในปีนี้จะจัดขึ้นตั้งแต่เวลา 07.00 น.เป็นต้นไป เดินขบวนจากลานจอดรถเชิงวัดพระธาตุดอยคำไปยัง ไปยังหน่วยพิทักษ์แห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย (แม่เหียะ) ที่ 4

เชียงใหม่ สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ร่วมกับโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จัดกิจกรรมโครงการ รณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน(คลิป)

สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ร่วมกับโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จัดกิจกรรมโครงการ รณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน โดยมีวิทยากร จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาบรรยายให้ความรู้


ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึก กายภาพ โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จังหวัดเชียงใหม่ สมาคมสตรีนักธุรกิจ และวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดกิจกรรม โครงการ รณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน Happy Money, Happy Mind ทั้งนี้จากปัญหาทางเศรษฐกิจ และสังคมในประเทศไทย มีเหตุผลหนึ่ง มาจากการ ไร้ระเบียบวินัยทาง การเงิน ตั้งแต่ในระดับครัวเรือน ถึงระดับบริษัท ทั้งในธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ตลอดถึงธุรกิจ ขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการตอบแทนสังคม และประเทศชาติ สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่ง ประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์และ 23 จังหวัดทั่วประเทศ ร่วมกัน จัดกิจกรรม การอบรม โครงการ “รณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน” ขึ้น เพื่อเป็นองค์กรณ์ต้นแบบ ดำเนินการเผยแพร่ การรณรงค์ให้เกิด กระแสการสร้าง วินัยทางการเงิน ให้แก่องค์กรสมาชิกหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ในทุกระดับและ เพื่อเป็นการให้ความรู้ ด้านการวางแผนการเงิน และการสร้างวินัยการออม

โดยมีนายแพทย์ ประมุข อุณจักร ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ร่วมกับ นาง ธีรวัลย์ ประจันตะเสน นายกสมาคม สตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นประธาน ในการเปิด กิจกรรมฯ มี นางสาว มนัสวัฑฒก์ ซุติมา เป็นประธานโครงการ ฯ โดยมีแพทย์หญิง ญานิศา โพธิ์ฐิติรัตน์ จิตแพทย์ จากโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม เป็นวิทยากร บรรยายให้ความรู้ เกี่ยวกับการสร้างความสุข และมี อาจารย์ กิตติพัฒน์ แสนทวีสุข วิทยากร จากตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย มาบรรยายให้ความรู้ เกี่ยวกับการ บริหารจัดการ ทางการเงิน

ทั้งนี้เพื่อร่วมกันสร้าง ความชัดเจน และมีเป้าหมาย ในการกำหนดทิศทาง ของการวางแผน ทางการเงิน ของแต่ละท่าน ได้อย่างรอบคอบ มีความสุข และมีอนาคตที่ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์ กับผู้เข้ารับการอบรม และสามารถนำไปขยายต่อยอด กับบุคคลในครอบครัว และสังคม โดยมี คณะกรรมการ สมาชิก สมาคมสตรีนักธุรกิจ และวิชาชีพแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ และบุคลากรทางการแพทย์ ของโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม เข้ารับการอบรม

เชียงใหม่ บิ๊กซี 5 สาขาเชียงใหม่ เปิดจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ เริ่ม 1 มิ.ย.เป็นต้นไป(คลิป)

บิ๊กซี 5 สาขาเชียงใหม่ เปิดจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ เริ่ม 1 มิ.ย.เป็นต้นไป

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ บิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 บิ๊กซีเอ็กซ็ตร้า ต.หนองป่าครั่ง​ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายวิวัฒน์ โกมลตรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายเอกภพ ชุมภูรัตน์ ผู้จัดการบิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 เป็นผู้กล่าวรายงาน การจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันนี้ เนื่อง​​ด้วยในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางรัฐบาลไทย โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจึงได้จัดทำเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อจำหน่ายให้ประชาชนเป็นที่ระลึก รวมทั้งใช้ประดับเพื่อความเป็นสิริมงคล


ในการนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จำหน่ายเข็มอันทรงคุณค่านี้ให้แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งทางกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ได้ให้การสนับสนุนเป็นผู้จัดจำหน่ายโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อส่งมอบรายได้ทั้งหมดให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำรายได้ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย โดยได้วางจำหน่ายเข็มที่ระลึกนี้ในบิ๊กซี ทุกสาขาทั่วประเทศ​ ในราคาเข็มละ 300 บาท เริ่มจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

โดยได้เริ่มจัดจำหน่ายเข็ม ที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ให้แก่ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ที่บิ๊กซี 5 สาขาในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่จำหน่ายแห่งเดียวที่ประชาชนทั่วไป สามารถมาจัดซื้อเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ไปติดประดับเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 ด้วยกัน บิ๊กซีเราพร้อมแล้วที่จะเปิดการจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้ถึงมือประชาชนเพื่อร่วมเฉลิมฉลองอภิลักขิตสมัยพิเศษด้วยการประดับเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ อันเป็นสวัสดิมงคลยิ่งด้วยกัน​


ทางด้านนายวิวัฒน์ โกมลตรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธี “เปิดการจําหน่ายเข็มที่ ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ในวันนี้ การที่บิ๊กซี ได้รับความไว้วางใจจากสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้แทนจําหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ ให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยนับเป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ บิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 ได้เป็นผู้แทนจําหน่ายที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ในจังหวัดของเราอีกด้วย โดยทางพี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงจะได้มีโอกาสใน การจัดซื้อเป็นที่ระลึก และใช้ประดับเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย

ในโอกาสนี้ ผมขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านร่วมกันประดับเข็มที่ระลึกตรา สัญลักษณ์ ฯ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ด้วยกัน ผมขออํานวยพรให้บิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 ประสบความสําเร็จตามที่มุ่งหวัง และ ในโอกาสนี้ ผมใคร่ขอเปิดการจําหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ บัดนี้

หลังจากประกอบพิธีเปิดเสร็จสิ้น นายเอกภพ ชุมภูรัตน์ ผู้จัดการบิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 ได้มอบเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติให้ นายวิวัฒน์ โกมลตรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นแขกผู้มีเกียรติทุกท่านถ่ายภาพร่วมกัน เป็นอันเสร็จพิธี

เชียงใหม่ รัฐมตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เปิดสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ หลังใหม่ครบรอบ 25 ปี(ตลิป)

รัฐมตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เปิดสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ หลังใหม่ครบรอบ 25 ปี


เมื่อเวลา 09.39 น.วันที่ 25 พฤษภาคม 2567 ที่สำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พระเทพปริยัติ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด พระอาราม​หลวงเป็นประธานสงฆ์ พร้อมด้วย พระครูโกศลธรรมวิจัย เจ้าคณะอำเภอสันทราย เจ้าอาวาสวัดข้าวแท่นหลวง นำพระสงฆ์ จำนวน 19 รูป ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ทำบุญเปิดอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ โดยมีนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน พร้อมนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เขต 9 พรรคพลังประชารัฐ, นายชัชวาล ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายกอปท.ในพื้นที่ หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ภาคีเครือข่าย แขกผู้​มีเกียรติ​เข้าร่วมในพิธีเปิด

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พร้อมแขกรับเชิญจุดเทียนมงคล จากนั้นตามด้วยประกอบพิธีสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นแขกที่มาร่วมพิธีเปิดรับชมการฟ้อนต้อนรับประธานพร้อมคณะฯ และแขกผู้มีเกียรติ นายอำเภอสันทราย กล่าวต้อนรับ นายประหยัด ทรงคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้ กล่าวรายงาน ประธานในพิธี รับฟังการกล่าวรายงาน และเปิดป้ายอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้

นายประหยัด ทรงคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้ กล่าวว่า การก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้หลังใหม่ขึ้นนี้ เพื่อรองรับการบริการพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตเทศบาลฯ 19 ชุมชน เดิมเทศบาลเมืองแม่โจ้ มีอาคารบริการประชาชนชั้นเดียว 1 หลัง สร้างเมื่อปีพ.ศ. 2538 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2547 ก่อสร้างอาคาร 3 ชั้น เพิ่มเติมอีก 1 หลัง เนื่องจากพื้นที่เทศบาลเมืองแม่โจ้ มีการขยายความเจริญอย่างต่อเนื่องมีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ตั้งอยู่ในพื้นที่ มีการคมนาคมสะดวกไม่ไกลจากตัวเมือง จึงทำให้มีโครงการก่อสร้างบ้านจัดสรร หอพัก เป็นจำนวนมาก และทำให้มีประชาชนเข้ามาศึกษา มาอยู่อาศัยและประกอบธุรกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบันมีประชากรตามทะเบียนราษฎรประมาณ 29,000 คน ประชากรแฝงอีกถึง 50,000 คน ประกอบกับเทศบาลมีภารกิจถ่ายโอนเพิ่มขึ้นจึงทำให้พื้นที่ทำงาน และบริการประชาชนไม่เพียงพอ และการอำนวยความสะดวกยังไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร

อีกทั้งอาคารเดิมที่มีอยู่คับแคบ สภาพเก่า คณะผู้บริหารจึงได้มีแนวคิดในการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้น โดยรื้อถอนอาคารชั้นเดียวเพื่อใช้เป็นพื้นที่ก่อสร้าง อาคารเทศบาล 4 ชั้นนี้ โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 35 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณจากเงินรายได้จำนวน 6 ล้านบาท เงินสะสมเทศบาล จำนวน 29 ล้านบาท โดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัด ตรี ดี อาคิเทค แอนด์ เอนจิเนียริ่ง เป็นผู้ออกแบบ และเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2566 ใช้งบประมาณก่อสร้าง จำนวนสามสิบล้านแปดแสนสามหมื่นบาท โดยมีบริษัท เชียงใหม่มายโฮม จำกัด เป็นผู้ก่อสร้าง มีพื้นที่ใช้สอยรวม 2,800 ตารางเมตร

และวันนี้ยังเป็นวันที่น่ายินดียิ่งที่เทศบาลเมืองแม่โจ้ ครบรอบ 25 ปี นับจากได้รับการยกฐานะจากสุขาภิบาลเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2542 ซึ่งสามารถพัฒนาเมืองมาอย่างต่อเนื่องจนได้รับรางวัล และเป็นต้นแบบของประเทศ ดังเช่น การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐ (ITA) ด้านความโปร่งใสและป้องกันการทุจริต 100 คะแนน 2 ปีซ้อน รางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดีปี 2566 ในลำดับที่ 2 ของประเทศ รางวัลเครือข่ายพื้นที่สีขาวต้นแบบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ปี 2566 และยังเป็นต้นแบบด้านการบริหารจัดการขยะของจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2567 นำมาซึ่งความภาคภูมิใจและความสำเร็จของชาวแม่โจ้ทุกคน

และในโอกาสอันดีที่ท่านผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ พร้อมคณะฯ และหัวหน้าส่วนราชการ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง แขกผู้มีเกียรติ พี่น้องประชาชนที่มาร่วมงานวันนี้ถึงกว่า 1,000 คน เทศบาลจึงได้จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นขึ้นโดยการถ่ายทอดความรู้ จัดนิทรรศการ การแสดงของสมาคมปี่ซอจังหวัดเชียงใหม่ การฟ้อนเล็บของกลุ่มสตรีแม่บ้านเทศบาลเมืองแม่โจ้ จำนวน 250 คน นายประหยัดฯ กล่าว

หลังจากนั้นประธานในพิธี พร้อมคณะฯได้พบปะกับแขกผู้มีเกียรติและประชาชนผู้มาร่วมงาน จากนั้นประธานในพิธีพร้อมคณะ ฯ และแขกผู้มีเกียรติ คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงาน เจ้าหน้าที่ เครือข่ายชุมชนเข้าเยี่ยมชมสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ (หลังใหม่)​ และเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการ/กิจกรรมของเทศบาลเมืองแม่โจ้.

เชียงใหม่ กรมชลประทาน​ประชุมปัจฉิมนิเทศ อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อ.เชียงดาว​ จังหวัดเชียงใหม่​(คลิป)

กรมชลประทานจัดปัจฉิมนิเทศ ประชาชนในพื้นที่โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะเพิ่มเติมต่อผลการดำเนินงานศึกษาโครงการฯ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลปิงโค้ง 2 อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ นายกฤตพล รชตเมธานนท์ นายอำเภอเชียงดาว เป็นประธานเปิดการการประชุมปัจฉิมนิเทศ โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายมหิทธิ์ วงศ์ษา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวรายงาน โดยมีนายทศพัฒน์ เลาจาง นายกเทศมนตรีตำบลปิงโค้ง, นายนคร ศรีธิวงค์ ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม กรมชลประธาน พร้อมด้วย ดร.ชญาทัต เนียมแสวง ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน, พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชนพร้อมด้วยชาวบ้าน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เข้าร่วมการปัจฉิมนิเทศ

นายมหิทธิ์ วงศ์ษา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เนื่องจากราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาน้ำไม่เพียงพอกับความต้องการในคราวสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานโครงการหลวงและทรงเยี่ยมราษฎรที่บ้านห้วยลึก ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ แต่กรมชลประทาน ได้ชะลอโครงการไว้ เนื่องจากจุดที่ตั้งโครงการอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง​เดือนพฤษภาคม 2561 กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้จัดทำรายงานการศึกษาโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ โดยบริเวณที่ตั้งโครงการอยู่ในเขตบ้านปางโม่ หมู่ที่ 8 ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง

แต่เนื่องจากบริเวณจุดที่ตั้งหัวงานอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว บริเวณป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (โซน C) ประมาณ 203 ไร่ จึงเข้าข่ายประเภทและขนาดโครงการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 เรื่อง การทบทวนการกำหนดประเภทและขนาดของโครงการของหน่วยงานรัฐที่ต้องเสนอรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (13 กันยายน 2537) เสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อนำเข้าสู่วาระการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ (คชก.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อรายงาน และเสนอต่อหน่วยงานอนุญาตเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตใช้พื้นที่ก่อสร้างตามขั้นตอนต่อไป สำนักบริหารโครงการ จึงเห็นควรให้ดำเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นของโครงการ ตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่กำหนด

ในการนี้กรมชลประทานจึงได้จัดให้มีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ตามแนวทางของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และจัดทำมาตรการป้องกันแก้ไขและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ซึ่งในกระบวนการศึกษานี้

กรมชลประทานให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะเพิ่มเติมต่อผลการดำเนินงานศึกษาโครงการฯ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยมีการจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนไปแล้วทั้งหมด 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 การจัดประชุมปฐมนิเทศ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และครั้งที่ 2 การจัดประชุมกลุ่มย่อย เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

การประชุมวันนี้ จะเป็นการนำเสนอผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น มาตรการป้องกันแก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโครงการต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่รับทราบเกี่ยวกับโครงการ และให้บรรลุเป้าหมายของการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมถึงเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะต่อผลการดำเนินงานศึกษาโครงการฯ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งกรมชลประทานและคณะผู้ศึกษาพร้อมรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการศึกษาให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ต่อไป

นายกฤตพล รชตเมธานนท์ นายอำเภอเชียงดาว กล่าวเปิดงานว่า ตามที่ผู้แทนกรมชลประทานได้รายงานวัตถุประสงค์ของการประชุมปัจฉิมนิเทศในวันนี้ จะเป็นการนำเสนอผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น มาตรการป้องกันแก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะเพิ่มเติมต่อผลการดำเนินงานศึกษาโครงการฯ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากประชาชนในพื้นที่และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ขอให้ผลการดำเนินงานของโครงการฯ เพื่อให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่มากที่สุด

นายอำเภอเชียงดาว กล่าวอีกว่า “อ.เชียงดาวเป็นแหล่งต้นน้ำปิง และแม่น้ำสายอื่นๆ อีกหลายแห่ง แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้งขาดน้ำในการเพาะปลูก ซึ่งโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หากเกิดขึ้นได้จะช่วยให้เกษตรกรมีแหล่งน้ำในการเพาะปลูก เพราะว่า​ในช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมา เกษตรกรขาดแหล่งน้ำจึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ และได้มีการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกโดยการเผาเศษวัสดุวัชพืชทำให้เกิดไฟลามเข้าไปในพื้นที่ป่า หากมีอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ จะช่วยผันน้ำให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี ก็จะช่วยลดปัญหาการเกิดไฟป่าได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามวันนี้ได้ปัจฉิมนิเทศโครงการฯ ได้มีตัวแทนภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมขอให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเต็มที่ การที่อาจจะต้องเสียพื้นที่ป่าบางส่วน แต่ได้แหล่งน้ำเพิ่มขึ้นก็ขอให้เวทีนี้เป็นเวทีตกผลึก และขอให้เดินหน้าโครงการนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี” นายอำเภอเชียงดาว กล่าว

จากนั้นในที่ประชุมได้ถ่ายภาพร่วมกันและชมวีดิทัศน์ โดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอสเค แมเนจเมนท์ แอนด์ แพลนนิง จำกัด , บริษัท ธรรมชาติ คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท ไทยคอนซัลแตนท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้สรุปโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ได้การเปิดเวทีการการประชุมปัจฉิมนิเทศ โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ นำโดยนายพิศาล ตั้งตระกูล ผู้จัดการโครงการ/ผู้เชี่ยวชาญด้านวางโครงการ และนายนคร ศรีธิวงค์ ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกันชี้แจงรายละเอียดโครงการโดยละเอียด ให้แก่หน่วยงาน​ภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงชาวบ้านในพื้นที่ เข้าประชุมปัจฉิมนิเทศ ได้รับทราบพร้อมให้ร่วมกันตอบแบบสอบถามและเสนอแนะอีกด้วย