เชียงใหม่ กองพลทหารราบที่ 7 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ประกอบพิธีเทวาภิเษก เหรียญ ศรัทธา นักรบ- นักบุญ รุ่น ยั้งทัพ 421 ปี (คลิป)

กองพลทหารราบที่ 7 ประกอบพิธีเทวาภิเษก เหรียญ ศรัทธา นักรบ- นักบุญ รุ่น ยั้งทัพ 421 ปี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พร้อมประมูลเหรียญทองคำเหรียญใหญ่ ราคาพุ่งไปที่ 220,000 บาท และยังแจกเหรียญให้กับผู้ที่มาร่วมงานฟรี จนเข้าแถวต่อคิวยาว


พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน พิธีพุทธาเทวาภิเษก เหรียญ ศรัทธา นักรบ- นักบุญ รุ่น ยั้งทัพ 421 ปี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเหรียญรุ่นนี้มีพระเถราจารย์จากทั่วประเทศ ลงอักขระเลขยันต์ และอธิฐานจิต มากถึง 43 รูป เช่น ครูบาบุญชุ่ม หลวงปู่ศิลา เจ้าประคุณ สมเด็จพระธีรญาณมุนี พระราชภาวนาวชิราจารย์ วิ. และเปิดให้เช่าบูชาสั่งจอง เนื้อทองคำสร้างตามจำนวนสั่งจอง เนื้อเงิน สร้างจำนวน 1,421 เหรียญ เนื้อเงินเหรียญทานบารมี จำนวน 399 เหรียญ เนื้อนวโลหะ จำนวน 2,421 เหรียญ เนื้อนวโลหะเหรียญทานบารมี จำนวน 999 เหรียญ เนื้อทองทิพย์จำนวน 4,421 เหรียญ เนื้อทองทิพย์ เหรียญทานบารมีจำนวน 1,999 เหรียญ เนื้อทองแดงโบราณ 10,421 เหรียญ และภายในงานได้มีการ นำเหรียญออกมาประมูล แต่ละเนื้อ มีเพียงเหรียญเดียว โดยเนื้อทองคำเหรียญใหญ่ มีนายชัดชาญ เอกชัยพัฒนกุล ประมูลได้ไปในราคากว่า 220,000 บาท และยังให้ตอกโค๊ช ที่เหรียญเองด้วย และยังมีนาย ชัชวาล ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประมูลเหรียญ ในครั้งนี้ด้วย ได้ไปจำนวนหลายเหรียญ และหลังจากเสร็จพิธี ได้มีการทำลายบล็อกทันที

และที่ผู้ร่วมงานรอคอย พระครูบาเกียรติยศ พรหมปัญโญ หรือครูบาเกมส์ เจ้าอาวาส วัดบ้านแก่นไชย อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง มาบริกรรมคาถา ปะพรมน้ำพุทธมนต์ และแจกเหรียญ ให้กับผู้ที่มาร่วมงานฟรี จนเข้าแถวต่อคิวกันยาวเหยียด รวมทั้งหมด 700 เหรียญ

การจัดสร้างครั้งนี้ พลตรี สุจินต์ ทรัพย์สิน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 กล่าวว่า เพื่อเป็นทุนการศึกษา ให้กับบุตรข้าราชการกำลังพล กองพลทหารราบที่ 7 และเพื่อทำนุบำรุงพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช รวมทั้งเป็นสวัสดิการในการช่วยเหลือครอบครัวกำลังพลและ บรรเทาความเดือดร้อน จากการประสบพิบัติทางธรรมชาติ

เชียงใหม่ ศรัทธาประชาชนชาติพันธุ์และชาวบ้านในพื้นที่กว่าพันคน ร่วมถวายเทียนพรรษา 2 แผ่นดินที่ม่อนพญานาคราช(คลิป)

ศรัทธาประชาชนชาติพันธุ์และชาวบ้านในพื้นที่กว่าพันคน ร่วมถวายเทียนพรรษา 2 แผ่นดิน ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ธรรมสถานม่อนพญานาคราช อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับโรงพยาบาลแม่ออน เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับ รพ.ที่ยังขาดแคลนกันต่อไป

วันนี้(6 กค.68) ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมธรรมสถานม่อนพญานาคราช อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรม ถวายเทียนพรรษา 2 แผ่นดิน อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีประชาชนจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ รวมทั่งชาวบ้านในพื้นที่กว่าพันคน เข้าร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง โดยผู้ร่วมงานแต่งกายชุดประจำเผ่าสีสันสดใส สวยงาม พร้อมจัดขบวนแห่เทียนพรรษารอบพระวิหาร 3 รอบอย่างอลังการ ท่ามกลางเสียงกลองยาวดังกึกก้องสร้างความคึกคักและตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมชมกิจกรรม ภายในงานมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่หาชมได้ยาก อาทิ การฟ้อนรำกินกะลา การเต้นนกยูง การเต้นโต และการละเล่นพื้นบ้านต่าง ๆ ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์

ชาวบ้านยังได้จัดขบวนแห่ผ้าไตรกว่า 100 ไตร พร้อมต้นเงินที่ทำจากไม้ไผ่ โดยมีการมัดปัจจัยเข้ากับต้นเงิน ซึ่งปีนี้ ซองปัจจัย ได้นำถุงพลาสติกมาคุมอีกที เพราะเกรงว่าหากฝนตกทำให้ซองปัจจัยเปียกได้รับความเสียหาย เพื่อนำมาถวายสมทบทุนในการก่อสร้างพระวิหารพญานาคราช ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

หลังจากขบวนแห่วนรอบพระวิหารครบ 3 รอบ ได้มีการนำเทียนพรรษามาถวายแก่พระภิกษุสงฆ์จากวัดต่าง ๆ กว่า 50 วัด ทั้งจากจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน ซึ่งเดินทางมาร่วมพิธีเพื่อรับเทียนพรรษาและปัจจัย เพื่อใช้ในช่วงเข้าพรรษาปีนี้ และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีการทางศูนย์ปฏิบัติธรรมธรรมสถานม่อนพญานาคราชก็จะได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับโรงพยาบาลแม่ออน เพื่อนำไปซิ้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับ รพ.ที่ยังขาดแคลนต่อไป

อย่างไรก็ดีกิจกรรมถวายเทียนพรรษา 2 แผ่นดินของศูนย์ปฏิบัติธรรมธรรมสถานม่อนพญานาคราชในครั้งนี้ ถือเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ ตลอดจนเป็นการสร้างความสามัคคีในชุมชน และเปิดพื้นที่ทางวัฒนธรรมให้แก่นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด

เชียงใหม่ วิทยาลัยเทคโนโลยีเมโทรเชียงใหม่ และวิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการเชียงใหม่ แข่งขันเรือประดิษฐ์ จากวัสดุเหลือใช้ และแข่งขันพายเรือชักเย่อ ในคูเมืองเชียงใหม่ บรรยากาศสุดสนุกสนาน สร้างมิตรภาพและเสียงหัวเราะ (คลิป)

วิทยาลัยเทคโนโลยีเมโทรเชียงใหม่ และวิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการเชียงใหม่ แข่งขันเรือประดิษฐ์ จากวัสดุเหลือใช้ และแข่งขันพายเรือชักเย่อ ในคูเมืองเชียงใหม่ บรรยากาศสุดสนุกสนาน สร้างมิตรภาพและเสียงหัวเราะ


วิทยาลัยเทคโนโลยีเมโทรเชียงใหม่ และวิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการเชียงใหม่ สถาบันในเครือ CMT พาณิชย์ – เมโทร จัดแข่งขันเรือประดิษฐ์ จากวัสดุเหลือใช้หรือวัสดุรีไซเคิล นำมาลอยน้ำแข่งขันกัน บริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ด้านหน้าของวิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการเชียงใหม่ ซึ่งแต่ละแผนก มีการประดิษฐ์เรือ ที่ใช้วัสดุเหลือใช้ นำมาดัดแปลงทั้งแผนกวิชาเทคดนลียีสารสนเทศ แผนกวิชาช่างยนต์ แผนกวิชาอิเล็กทรอนิกส์ แผนกวิชาสถาปัตยกรรม แผนกวิชาการบัญชี แผนกวิชาการท่องเที่ยว แผนกวิชาค้าปลีก แผนกวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล ซึ่งบนเรือก็จะเป็นนักศึกษาน้องใหม่ แต่งตัวแนวแฟนตาซี เน้นความสนุกสนาน และการแสดงออก ถึงความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม ของนักศึกษา

มีทั้งเรือร้านค้าปลีก เรือปู่ม่านย่าม่าน กระซิบรักบันลือโลก เรือไอ่ไข่วัดเจดีย์นำเสนอเกี่ยวกับตัวเลขเสี่ยงโชค เรือไกรทองปราบชาละวัน 2025 ที่ไกรทองใช้หอก ฆ่าชาละวัน ยังไงก็ไม่ตาย จึงชักปืนพกออกมายิงชาละวันตาย และใช้อาวุธปืนยิงคนบนเรือ และตัวเองตกน้ำตาย เรียกเสียงฮาและเสียงหัวเราะ จากกองเชียร์ดังลั่น และเรือประดิษฐ์ ฝีมือน้องๆ อีกหลายลำ ที่มาลอยในน้ำ และเล่าเรื่องเสนอผลงาน ของเรือแต่ละลำ สร้างสีสันและเสียงหัวเราะ จากบรรดากองเชียร์ รวมทั้งมีนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ ที่มาชม และมาถ่ายภาพ

และบรรยากาศ ที่นักศึกษาทุกคนรอคอย เป็นการแข่งขันพายเรือชักเย่อ ที่แต่ละแผนกวิชา ไม่มีใครยอมใคร ส่งตัวแทน เข้าร่วมแข่งขัน ทีมไหนชนะ ก็จะมีการ เข้าไปชิงชนะเลิศ รอบแรกบรรยากาศ สนุกสนาน มาก โดยกติกา นำเชือกมาผูกท้ายเรือ ทั้งสองลำติดกัน ระยะเชือกยาวประมาณ 1 เมตร และนำท้ายเรือมาชิดติดกัน แต่ละลำมีนักกีฬา ฝ่ายละ 2 คน โดยให้ต่างฝ่ายต่างพายเรือ ไปข้างหน้า เอาแบ็งค์ 100 บาท ที่ผูกแขวนไว้กับเชือกสายรุ้งกลางน้ำ มีระยะทาง จากจุดทีปล่อย ประมาณเกือบ 2 เมตร เมื่อได้สัญญาณ เริ่มการแข่งขัน ให้ต่างฝ่าย ต่างพายเรือไปข้างหน้า เพื่อที่จะไปเอาแบ๊งค์ที่ผูกไว้ ความสนุกสนาน ของกองเชียร์อยู่ที่ ทีมไหนจะพายได้แข็งแกร่ง ต่างคนต่างพาย ทำให้ทีมที่แพ้ เรือล่มก็มี หรือทีมที่ชนะ เมื่อคว้าได้แบ๊งค์ 100 บาท แล้วเรือล่มก็มี ทำให้บรรยากาศ ของกองเชียร์ยิ่งสนุก

โดยเฉพาะอาจารย์บางแผนก ถึงการออกลีลาเต้น ไปพร้อมกัน เพื่อเชียร์ลูกศิษย์ที่ลงแข่งขัน ซึ่งมีทั้งหมด 8 ทีม แข่งขันกันถึง 4 คู่ สลับกัน จนถึงคู่ชิงชะนะเลิศ พายเรือชักเย่อ ระหว่างทีม แผนกช่างยนต์ กับแผนกสถาปัตยกรรม เมื่อนำท้ายเรือทั้งสองทีม มาชิดติดกัน และได้สัญญาณ ทั้งสองทีมต่าง ใช้พละกำลังทั้งหมด พายเรือเพื่อให้เรือของตนเองไปข้างหน้า แต่อีกทีมก็จะพายไปข้างหน้า เหมือนกัน ทำให้ชักเย่อกันไปมา แต่เพียงไม่ถึง 1 นาที ฝ่ายที่มีพละกำลังเหนือกว่า พายเรือเข้าไปใกล้เส้นชัย แต่สุดท้ายฝ่ายที่แพ้ ทรงตัวไม่ดี เรือล่ม ทำให้อีกฝ่ายได้เปรียบ พายเรือเข้าเส้นชัยและคว้าเงินรางวัลไปได้ โดยรางวัลชนะเลิศแข่งขันพายเรือชักเย่อ แผนกช่างยนต์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 แผนกสถาปัตยกรรม และรางวัล รองชนะเลิศอันดับ 2 ตัวแทนนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู

กิจกรรมครั้งนี้ เพื่อให้ทั้งสองสถาบันการศึกษา มีความสามัคคี และเป็นมิตรภาพที่ดี รวมทั้งสร้างความสนุกสนาน ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมดีๆ ของการรับน้องใหม่

 

เชียงใหม่ วิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการเชียงใหม่ และวิทยาลัยเทคโนโลยีเมโทรเชียงใหม่ จัดพิธีไหว้ครูอาจารย์ สะท้อนความกตัญุญกตเวทีของนักศึกษา พานไหว้ครู แต่ละแผนก ก็จะแสดงถึง การเรียนการสอน อย่างแผนก ช่างยนต์ ก็จะนำเครื่องยนต์ ท่อไอเสีย คาบูเรเตอร์ รถจักรยานยนต์ มาทำพานไหว้ครู (คลิป)

วิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการเชียงใหม่ และวิทยาลัยเทคโนโลยีเมโทรเชียงใหม่ จัดพิธีไหว้ครูอาจารย์ สะท้อนความกตัญุญกตเวทีของนักศึกษา พานไหว้ครู แต่ละแผนก ก็จะแสดงถึง การเรียนการสอน อย่างแผนก ช่างยนต์ ก็จะนำเครื่องยนต์ ท่อไอเสีย คาบูเรเตอร์ รถจักรยานยนต์ มาทำพานไหว้ครู แผนกช่างอิเลคทรอนิค ก็จะทำเป็นเวทีหมอลำ มีไฟกระพริ


วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยาการเชียงใหม่ และวิทยาลัยเทคโนโลยีเมโทร สถาบันในเครือ CMT พาณิชย์ – เมโทร จัดพิธีไหว้ครูประจำปี 2568 โดยมี ดร.พัชรีวรรณ กิจมี ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการเชียงใหม่ และนาย สุวัฒน์ สุริยาวงศ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีเมโทร และคณาจารย์ รวมทั้งนักศึกษารุ่นพี่ และนักศึกษาน้องใหม่ มาร่วมกิจกรรม พร้อมทั้งมีการรำบูชาครู

โดยปีนี้นักศึกษา แต่ละแผนก ก็จะมีพานไหว้ครู ที่หลากหลาย มีทั้งนำกระถางต้นไม้มาทำพานไหว้ครู ลดโลกร้อน และพานไหว้ครู ของนักศึกษาช่าง เช่นแผนกช่างยนต์ ก็จะมีการ นำอุปกรณ์ รถจักรยานยนต์ มาทำเป็นพานไหว้ครู ในพาน นอกจากดอกไม้แล้ว ยังมีท่อไอเสีย คาบูเรเตอร์ หัวเครื่องยนต์ ส่วนแผนกอิเลคทรอนิค ก็จะมีลักษณะ คล้ายเวทีหมอลำ มีระบบไฟและลำโพง ส่วนแผนกอื่นๆ ก็จะแตกต่างกันไป รวมทั้งให้ทางผู้อำนวยการฯ ทำการเจิม อุปกรณ์ การเรียน การสอน เพื่อความเป็นสิริมงคล บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น

เชียงใหม่ โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต นำคณะครู ผู้ปกครอง และนักเรียนชั้นอนุบาล ร่วมหล่อเทียนพรรษา เพื่อนำไปถวายให้กับวัด (คลิป)

โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต เชียงใหม่ นำคณะครู ผู้ปกครอง และนักเรียนชั้นอนุบาล ร่วมหล่อเทียนพรรษา เพื่อนำไปถวายให้กับวัด ใช้จุดทำวัตรเย็น ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา และยังปลุกฝังให้เด็กๆ ได้สืบสานประเพณีวัฒนธรรม และสืบทอดพระพุทธศาสนา


นาย ธวัช บุญประเสริฐ ผู้จัดการ โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมสืบสานประเพณี วัฒนธรรม และปลุกฝังให้เยาวชน มีจิตสำนึก ตามวิถีพุทธศาสนา ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา โดยนิมนต์พระสงฆ์ จากวัดป้านปิง และวัดลอยเคราะห์ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 5 รูป ร่วมพิธีเจริญพุทธมนต์ หล่อเทียนเข้าพรรษา โดยนำแผ่นขี้ผึ้งต้ม ให้หลอมละลาย นำมาหล่อต้นเทียนพรรษา ขนาดความสูง กว่า 1 เมตร โดยมีคณะครู ผู้ปกครอง และนักเรียนชั้นอนุบาล นำแผ่นขี้ผึ้งต้ม ในหม้อด้วยความร้อน จนหลอมละลาย ใช้กระบวย ตักขี้ผึ้งในหม้อต้ม ร่วมกันหล่อต้นเทียนพรรษา พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา

นางพรรณี บุญประเสริฐ ผู้รับใบอนุญาตและผู้อำนวยการ โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต ถวายภัตตาหาร คณะครู เด็กนักเรียน ถวายจตุปัจจัยไทยทาน พระสงฆ์ให้พร นักเรียนนั่งสมาธิ และร่วมกันกล่าวคำแผ่เมตตา พระสงฆ์ ประพรมน้ำพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับเทียนพรรษา ที่หล่อในวันนี้ ก็จะนำไปถวาย ให้กับวัดลอยเคราะห์ ในช่วงวันเข้าพรรษา เพื่อให้พระสงฆ์ใช้จุด ทำวัตรเย็น ตลอดเทศกาลเข้าพรรษา

เชียงใหม่ กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ เปิดตัวสองเวทีนวัตกรรมระดับนานาชาติ “Hylife Hackathon 2025” และ “Hylife Innovation Excellence Awards 2025” ขับเคลื่อนเชียงใหม่สู่เมืองแห่งนวัตกรรม (คลิป)

กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ (Hylife Group) ประกาศเปิดตัวสองเวทีการแข่งขันนวัตกรรมระดับนานาชาติครั้งใหญ่แห่งปี ได้แก่ “Hylife Hackathon 2025” และ “Hylife Innovation Excellence Awards 2025” โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งภูมิภาค และสร้างระบบนิเวศธุรกิจดิจิทัลที่ยั่งยืน พร้อมมอบเงินรางวัลและเงินร่วมลงทุนมูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาท รวมถึงโอกาสในการต่อยอดธุรกิจกับกลุ่มบริษัทไฮไลฟ์

การแถลงข่าวครั้งนี้จัดขึ้นอย่างเป็นทางการ นำโดย นายดานูซ รามาซานแดรน แนร์ (Mr. Dhanush Ramachandran Nair) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นางวัชราภรณ์ ลิน กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ ร่วมด้วยตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทสำคัญในวงการนวัตกรรมและเทคโนโลยีของประเทศ

นายดานูซ รามาซานแดรน แนร์ (Mr. Dhanush Ramachandran Nair) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ เปิดเผยว่า “การจัดงานทั้งสองเวทีนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของกลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ในการขับเคลื่อนเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งใหม่ของภูมิภาค แม้ทั้งสองเวทีจะมีรูปแบบการแข่งขันที่แตกต่างกัน แต่ล้วนแล้วแต่มีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และโอกาสทางธุรกิจ เพื่อยกระดับศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

Hylife Hackathon 2025 เป็นเวทีการแข่งขันด้านการสร้างไอเดีย พัฒนาโซลูชัน แพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์ ระดับนานาชาติ ที่กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์จัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน ถึง 31 สิงหาคม 2568 ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักประกอบด้วย นักพัฒนาซอฟต์แวร์ โปรแกรมเมอร์ นักออกแบบ UX/UI และนักศึกษาสาขาเทคโนโลยี รวมถึงผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ผู้สมัครสามารถลงทะเบียนเป็นทีมขนาด 3-5 คน ผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกจำนวน 16 ทีม จะได้รับการฝึกอบรมในด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจ (Business Strategy) การพัฒนาแพลตฟอร์มหรือซอฟต์แวร์ต้นแบบ (Prototype Development) พร้อมด้วยการนำเสนอผลงาน (Pitch Presentation) จากผู้เชี่ยวชาญ

อีกทั้งจะมีการแข่งขันรอบสุดท้าย “Prototype Coding Challenge” ระหว่างวันที่ 18-19 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมแมริออท เชียงใหม่ โดยการแข่งขันจะเน้นการพัฒนาโซลูชัน แพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์ ตามบริบทอุตสาหกรรมหลักของเชียงใหม่  ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการใช้ชีวิตอัจฉริยะและการจัดการอสังหาริมทรัพย์ นวัตกรรมด้านเกษตรอัจฉริยะและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน การผลิตอัจฉริยะ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ การเงินอัจฉริยะ การจัดการสินทรัพย์และการบริหารหนี้สิน โดยการแข่งขันครั้งนี้มีเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 180,000 บาท พร้อมทั้งโอกาสร่วมลงทุนรวมมูลค่า 4 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence)


ในขณะเดียวกัน Hylife Innovation Excellence Awards 2025 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ยังคงมุ่งเน้นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์และบริการเชิงนวัตกรรมใน 3 หมวดอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมการผลิต การจัดการสินทรัพย์และบริหารหนี้สิน โครงการนี้เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน ถึง 16 ตุลาคม 2568 ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักประกอบด้วย ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1 ล้านบาทและจัดตั้งบริษัทไม่เกิน 3 ปี มีสมาชิกในทีมไม่น้อยกว่า 3 คน สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย จะได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ผ่านการนำเสนอแผนธุรกิจต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคธุรกิจและการลงทุนระดับนานาชาติ พร้อมเงินรางวัลรวมกว่า 240,000 บาท และโอกาสร่วมลงทุนรวมมูลค่า 3 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence)


นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดเสวนาในหัวข้อ “ไขโจทย์เชียงใหม่ด้วยพลังสตาร์ทอัพ นวัตกรรม และเทคโนโลยี” โดยผู้บริหารจากกลุ่มบริษัทไฮไลฟ์และพันธมิตรได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของเมืองและชุมชน พร้อมเปิดพื้นที่แบ่งปันความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ นางสาว อติกานต์ สุทธิวงษ์ นักส่งเสริมนวัตกรรม ฝ่ายส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ บรรยายในหัวข้อ “โอกาสของธุรกิจสตาร์ทอัพในเชียงใหม่” และนาย คริสโตเฟอร์ มอสซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มะนาว ซอฟต์แวร์ จำกัด บรรยายในหัวข้อ “นักพัฒนาซอฟต์แวร์จะอยู่รอดอย่างไรในยุคที่ AI เขียนโค้ดได้” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับตัวท่ามกลางกระแสเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก่อนปิดท้ายด้วยช่วงการสร้างเครือข่ายเพื่อเปิดโอกาสในการพบปะ พูดคุย เพื่อต่อยอดความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ อย่างเป็นกันเอง

ทั้งนี้ โครงการทั้งสองได้รับการสนับสนุนจากภาคีองค์กรชั้นนำของประเทศ อาทิ เทศบาลนครเชียงใหม่, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA), อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU STeP), สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย, บริษัท มะนาว ซอฟต์แวร์ จำกัด และ อินไซด์ล้านนา


ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและการสนับสนุนจากพันธมิตรที่แข็งแกร่ง กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์เชื่อมั่นว่าเวทีนวัตกรรมทั้งสองจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการจุดประกายแนวคิดใหม่ สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ อีกทั้งปักหมุดเชียงใหม่ในแผนที่นวัตกรรมระดับโลกอย่างแท้จริง


ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมได้ที่ hackathon.hylifegroup.com สำหรับ Hylife Hackathon 2025 innovation.hylifegroup.com สำหรับ Innovation Excellence Awards 2025 และติดตามข่าวสารผ่านเพจ Facebook: Hylife Group Thailand.

เชียงใหม่ วัดสารภี อ.ดอยสะเก็ด ชาวบ้านร่วมหล่อเทียน-โยนเหรียญขอพร พระเจ้าตนหลวงล้านเหรียญ เนื่องในวันเข้าพรรษา 68 (คลิป)

ใกล้วัดเข้าพรรษา ชาวบ้านในอำเภอดอยสะเก็ด ร่วมหล่อเทียน-โยนเหรียญขอพร “พระเจ้าตนหลวงล้านเหรียญ” ที่วัดสารภี เนื่องในวันเข้าพรรษาประจำปี 2568 เพื่อนำไปถวายให้กับวัดต่างๆ รวม 9 วัด และเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาประชาชนทั่วไปพร้อมทอดผ้าป่าสามัคคี

เช้าวันนี้ (29 มิย.68) บรรยากาศที่ วัดสารภี พระเจ้าตนหลวงล้านเหรียญทันใจ ตำบลแม่คือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ คึกคักไปด้วยประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรม ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษาและ โยนเหรียญขอพร พระเจ้าตนหลวงล้านเหรียญทันใจ เนื่องในโอกาสวันเข้าพรรษา ประจำปี 2568 เพื่อนำไปถวายให้กับวัดต่างๆ รวม 9 วัด และเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาประชาชนทั่วไปทอดผ้าป่าสามัคคี

กิจกรรมในปีนี้จัดขึ้นโดย เทศบาลตำบลแม่คือ เพื่อสืบสานประเพณีท้องถิ่นและส่งเสริมศรัทธาทางพระพุทธศาสนา โดยมีประชาชนเข้าร่วมหล่อเทียนพรรษาอย่างพร้อมเพรียง พร้อมทั้งร่วมพิธีโยนเหรียญขอพร ซึ่งเชื่อกันว่าจะเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต

หรับพระเจ้าตนหลวงล้านเหรียญทันใจ ถือเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านและผู้ศรัทธาทั่วสารทิศมีตำนานเล่าว่าสมัยก่อนนั้น เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของตำบลแม่คือ แต่ก่อนเป็นเพียงวัดร้าง อยู่กลางทุ่งนา แต่ด้วยจิตศรัทธาของพี่น้องประชาชนตำบลแม่คือ ร่วมกับเจ้าอาวาสวัดได้ร่วมกันบูรณะวัดร้างแห่งนี้ให้เป็นวัดสารภี และได้ร่วมกันจัดสร้างองค์พระเจ้าล้านเหรียญทันใจ มีหน้าตัก 5 เมตร สูง 8 เมตร ให้ประชาชนได้ร่วมทำบุญเป็นกุศโลบายให้คนมาทำบุญโดยใช้เหรียญมากกว่า 1 ล้านเหรียญ ติดรอบองค์พระบริเวณฐานพระ เล็บมือ เล็บเท้า และจีวรองค์พระ ใช้เวลาสร้างกว่า 1 เดือน โดยให้โยนเหรียญใส่ลงในบาตรพระพุทธรูป ตามที่ตั้งจิตอธิฐาน

เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่จัดงาน “ชาติพันธุ์ สีสันที่ถักทอ” ระหว่างที่ 20 -22 มิถุนายน 2568 ณ ลาน Maya Square ศูนย์การค้าเมญ่า (คลิป)

จังหวัดเชียงใหม่ โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่จัดงาน “ชาติพันธุ์ สีสันที่ถักทอ” ระหว่างที่ 20 -22 มิถุนายน 2568 ณ ลาน Maya Square ศูนย์การค้าเมญ่า ไลฟ์สไตล์ ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

วันที่ 20 มิถุนายน 2568 นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันเปิดงาน “ชาติพันธุ์ สีสันที่ถักทอ” จากกลุ่มชาติพันธุ์จาก 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน และพะเยา พร้อมกับการเยี่ยมชมบูธและการพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) และภายในงานยังมีบูธจำหน่ายสินค้า หัตถกรรม อาหารพื้นถิ่น และกิจกรรมสาธิตวิถีวัฒนธรรมของ

นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ในนามของ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ด้วยกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบหมายให้จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา ดำเนินกิจกรรมชาติพันธุ์แฟชั่น วีค “ ชาติพันธุ์ – สีสันที่ถักทอ” ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชาติพันธุ์ สีสัน แห่งล้านนาอย่างยั่งยืน Ethnic Lanna Tourism ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

โดยมีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการท่องเที่ยวผ่านการบูรณาการกิจกรรม หลากหลายที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่เขตอารยธรรมล้านนา
2. เพื่อออกแบบกิจกรรมให้ตอบโจทย์ความสนใจของนักท่องเที่ยว ทั้งด้านแฟชั่น อาหาร กิจกรรมนันทนาการและเส้นทางท่องเที่ยว
3. เพื่อสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำให้กับนักท่องเที่ยว
4. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ชุมชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ภายใต้โครงการดังกล่าวได้มีการดำเนินกิจกรรมจำนวน 3 ส่วน ประกอบด้วย

1) กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนวิถีชาติพันธุ์ “ชาติพันธุ์ สีสันล้านนา” ณ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 16 – 18 พฤษภาคม 2568
2) กิจกรรมชาติพันธุ์แฟชั่นวีค “ชาติพันธุ์ – สีสันที่ถักทอ” ณ ลานเมญ่า สแควร์ ศูนย์การค้าเมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ในวันนี้จนถึงวันที่ 22 มิถุนายน 2568
3) กิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยวชาติพันธุ์ สีสันแห่งล้านนา ในพื้นที่ 6 จังหวัด ในเดือนกรกฎาคม 2568

โดยในวันนี้เป็นการจัดกิจกรรมชาติพันธุ์แฟชั่นวีค “ชาติพันธุ์ สีสันที่ถักทอ” ระหว่างวันที่วันที่ 20 – 22 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. ณ ลานเมญ่าสแควร์ ศูนย์การค้าเมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ โดยการจัดกิจกรรม ครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เน้นอัตลักษณ์และความหลากหลาย ของกลุ่มชาติพันธุ์ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา ครอบคลุม 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน และพะเยา ตลอดทั้ง 3 วัน จะประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชาติพันธุ์จากผู้ประกอบการกว่า 30 ร้านค้า การเดินแบบแฟชั่นชุดชาติพันธุ์ตลอดทั้ง 3 วัน ในเวลา 18.00 น. ของทุกวัน การสาธิตงานหัตถกรรมและกิจกรรม DIY จากชุมชน การจำหน่ายอาหารพื้นถิ่น และการให้บริการเช่าชุดถ่ายภาพในธีมชาติพันธุ์ทุกวัน

โดยกิจกรรมในครั้งนี้ จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ สร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิต ประเพณี และความหลากหลายทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์

เชียงใหม่ พิธีเปิดและปฐมนิเทศ โครงการอบรมเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Young Entrepreneur Chiangmai Chamber of Commerce 2568 รุ่นที่ 14(คลิป)

พิธีเปิดและปฐมนิเทศ โครงการอบรมเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่Young Entrepreneur Chiangmai Chamber of Commerce 2568 รุ่นที่ 14 (YECX4)

วันนี้(19 มิย.68) ืั้โรงแรมแชงกรี-ลา เชียงใหม่  หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีเปิดและปฐมนิเทศ โครงการอบรมเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ Young Entrepreneur Chiangmai Chamber of Commerce 2568 รุ่นที่ 14 (YECX4) โดยมี นายพลวริษฐ์ สุวิทย์ศักดา ประธานการ YEC หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ และวัตถุประสงค์ และ ดร.กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานกล่าวในพิธีเปิด 

หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ได้เล็งเห็นความจำเป็นของผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้บริหารรุ่นใหม่ (New Generation) ที่สืบทอดธุรกิจ หรือ เริ่มต้นธุรกิจของตนเองที่ต้องพัฒนาทักษะ และความสามารถในการบริหารงานให้ครอบคลุม เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นมืออาชีพ ปัจจัยการดำเนินธุรกิจมากขึ้น จึงได้จัดทำหลักสูตร เครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ (Young Entrepreneur Chiangmai Chamber of Commerce ) “YEC” ต่อเนื่องมาถึงรุ่นที่ 14 ซึ่งได้รับความสนใจและมีสมาชิกเข้าอบรมมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 600 กิจการในปัจจุบัน

โดยเพื่อการพัฒนาของธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่ง ทำให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ต้องปรับตัวอยู่เสมอ ซึ่งการพัฒนาตัวเองในยุคที่กล่าวว่าเป็น New Normal นี้เอง ทำให้เราต้องมีความรู้รอบด้าน รวมถึงมีเครือข่ายทางธุรกิจ ที่แข็งแรง เพื่อการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน โดยหลักสูตรเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ หรือ YEC จัดขึ้นในช่วงวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ถึง 16 สิงหาคม 2568 เป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ โดยมีผู้ร่วมโครงการจำนวนทั้งสิ้น 44 คน ตามเกณฑ์การคัดเลือก

ทั้งนี้ การโครงการอบรมฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Shaping beyond the Next Normal”เพื่อพัฒนาเครือข่าย และทักษะต่างๆ ให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ผ่านวิทยากรชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ (Ice Breaking) โดย คุณสร้อยทับทิม มัณยานนท์ กรรมการผู้จัดบริษัท ร้อยเรื่องดีดี จำกัด และ บริบทหอการค้าเชียงใหม่ บรรยายโดย ดร.กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาบรรยายในหัวข้อ “SET Sustainability 2025 และการพลิกโฉมธุรกิจสู่ความยั่งยืน ตามแนว ESG” พร้อมมา Update Business Trends โดย ป้าตือ คุณสมบัษร ถิระสาโรช ต่อด้วย มุมมองธุรกิจในอนาคต กับ AI โดย คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป


Special Talk สุดพิเศษ หัวข้อ “From Kitchen to Global” โดย คุณชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) คุณวิน ศรีนวกุล เจ้าของร้านข้าว โซ-อิ (Khao-Sō-i) พร้อมปิดท้ายด้วย ร่วมดูงาน “Osaka World Expo 2025” ณ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

เชียงใหม่ MASTEC หนึ่งในผู้นำโซลูชั่นเทคโนโลยีวิศวกรรมระบบอาคารเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร เดินสายโรดโชว์เชียงใหม่ นักลงทุนต้อนรับคับคั่ง เตรียมเสนอขายหุ้น IPO 79 ล้านหุ้น คาดเข้าซื้อขายใน SET ปีนี้(คลิป)

บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ หรือ MASTEC เดินสายจัดกิจกรรมโรดโชว์ จังหวัดเชียงใหม่ ตามแผนเดินสาย  10 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ สร้างความเข้าใจถึงโมเดลการดำเนินธุรกิจและศักยภาพการเติบโตเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ก่อนเตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 79 ล้านหุ้น เริ่มต้นที่จังหวัดชลบุรี ก่อนปิดท้ายที่กรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2568 คาดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนจะนำ MASTEC เพื่อเดินสายนำเสนอข้อมูล (Roadshow) ให้แก่นักลงทุนใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ ในระหว่างวันที่ 10 มิถุนายนถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 เพื่อสร้างความเข้าใจถึงโมเดลการดำเนินธุรกิจและศักยภาพการเติบโตของ MASTEC ที่มีเป้าหมายเป็นผู้นำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมของงานระบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้า โดยกิจกรรมโรดโชว์ดังกล่าวจะเริ่มจัดขึ้นที่จังหวัดชลบุรีเป็นจังหวัดแรกในวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ก่อนปิดท้ายที่กรุงเทพฯ ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 โดยคาดว่าจะสามารถนำหุ้น MASTEC เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า MASTEC มีศักยภาพการเติบโตที่ดีจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 25 ปี ในธุรกิจนำเข้าและจัดหาผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมเพื่อจำหน่าย และการให้บริการโซลูชั่นที่ครอบคลุม ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล ผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัยและผลิตภัณฑ์ความปลอดภัย และผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายให้แก่ซัพพลายเออร์ชั้นนำรวม 30 ราย โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว(Exclusive Distributor) จำนวน 6 แบรนด์ ได้แก่ FRESE,FIVALCO, CHANGDER, FIREGUARD, ECO-WATER/ENVIROSWIM และ BOCA และเป็นตัวแทนจำหน่ายทั่วไป (Non-Exclusive Distributor) รวม 24 แบรนด์เช่น VIKING, REFLEX, NIHON SPINDLE, JOHNSON-CONTROLS และ TDT เป็นต้น นอกจากนี้ยังจัดหาผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากซัพพลายเออร์รายอื่นอีกมากกว่า 150 แบรนด์ อีกทั้งมีผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ ได้แก่ VALOR ผลิตภัณฑ์วาล์วที่ใช้ในระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล และ ZERO FIRE เป็นอุปกรณ์ตู้ดับเพลิง จึงทำให้ MASTEC สามารถนำเสนอโซลูชั่นด้านวิศวกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในกลุ่มผู้รับเหมา กลุ่มเจ้าของโครงการและกลุ่มร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่ายได้เป็นอย่างดี

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า MASTEC เตรียมพร้อมจะเสนอขายหุ้น IPOจำนวนไม่เกิน 79 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 26.33 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญ โดยนำเงินที่ได้จากการระดมทุนรองรับแผนรุกธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมสำหรับตลาดอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม และเป็นเงินทุนสำหรับรองรับธุรกิจใน Synergy Products ของกลุ่มผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัย รวมถึงขยายช่องทางการตลาดให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการ

นายดุษฎี มีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมสเทค ลิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTEC กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งสู่การเป็นผู้นำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมของงานระบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้า โดยมีทีมวิศวกรและทีมผู้เชี่ยวชาญสำหรับการให้บริการตั้งแต่การทำความเข้าใจแบบวิศวกรรม ออกแบบระบบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ จำหน่าย ศึกษา ตรวจสอบ ให้คำปรึกษา เพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมทั้งด้านเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องงบประมาณโดยรวมของลูกค้าครอบคลุมถึงให้บริการติดตั้ง ตรวจสอบ ซ่อมแซมและบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย

1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล ได้แก่อุปกรณ์ประกอบระบบทำความเย็นขนาดใหญ่ด้วยน้ำ (Chiller) และทำความเย็นด้วยน้ำยา (Refrigerant), อุปกรณ์ประกอบระบบระบายความร้อนออกจากเครื่องทำความเย็นด้วยน้ำ (Water Cooled) ประกอบด้วย วาล์วเปิดปิดน้ำ (Manual Valve), วาล์วควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ ( 2way และ PICV Control Valve), เครื่องสูบน้ำเย็น (Chilled Water Pump) เพื่อสูบส่งน้ำเย็นเข้าสู่ระบบ,หอผึ่งน้ำ (Cooling Tower), ระบบบำบัดน้ำ (Water Treatment system) สำหรับน้ำเย็นและน้ำระบายความร้อนเพื่อให้ระบบปรับอากาศทำงานได้ประสิทธิภาพสูงสุด ท่อส่งลมเย็นพร้อมฉนวนกึ่งสำเร็จรูป (Pre-Insulated Duct: PID) นอกจากนี้ ยังจำหน่ายท่อทองแดงเพื่อส่งจ่ายน้ำยาแอร์ในระบบปรับอากาศขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และอุปกรณ์ประกอบระบบสุขาภิบาลในอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่ ประกอบด้วย เครื่องสูบน้ำดี, เครื่องสูบน้ำระบบบำบัดน้ำเสีย, วาล์วเปิดปิด (Manual Valve), วาล์วควบคุมอัตโนมัติทั้งความดันและอัตราการไหล เป็นต้น

2. กลุ่มผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัยและผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ได้แก่ อุปกรณ์ประกอบระบบดับเพลิงอัตโนมัติด้วยน้ำทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่ปั๊มน้ำดับเพลิง (Fire Pump) เพื่อสูบน้ำเข้าระบบดับเพลิง, หัวกระจายน้ำดับเพลิง (Sprinkler), ตู้ดับเพลิงพร้อมทั้งวาล์วที่แจ้งสถานะความพร้อมของระบบดับเพลิงและแจ้งเตือนเพลิงไหม้ และอุปกรณ์ประกอบระบบป้องกันไฟลามในระบบโครงสร้างอาคารและพื้นที่ช่องเปิดเพื่อป้องกันไฟลุกลาม ประกอบด้วย ปูน Mortar กันไฟ, Silicone กันไฟ Composite sheet เป็นต้น 

3. กลุ่มผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ อุปกรณ์ประกอบระบบบำบัดและฆ่าเชื้อโรคในน้ำสำหรับสระว่ายน้ำโดยไม่ใช้สารเคมีเพื่อทดแทนระบบคลอรีนหรือคลอรีนจากเครื่องเกลือ ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก NSF สหรัฐอเมริกา และ Cooling Tower ปลอดสารเคมีเพื่อกำจัดตะไคร่และเชื้อ legionellosis ที่ทำให้ปอดอักเสบเฉียบพลัน อีกทั้งป้องกันการเกิดตระกรันรวมถึงกำจัดตระกรันที่มีอยู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบปรับอากาศและลดการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน, อุปกรณ์ประกอบระบบกำจัดฟองอากาศและควบคุมความดันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ ช่วยลดการใช้พลังงานและสารเคมีรวมถึงลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงรักษาและช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น, อุปกรณ์ประกอบระบบโซลาร์เซลล์ ประกอบไปด้วย แผ่น Solar Cell, Inverter, Mounting Equipment, PV Cable และ Battery เพื่อเป็นพลังงานทางเลือกปลอดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดค่าไฟสำหรับครัวเรือน อาคารพาณิชย์และโรงงานอุตสาหกรรมและอุปกรณ์ประกอบระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ที่มีมาตรฐานสูงพร้อมระบบ Web Application เพื่อการบริหารจัดการให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและรายงานสถานะการใช้งาน Real Time บน Platform Online

“เราพร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมั่นใจว่าการนำเสนอข้อมูลครั้งนี้ จะทำให้นักลงทุนมีความเข้าใจในโมเดลธุรกิจและศักยภาพการดำเนินธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต จึงเชื่อว่าหากเปิดให้นักลงทุนได้เข้ามาจองซื้อหุ้น IPO จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน” นายดุษฎี กล่าว