เชียงใหม่ วราวุธ สั่งเข้ม ยกระดับ เฝ้าระวัง ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ภาคเหนือ เป็นพิเศษ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) และคณะผู้บริหารกระทรวงฯ ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ณ จ.เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอน

วันนี้(19 มี.ค.) เวลา 09.35 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ณ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า) ทส. อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และผ่านระบบ VDO Conference ไปยังหน่วยงานในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยมีนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ พร้อมรับฟังรายงานสรุปภาพรวมการเตรียมความพร้อมการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จากนายจงคล้าย วรพงศธร รองปลัดกระทรวงฯ ตลอดจนรับฟังรายงานสถานการณ์และการเตรียมความพร้อมการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ โดย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ การเตรียมความพร้อมการแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควันในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และการเตรียมความพร้อมการแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควันในพื้นที่ป่าสงวน โดย อธิบดีกรมป่าไม้

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. ได้เน้นย้ำถึงความห่วงใยและการให้ความสำคัญของรัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน ด้วยการบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ผ่านกลไกคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และ แผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 25651 สื่อสาร 5 ป้องกัน 3 เผชิญเหตุ”


ทั้งนี้ รมว.ทส. ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน 2565 ซึ่งได้กำชับให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยยกระดับการทำงานเฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ไข และควบคุมไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในทุกมิติ ให้ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะหน่วยงานในระดับพื้นที่ ใช้บทเรียนที่ได้จากการดำเนินงานที่ผ่านมา เป็นองค์ความรู้ในการกำหนดแผนงาน และการปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดผลสำเร็จ นำไปสู่การป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันได้อย่างยั่งยืน เน้นย้ำให้ศูนย์ปฏิบัติการฯ กำกับการวางกลยุทธ์การป้องกัน ควบคุม และดับไฟป่า สั่งการเคลื่อนย้ายกำลังพลในส่วนของ ทส. เพื่อเตรียมความพร้อม และปฏิบัติการ ประสานและสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงานอย่างสูงสุด อีกทั้งให้หน่วยงานสังกัด ทส. ในจังหวัด/ภูมิภาค สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองระดับจังหวัดอย่างเต็มที่ สนับสนุนข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว และทันเหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดจุดความร้อน (Hot spot) และการพยากรณ์ปัญหาฝุ่นละอองล่วงหน้า

นอกจากนี้ ให้ ทสจ. ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ปภ. จังหวัด ประกาศระดับจังหวัดช่วงห้ามเผาหรืองดเว้นการเผาป่า เผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เผาขยะ และเผาวัชพืชข้างทาง หรือการเผาในพื้นที่โล่ง พร้อมบทลงโทษตามกฎหมาย รวมทั้งกำหนดเขตความรับผิดชอบ และมอบหมายการปฏิบัติที่ชัดเจน โดยให้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์เพื่อติดต่อพร้อมมีเจ้าหน้าที่ประจำตลอด 24 ชั่วโมง และให้มีศูนย์การปฏิบัติการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควันระดับตำบล และหมู่บ้าน โดยขอความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงให้รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจกับเครือข่ายและประชาชนทุกช่องทาง โดยเฉพาะกลุ่มคนเผาป่า โดยให้เกิดจิตสำนึก ความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง สอดส่องดูแลและแจ้งจับผู้กระทำผิดกฎหมาย ตลอดจนให้ประชาชนรับรู้และเกรงกลัวกฎหมาย รวมทั้งระดมสรรพกำลังภาคประชาชนจากกลุ่มมวลชนของหน่วยงาน สังกัด ทส. มาสนับสนุนการปฏิบัติของศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควันในทุกระดับ โดยให้ ทสม. เป็นแกนนำ ร่วมกับอาสาสมัครป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า และเครือข่ายอื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่

พร้อมกันนี้ ยังให้ขยายการดำเนินงานโครงการ “ชิงเก็บ ลดเผา” บริหารจัดการเชื้อเพลิงให้ครอบคลุมพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร พื้นที่ชุมชน และพื้นที่ริมทาง เป้าหมาย รวม 3,000 ตัน และเร่งรัดการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง บริษัท SCG กับ ทส. ให้เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างรายได้และแรงจูงใจให้เกิดความร่วมมือ ตลอดจนให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ เตรียมความพร้อมของเครื่องมือและอุปกรณ์ให้มีสภาพดี พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา

กรณี ปัญหาหมอกควันข้ามแดน ให้กรมควบคุมมลพิษประสานประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด ดำเนินการตามข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน โดยเฉพาะการบรรจุเป้าหมายลดจุดความร้อน (Hot Spot) ในอาเซียนได้ร้อยละ 20 รวมถึง ให้ชี้แจงและขอความร่วมมือประเด็นหมอกควันข้ามแดนในเวทีการประชุมต่าง ๆ ด้วย นอกจากนี้ ทสจ. ต้องเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ไฟป่า/หมอกควันในประเทศเพื่อนบ้าน หากมีปัญหาหมอกควันข้ามแดนในจังหวัด ให้รายงาน สป.ทส. และ คพ. เพื่อพิจารณาการดำเนินการตามข้อตกลงต่อไป ทั้งนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานได้คำนึงถึงว่า ป่าไม้ทุกตารางเมตรเป็นของประชาชน ทส. มีหน้าที่ดูแลรักษา ป้องกัน ไม่ให้เกิดไฟป่า และขอให้ร่วมมือร่วมใจเป็น “ทส. หนึ่งเดียว” ในการเฝ้าระวัง ควบคุม และช่วยดับไฟป่า ส่วนพื้นที่ถูกไฟไหม้ ขอให้เร่งฟื้นฟูภายในฤดูฝนนี้เลย โดย การปลูกป่าทดแทนพื้นที่ไฟไหม้ และปล่อยให้พื้นที่ป่า ฟื้นฟูเองตามธรรมชาติ สำหรับพื้นที่ที่เหมาะสมตามหลักวิชาการ หรือพื้นที่สูงชันที่ไม่สามารถเข้าไปปลูกป่าได้


สำหรับ สถานการณ์จุดความร้อน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่เดือน ม.ค. – ปัจจุบัน (18 มี.ค.2565) พบจุดความร้อน (Hot spot) ลดลงร้อยละ 69 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ซึ่งเมื่อแยกจุดความร้อนตามการใช้ประโยชน์ที่ดิน พบว่า 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เกิดจุดความร้อนในพื้นที่ป่าเป็นส่วนใหญ่ (ร้อยละ 87) ในขณะที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างเกิดจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรเป็นส่วนใหญ่ (ร้อยละ 59) ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบจุดความร้อนสะสมในอนุภูมิภาคแม่โขง 5 ประเทศ (เมียนมา กัมพูชา ไทย สปป.ลาว และเวียดนาม) ประเทศไทย มีจำนวนจุดความร้อนลดลงมากที่สุด ส่วนสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ พบค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ลดลงร้อยละ 38 และจำนวนวันที่มีค่า PM2.5 เกินมาตรฐาน ลดลงร้อยละ 43

หลังจากนั้น รมว.ทส. พร้อมคณะ ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยังอุทยานแห่งชาติสาละวินอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามสถานการณ์ภาพรวมการเตรียมความพร้อมการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมทั้งมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานให้กับหน่วยงาน รวมทั้งมอบเสบียงอาหาร ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และเครือข่ายอุทยานแห่งชาติฯ ตลอดจนร่วมทำแนวกันไฟและกิจกรรม ชิงเก็บ ลดเผา

เชียงใหม่ แม็คโคร จับมือกระทรวงพาณิชย์ ช่วยคนไทยสู้วิกฤตค่าครองชีพ

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จับมือกระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าตรึงราคาสินค้าจำเป็นมากกว่า 4,000 รายการ ชูราคาขายส่ง เน้นความคุ้มค่า บรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน หลังปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ-สงคราม ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์แห่งความยากลำบากกับวิกฤตค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น แม็คโคร ตระหนักดีถึงความกังวลของภาคครัวเรือน และผู้ประกอบการ ที่กำลังเผชิญกับค่าใช้จ่ายและต้นทุนที่สูงขึ้น เราจึงร่วมมือกับ กระทรวงพาณิชย์ ช่วยคนไทยลดค่าครองชีพ ด้วยการเน้นสินค้าราคาขายส่ง ตรึงราคาสินค้าจำเป็น ได้แก่สินค้าอุปโภคและบริโภค อาหารสด เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ รวมกว่า 4,000 รายการ เพื่อสร้างทางเลือกในการเข้าถึงสินค้าที่มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตมากขึ้น ในแม็คโครทุกสาขาทั่วประเทศ

“โครงการกับกระทรวงพาณิชย์ครั้งนี้ เป็นความร่วมมือที่แม็คโคร ขานรับนโยบายบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจที่สำคัญของเรา และเป็นโครงการที่ดีที่ส่งผลให้กับสองกลุ่มสำคัญคือ ประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบการรายเล็กอย่างร้านอาหารที่ต้องควบคุมต้นทุนวัตถุดิบ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อลูกค้า ซึ่งก็เท่ากับช่วยลดภาระให้กับประชาชนได้อีกทางหนึ่ง


ล่าสุด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะ ได้เดินทางติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าจำเป็น ณ แม็คโคร สาขาแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

 

เชียงใหม่ เปิดจุดเช็คอินแห่งใหม่ ใกล้เมือง เปิดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ บ้านท่าร้องขี้ควาย เทศบาลตำบลสันผีเสื้อ

จุดเช็คอินแห่งใหม่ ใกล้เมือง เปิดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ บ้านท่าร้องขี้ควาย เทศบาลตำบลสันผีเสื้อ ในตัวเมืองเชียงใหม่ นั่งกินก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน และ ส้มตำ นั่งห้อยขา ชมวิวทิวทัศน์แม่น้ำปิง ส่งเสริมการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้กับประชาชน
ที่ศูนย์เรียนรู้ เศรษฐกิจพอเพียง หมู่ที่ 3 บ้านท่าร้องขี้ควาย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายภาวิต บุญชละ รองนายกเทศมนตรีตำบลสันผีเสื้อ เปิดงานเทศกาลท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เส้นทางการท่องเที่ยวเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตามโครงการสร้างงานเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสิ่งแวดล้อมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการพัฒนา และเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก เพื่อพัฒนาความร่วมมือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ เพื่อขยายพื้นที่การท่องเที่ยว จากพื้นที่เมืองเก่าเชียงใหม่ ไปยังแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่ตำบลสันผีเสื้อ อยู่ติดกับลำน้ำปิง มีแหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางบกและทางน้ำดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ริมสองฝั่งแม่น้ำปิงทางเรือ ไปยังแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ บริเวณศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงบ้านท่าร้องขี้ควาย ที่มีพื้นที่กว้างขวาง มีร้านอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ต้มตำ ให้นั่งรับประทานห้อยขา พร้อมชมทิวทัศน์แม่น้ำปิง แปลงพืชผักสวนครัว แปลงไม้ดอกที่สวยงาม เป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยว และเป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่

เชียงใหม่ ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ และอีกหลายหน่วยงาน นำอาหารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้กับชาวบ้านชุมชนพวกแต้ม

รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ และอีกหลายหน่วยงาน นำอาหารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้กับชาวบ้านชุมชนพวกแต้ม ครอบครัวที่มีผู้ป่วยโควิค ที่ไม่สามารถออกไปไหนได้

พ.ต.อ.พงษ์เดช คำใจสู้ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ภูวนาถ ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.ท.ปรัชญา ทิศลา รอง ผกก.ป.สภ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.ต.วิษณุ นวนมุสิด สวป.สภ.เมือง เชียงใหม่ หัวหน้าสายตรวจ,เจ้าหน้าที่ชุดชุมชนสัมพันธ์ ร่วมกับ สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ประธานชุมชนพวกแต้ม คณะกรรมการชุมชนฯ และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ลงพื้นที่ชุมชนพวกแต้ม เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของโครงการ Smart Safety Zone 4.0

โดยประชุมหารือรับฟังปัญหาภายในชุมชน และได้ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาที่ได้จากการประชุม Big 6 ซึ่งการประชุมในเดือนที่ผ่านมารับทราบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ที่บ้านระบบ(home isolation) ขาดเเคลนอาหารที่จะใช้ในการรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่ง พ.ต.อ.ภูวนาถ ดวงดี เมื่อได้รับทราบถึงปัญหานี้ได้ดำเนินการจัดหาอาหาร ที่จำเป็นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในชุมชนพวกแต้ม


วันนี้ได้นำ ข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมกับสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ ประธานชุมชน คณะกรรมการชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และมอบอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ประชาชนครัวเรือนที่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ไม่สามารถออกไปไหนได้ เป็นไปความเรียบร้อย และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น Smart Safety Zone 4.0เชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัยในชุมชน chiangmai old town สภ.เมืองเชียงใหม่

 

เชียงราย ศป.บส.ชน. สกัดยาบ้า 1,000,000 เม็ด ภายหลังขนผ่าน ระบบ logistic จาก จังหวัดเชียงราย

ป.บส.ชน. สกัดยาบ้า 1,000,000 เม็ด ภายหลังขนผ่าน ระบบ logistic จาก จังหวัดเชียงราย ขยายผลจับได้อีก 3 ราย ที่จังหวัดพะเยา


วันที่ 16 มี.ค.65 พลโท.บุญยืน อินกว่าง แม่ทัพน้อยที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ( ศป.บส.ชน. )ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ 18 ล้อ ของบริษัทขนส่งสินค้าเอกชน (logistic) จากพื้นที่ อ.เมือง จังหวัดเชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนใน จึงได้เฝ้าติดตามในพื้นที่

จนกระทั้งตรวจพบรถยนต์(กระบะ) ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไทรทัน ทะเบียน บล 6243 กาญจนบุรี และรถบรรทุกขนาดใหญ่ 18 ล้อ ทะเบียน 71 – 1910 สมุทรปราการ มีลักษณะ ขับตามกันในพื้นที่ จึงได้จัดกำลังร่วมกับ จนท.ปปส., ขกท.กกล.ผาเมือง, ชตข.เชียงราย และ สภ.แม่ลาว ติดตามกลุ่มดังกล่าว จนกระทั่งต่อมาเมื่อ ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตรวจพบรถบรรทุกต้องสงสัย บริเวณ ด่านตรวจยาเสพติดป่าตึง อ.แม่ลาว จังหวัดเชียงราย ทำการจับกุมรถบรรทุก ต้องสงสัย ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 5 กระสอบ หีบห่อประทับตรา 999 เม็ดยาประทับตรา WY สีน้ำเงิน จำนวน 1,000,000 เม็ด

ต่อมาได้ประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงพะเยา ติดตามจับกุมรถยนต์ของกลุ่มขบวนการ(รถนำ) จำนวน 1 คัน พร้อมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย บริเวณสี่แยกประตูชัย ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จว.พ.ย. ซึ่ง ศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือเตรียมขยายผลในพื้นที่

เชียงราย กกล.ผาเมือง จัดกำลังร่วมกับ สภ.แม่ฟ้าหลวง จับผู้ลักลอบเข้าเมืองจำนวนมาก

กกล.ผาเมือง จัด กำลังร่วมกับ สภ.แม่ฟ้าหลวง และ กองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 ลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณ บ.ปางพระราชทาน ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

กองกำลังผาเมือง จัด กำลังร่วมกับ สภ.แม่ฟ้าหลวง และ กองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 ลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณ บ.ปางพระราชทาน ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย จำนวน 5 คัน จึงขอทำการตรวจค้น ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สัญชาติเมียนมา (เชื้อชาติไทใหญ่) จำนวน 44 คน (ช.22, ญ.17, เด็ก 5) พร้อมผู้นำพา จำนวน 6 คน (ช.)

จากการสอบถามให้การรับสารภาพว่า เดินทางมาจากพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อมาทำงานในพื้นที่ บ.แม่คำ อ.แม่จัน จังหวัดเชียงราย และไม่ทราบเรื่อง การผ่อนปรนตาม MOU หน่วยจึงได้นำผู้ต้องหาส่ง สภ.แม่ฟ้าหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้กองกำลังผาเมืองยังคงเพิ่มกำลังสกัดกั้นการลักลอบค้ายาเสพติด สิ่งผิดกฏหมาย การลักลอบนำแรงงานผิดกฏหมายเข้าในพื้นที่ รวมทั้งการนำผู้นำพาเข้าสู่กระบวนการทางกฏหมาย

 

เชียงใหม่ บก.คฟป.ทภ.3 สน. สรุปคุณภาพอากาศห้วงสัปดาห์ เกิดจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 1,224 จุด

บก.คฟป.ทภ.3 สน. สรุปคุณภาพอากาศห้วงสัปดาห์ เกิดจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 1,224 จุด เมื่อ เมื่อเทียบปี 64 ( 50,692 ) ลดลง 33,985 จุด คิดเป็น 67.04 %

วันที่ 14 มี.ค.65 พล.ต.ประสิษฐิพงศ์ มูลดี รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ภายหลังกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ( บก.คฟป.ทภ.3 สน. ) ตรวจสอบสภาพอากาศในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ห้วงวันที่ 7 – 13 มี.ค. 65 พบว่า ภาคเหนือ มีค่าPM 2.5 เฉลี่ยอยู่ระหว่าง ระหว่าง 26 – 69 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 38 – 79 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ค่า AQI อยู่ระหว่าง 34 – 142 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์ โดยมีค่าเฉลี่ยมากสุด ที่ ต.จองคำ อ.เมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งผลให้ค่าคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบกับประชาชน
สำหรับจุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ (ดาวเทียมระบบ VIIRS) ห้วงวันที่ 7 – 13 มี.ค. 65 เกิดจุดความร้อนสะสมจำนวน 1,224 จุด โดยเฉพาะในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ และจังหวัดพิจิตร ส่วนใหญ่เกิดจุดความร้อนในพื้นที่ป่าสงวน จำนวน 426 จุด, พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 410 จุด ,พื้นที่เกษตร 249 จุด และพื้นที่เขต สปก. 86 จุด

อย่างไรก็ตาม ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา กอ.รมน.จังหวัด 17 จังหวัด ได้ลงพื้นที่ ลาดตระเวนร่วมกับหน่วยงานเพื่อป้องปรามการเผาป่า ทำแนวกันไฟและร่วมดับไฟ จำนวน 476 ครั้ง ส่วนชุดปฏิบัติการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ลงพื้นที่รณรงค์สร้างจิตสำนึกลดการเผาในชุมชน พร้อมร่วมสร้างฝายในพื้นที่ป่าเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ป่าต้นน้ำ จำนวน 29 ครั้ง

ทั้งนี้ ภาพรวมค่าคุณภาพอากาศ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.64 – 13 มี.ค.65 เกิดจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 16,707 จุด เมื่อเทียบปี 64 (50,692) ลดลง 33,985 จุด คิดเป็น 67.04 %

อย่างไรก็ตามภาคเหนือโดยรวมคงมีความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ส่วนในช่วงวันที่ 16-23 มี.ค. 65 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ที่เข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางจะมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนและร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดพายุฤดูร้อนขึ้นได้ โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง บางพื้นที่ รวมทั้งอาจจะมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมทั้งฟ้าผ่าที่จะเกิดขึ้น ขอให้ทุกหน่วยยังต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในระยะนี้

 

เชียงใหม่ กองกำลังผาเมือง สกัดแรงงานผิดกฎหมาย 13 คน สารภาพเสียค่าจ้างให้กับผู้นำพา คนละ 26,000 บาท

กองกำลังผาเมือง สกัดแรงงานผิดกฎหมาย 13 คน สารภาพเสียค่าจ้างให้กับผู้นำพา คนละ 26,000 บาท เพื่อมาทำงานในจังหวัดเชียงใหม่
เมื่อ 13 มี.ค. 65 เวลา 23.10 น. กองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ( กกล.ผาเมือง โดย ร้อย.ม.2 ฉก.ม.3 ) จัด กำลังลงพื้นที่ลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณช่องทาง บ.ผาหมี ซอย 7 หมู่ 6 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 13 คน จึงขอทำการตรวจค้น ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สัญชาติเมียนมา ( เชื้อชาติไทใหญ่ ) จำนวน 13 คน เป็นชาย 7, หญิง 6 คน จากการสอบถามให้การรับสารภาพว่า เดินทางมาจาก เมืองเชียงตุง , เมืองกึ๋ง และเมืองกซี สหภาพเมียนมา โดยทั้งหมดได้เสียค่าจ้าง ให้กับผู้นำพาชาวเมียนมา คนละ 26,000 บาท เพื่อมาทำงานในจังหวัดเชียงใหม่ และไม่ทราบเรื่อง การผ่อนปรนตาม MOU หน่วยจึงได้นำผู้ต้องหาส่ง ตม.เชียงราย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ถึงปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดเชียงรายหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมืองได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 82 ครั้ง สามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้จำนวน 544 คน ( เป็นชาวเมียนมา 504 คน,ลาว 8 คน จีน 29 คน )และผู้นำพา 37 คน โดยทั้งหมดผ่านกระบวนการคัดกรองโรคจากหน่วยงานสาธารณสุข

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากองกำลังผาเมืองได้รับการสนับสนุนกำลังเพิ่มเติมเพื่อจัดตั้งกองร้อยสกัดกั้น ในการปฏิบัติงานด้านสกัดกั้นยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ด้านจังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนเกิดความยั่งยืน

เชียงใหม่ พระมหาอาวรณ์ แห่งสำนักธรรมสถาน “ม่อนพญานาคราช”ก็ได้ออกจากกรรมฐาน เป็นเวลา 35 ชั่งโมงเสร็จสิ้นลงแล้ว

พระมหาอาวรณ์ เจ้าสำนักธรรมสถาน ม่อนพญานาคราช อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ พระสงฆ์รูปเดียวในล้านนา เข้าสมาธิ อัปปนาสมาธิ ท่านอนสีหไสยาสน์ ตะแครงขวา ในโลงแก้ว ในหอพระกรรมฐานกลางน้ำ แยกกาย แยกจิต ไร้ รูป รส กลิ่น เสียง โดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ นาน 35 ชั่วโมง ล่าสุดรุ่งเช้าวันนี้ พระมหาอาวรณ์ก็ได้ออกจากกรรมฐาน โดยมีเสียหน้าเหนื่ออ่อนเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถเดินทักทายลูกศิษย์ได้

เมื่อช่วงเช้ามึดของวันนี้(13 มี.ค.) ที่สำนักธรรมสถานม่อนพญานาคราช บ้านแม่เลน อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ บรรดาประชาชนที่เสื่อมใสศรัทธาพระมหาอาวรณ์ ภูริปัญโญ และพญานาคราช ต่างที่เดินทางร่วมในพิธีหลังจากเย็นวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา พระมหาอาวรณ์ ได้เข้าสมาธิในท่าอัปปนาสมาธิท่านอนสีหไสยาสน์ ตะแครงขวาในโลงแก้ว กลางหอพระกรรมฐานกลางน้ำ จากนั้นปิดล็อกกุญแจ ห้ามเข้าห้ามออก ถอนสะพานกลางน้ำออกเป็นเวลา 3 วันหรือ 35 ชั่วโมง จนกระทั่งเช้าวันนี้ (13 มี.ค.) เวลา 06.39 น. คณะตัวแทนและลูกศิษย์ได้ทำการเปิดกุญแจ ทำพิธีเปิดโลงแก้วกรรมฐาน หลังจากที่พระมหาอาวรณ์ได้ออกจากสถานที่กรรมฐานแล้วก็เดินออกมา โดยมีบรรดาเข้าลูกศิษย์ที่ต่างมาเฝ้าคอย ซึ่งพระมหาอาวรณ์มีอาการเหนื่ออ่อนเนื่องจากอยู่ในโลงแก้วมานานหลายชั่งโมง แต่ก็ยังสามารถประคองตัวเอาไว้ได้ เดินออกมาทั้งทายบรรดาลูกศิษย์ จากนั้นก็เดินไปยังห้องเพื่อสรงน้ำเปลี่ยนจีวรและและรับถวายภัตตาหารเป็นปฐมมือแรกหลังจากออกจากการปฏิบัติกรรมฐานรวมทั้งสินเป็นเวลา 35 ชั่วโมง

สำหรับคำว่า อัปปนาสมาธิ เป็นการเข้าสมาธิจากฌานจิต แยกกายแยกจิต จนพ้นจาก รูป รส กลิ่น เสียง โดยการเข้าสมาธิ จะไม่มีการฉันท์อาหารไม่ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว ไม่เข้าห้องน้ำไม่ขับถ่าย หรือไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อยู่ในสมาธิท่าเดิม ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 11 มีนาคม 2565 จนถึงเช้าของวันที่ 13 มีนาคม 2565 เวลา 6.39 น. เมื่อครบกำหนด ออกจากฌานสมาธิ ลูกศิษย์ไปเปิดประตูกุฎิที่ล็อคกุญแจประตูไว้ ให้ออกมารับผ้าไตรจีวร เครื่องอัฐบริขาร จากลูกศิษย์ เพื่อสรงน้ำ และฉัทน์อาหารมื้อแรก และออกบิณบาตรกับศรัทธาญาติโยม ที่มารอใส่บาตร ซึ่งจะมีพิธีปีละครั้งทำมาเป็นปีที่ 6

ทั้งนี้พระมหาอาวรณ์ ได้กล่าวกับลูกศิษย์ลูกหา ก่อนเข้าอัปปนาสมาธิว่า เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและอุทิศบุญกุศลให้กับพญานาค ที่เฝ้าในสถานที่ตั้งของธรรมสถานม่อนพญานาคแห่งนี้ และขอบุญกุศลที่ทำสมาธิ ให้กับบรรดาลูกศิษย์ทุกคนด้วย และหากในอนาคต ท่านละสังขาร ได้สั่งเสียให้กับลูกศิษย์ ไม่ให้เผา ขอให้นำสังขารใส่ในโลงแก้วนี้ เพื่อขอเฝ้าสถานปฎิบัติธรรมแห่งนี้ ซึ่งการเข้าพระกรรมฐาน อัปปนาสมาธิ ที่ได้ร่ำเรียนมาจากพระอาจารย์ จะอยู่ได้นานแค่ 35 ชั่วโมงหรือไม่เกิน 36 ชั่วโมง หากเกินกว่านั้นร่างกายจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต หรือโลหิตไหลเวียนผิดปกติ ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ ประชาชนที่มาร่วมพิธีกรรม เป็นไปตามาตรการทางสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด

เชียงใหม่ 13 มี.ค.เชิญชวนร่วมพิธีบวงสรวง “ท้าวเวสสุวรรณ” วัดสันมะเกี๋ยง

วันที่ 13 มี.ค.เชิญชวนร่วมพิธีบวงสรวง “ท้าวเวสสุวรรณ” วัดสันมะเกี๋ยง ขอได้ไหว้รับ เปิดโภคทรัพย์ โชค ลาภ หนุนดวงชะตา แก้ปีชง

ผู้สื่อข่าวรายงานวันที่ 13 มี.ค.2565 เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป ทางวัดสันมะเกี๋ยง ต.สำราญราษฏร์ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ทางวัดได้นิมนต์ท่านครูบาฝั้น วัดกอโชค เป็นประธานในพิธีบวงสรวงท้าวเวสสุวรรณ เปิดโภคทรัพย์ บันดาลทรัพย์ แก้ดวงชะตา แก้ปีชง เสริมดวงชะตา

ผู้มาร่วมพิธี จุดเทียนท้าวเวสสุวรรณได้ตลอดทั้งวัน ของวันอาทิตย์ที่ 13 มี.ค.2564 ภายในงานบุญดังกล่าวทางวัดได้แจกวัตถุมงคล ท้าวเวสสุวรรณฟรี สำหรับผู้สนใจจะเดินทางไปทำบุญ ติดต่อสอบถามที่ 089-5584332 ได้ตามวันเวลาดังกล่าว

สำหรับวัดสันมะเกี๋ยง ได้นำ “ไอ้ไข่ พ่อท่านเทิ่ม” จากวัดสระสี่มุม จังหวัดนครศรีธรรมราช มาให้ศรัทธาประชาชนทางภาคเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมากราบไว้ขอพร “ขอได้ไหว้รับ” โดยไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อได้ตามที่ขอ ก็จะเดินทางมาแก้บนกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม การประกอบพิธีในวันนี้ ขอให้ประชาชนที่เข้าร่วมพิธีเว้นระยะห่าง หรือ New Normal เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย.