เชียงใหม่ สภาทนายความในเชียงใหม่ ทำบุญเนื่องในวันทนายความประจำปี 2564

สภาทนายความภาค.5 สภาทนาความจังหวัดเชียงใหม่ และชมรมทนายจังหวัดเชียงใหม่ ทำบุญถวายอาหาร สิ่งของทำบุญเนื่องในวันทนายความประจำปี 2564 ณ วัดดอนจั่น 

เมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 นายพรศักดิ์ สังข์สังวาลย์ กรรมการบริหาร สภาทนายความภาค 5 นางพรสวรรค์ สังข์สังวาลย์ประธานสภาทนายความจังหวัดเชียงใหม่ จ่าเอกอภิสาร ยานุช ประธานชมรมทนายความจังหวัดเชียงใหม่   พร้อมด้วยสมาชิกทนายความจังหวัดเชียงใหม่ จำนวนกว่า 50 คน ร่วมกันจัดกิจกรรมทำบุญ ณ.วัดดอนจั่น ถนนเชียงใหม่ ลำปาง ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่

ในงานได้นิมนต์ พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป เพื่อถวายอาหาร ปัจจัย  เพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ทนายความเชียงใหม่ที่ล่วงลับไป เนื่องจากทุกวันที่ 20 เดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันทนายความ นอกจากนี้ได้บริจาคสิ่งของที่นำมาถวายประกอบด้วย ข้าว ไข่ นม น้ำมันพืช ขนม ฯลฯ ให้กับเด็กกำพร้ากว่า 700 ชีวิต ที่อยู่และเป็นการเลี้ยงดูแลอุปถัมภ์ของวัดดอนจั่น

สำหรับกิจกรรมในช่วงบ่าย ได้จัดการแข่งขันฟุตบอลเพื่อเชื่อความสัมพันธ์ กับหน่วยงานต่างๆ ณ สนามฟุตบอล 99 จากนั้น จัดเลี้ยงเพื่อพบปะสังสรรค์กัน ณ สวนอาหารเรือนแพ 2  พร้อมกับ ชมรมทนายความแถลงผลงานต่าง ๆ ในรอบสองปีที่ผ่านมา ตามด้วย การจัดการเลือกตั้งประธานชมรมทนายความคนใหม่  (วาระคราวละ 2 ปี) เรียนเชิญสมาชิกทุกท่าน ร่วมพบปะสังสรรค์ในงานดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกันด้วย นอกจากนี้ท่านสมาชิกทนายความท่านใด ที่ประสงค์สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานชมรมฯ สามารถสมัครได้ภายในงาน พร้อมกับนโยบายมาแถลงแก่สมาชิกเพื่อเป็นการพิจารณาของสมาชิกทนายความแต่ละท่านต่อไป

เชียงใหม่ ม.แม่โจ้ จัดงาน ชวนยิ้ม ชิมกัญ(ชา) ต่อยอดงานวิจัยการใช้ชิ้นส่วนกัญชา อย่างเหมาะสมและปลอดภัย

ม.แม่โจ้ จัดงาน ชวนยิ้ม ชิมกัญ(ชา) ต่อยอดงานวิจัยการใช้ชิ้นส่วนกัญชา อย่างเหมาะสมและปลอดภัย พร้อมสาธิตการปรุงเมนูอาหารรสเด็ดกว่า 40ร้านดัง

วันนี้(20 ก.พ.64) ที่โรงปลูกกัญชาทางการแพทย์ 16,700 ต้น ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ นายสำเริง ไชยเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยดร.อำนวย ยศสุข นายกสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และศาสตราจารย์ ดร.อานัฐ ตันโช ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกันเปิดงานโครงการ “แม่โจ้ชวนยิ้ม ชิมกัญ(ชา)” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดขึ้นเพื่อสาธิตการนำชิ้นส่วนกัญชา ได้แก่ ใบ ต้นและราก ที่ใช้ได้อย่างถูกกฎหมายมาปรุงอาหาร โดย มีร้านอาหารทุกระดับทั้งสตรีทฟู้ดส์และร้านอาหารชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ รอบๆเชียงใหม่ กทม.และจังหวัดอื่นๆ เข้าร่วมโครงการจำนวน45 ราย ได้สาธิตการปรุงอาหารและนำเสนอเมนูอาหารอย่างหลากหลายทั้งอาหาร ขนมและเครื่องดื่ม ให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับชมการปรุงอาหารและชิมฟรีตลอดการจัดงาน โดยผู้ร่วมงานทุกคนจะสามารถเลือกรายการอาหารที่ตนเองสนใจได้เพียงห้ารายการ ซึ่งเป็นมาตรการการป้องกันอันตรายกับผู้บริโภคที่อาจมีอาการแพ้สารสำคัญในพืชกัญชาซึ่งแขกรับเชิญและประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ที่จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมเพียง500คน ตามมาตรการสาธารณสุขในการป้องกันเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19


ศาสตราจารย์ ดร.อานัฐ ตันโช ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้มหาวิทยาลัยแม่โจ้มอบหมายให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ รับผิดชอบดำเนินการ เพื่อเป็นการต่อยอดจากงานวิจัยจากโครงการปลูกและเก็บเกี่ยวกัญชาเพื่อทางการแพทย์ในระบบอินทรีย์ระดับอุตสาหกรรม ที่ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ในการที่จะนำชิ้นส่วนของกัญชานอกจากช่อดอกมาใช้ประโยชน์และทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยมีโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นต้นแบบในเรื่องการนำมาใช้ปรุงเป็นเมนูอาหาร และได้รับการสนับสนุนจากองค์การอาหารและยา(อย.)ด้วย ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นการทดสอบและทำให้ทราบถึงคุณสมบัติที่ดีของกัญชาในการนำมาใช้ปรุงอาหาร ตลอดจน เป็นการประเมินผลข้อมูลที่นำไปสู่การวางหลักเกณฑ์ ทั้งวิธีการและปริมาณการใช้ที่เหมาะสมเพื่อหน่วยงานรับผิดชอบจะประกาศบังคับใช้เป็นกฎระเบียบตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการนั้น มีทุกระดับตั้งแต่ร้านอาหารตามสั่งในมหาวิทยาลัยแม่โจ้หรือสตรีทฟู้ดส์ทั่วไป,ร้านอาหารชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ และบริษัทเอกชนผู้ผลิตอาหารเครื่องดื่ม โดยทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้จะสนับสนุนใบกัญชาสดให้ร้านละ 200 กรัม พร้อมปริมาณแนะนำการใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารเฉลี่ยจานละ1ใบ รวมทั้งชิ้นส่วนของต้นและราก อีกจำนวนหนึ่งตามความเหมาะสมและตามสูตรอาหารของแต่ละร้าน เป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารและนำเสนอเมนูอาหารอย่างหลากหลายทั้งอาหาร ขนมและเครื่องดื่ม โดยแต่ละร้านทำการปรุงร้านละ3เมนู ให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับชมการปรุงอาหารและชิมฟรีด้วย ซึ่งการจัดงานครั้งนี้น่าจะถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวด้วย เพราะมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นแหล่งปลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับจากผลงานวิจัย ที่พร้อมใช้ชิ้นส่วนของกัญชาสนับสนุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่อีกทางหนึ่ง

ขณะเดียวกันศาสตราจารย์ ดร.อานัฐ กล่าวย้ำว่า แม้ว่าขณะนี้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขจะปลดล็อคให้ชิ้นส่วนกัญชาทั้งใบ ต้นและราก สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่จัดเป็นยาเสพติด อย่างไรก็ตามชิ้นส่วนที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้นั้น ต้องนำมาจากแหล่งที่ผู้ปลูกได้รับการอนุญาตให้ปลูกถูกต้องตามกฎหมายด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วยังถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งหากมีการได้มาจากแหล่งที่ถูกต้องตามกฎหมายและถูกต้องตามกระบวนการก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือนได้ เช่น นำไปใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารหรือเครื่องดื่ม เป็นต้น ส่วนในกรณีถ้าหากมีผู้ประกอบการจะนำไปเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม หรือเครื่องสำอาง เพื่อจำหน่ายนั้น จะต้องมีการแจ้งและขอนุญาตกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ด้วย

เชียงใหม่ จัดงานมอบเงินช่วยเหลือช้าง ในโครงการช้างรอดเพราะเราช่วย

พระธรรมวิสุทธิญาณ หรือหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล วัดอนาลโยทิพยาราม นำคณะสงฆ์ ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกัน จัดงานมอบเงินช่วยเหลือช้าง ในโครงการช้างรอดเพราะเราช่วย

ที่ปางช้างแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดดชียงใหม่ พระธรรมวิสุทธิญาณ หรือหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล วัดอนาลโยทิพยาราม จังหวัดพะเยา  นำคณะสงฆ์ ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันจัดงานมอบเงินช่วยเหลือช้าง ในโครงการช้างรอดเพราะเราช่วย โดยมีการมอบเงินช่วยช้างจำนวน 371 เชือกกับอีก 4 องค์กรณ์ดูแลช้างในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวนเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

นายสุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ เลขาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานโครงการช้างรอดเพราะเราช่วย เปิดเผยว่า จากภาวะปัญหาโรคระบาดโควิด 19 ทำการภาคการท่องเที่ยวซบเซามานานกว่า 2 ปีทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบหนัก ในส่วนปางช้างที่จังหวัดเชียงใหม่มีช้างกว่า 900 ในธุรกิจปางช้าง เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวปางช้างเหล่านั้นก็ประสพปัญหาหนัก ทางเราจึงได้ทำโครงการ“ช้างรอด เพราะเราช่วย”เพื่อระดมทุนบริจาคจากทุกภาคส่วนเพื่อประคับประคองให้น้องช้างยังอยู่ต่อไปได้ โดยมีการรวบรวมเงินที่ได้รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือปางช้าง ในสมาชิกของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงองค์กรการกุศลที่ได้ให้การดูแลช้าง ซึ่งโครงการนอกจากการรับบริจาคแล้วยังมีการประมูลภาพวาดจากศิลปินแห่งชาติ และกิจกรรมอื่นๆ เพื่อให้ทุกกิจการที่เกี่ยวกับช้างผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยกันได้

เชียงใหม่ ทีเส็บ (สสปน.) เปิดตัวระบบไทย ไมซ์ คอนเน็คของภาคเหนือ

ทีเส็บแถลงข่าวความพร้อมในการเปิดแพลตฟอร์ม ไทย ไมซ์ คอนเน็ค หรือ TMC ให้เป็น e-Market Place ด้านไมซ์ที่สมบูรณ์ที่สุดเป็นครั้งแรกของประเทศ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจแก่ ชาวภาคเหนือด้วยฐานข้อมูลของสินค้าและบริการหลากหลายครบถ้วนของอุตสาหกรรมไมซ์ สร้างช่องทางการตลาดออนไลน์ให้ธุรกิจทั่วไทยติดต่อซื้อขายบนแพลตฟอร์ม TMC ได้ฟรี และยังเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากทีเส็บ มั่นใจ TMC คือเครื่องมือที่จะช่วยขับเคลื่อนพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทยสู่สากล

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุม และนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า “ทีเส็บได้พัฒนาโครงการ Thai MICE Connect หรือ TMC และระบบการจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมไมซ์ ด้วยการสร้างแพลตฟอร์ม TMC ที่รวบรวมฐานข้อมูลสินค้า บริการในทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์มาตั้งแต่ปี 2562 และในปี 2563 ได้มีการดำเนินการสำรวจและจัดเก็บข้อมูลของธุรกิจในระบบนิเวศอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE ecosystem) เพิ่มเติมอีก 2 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ และภาคตะวันออก ทำให้วันนี้ระบบหรือแพลตฟอร์ม TMC มีฐานข้อมูลผู้ให้บริการในอุตสาหกรรมไมซ์ครบถ้วนสมบูรณ์ในทุกภูมิภาค จึงสามารถกล่าวได้ว่า TMC คือ e-Marketplace ของธุรกิจไมซ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดครั้งแรกของไทย มีความ ถูกต้องของข้อมูลด้วยระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มเติม แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้ทันสมัย อยู่ตลอดเวลา และยังเป็นช่องทางตลาดออนไลน์ที่เปิดประตูสู่ธุรกิจในระดับประเทศและนานาชาติ เพราะข้อมูลของสินค้าและบริการต่าง ๆ บน TMC จะเข้าถึงและตอบทุกโจทย์ทุกความต้องการของนักเดินทางธุรกิจทั้งในไทยและจากทั่วโลก

ปัจจุบัน ไทย ไมซ์ คอนเน็ค หรือ TMC มีจำนวนผู้ให้บริการ (Seller) อยู่ในระบบมากกว่า 10,000 ราย จากทั่วประเทศไทย และมีผู้เข้าใช้งานระบบมากกว่า 150,000 ราย ทีเส็บคาดหวังว่า TMC จะเป็นเครื่องมือสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์ด้วยการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจและในอนาคตต่อยอดไปสู่การซื้อขายออนไลน์ที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเป็นช่องทางในการโปรโมทธุรกิจไมซ์สู่ตลาดทั่วไทย และทั่วโลก ช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถติดต่อโดยตรงกับลูกค้าทั่วโลก และจะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ TMC เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลและกิจกรรมไมซ์ในประเทศไทยที่สมบูรณ์ ตอบสนองต่อพันธกิจของทีเส็บในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ TMC ยังเป็นช่องทางในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์และการสนับสนุนต่าง ๆ จากทีเส็บ อาทิ โครงการประชุมเมืองไทยปลอดภัยกว่า ระยะ 3 เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้ผู้ประกอบการนำไปใช้ในการจัดงานประชุมสัมมนาในประเทศ โดย จะเปิดให้ลงทะเบียนและขอรับการสนับสนุนผ่านระบบ TMC ภายในเดือนเมษายน 2564 เป็นต้นไป ทีเส็บจึงยินดีอย่างยิ่งที่วันนี้จะได้มีส่วนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ในภาคเหนือด้วยเครื่องมือการตลาดสำคัญอย่าง TMC


นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ ผู้ช่วยประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หนึ่งในผู้ใช้งานระบบ TMC กล่าวว่า “ไทย ไมซ์ คอนเน็ค เปรียบเสมือนตลาดออนไลน์ของอุตสาหกรรมไมซ์ที่ครอบคลุมไม่เฉพาะสถานที่ให้บริการ ห้องประชุม หรือผู้จัดงานที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดี แต่ยังถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการบริการทุกรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งทางตรงและบริการสนับสนุนต่าง ๆ รวมทั้งผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวด้วย ในฐานะของ DMC มองว่า ความโดดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือเรื่องของการสร้างโอกาสทางธุรกิจทั่วไทยและทั่วโลกอย่างไร้ขีดจำกัด สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำคือการทำข้อมูลในระบบให้สมบูรณ์ คอยอัพเดทให้พร้อมอยู่เสมอ เพราะ TMC สามารถนำโอกาสและลูกค้ามาถึงได้ทุกเมื่อ ส่วนในแง่ของผู้ใช้บริการหรือลูกค้านั้น TMC เปรียบเสมือน one-stop-service market ของอุตสาหกรรมไมซ์ ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำข้อมูลเบื้องต้นในการจัดงานไมซ์โดยเฉพาะการติดต่อโดยตรงกับผู้ให้บริการเพื่อขอใบเสนอราคา และนี่คือสิ่งที่ลงตัวที่สุดของทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการในอุตสาหกรรมไมซ์”

นางละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ กล่าวถึงมุมมองจากผู้ใช้งานระบบ TMC ในฐานะผู้ให้บริการว่า ปัจจุบัน การตลาดออนไลน์มีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีค่าใช้จ่ายไม่น้อย โครงการ ไทย ไมซ์ คอนเน็ค ของทีเส็บมีส่วนในการเปิดโอกาสทางการตลาดแก่ให้ผู้ให้บริการ (Seller) และยังสะดวกในการเข้ามากรอกข้อมูล ปรับเปลี่ยน หรือเพิ่มเติมข้อมูลให้เป็นปัจจุบันได้ด้วยตนเอง เปรียบเสมือนแคตตาล็อกสินค้าและบริการที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขข้อมูล และยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างไม่จำกัด ทีเส็บทำให้ ไทย ไมซ์ คอนเน็ค เป็นการบริการที่จะช่วยยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศ และเชื่อมั่นว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

นางพรรษา บัวมะลิ วิสาหกิจชุมชนไตลื้อเมืองลวงเหนือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ กล่าวถึงโครงการฯ ในฐานะผู้ให้บริการ ซึ่งวิสาหกิจชุมชนไตลื้อเมืองลวงเหนือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม MICE เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่บริหารจัดการโดยชุมชน นักเดินทางไมซ์สามารถเลือกที่นี่เป็นสถานที่ทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ และเรียนรู้วิถีชีวิตจากปราชญ์ชาวบ้าน ที่ผ่านมาชุมชนยังมีข้อจำกัดด้านโอกาสทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทางไมซ์เข้ามาใช้บริการ การได้เข้ามาอยู่ในระบบไทย ไมซ์ คอนเน็ค เป็นการเพิ่มโอกาสแก่ชุมชนในการเข้าถึงตลาดและกลุ่มเป้าหมายทั้งในแง่ของผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการโดยตรงหรือผู้จัดงานไมซ์ที่มองหาแหล่งกิจกรรมใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์ นำไปสู่การสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นแก่ชุมชน และทำให้ไมซ์ได้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานรากอีกด้วย

ไทย ไมซ์ คอนเน็ค หรือ TMC คือแพลตฟอร์มดิจิทัลหรือ e-Market Place สำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ ประกอบด้วยข้อมูลของผู้ให้บริการในระบบนิเวศอุตสาหกรรมไมซ์ 12 ประเภท ได้แก่ ออแกไนซ์เซอร์ สถานที่จัดงาน บริการสำหรับผู้จัดงาน ที่พัก แหล่งช้อปปิ้ง ท่องเที่ยวและการนำเที่ยว โลจิสติกส์ อาหารและเครื่องดื่มและบริการรับจัดงานเลี้ยง โชว์/การแสดง วิทยากร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และธุรกิจบริการอื่น ๆ ซึ่งทีเส็บเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการ ที่เกี่ยวข้องในหมวดหมู่เหล่านี้ได้เข้ามาลงทะเบียนในระบบเพื่อใช้ TMC เป็นช่องทางการตลาดอีกทางหนึ่งในการเข้าถึงลูกค้าทั่วไทยและทั่วโลก สร้างโอกาสทางธุรกิจโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนในระบบและเข้าใช้บริการค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ที่ http://www.thaimiceconnect.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 – 021 5515 ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ โทรศัพท์ 093 – 8940199

 

เชียงใหม่ ชาวบ้านแก้บนไอ้ไข่วัดสันมะเกี๋ยงและ รวมทำบุญไถ่ชีวิตควายแฝดน้อยจากโรงฆ่าสัตว์

ชาวบ้านแก้บนไอ้ไข่พ่อท่านเทิ่ม วัดสันมะเกี๋ยง จ.เชียงใหม่ ชาวบ้านแก้บนไอ้ไข่วัดสันมะเกี๋ยงและรวมทำบุญไถ่ชีวิตควายแฝดน้อยจากโรงฆ่าสัตว์ ได้บุญกันทั่วหน้า

ตลอดทั้งวันของวันที่ 17 ก.พ.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศประชาชนเดินทางมาแก้บนไอ้ไข่ที่วัดสันมะเกี๋ยง หมู่ 6 ต.สำราญราษฏร์ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ที่ทางวัดมีไอ้ไข่พ่อท่านเทิ่ม ถูกนำมาตั้งไว้หน้าวัดเพื่อให้ประชาชนมาขอพร และวันนี้พบว่า ผู้โชคดีถูกหวยเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา มีทั้งพ่อค้าแม่ค้า และเจ้าของธุรกิจ และชาวบ้านทั่วไปได้เดินทางมาแก้บนจำนวนมากเช่นเคย โดยเฉพาะน้ำแดง ไข่สดจำนวยหลายแผง ของเล่นเด็ก ชุดทหาร แว่นตาดำ และที่สำคัญบูชาประทัด ที่มีทั้งขนาดกล่อง 50 นัดขึ้นไปและประทัดแบบหลายพันนัดก็มีให้บูชา ทางวัดสันมะเกี๋ยงเองก็มีสิ่งของแก้บน มีพร้อมให้ประชาชนได้บูชา ดอกไม้ ธูปเทียน และประทีบเสริมดวงประจำปีเกิด เพื่อนำไปจุดหน้าไอ้ไข่ก็มีให้บูชา ที่นำไปแก้บนไอ้ไข่ตลอดทั้งวันอย่างต่อเนื่อง บางคนก็มาขอพร เพราะเป็นเดือนแห่งความรัก ก็ขอพรให้สมหวังในความรักด้วย

พระครูปลัดทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง เจริญพร มาว่า วันนี้ทางวัดได้รับแจ้งจากลูกศิษย์วัดมาว่า มีควายน้อย อายุประมาณ 9 เดือน จำนวน 2 ตัว เป็นควายแฝด แม่ของควายแฝดควายได้เสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากทางเจ้าของได้นำไปขายให้โรงฆ่าสัตว์ ทางวัดจึงได้ไปไถ่ชีวิตมาทั้ง 2 ตัวจากโรงฆ่าสัตว์มา เบื้องต้นนำมาเลี้ยงไว้ที่วัดก่อน เพื่อให้ผู้มีจิตกุศลศรัทธาประชาชนทั่วไปทุกชาติทุกภาษาได้มาร่วมกันทำบุญเพื่อไถ่ชีวิตสัตว์ใหญ่ โดยเฉพาะโคและกระบือ เป็นการร่วมกันทำบุญในเดือนแห่งความรัก และทำบุญในช่วงก่อนวันศิลใหญ่ คือ วันมาฆาบูชา ในวันที่ 26 ก.พ.2564 นี้ เพื่อจะได้กุศลผลบุญที่ยิ่งใหญ่ร่วมกันกับทางวัด จากนั้นทางวัดก็จะนำลูกควายแฝด อายุ 9 เดือนทั้งคู่ นำไปเลี้ยงที่ศูนย์การเรียนรู้ไถ่ชีวิตสัตว์ เฮือนไฮ่ผ่อดาวในความอุปถัมภ์วัดสันมะเกี๋ยง บ้านโล๊ะป่าตอง อ พร้าว จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ความแฝดคู่นี้อยู่กับครอบครัวควายไทย เป็นศูนย์เรียนรู้ให้ประชาชนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน การทำบุญที่วัด นอกจากมาขอพรไอ้ไข่ได้โชคแล้วนั้น ก็ขอเชิญชวนศรัทธานักศิลนักบุญประชาชนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติร่วมพิธีทำบุญ สืบชะตาหลวง สืบชะตาแก้ปีชง ที่วัดสันมะเกี๋ยงในวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 เริ่มเวลา 13.00 น.เป็นต้นไป

สืบชะตาหลวง สืบชะตาแก้ปีชง ซึ่งเป็นประเพณีของชาวล้านนา ช่วยให้เกิดสิริมงคลต่อผู้เข้าร่วมพิธี เป็นการเสริมบารมี สะเดาะเคราะห์ให้พ้นจากโชคร้าย เพื่อรับโชคลาภ ร่ำรวย และมีความสุข ความเจริญ ตลอดจนขจัดภัยอันตรายต่างๆที่จะบังเกิดขึ้น ชุดสืบชะตา บูชาสืบชะตาดวงละ 399 บาท จะประกอบไปด้วย เทียนชัยมงคลคราอบจักรวาล ด้ายมงคล ส้มป่อยเดือน 5 เป็ง และตะแหลว และยัตน์เกาะเพชรหนุนดวง หากศรัทธาประชาชนจะร่วมทำบุญ สามารถโอนเงินเข้าบัญชีได้ ที่บัญชีธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 553-0-35610-9 สาขาบ่อสร้าง ชื่อบัญชี พัฒนาวัดสันมะเกี๋ยง หรือติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 089-558-4332 ได้ทุกวัน

วัดสันมะเกี๋ยง เป็นวัดที่น้อมนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ ปลูกผักสวนครัวในวัดเพื่อเป็นอาหารของพระสงฆ์ และวัดเปิดกว้างให้ประชาชนนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่าย เช่น ไม้กวาด และพืชผักสวนครัว ทางนักศึกษา นำผลงานมาโชว์ เช่น พิพิธภัณฑ์ “เสือเย็น” เปิดให้ชมฟรี และทางวัดจำลองพระธาตุประจำปีเกิดมาให้กราบไหว้ และมีแมงสีหูห้าตา และเจ้าแม่สองนางแกะสลักจากไม้ขนุนตายพราย รวมทั้งวัตถุมงคลไอ้ไข่ของทางวัดมีให้บูชาจำนวนมากเพื่อเป็นสิริมงคลกับผู้ที่มีความเชื่อเรื่องโชคลาภ อย่างไรก็ตามทางวัดเปิดวัดเพื่อการท่องเที่ยวและศึกษาเรียนรู้ เมื่อมีรายได้เข้าวัดกรรมการวัดจะนำปัจจัยไปบูรณะวัดส่วนหนึ่ง และนำปัจจัยส่งเสียให้พระลูกวัดจำนวน 30 รูปได้ศึกษาเล่าเรียนต่อไปด้วย

เชียงใหม่ วัดสันมะเกี๋ยงจัดทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือรับปีใหม่จีนและวันวาเลนไทน์

วัดสันมะเกี๋ยงเชิญชวนศรัทธาสาธุชนร่วมทำบุญไถ่ชีวิตแม่กระบือท้องแก่ และร่วมบริจาคซื้อโลงศพให้กับผู้
ยากไร้ เนื่องในวันปีใหม่จีน 13 กุมภาพันธ์ และวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ เปิดเป็นสิริมงคลกับตนเอง และ
ครอบครัว

ที่วัดสันมะเกี๋ยง ตำบลสำราษราฏษร์ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดให้ศรัทธาสาธุชนร่วมทำบุญไถ่ชีวิตโค-กระบือ เนื่องในวันปีใหม่จีน 13 กุมภาพันธ์ และวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ เปิดเป็นสิริมงคลกับตนเอง และครอบครัว เนื่องจากเป็นกระบือท้องแก่อายุประมาณ 5 ปี ที่ทางวัดได้ไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์พระ-เณรพระ-เณร วัดสันมะเกี๋ยงได้นำมาเลี้ยงไว้ภายในวัดโดยตั้งชื่อให้ว่า นุชจรี เป็นควายที่เชื่อง ซึ่งก็มีผู้มีจิตศรัทธาที่เดินทางมากราบไหว้ ไอ้ไข่ วัดสันมะเกี๋ยงทราบข่าว ต่างพากันมาร่วมบริจาคเงินช่วยไถ่ควายตัวนี้โดยสังเกตุว่า เจ้านุชจรีมีน้ำตาไหลออกมา


ด้านพระครูปลัดทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง เจริญพรว่า วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ถือว่าเป็นวันดี เป็นวันเริ่มต้นของชาวไทยเชื้อสายจีนและวันพรุ่งนี้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันลาเลนไทน์ ซึ่งเดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนแห่งความรัก ความรักในมุมมองของศาสนาพุทธนั้น กล่าวว่า ความรักคือความทุกข์ รักน้อยทุกข์น้อย รักมากทุกข์มาก ไม่รักเลยไม่ทุกข์เลย ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์ หากแต่คำกล่าวนี้ แท้จริงไม่ได้สื่อความว่าไม่ให้คนเรารักกันแต่ความรักที่ให้แก่กันจะต้องเป็นความรักที่มอบให้อย่างบริสุทธิ์ใจ อย่างมีเมตตา ไม่คิดยึดติดในอารมณ์ รูป รสกลิ่น เสียงหรือความรู้สึกต่อความรักนั้นๆ การแผ่เมตตาก็ถือเป็นความรักรูปแบบหนึ่ง

เดือนกุมภาพันธ์ เริ่มต้นปี 2564 นี้ทางวัดสันมะเกี๋ยงจึงได้ทำโครงการไถ่ชีวิตโค-กระบือ และบริจาคโลงศพให้กับผู้ยากไร้ เป็นการมอบความรัก ความห่วงหาความอาทร และวันนี้ทางวัดสันมะเกี๋ยงก็ได้ทำการไถ่ชีวิตแม่ความหรือว่า กระบือที่ท้องแก่ คาดว่าอีกไม่กี่วันจะตกลูก ซึ่งมีกำหนดทำการฆ่าในวันนี้ (13 กพ) ทางวัดจึงได้รวบรวบเงินจากศรัทธาสาธุชนทั้งหลายร่วมกันไถ่ชีวิตของแม่กระบือตัวนี้ให้รอดพ้นจากการตายด้วยความรักความเมตตาต่อสัพสัตว์ที่มีอยู่ในโลกนี้ด้วยกัน


ดังนั้นทางวัดสันมะเกี๋ยงก็ขอเจริญพรกับทางญาติโยมศรัทธาสาธุชนทุกท่านที่มีจิตใจ มีความรัก ความเมตตาร่วมทำบุญในเดือนแห่งความรัก ร่วมทำบุญไถ่ชีวิตโค-กระบือและบริจาคโลงศพให้กับผู้ยากไร้ เพราะว่าทางวัดสันมะเกี๋ยงได้ตั้งกองทุนเป็นศูนย์การเรียนรู้ ไถ่ชีวิตให้รอดพ้นความตาย ในความอุปถัมภ์วัดสันมะเกี๋ยง ที่บ้านน้ำแพร่ อ.พร้าว จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ดูแลสัตว์ที่เราได้ไถ่ชีวิตไว้เป็นโค-กระบือกว่า 60 ตัว และอีกกองทุนก็คือ กองทุนบริจาคโลงศพให้กับผู้ยากไร่ ทั่วทุกสารทิศจะได้ร่วมกันมาทำบุญในโอกาสนี้ จึงขอเจริญพรญาติโยมสาธุชนทุกท่านร่วมทำบุญ ณ โอกาสนี้

สำหรับความรักในมุมมองของศาสนาพุทธนั้น กล่าวว่า ความรักคือความทุกข์ รักน้อยทุกข์น้อย รักมากทุกข์มาก ไม่รักเลยไม่ทุกข์เลย ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์ หากแต่คำกล่าวนี้ แท้จริงไม่ได้สื่อความว่าไม่ให้คนเรารักกันแต่ความรักที่ให้แก่กันจะต้องเป็นความรักที่มอบให้อย่างบริสุทธิ์ใจ อย่างมีเมตตา ไม่คิดยึดติดในอารมณ์ รูป รสกลิ่น เสียงหรือความรู้สึกต่อความรักนั้นๆ การแผ่เมตตาก็ถือเป็นความรักรูปแบบหนึ่ง

ศาสนาพุทธแบ่งความรัก (ปิยัง) เป็น 4 อย่าง คือ
1. สิเนหา ความรักที่เกิดจากความต้องการทางเพศหรือลุ่มหลงเทิดทูน
2. ปิยะ ความรักที่เกิดจากสัญชาติญาณหรือความรักในเครือญาติ
3. เปมัง ความรักที่เกิดจากความผูกพัน และช่วยเหลือกันมา
4. เมตตา ความรักที่เกิดจากการฝึกให้คุณธรรมเกิดมีขึ้นในจิตใจให้รักผู้อื่นไม่เห็นแก่ตัว

พุทธศาสนา จึงสอนเรา ให้รู้ว่า…
ความรัก เป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ความรัก เป็นทุกข์..เพราะพอความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เรารับการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้ ก็ทุกข์
ความรัก เป็นอนัตตา คือไม่มีตัวตนที่แน่นอน เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดนั่นเอง
จนสามารถกล่าวได้ว่า สิ่งที่แน่นอนที่สุดในโลกนี้…คือความไม่แน่นอนนั้นเอง.

สำหรับวัดสันมะเกี๋ยง เป็นวัดที่ได้นำ ไอ้ไข่ จากวัดสระสี่มุม จังหวัดนครศรีธรรมราช มาประดิษฐานให้
ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดได้มากราบไหว้ขอพร ไม่ต้องเดินทางไปยังภาคใต้ ซึ่ง
ไอ้ไข่วัดสันมะเกี๋ยงมีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่มากราบไหว้ขอในสิ่งที่ต้องการเมื่มสมหวังก็จะเดินทางกลับมาแก้บน
และจุดประทัด

เชียงใหม่ วัดพระธาตุดอยคำมอบเงินจำนวน 3 แสนบาท ให้ตำรวจช้างเผือกจัดทำอาคารสันทนาการ

วัดพระธาตุดอยคำ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยพระครูสุนทร เจติยารักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำ ได้มอบเงินจำนวน 300,000 บาท ให้กับสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก โดยพันตำรวจโทสุพจน์ ฉลาด รองผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก เดินทางขึ้นไปรับมอบ เพื่อนำไปก่อสร้างอาคารสันทนาการภายในสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก

พระครูสุนทร เจติยารักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำ เจริญพรว่า สำหรับการมอบเงินช่วยเหลือหน่วยงานทางราชการต่างๆ ที่มาขอความช่วยเหลือเป็นเงินจากทางวัด เป็นเงินที่ได้จากการมาทำบุญของศรัทธาประชาชน ซึ่งก็มีหน่วยงานต่างๆ มาขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือ ทางวัดพระธาตุดอยคำก็ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอดทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน โรงพัก หน่วยงานต่างๆ

ด้านพันตำรวจโทสุพจน์ ฉลาด รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกบอกว่า เงินจำนวน 300,000 บาท ที่ได้รับมอบจากวัดพระธาตุดอยคำก็จะนำไปสร้างอาคารสันทนาการภายในสถานี จะเป็นอาคารขนาด 5 คูณ 9 เมตร ทรงโมเดล ด้านในอาคารจะใช้เป็นที่รองรับการประชุมกลุ่มย่อยและอุปกรณ์กีฬา อาทิ ลู่วิ่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกกำลังกาย ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากวัดพระธาตุดอยคำ โดยเงินทุกบาททุกสตางค์รับรองว่าจะนำไปลงไปสู่โครงการนี้ทุกบาททุกสตางค์ ขณะนี้ได้เริมดำเนินการแล้ว เบื้องต้นเทปูนเป็นลานคอนกรีตขนาดใหญ่เพื่อใช้เป็นที่จอดรถ, ทำกิจกรรม และจะมีอาคารที่ทางวัดช่วยสนับสนุนเป็นอาคารทรงโมเดลให้ตำรวจและประชาชนที่มาติดต่อราชการได้พักผ่อน หรือเครือข่ายภาคประชาชนสามารถติดต่อเพื่อใช้เป็นที่ประชุมทำงานร่วมกันเพื่อสังคมประชุมเพื่อรับทราบข่าวสารต่างๆ เป็นต้น

เชียงใหม่ แม่ค้าสาวขายของออนไลน์ถวายมะลิหมื่นพวง หลังขอพรพระเจ้าทันใจวัดดอยคำประสบความสำเร็จยอดขายทะลุ 5 ล้านต่อเดือน

นักธุรกิจสาวค้าขายออนไลน์ นำพวงมะลิ 1 หมื่นพวง แก้บน พระเจ้าทันใจ วัดพระธาตุดอยคำ หลังประสบความสำเร็จค้าขายออนไลน์ได้ยอดทะลุ 5 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งเดินทางมาแก้บนเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ยืนยันความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าทันใจ วัดพระธาตุดอยคำ

บรรยากาศบนวัดพระธาตุดอยคำ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ วัดเก่าแก่คูเมืองเชียงใหม่ มีนักท่องเที่ยวทั่วทุกสารทิศ ต่างเดินทางขึ้นไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดแห่งนี้ โดยเฉพาะเดินทางไปกราบไหว้ขอพรพระเจ้าทันใจ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางไปเพื่อขอพร ขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน การค้าขาย และขอโชคลาภ และที่ผ่านมาก็มีผู้ประสบความสำเร็จจำนวนมาก ต่างกลับมาเพื่อถวายดอกมะลิตามที่ได้อธิษฐานเอาไว้

อย่างไรก็ดีในวันนี้(9 กพ.) ที่วัดพระธาตุดอยคำ นางสาวแอมมี่ กิตติยา หรือแอม เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร ได้นำพวงมะลิจำนวน 1 หมื่นพวง มาแก้บนพระเจ้าทันใจ วัดพระธาตุดอยคำ หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ ได้ยอดทะลุเกิน 5 ล้านบาทต่อเดือน โดยมาแก้บนพระเจ้าทันใจที่วัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้มาแล้ว 2 ครั้ง

นางสาวแอม บอกว่า ส่วนตัวยอมรับว่า พระเจ้าทันใจที่วัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ตนเองขอแนะนำว่าใครที่อยู่จังหวัดเชียงใหม่หรือใครที่ดูข่าวนี้ก็ขอให้แวะเวียนขึ้นมาของพร พระเจ้าทันใจ วัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้ เพื่อจะได้มีโชคเหมือนกับตนเอง

ด้านพระครูสุนทร เจติยารักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำ เจริญพรว่า ในช่วงเวลานี้ ดอกมะลิในประเทศขาดแคลน เนื่องจากมะลิทางภาคเหนือจะออกดอกช่วงเดือนเมษายาถึงเดือนพฤษภาคม ส่วนดอกมะลิของจังหวัดกำแพงเพชรและนครสวรรค์ ที่เคยส่งมาที่จังหวัดเชียงใหม่ สวนดอกมะลิก็ถูกน้ำท่วม ทำให้มะลิไม่ออกดอกตามฤดูกาล พ่อค้าดอกมะลิจึงต้องสั่งนำเข้าดอกมะลิจากประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ดอกมะลิมีราคาแพงขึ้น โดยก่อนหน้านั้นมะลิจะตกอยู่พวงละ 8 บาทเท่านั้น แต่ขณะนี้มะลิที่ขายทางขึ้นวัดพระธาตุดอยคำตกอยู่ที่พวงละ 20 บาทแพงขึ้นกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว

เชียงใหม่ แม่ทัพภาคที่ 3 เน้นย้ำ คุมเข้มชายแดน ป้องกันโควิด-19

แม่ทัพภาคที่ 3 เน้นย้ำ คุมเข้มชายแดน ป้องกันโควิด-19


พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 ได้กำชับให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดน ได้เฝ้าระวังการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายของกลุ่มแรงงานต่างด้าว รวมไปถึงคนไทยที่ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างจริงจัง โดยได้สั่งการให้กองกำลังนเรศวร และกองกำลังผาเมือง ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่จังหวัดตาก, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่ และเชียงราย ได้เพิ่มมาตรการอย่างเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ดังนี้.


1. เพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เหมือนที่ปฏิบัติในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ในทุกๆ พื้นที่

2. บูรณาการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประสานไปยังประเทศเมียนมา ผ่านคณะกรรมชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) ในการให้ความร่วมมือในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว รวมไปถึงคนไทยที่ไปทำงานในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทย

3. เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลม และการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดตามเส้นทางตามแนวชายแดน ไทย – เมียนมา รวมทั้งความเข้มงวดในการตรวจบุคคลและยานพาหนะ บริเวณจุดตรวจ/ด่านตรวจและจุดสกัดกั้น และเส้นทางอ้อมผ่านจุดตรวจ/ด่านตรวจฯ เพื่อสกัดกั้นและป้องกันการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าว หลังพบว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในรัฐต่างๆ ของเมียนมา

4. จัดชุดปฏิบัติการ รวมทั้งชุดแพทย์ทหาร ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ไปตามหมู่บ้านและชุมชน ให้คอยเฝ้าระวังสอดส่องหากพบบุคคลต้องสงสัยให้รีบแจ้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ หรือแจ้งศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด ทางสายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป


5. การติดตั้งไฟส่องสว่างในช่องทางที่ล่อแหลม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
6. การทำเครื่องกีดขวางและปรับปรุงลวดหนาม บริเวณช่องทาง/ท่าข้ามตามธรรมชาติ
7. ประสานความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง, หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ และผู้นำชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วม ในการเพิ่มมาตรการในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว, ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ทั้งการแจ้งเบาะแส, การกระจายข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวมถึงการสร้างการรับรู้ เข้าใจ และรับทราบข้อมูลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ในการนี้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาสำคัญของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการหลบหนีเข้ามาภายในราชอาณาจักรอย่างผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนมีเบาะแสการลักลอบกระทำผิดกฎหมาย สามารถแจ้งข้อมูลได้ตามช่องทาง Applications Line ชื่อ “สายตรงแม่ทัพภาคที่ 3” ID Line : ISOC3 เพื่อรับทราบข้อมูลและนำไปสู่การปฏิบัติ สร้างความมั่นคงให้สังคมไทยสืบไป

เชียงใหม่ กลุ่มทางเลือกใหม่ เปิดตัว ภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ หรือ อ.อ๋อง ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่

กลุ่มทางเลือกใหม่ เปิดตัว ภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ หรือ อ.อ๋อง ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่พร้อมทีมว่าที่ สท.ครบ 4 แขวง

ที่ห้องประชุมภัตตาคารอาหารจีนเจี่ยท้งเฮง สาขาฟ้าฮ่าม ถนนสานเชียงใหม่-ลำปาง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทางกลุ่มทางเลือกใหม่ เปิดแถลงข่าว พร้อมเปิดตัว นายภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ หรือ อ.อ๋อง ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ พร้อมทีมผู้บริหาร และว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ สท.ทั้งหมด 4 แขวง

ในช่วงแถลงข่าวได้ถ่ายทอดสด FB Live กดไลค์เพจ กลุ่มทางเลือกใหม่ New Choice ทางเลือกใหม่ ซึ่งผลิตสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ 115 ถ.เทพารักษ์ ต.ช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1 ชุด ตามวันที่ปรากฏ

เริ่มต้นโดยให้ตัวแทนในแต่ละแขวงออกมาแนะนำตัว และแสดงวิสัยทัศน์ จากนั้น นายภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ หรือ อ.อ๋อง ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้กล่าวกับสมชิกกลุ่มในที่ประชุม บอกชัดว่า การหาเสียงจะดำเนินการตามแนวนโยบายของกลุ่ม จะไม่กล่าวโจมตีคู่แข่ง เพราะถือว่าเป็นพี่ๆน้องๆในวงการนักการเมืองด้วยกัน ซึ่งตนทำงานการเมืองมานานกว่า 20 ปี ทุกคนรู้จักกันหมด จะลงพื้นที่เคาะประตูบ้านและหาเสียงโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์และโซเซียลมีเดียทุกรูปแบบ เพราะทีมทำงานเป็นวัยรุ่นและอาจารย์นักวิชาการและนักการเมืองท้องถิ่นและเป็นคนในพื้นที่ของแต่ละแขวงทั้งหมดรู้ปัญหาดี

“การที่นักการเมืองกลุ่มอื่น ใช้โลโก้ของการเมืองระดับชาติมาช่วยในการหาเสียง ก็ทำได้ แต่การเมืองระดับประเทศเขาจะไม่รู้ปัญหาจริงในท้องถิ่นเท่ากับกลุ่มทางเลือกใหม่ ที่มีว่าที่ผู้สมัคร สท.เป็นคนพื้นที่ทั้งหมด คนพื้นที่ย่องรู้ปัญหาดีกว่า และแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านได้เร็วกว่า ตามนโยบายที่บอกชัดว่า หากผมได้เป็นนายกฯก็จะทำงานทันที และการทำงานจะทำด้วยความจริงใจและตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถ กลุ่มทางเลือกใหม่ มอกว่า ปัญหาที่มีอยู่ในเทศบาลนครเชียงใหม่ ต้องมีทีมบริหารจัดการแก้ไขปัญหาที่ดีและมีคุณภาพจะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้อยู่แล้ว หากทีมบริหาร และว่าที่ผู้สมัคร สท.ทุกคนทำงานด้วยความตั้งใจและจริงใจต่อหน้าที่รับผิดชอบเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตามแนวทางของกลุ่มที่ทำงานด้วยความจริงใจกับชาวบ้านทุกคน ก็จะร่วมกันแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ได้เร็ว ขอให้ไว้วางใจกลุ่มทางเลือกใหม่ที่หาคนทำงานหน้าใหม่ที่มากด้วยความสามารถ ได้เข้าไปทำงานในเทศบาลนครเชียงใหม่อย่างเต็มกำลังความสามารถ จะสามารถสู้คู่แข่งได้ด้วยความคิด สู้ด้วยใจ สู้ด้วยความจริงใจดังกล่าวไปแล้ว เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ หากไม่จริงใจต่อกันไม่ว่าใครที่ไหนก็จะไม่ประสบความสำเร็จได้เลย”

นายภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ หรือ อ.อ๋อง ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ณ วันนี้มั่นใจ 50% แต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ต้องดูความตั้งใจของทีมบริหารและทีมว่าที่ผู้สมัคร สท.ทุกคนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งไปจนถึงวันที่ 28 มี.ค.ที่จะถึง ตอนนั้นความมั่นใจจะมากขนาดไหนก็ต้องค่อยดูกันต่อไปว่า คนรุ่นใหม่ตั้งใจทำงานกันมากขนาดไหน ซึ่งทางกลุ่มทางเหลือกใหม่ หวังคะแนนของชาวบ้านที่มีทั้งหมดประมาณ 200,000 คะแนน ขอคะแนนชาวบ้านเลือกตนเพียง 15,000 คะแนน ตนก็พอใจ และถือว่าชนะการเลือกตั้งแล้ว เพราะครั้งนี้มีผู้ลงสมัครจำนวนมากถึง 5 กลุ่ม อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าประชาชนชาวเชียงใหม่ทั้ง 4 แขวง จะไว้ใจให้กลุ่มทางเลือกใหม่ให้ได้เข้าไปทำงานพัฒนาบ้านเมืองอย่างแน่นอน อ.อ๋อง ว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าว จากนั้นได้ถ่ายภาพหมู่ของแต่ละแขวงครบ 4 แขวง ซึ่งใช้เวลาแถลงข่าวประมาณ 2 ชั่วโมง.