เชียงใหม่ เปิดตำนานประเพณี”เลี้ยงดง ปู่แสะ-ย่าแสะ” ยักษ์กินคนที่ปกปักรักษาพระธาตุดอยคำ (คลิป)

เล่าตำนานของยักษ์ปู่แสะ ย่าแสะ เป็นยักษ์กินคนที่ปกปักรักษาวัดพระธาตุดอยคำที่มีอายุกว่า 1,338 ปี ในประเพณีเลี้ยงดง บวงสรงปู่แสะ ย่าแสะ ซึ่งเทศบาลเมืองแม่เหียะ จัดขึ้นในเช้าวันที่ 20 มิ.ย.67 ที่จะถึงนี้

พ่อหนานอานนท์ มังสาสติ มัคนายกวัดพระธาตุดอยคำ เปิดเผยว่า ตำนานของยักษ์ปู่แสะ-ย่าแสะ เป็นยักษ์ที่ปกปักรักษาวัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้ว่า ในอดีตกาลตำนานพระเจ้าเลียบโลก คำว่า เลียบโลกหมายถึงพระพุทธองค์ได้เสด็จมานี่ก็พบกับยักษ์ 3 พ่อแม่ลูก คือปู่แสะ ย่าแสะ และสุเทพฤาษี ยักษ์ 3 พ่อแม่ลูกนี้ชอบกินเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมายังดอยคำแห่งนี้ ก็มาโปรดยักษ์ทั้ง 3 พ่อแม่ลูก เทศนาธรรมให้ฟังและขอร้องยักษ์ทั้ง 3 ให้เลิกกินเนื้อมนุษย์ แต่ยักษ์ทั้ง 3 ก็ยังอยากกินเนื้ออยู่จึงขอกินเนื้อสัตว์แทน พระพุทธเจ้าก็ไม่ตอบไม่อนุญาตบอกว่า ให้ไปถามเจ้าเมือง ยักษ์จึงไปขอกับเจ้าเมืองโดยขอกินควายปีละ 1 ตัว จนมาถึงปัจจุบันนี้

พ่อหานอานนท์ กล่าวอีกว่า อยากขอเชิญชวนศรัทธาสาธุชนญาติโยมทั้งหลาย ประชาชนที่อยากจะมาร่วมในพิธีดังกล่าวก็ขอเชิญชวนกันมาในวันที่ 20 มิย.นี้ และหลังจากเสร็จพิธีบวงสรวงเลี้ยงปู่แสะ ย่าแสะแล้ว ก็สามารถขึ้นมากราบสักการะบูชาขอพรองค์หลวงพ่อพระเจ้าทันใจได้ มากราบขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเราและครอบครัว ซึ่งทุกวันนี้ก็มีประชาชนต่างเดินทางขึ้นมากราบสักการะจำนวนมากโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ในตอนแรกก็ไม่ต้องนำดอกมะลิมาถวาย จะขอพรเพียงจุดธูป 3 ดอก ตั้งจิตอธิฐานขอหลวงพ่อพระเจ้าทันใจตามที่เราต้องการ จะอธิฐานขอพรได้เรื่องเดียว ถ้าสำเร็จแล้วก็ค่อยนำดอกมะลิมาถวายแต่ต้องไม่ต่ำกว่า 50 พวง น้อมนำมาถวายหลวงพ่อพระเจ้าทันใจ จากนั้นมาขอศิลขอพรไหว้พระธาตุดอยคำที่สร้างโดยพระเจ้าจามเทวี ขณะนี้มีอายุ 1338 ปี


สำหรับประวัตินั้น ยักษ์ปู่แสะย่าแสะเป็นยักษ์ผู้ดูแลพระธาตุดอยคำ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาที่นี่ เทศนาโปรดยักษ์แล้วก็ทรงประธานพระเกษาให้ยักษ์ทั้ง 3 ตนก็บอกว่าให้นำมาบรรจุไว้ที่พระธาตุดอยคำแห่งนี้ ต่อไปในอนาคตก็จะเป็นสถานที่กราบไว้ของประชาชน เรียกว่า “วัดพระธาตุดอยคำ” ซึ่งยักษ์ผู้เป็นลูกหลังจากที่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงขออนุญาตจากพ่อแม่ไปบวชเป็นฤาษีเรียกว่า ฤาษีสุเทพ อาศัยอยู่ในถ่ำใต้วัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้ และสุดท้ายฤาษีสุเทพก็ไปเป็นประธานในการก่อสร้างเมืองลำพูน โดยวัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้มีอายุถึง 1,338 ปี หลังจากนับจากที่บรรจุพระธาตุเรียบร้อยมา

ในส่วนการจัดงานประเพณีเลี้ยงดง หรือเลี้ยงปู่แสะย่าแสะ ในปีนี้เทศบาลเมืองแม่เหียะก็ได้จัดประเพณีแบบเรียบง่าย อันเชิญดวงวิญญาณของปู่แสะย่าแสะมารับเครื่องเส้น โดยในปีนี้จะจัดขึ้นตั้งแต่เวลา 07.00 น.เป็นต้นไป เดินขบวนจากลานจอดรถเชิงวัดพระธาตุดอยคำไปยัง ไปยังหน่วยพิทักษ์แห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย (แม่เหียะ) ที่ 4

เชียงใหม่ สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ร่วมกับโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จัดกิจกรรมโครงการ รณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน(คลิป)

สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ร่วมกับโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จัดกิจกรรมโครงการ รณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน โดยมีวิทยากร จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาบรรยายให้ความรู้


ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึก กายภาพ โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จังหวัดเชียงใหม่ สมาคมสตรีนักธุรกิจ และวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดกิจกรรม โครงการ รณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน Happy Money, Happy Mind ทั้งนี้จากปัญหาทางเศรษฐกิจ และสังคมในประเทศไทย มีเหตุผลหนึ่ง มาจากการ ไร้ระเบียบวินัยทาง การเงิน ตั้งแต่ในระดับครัวเรือน ถึงระดับบริษัท ทั้งในธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ตลอดถึงธุรกิจ ขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการตอบแทนสังคม และประเทศชาติ สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่ง ประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์และ 23 จังหวัดทั่วประเทศ ร่วมกัน จัดกิจกรรม การอบรม โครงการ “รณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน” ขึ้น เพื่อเป็นองค์กรณ์ต้นแบบ ดำเนินการเผยแพร่ การรณรงค์ให้เกิด กระแสการสร้าง วินัยทางการเงิน ให้แก่องค์กรสมาชิกหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ในทุกระดับและ เพื่อเป็นการให้ความรู้ ด้านการวางแผนการเงิน และการสร้างวินัยการออม

โดยมีนายแพทย์ ประมุข อุณจักร ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ร่วมกับ นาง ธีรวัลย์ ประจันตะเสน นายกสมาคม สตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นประธาน ในการเปิด กิจกรรมฯ มี นางสาว มนัสวัฑฒก์ ซุติมา เป็นประธานโครงการ ฯ โดยมีแพทย์หญิง ญานิศา โพธิ์ฐิติรัตน์ จิตแพทย์ จากโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม เป็นวิทยากร บรรยายให้ความรู้ เกี่ยวกับการสร้างความสุข และมี อาจารย์ กิตติพัฒน์ แสนทวีสุข วิทยากร จากตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย มาบรรยายให้ความรู้ เกี่ยวกับการ บริหารจัดการ ทางการเงิน

ทั้งนี้เพื่อร่วมกันสร้าง ความชัดเจน และมีเป้าหมาย ในการกำหนดทิศทาง ของการวางแผน ทางการเงิน ของแต่ละท่าน ได้อย่างรอบคอบ มีความสุข และมีอนาคตที่ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์ กับผู้เข้ารับการอบรม และสามารถนำไปขยายต่อยอด กับบุคคลในครอบครัว และสังคม โดยมี คณะกรรมการ สมาชิก สมาคมสตรีนักธุรกิจ และวิชาชีพแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ และบุคลากรทางการแพทย์ ของโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม เข้ารับการอบรม

เชียงใหม่ บิ๊กซี 5 สาขาเชียงใหม่ เปิดจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ เริ่ม 1 มิ.ย.เป็นต้นไป(คลิป)

บิ๊กซี 5 สาขาเชียงใหม่ เปิดจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ เริ่ม 1 มิ.ย.เป็นต้นไป

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ บิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 บิ๊กซีเอ็กซ็ตร้า ต.หนองป่าครั่ง​ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายวิวัฒน์ โกมลตรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายเอกภพ ชุมภูรัตน์ ผู้จัดการบิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 เป็นผู้กล่าวรายงาน การจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันนี้ เนื่อง​​ด้วยในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางรัฐบาลไทย โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจึงได้จัดทำเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อจำหน่ายให้ประชาชนเป็นที่ระลึก รวมทั้งใช้ประดับเพื่อความเป็นสิริมงคล


ในการนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จำหน่ายเข็มอันทรงคุณค่านี้ให้แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งทางกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ได้ให้การสนับสนุนเป็นผู้จัดจำหน่ายโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อส่งมอบรายได้ทั้งหมดให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำรายได้ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย โดยได้วางจำหน่ายเข็มที่ระลึกนี้ในบิ๊กซี ทุกสาขาทั่วประเทศ​ ในราคาเข็มละ 300 บาท เริ่มจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

โดยได้เริ่มจัดจำหน่ายเข็ม ที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ให้แก่ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ที่บิ๊กซี 5 สาขาในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่จำหน่ายแห่งเดียวที่ประชาชนทั่วไป สามารถมาจัดซื้อเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ไปติดประดับเพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 ด้วยกัน บิ๊กซีเราพร้อมแล้วที่จะเปิดการจำหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้ถึงมือประชาชนเพื่อร่วมเฉลิมฉลองอภิลักขิตสมัยพิเศษด้วยการประดับเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ อันเป็นสวัสดิมงคลยิ่งด้วยกัน​


ทางด้านนายวิวัฒน์ โกมลตรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธี “เปิดการจําหน่ายเข็มที่ ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ในวันนี้ การที่บิ๊กซี ได้รับความไว้วางใจจากสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้แทนจําหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ ให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยนับเป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ บิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 ได้เป็นผู้แทนจําหน่ายที่ระลึกตราสัญลักษณ์ฯ ในจังหวัดของเราอีกด้วย โดยทางพี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงจะได้มีโอกาสใน การจัดซื้อเป็นที่ระลึก และใช้ประดับเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย

ในโอกาสนี้ ผมขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านร่วมกันประดับเข็มที่ระลึกตรา สัญลักษณ์ ฯ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ด้วยกัน ผมขออํานวยพรให้บิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 ประสบความสําเร็จตามที่มุ่งหวัง และ ในโอกาสนี้ ผมใคร่ขอเปิดการจําหน่ายเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ บัดนี้

หลังจากประกอบพิธีเปิดเสร็จสิ้น นายเอกภพ ชุมภูรัตน์ ผู้จัดการบิ๊กซี สาขาเชียงใหม่ 2 ได้มอบเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติให้ นายวิวัฒน์ โกมลตรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นแขกผู้มีเกียรติทุกท่านถ่ายภาพร่วมกัน เป็นอันเสร็จพิธี

เชียงใหม่ รัฐมตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เปิดสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ หลังใหม่ครบรอบ 25 ปี(ตลิป)

รัฐมตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เปิดสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ หลังใหม่ครบรอบ 25 ปี


เมื่อเวลา 09.39 น.วันที่ 25 พฤษภาคม 2567 ที่สำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พระเทพปริยัติ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด พระอาราม​หลวงเป็นประธานสงฆ์ พร้อมด้วย พระครูโกศลธรรมวิจัย เจ้าคณะอำเภอสันทราย เจ้าอาวาสวัดข้าวแท่นหลวง นำพระสงฆ์ จำนวน 19 รูป ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ทำบุญเปิดอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ โดยมีนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน พร้อมนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เขต 9 พรรคพลังประชารัฐ, นายชัชวาล ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายกอปท.ในพื้นที่ หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ภาคีเครือข่าย แขกผู้​มีเกียรติ​เข้าร่วมในพิธีเปิด

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พร้อมแขกรับเชิญจุดเทียนมงคล จากนั้นตามด้วยประกอบพิธีสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นแขกที่มาร่วมพิธีเปิดรับชมการฟ้อนต้อนรับประธานพร้อมคณะฯ และแขกผู้มีเกียรติ นายอำเภอสันทราย กล่าวต้อนรับ นายประหยัด ทรงคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้ กล่าวรายงาน ประธานในพิธี รับฟังการกล่าวรายงาน และเปิดป้ายอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้

นายประหยัด ทรงคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่โจ้ กล่าวว่า การก่อสร้างอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้หลังใหม่ขึ้นนี้ เพื่อรองรับการบริการพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตเทศบาลฯ 19 ชุมชน เดิมเทศบาลเมืองแม่โจ้ มีอาคารบริการประชาชนชั้นเดียว 1 หลัง สร้างเมื่อปีพ.ศ. 2538 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2547 ก่อสร้างอาคาร 3 ชั้น เพิ่มเติมอีก 1 หลัง เนื่องจากพื้นที่เทศบาลเมืองแม่โจ้ มีการขยายความเจริญอย่างต่อเนื่องมีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ตั้งอยู่ในพื้นที่ มีการคมนาคมสะดวกไม่ไกลจากตัวเมือง จึงทำให้มีโครงการก่อสร้างบ้านจัดสรร หอพัก เป็นจำนวนมาก และทำให้มีประชาชนเข้ามาศึกษา มาอยู่อาศัยและประกอบธุรกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบันมีประชากรตามทะเบียนราษฎรประมาณ 29,000 คน ประชากรแฝงอีกถึง 50,000 คน ประกอบกับเทศบาลมีภารกิจถ่ายโอนเพิ่มขึ้นจึงทำให้พื้นที่ทำงาน และบริการประชาชนไม่เพียงพอ และการอำนวยความสะดวกยังไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร

อีกทั้งอาคารเดิมที่มีอยู่คับแคบ สภาพเก่า คณะผู้บริหารจึงได้มีแนวคิดในการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ขึ้น โดยรื้อถอนอาคารชั้นเดียวเพื่อใช้เป็นพื้นที่ก่อสร้าง อาคารเทศบาล 4 ชั้นนี้ โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 35 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณจากเงินรายได้จำนวน 6 ล้านบาท เงินสะสมเทศบาล จำนวน 29 ล้านบาท โดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัด ตรี ดี อาคิเทค แอนด์ เอนจิเนียริ่ง เป็นผู้ออกแบบ และเริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2566 ใช้งบประมาณก่อสร้าง จำนวนสามสิบล้านแปดแสนสามหมื่นบาท โดยมีบริษัท เชียงใหม่มายโฮม จำกัด เป็นผู้ก่อสร้าง มีพื้นที่ใช้สอยรวม 2,800 ตารางเมตร

และวันนี้ยังเป็นวันที่น่ายินดียิ่งที่เทศบาลเมืองแม่โจ้ ครบรอบ 25 ปี นับจากได้รับการยกฐานะจากสุขาภิบาลเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2542 ซึ่งสามารถพัฒนาเมืองมาอย่างต่อเนื่องจนได้รับรางวัล และเป็นต้นแบบของประเทศ ดังเช่น การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐ (ITA) ด้านความโปร่งใสและป้องกันการทุจริต 100 คะแนน 2 ปีซ้อน รางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดีปี 2566 ในลำดับที่ 2 ของประเทศ รางวัลเครือข่ายพื้นที่สีขาวต้นแบบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ปี 2566 และยังเป็นต้นแบบด้านการบริหารจัดการขยะของจังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2567 นำมาซึ่งความภาคภูมิใจและความสำเร็จของชาวแม่โจ้ทุกคน

และในโอกาสอันดีที่ท่านผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ พร้อมคณะฯ และหัวหน้าส่วนราชการ นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง แขกผู้มีเกียรติ พี่น้องประชาชนที่มาร่วมงานวันนี้ถึงกว่า 1,000 คน เทศบาลจึงได้จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นขึ้นโดยการถ่ายทอดความรู้ จัดนิทรรศการ การแสดงของสมาคมปี่ซอจังหวัดเชียงใหม่ การฟ้อนเล็บของกลุ่มสตรีแม่บ้านเทศบาลเมืองแม่โจ้ จำนวน 250 คน นายประหยัดฯ กล่าว

หลังจากนั้นประธานในพิธี พร้อมคณะฯได้พบปะกับแขกผู้มีเกียรติและประชาชนผู้มาร่วมงาน จากนั้นประธานในพิธีพร้อมคณะ ฯ และแขกผู้มีเกียรติ คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล พนักงาน เจ้าหน้าที่ เครือข่ายชุมชนเข้าเยี่ยมชมสำนักงานเทศบาลเมืองแม่โจ้ (หลังใหม่)​ และเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการ/กิจกรรมของเทศบาลเมืองแม่โจ้.

เชียงใหม่ กรมชลประทาน​ประชุมปัจฉิมนิเทศ อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อ.เชียงดาว​ จังหวัดเชียงใหม่​(คลิป)

กรมชลประทานจัดปัจฉิมนิเทศ ประชาชนในพื้นที่โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะเพิ่มเติมต่อผลการดำเนินงานศึกษาโครงการฯ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลปิงโค้ง 2 อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ นายกฤตพล รชตเมธานนท์ นายอำเภอเชียงดาว เป็นประธานเปิดการการประชุมปัจฉิมนิเทศ โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายมหิทธิ์ วงศ์ษา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวรายงาน โดยมีนายทศพัฒน์ เลาจาง นายกเทศมนตรีตำบลปิงโค้ง, นายนคร ศรีธิวงค์ ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม กรมชลประธาน พร้อมด้วย ดร.ชญาทัต เนียมแสวง ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน, พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชนพร้อมด้วยชาวบ้าน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เข้าร่วมการปัจฉิมนิเทศ

นายมหิทธิ์ วงศ์ษา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เนื่องจากราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาน้ำไม่เพียงพอกับความต้องการในคราวสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานโครงการหลวงและทรงเยี่ยมราษฎรที่บ้านห้วยลึก ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ แต่กรมชลประทาน ได้ชะลอโครงการไว้ เนื่องจากจุดที่ตั้งโครงการอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง​เดือนพฤษภาคม 2561 กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้จัดทำรายงานการศึกษาโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ โดยบริเวณที่ตั้งโครงการอยู่ในเขตบ้านปางโม่ หมู่ที่ 8 ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง

แต่เนื่องจากบริเวณจุดที่ตั้งหัวงานอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว บริเวณป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (โซน C) ประมาณ 203 ไร่ จึงเข้าข่ายประเภทและขนาดโครงการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 เรื่อง การทบทวนการกำหนดประเภทและขนาดของโครงการของหน่วยงานรัฐที่ต้องเสนอรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (13 กันยายน 2537) เสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อนำเข้าสู่วาระการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ (คชก.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อรายงาน และเสนอต่อหน่วยงานอนุญาตเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตใช้พื้นที่ก่อสร้างตามขั้นตอนต่อไป สำนักบริหารโครงการ จึงเห็นควรให้ดำเนินการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นของโครงการ ตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติที่กำหนด

ในการนี้กรมชลประทานจึงได้จัดให้มีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ตามแนวทางของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และจัดทำมาตรการป้องกันแก้ไขและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ซึ่งในกระบวนการศึกษานี้

กรมชลประทานให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะเพิ่มเติมต่อผลการดำเนินงานศึกษาโครงการฯ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยมีการจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนไปแล้วทั้งหมด 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 การจัดประชุมปฐมนิเทศ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และครั้งที่ 2 การจัดประชุมกลุ่มย่อย เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

การประชุมวันนี้ จะเป็นการนำเสนอผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น มาตรการป้องกันแก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโครงการต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่รับทราบเกี่ยวกับโครงการ และให้บรรลุเป้าหมายของการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมถึงเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะต่อผลการดำเนินงานศึกษาโครงการฯ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งกรมชลประทานและคณะผู้ศึกษาพร้อมรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการศึกษาให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ต่อไป

นายกฤตพล รชตเมธานนท์ นายอำเภอเชียงดาว กล่าวเปิดงานว่า ตามที่ผู้แทนกรมชลประทานได้รายงานวัตถุประสงค์ของการประชุมปัจฉิมนิเทศในวันนี้ จะเป็นการนำเสนอผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น มาตรการป้องกันแก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนะเพิ่มเติมต่อผลการดำเนินงานศึกษาโครงการฯ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากประชาชนในพื้นที่และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ขอให้ผลการดำเนินงานของโครงการฯ เพื่อให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่มากที่สุด

นายอำเภอเชียงดาว กล่าวอีกว่า “อ.เชียงดาวเป็นแหล่งต้นน้ำปิง และแม่น้ำสายอื่นๆ อีกหลายแห่ง แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้งขาดน้ำในการเพาะปลูก ซึ่งโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หากเกิดขึ้นได้จะช่วยให้เกษตรกรมีแหล่งน้ำในการเพาะปลูก เพราะว่า​ในช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมา เกษตรกรขาดแหล่งน้ำจึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ และได้มีการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกโดยการเผาเศษวัสดุวัชพืชทำให้เกิดไฟลามเข้าไปในพื้นที่ป่า หากมีอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ จะช่วยผันน้ำให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี ก็จะช่วยลดปัญหาการเกิดไฟป่าได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามวันนี้ได้ปัจฉิมนิเทศโครงการฯ ได้มีตัวแทนภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมประชุมขอให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเต็มที่ การที่อาจจะต้องเสียพื้นที่ป่าบางส่วน แต่ได้แหล่งน้ำเพิ่มขึ้นก็ขอให้เวทีนี้เป็นเวทีตกผลึก และขอให้เดินหน้าโครงการนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี” นายอำเภอเชียงดาว กล่าว

จากนั้นในที่ประชุมได้ถ่ายภาพร่วมกันและชมวีดิทัศน์ โดยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอสเค แมเนจเมนท์ แอนด์ แพลนนิง จำกัด , บริษัท ธรรมชาติ คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท ไทยคอนซัลแตนท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้สรุปโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ได้การเปิดเวทีการการประชุมปัจฉิมนิเทศ โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ นำโดยนายพิศาล ตั้งตระกูล ผู้จัดการโครงการ/ผู้เชี่ยวชาญด้านวางโครงการ และนายนคร ศรีธิวงค์ ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกันชี้แจงรายละเอียดโครงการโดยละเอียด ให้แก่หน่วยงาน​ภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงชาวบ้านในพื้นที่ เข้าประชุมปัจฉิมนิเทศ ได้รับทราบพร้อมให้ร่วมกันตอบแบบสอบถามและเสนอแนะอีกด้วย

เชียงใหม่ กรมชลประทานสรุปผลการศึกษาสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นเดินหน้าเตรียมสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ (คลิป)

กรมชลประทานสรุปผลการศึกษาสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นเดินหน้าเตรียมสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

วันนี้(23 พค.67) ที่เทศบาลตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว นายทศพัฒน์ เลาจาง นายกเทศมนตรีตำบลปิงโค้ง กล่าวต้อนรับ นายมหิทธิ์ วงศ์ษา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน และนายนคร ศรีธิวงค์ ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม กรมชลประธาน และ ดร.ชญาทัต เนียมแสวง ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน กรมชลประทาน พร้อมคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ดูงานโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในวันที่ 23-24 พ.ค.67

จากนั้นชมวิดีทัศน์ผลสำรวจโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 8 บ้านปางโม่ ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยโครงการนี้ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2530 ราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานโครงการอ่างเก็บน้าห้วยแม่มาศ ต่อมาทางกรมชลประทานได้เนื่องจากจุดที่ตั้งโครงการอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง อ.เชียงดาว จากนั้นในปี พ.ศ. 2560 สำนักงานชลประทานที่ 1 เข้าสำรวจสภาพพื้นที่จุดที่ตั้งโครงการอีกครั้งหนึ่งพบว่าราษฎรบ้านแม่ป๋าม ยังคงมีความต้องการให้ดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศอยู่ เนื่องจากในพื้นที่ประสบกับปัญหาภัยแล้ง ต้องการแหล่งน้ำเก็บกักสำหรับอุปโภค บริโภคของราษฎรในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ บ้านแม่ป๋าม บ้านปางเฟือง บ้านปางโม่ บ้านแม่มะกู้ บ้านห้วยน้ำริน และบ้านไตรสภาวคาม ในเขตตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และเพื่อให้ราษฎรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความมั่นคงด้านอาหารมีผลผลิตและรายได้ต่อปีเพิ่มขึ้น

ทางฝ่ายพิจารณาโครงการ สำนักงานชลประทานที่ 1 พิจารณาเลื่อนจุดที่ตั้งโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ มาทางด้านท้ายน้ำเพื่อให้อยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ พร้อมศึกษาวางโครงการแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 พบว่าจุดที่ตั้งหัวงานอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว บริเวณป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (โซน C) ประมาณ 202.57ไร่ เข้าข่ายประเภทและขนาดโครงการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 เรื่อง การทบทวนการกำหนดประเภทและขนาดของโครงการของหน่วยงานรัฐที่ต้องเสนอรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (13 กันยายน 2537)

จากนั้นกรมชลประทาน ได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอสเค แมเนจเมนท์ แอนด์ แพลนนิง จำกัด , บริษัท ธรรมชาติ คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท ไทยคอนซัลแตนท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เพื่อดำเนินงานโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 66 สิ้นสุดวันที่ 22 มิ.ย. 67 รวมระยะเวลา 360 วัน

ในครั้งนี้ กรมชลประทานสรุปผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม เบื้องต้นอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า สามารถเก็บกักน้ำได้ 2.57 ล้านลูกบาศก์เมตร มีค่าลงทุนโครงการรวมทั้งสิ้น 182.189 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี ส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกได้ 4,227 ไร่ ซึ่งมีมูลค่าผลประโยชน์ทางการเกษตรเพิ่มขึ้นกว่า 152,000 บาทต่อครัวเรือน โดยผลประโยชน์ครอบคลุมพื้นที่ 4,128 ไร่ ประกอบด้วย หมู่ที่ 2 บ้านปางเฟือง หมู่ที่ 8 บ้านปางโม่ หมู่ที่ 3 บ้านแม่ป๋าม หมู่ที่ 12 บ้านแม่มะกู้ หมู่ที่ 16 บ้านห้วยน้ำริน และหมู่ที่ 5 บ้านไตรสภาวคาม รวมทั้งสิ้น 1,646 ครัวเรือน ในเขตพื้นที่ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกได้ตลอดปี เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินด้านการเกษตรจากปัจจุบันร้อยละ 116.79 เป็น ร้อยละ 122.39 ซึ่งมีมูลค่าผลประโยชน์ทางการเกษตรเพิ่มขึ้น 152,035 บาทต่อครัวเรือน หรือเพิ่มขึ้น 8,565 บาทต่อครัวเรือนต่อไร่ และการสร้างอ่างเก็บน้ำ จะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจของชุมชนในท้องถิ่นและจังหวัด เป็นการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชนและชุมชนโดยรอบได้อีกด้วย

ต่อมานายทศพัฒน์ เลาจาง นายกเทศมนตรีตำบลปิงโค้ง นำคณะทุกท่านลงพื้นที่ฝายแม่ป๋าม พร้อมนายสมทบ จำรัส ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 บ้านแม่ป๋าม พร้อมนายชาติ ผาสพ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 นำลงพื้นที่ดูฝายแม่ป๋ามตัวบน และอีกพื้นที่ นายกเทศบาลตำบลปิงโค้ง พร้อมนายอุทัย บางทน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 บ้านปางโม่ พาดูฝายแม่มาศ เป็นจุดที่ใกล้พื้นที่หัวงานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ดังกล่าว โดยนายกตำบลปิงโค้ง และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เห็นว่าหากสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศแล้ว จะเกิดประโยชน์กับประชาชนทั้งในด้านนำไปอุปโภค -​ บริโภค แล้ว ยังเป็นแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อน้ำไปเป็นแหล่งน้ำในการนำไปดับไฟป่า จากที่ตำบลปิงโค้งเคยติดอันดับต้นๆที่ฤดูแล้งที่ผ่านมาเกิด Hotspot จุดความร้อนที่มากอีกอำเภอหนึ่งในเชียงใหม่ หากมีอ่างเก็บน้ำห้วยแม่มาศ จะสามารถให้ ฮ.มารับน้ำไปดับไฟป่าได้ และที่สำคัญยังจะช่วยให้ชาวบ้านและเกษตรกรนำน้ำไปทำการเกษตรสร้างอาชีพที่มั่นคงต่อไปด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในวันที่ 24 พ.ค.67 สื่อมวลชนร่วมประชุมกับหน่วยงานราชการและชาวบ้าน ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดช่วงเช้า ตามกำหนดการมีผู้แทนกรมชลประทาน และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หรือผู้แทนมาเป็นประธานในการประชุม นายพิศาล ลาภตระกูล ผู้จัดการโครงการ นำเสนอผลการศึกษาของโครงการ ส่วนการนำเสนอประเด็นผลกระทบพร้อมสิ่งแวดล้อม มาตรการป้องกัน แก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมโดย นายนคร ศรีธิวงค์


ผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน โดย ดร.ชญาทัต เนียมแสวง ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อ ร่วมประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการฯ ในครั้งนี้.

เชียงใหม่ วัดป่าดาราภิรมย์ เมตตาไถ่ชีวิตวัวควาย 57 ตัว มอบให้ตำรวจนำไปเลี้ยง เนื่องในวันวิสาขบูชา (คลิป)

วัดป่าดาราภิรมย์ เมตตาไถ่ชีวิตวัวควาย 57 ตัว คู่แม่ลูก 6 คู่ ควายตรงตามลักษณะมงคลดีตามตำราโบาณ 1 ตัว มอบให้ตำรวจนำไปเลี้ยง เนื่องในวันวิสาขบูชา ต่อยอดธนาคารวัวควายของวัด ส่งเสริมให้คนมีเมตตารักสัตว์

ที่บริเวณข่วงวัฒนธรรมล้านนา มูลนิธิศึกษาพัฒนาชนบท วัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง พระเทพวชิราธิบดี เจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วย พระครูสังฆรักษ์วีรวัฒน์ วีรวฑฺฒโน (พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวง) ได้ร่วมกันเมตตาช่วยไถ่ชีวิตโค-กระบือ จำนวน 57 ตัว ในจำนวนนี้มีโคแม่ลูก อยู่ 6 คู่ โดยมี พ.ต.อ.คมสัน พุ่มไพศาลชัย ประธานกองทุนส่งเสริมอาชีพครอบครัวตำรวจ, นายวรพงษ์ บุญเคลือบ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดเชียงใหม่, นางพัชรินทร์ กันวะนา ศึกษานิเทศก็ชำนาญการพิศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาร่วมทำบุญ และรับมอบโค-กระบือ เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

พระครูสังฆรักษ์วีรวัฒน์ วีรวฑฺฒโน (พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวง) กล่าวว่า การไถ่ชีวิตโค-กระบือ เริ่มจากที่มีชาวบ้านไปเห็นคนขับรถที่บรรทุกโค-กระบือมาเต็มคันรถ จึงได้สอบถามว่าจะนำไปที่ไหน ก็ทราบว่าจะนำไปโรงฆ่าสัตว์ ทางผู้มีจิตศรัทธาจึงรู้สึกสงสาร และได้ไถ่มาตัวสองตัว จึงได้นำมาเลี้ยงที่วัด ต่อมาก็มีคนมาติดต่อเรื่อยๆ ทางวัดป่าดาราภิรมย์ เพราะคนรู้ว่าทางวัดมีการจัดเป็นระบบระเบียบ ต่อมาได้จัดตั้งเป็นธนาคารวัว-ควาย หากใครนำมาเข้าธนาคาร ก็จะมีการลงชื่อไว้ เมื่อคนที่จะรับไปดูแล ก็จะมีพันธสัญญานำไปเลี้ยง มีขั้นตอนนำไปเลี้ยง และคนที่นำไปเลี้ยงก็จะได้ประโยชน์ในด้านการเกษตร การนำไปเลี้ยงเพื่อสร้างอาชีพ นำขี้วัวขี้ควายมาเป็นปุ๋ยในการเกษตรลดการซื้อขี้วัวขี้ควาย ซึ่งปัจจุบันมีวัว-ควาย เข้าร่วมในธนาคารกว่า 6,000 ตัว จะมีการต่อยอดคือคนที่จะรับไปเลี้ยงจะต้องมาเป็นสมาชิก มีพื้นที่เลี้ยง มีความเข้าใจในการดูแลสัตว์ ตอนนี้ก็กำลังขยายไปในกลุ่มตำรวจในพื้นที่จังหวัดแพร่ ซึ่งนำไปเลี้ยงแล้วกว่า 500 ตัว และจะขยายไปในกลุ่มอื่นๆ ในวันนี้มีควายที่มีลักษณะเป็นมงคลรวมอยู่ด้วย คือลักษณะลำตัวดี หน้าผากขาว เท้าขาว หางขาว ซึ่งเป็นลักษณะมงคลของควายที่ดีตามความเชื่อโบราณ รวมอยู่ด้วย

เรื่องช้างก็สำคัญมาก ช่วง 3 – 4 ปี ที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิด-19 ก็ทำให้การเลี้ยงช้างลำบากมากขึ้น ตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นมา ได้ช่วยเหลือช้าง ไถ่ชีวิตช้างไปแล้ว 19 เชือก เพราะต้องคำนึงถึงอาหาร สถานที่เลี้ยง ยารักษาโรค เรื่องสุขภาพ ตอนนี้ก็อยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ขั้นตอนการมอบช้างไม่เหมือนกับวัว-ควาย เพราะต้องทำหนังสือไปตามขั้นตอน แล้วต้องมีหนังสือเป็นตั๋วรูปพรรณของช้าง มีสัตวแพทย์มาดูแลสุขภาพช้าง และดูฤกษ์ยามในการมารับช้าง ซึ่งราคาการไถ่ชีวิตช่วยช้าง ราคาบางตัวอาจจะถูก บางตัวอาจจะแพง ช้างอายุยังน้อย อายุการใช้งานเขายังเยอะ ช้างนิสัยดีไม่ดุร้ายราคาก็จะแพง ถ้าเชือกไหนอายุมาก โรยรา ดุหน่อย ราคาก็จะไม่สูงมากนัก เท่าที่ได้รวบรวมปัจจัยจากคณะศรัทธาและลูกศิษย์ มาไถ่แพงสุด 2,100,000 บาท ถูกสุดราคา 350,000 บาท เป็นช้างที่อายุมาก

ด้านหลวงพ่อ พระเทพวชิราธิบดี เจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ กล่าวว่า ธนาคารวัวควายของวัดได้ดำเนินการมากว่า 50 ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้มาเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้ก็เป็นวันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญอย่างมากทางพระพุทธศาสนา การไถ่ชีวิตวัวควาย และมอบให้กับทางตำรวจนำไปเลี้ยงก็เป็นการต่อยอดและขยายโครงการ เพื่อให้คนที่ต้องการได้นำไปใช้ประโยชน์ ผู้ร่วมทำบุญก็ได้บุญกุศลจากการไถ่ชีวิตสัตว์ ซึ่งคนที่นำไปเลี้ยงก็จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติว่าพร้อมหรือไม่ และการเลี้ยงสัตว์จะมีการติดตามผลด้วย ขณะเดียวกันทางพระพุทธศาสนาก็สอนให้คนมีเมตตา การไถ่ชีวิตวัวควาย รวมถึงผู้นำไปเลี้ยงก็ต้องมีใจรักสัตว์เช่นกัน และทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย เพราะวัวควายที่ได้รับไปก็จะนำไปใช้ประโยชน์สร้างรายได้ให้กับครอบครัว ผู้ที่สนใจที่จะรับไปเลี้ยงหรือร่วมทำบุญไถ่ชีวิตวัวควาย ก็ติดต่อมาได้ที่ธนาคารวัวควายของทางวัดป่าดาราภิรมย์ได้

พ.ต.อ.คมสัน พุ่มไพศาลชัย ประธานกองทุนส่งเสริมอาชีพครอบครัวตำรวจ เผยว่าการเข้าร่วมการไถ่ชีวิตวัวควาย ในวันนี้ จะได้นำไปแจกจ่ายให้กับข้าราชการตำรวจ ซึ่งทางกองทุนฯ ได้รับความเมตตาจากโครงการธนาคาร โค – กระบือ ของวัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม รวมถึงวันนี้ ถ้ากองทุนส่งเสริมอาชีพครอบครัวตำรวจ มีโค – กระบือ รวม 600 ตัว ประกอบกับมีผู้มีจิตศรัทธา และเห็นความตั้งใจในการทำงานเพื่อครอบครัวตำรวจ จึงบริจาคเงินจำนวน 300,000 บาท เพื่อให้มาก่อตั้งเป็นมูลนิธิ ชื่อ “มูลนิธิส่งเสริมอาชีพครอบครัวตำรวจและครู” จึงอยากประชาสัมพันธ์ เรียนเชิญข้าราชการครูทั่วทุกจังหวัดในภาคเหนือเข้าร่วมโครงการฯ ได้ โดยสามารถติดต่อ คุณบี้ เลขากองทุนฯ หมายเลขโทรศัพท์ 096-6839849 หรือติดต่อผ่าน นางพัชรินทร์ กันวะนา ศึกษานิเทศก็ชำนาญการพิศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 087-1811305

เชียงใหม่ คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ และองค์กรชาวพุทธ มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ ศาสนคุณาธาร ถวายพระสงฆ์ 68 รูป และรางวัลคนดีวิถีพุทธ แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา (คลิป)

คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ และองค์กรชาวพุทธ มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ ศาสนคุณาธาร ถวายพระสงฆ์ 68 รูป และรางวัลคนดีวิถีพุทธ แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา จำนวน 230 คน เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญของโลก มุ่งส่งเสริมในการทำความดี


ที่อาคารพุทธสถานจังหวัดเชียงใหม่ คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ พุทธสมาคมเชียงใหม่ และยุวพุทธิกสมาคมเชียงใหม่ จัดกิจกรรม เนื่องในวันวิสาขบูชา โดยมีพระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธาน โดยมีกิจกรรมของนักเรียน บ้านทาเหนือวิทยา นำสวดโอ้เอ๋วิหารลาย และนักเรียนโรงเรียนเทพบดินทร์วิทยา นำไหว้พระสรภัญญะ และเยาวชนจิตอาสา ร่วมร้องเพลง วิสาขบูชา และมีการบรรยายธรรม โดยนักเรียน จากชมรมจิตอาสาหัตถศิลป์ล้านนา วิสาขบูชานำพาโลกเป็นสุข และมีนางพรรณี บุญประเสริฐ นายกพุทธสมาคม กล่าวรายงานต่อประธานการจัดงาน


จากนั้นพระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ได้เป็นประธานมอบรางวัล เชิดชูเกียรติ ศาสนคุณาธร ถวายแด่พระสงฆ์จาก 5 อำเภอจำนวน 68 รูป และรางวัลคนดีวิถีพุทธ แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ ภายใต้โครงการผู้ทำคุณประโยชน์ ต่อพระพุทธศาสนา มีทั้งจากหน่วยงานราชการ ทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะช่างฟ้อนจิตอาสา ลูกเสือชาวบ้าน และสื่อมวลชน รวม 230 คน เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา มุ่งส่งเสริมให้ทำความดี พร้อมทั้งให้ศีลให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคล

เชียงใหม่ ผบ.นบ.ยส.35 เผยหน่วยสกัดกั้นชายแดนสกัดยาเสพติด 2 จังหวัดมูลค่าหลายล้านบาท

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 เผยหน่วยสกัดกั้นชายแดนสกัดยาเสพติด 2 จังหวัดมูลค่าหลายล้านบาท

(วันนี้ 20 พค.67) พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า เมื่อ 20 พ.ค. 67 เวลา 0200 บก.สกัดกั้นที่ 3 นบ.ยส.35 ร่วมกับ ฉก.ทัพเจ้าตากและกก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.(นปส.เชียงราย) ทำการติดตามกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ตามแนวชายแดน ในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง และเข้ามาพักคอย ในพื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จว.ช.ร. ผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 คน บริเวณ โรงแรมนันทชัยอินน์ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จว.ช.ร. พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ภายในกระสอบพลาสติกสีรุ้ง กระสอบใหญ่จำนวน 29 กระสอบ และกระสอบเล็ก จำนวน 2 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในหลังรถปิคอัพปิดทึบ, รถยนต์ปิคอัพ จำนวน 1 คัน และ รถเก๋ง จำนวน 1 คัน


ขณะเดียวกันในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ เวลา 0520 กกล.ผาเมือง โดย ร้อย.ทพ.3201 บก.ควบคุมทพ. ศปก.ทภ.3 จัด กพ. 1 ชป. ทำการเฝ้าตรวจและปะทะกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด บริเวณ ช่องทาง บ.ป่ากุ๋ย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จว.ช.ม.ผลการปฏิบัติ ฝ่ายเราปลอดภัย

ต่อมาเมื่อเวลา 0600 หน่วยได้จัดกำลังเข้าพิสูจน์ทราบพื้นที่ปะทะ ตรวจพบ เป้กระสอบดัดแปลง จำนวน 4 เป้ ภายในบรรจุยาบ้า เป้ละ 100,000 เม็ด จำนวน 3 เป้ และเป้ละ 200,000 เม็ด จำนวน 1 เป้ รวมยาบ้าประมาณ 500,000 เม็ด ปัจจุบันอยู่ระหว่างขยายผลพิสูจน์ในพื้นที่เพิ่มเติม

เชียงใหม่ กลุ่ม “Chiang Mai Pride” จับมือร่วมกับ “Asset World Corporation (AWC)” และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงาน “Chiang Mai Colourful Pride Month 2024” (คลิป)

กลุ่ม Chiang Mai Pride จับมือร่วมกับ Asset World Corporation (AWC) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงาน Chiang Mai Colourful Pride Month 2024 เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และเชื่อมโยงการท่องเที่ยว สู่หมุดหมายหลักของงาน Pride Month สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ในระดับสากล

Chiang Mai ร่วมเฉลิมฉลองพร้อมกับ Pride Month ทั่วโลก สำหรับการรวมตัวของ LGBTQ+ ที่มีความหลากหลาย และร่วมกันช่วยส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ให้ได้รับการยอมรับในสังคมปัจจุบัน อีกทั้งเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ชาวไทยและต่างชาติ ในระดับสากลของมาใช้บริการภายในจังหวัดมากยิ่งขึ้น และยังนำไปสู่การเป็นหมุดหมายหลักของงาน Pride Month ในปีต่อ ๆ ไป โดยในการจัดงานครั้งนี้กำหนดให้มีพิธีเปิดงาน “Chiang Mai Colourful Pride Month 2024” ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2567 พร้อมกันนี้ยังได้จัดให้มีกิจกรรมสร้างสีสันให้แห่งเมืองเชียงใหม่ที่จะได้กลับมาคึกคักกันสุดเหวี่ยงตลอดเดือน มิถุนายน 2567 อีกด้วย

สำหรับงาน “Chiang Mai Colourful Pride Month 2024” ที่จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2567 และตลอดเดือน มิถุนายน 2567 ได้มีการเตรียมกิจกรรมสร้างสีสันมากมาย อาทิ ขบวนพาเหรด Chiang Mai Pride, การจัดคอนเสิร์ต, การเนรมิตสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเชียงใหม่ เช่น ขั๋วเหล็ก ประตูท่าแพและแยกรินคำ ให้เต็มไปด้วยสีสัน Pride, การเต้น Random Dance ณ ข่วงประตูท่าแพ, การจัดแข่งขัน Colourful Contest ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 15,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล

บ่ายวานนี้ (17 พฤษภาคม 2567) ณ ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่ ได้มีการจัดให้มีการแถลงข่าวการจัดงาน “Chiang Mai Colourful Pride Month 2024” โดยได้รับเกียรติจาก นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นายเก่ง ชัยวารินทร์ รองผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่, นายภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่, นายศิริศักดิ์ ไชยเทศ ประธานคณะทำงาน Chiang Mai Pride 2024 และ นายพิสันต์ สุวรรณธาดา General manager the pantip lifestyle hub Chiangmai และผู้แทนจาก Asset World Corporation (AWC) ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้

โดย ว่าที่ร้อยเอก สันติพงศ์ บุลยเลิส ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า “จังหวัดเชียงใหม่ นครแห่งชีวิต และความมั่งคั่ง ที่เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ที่ชวนให้หลงรัก จังหวัดเชียงใหม่ มีธรรมชาติที่งดงาม มีศิลปะวัฒนธรรมที่หลากหลาย มีประเพณีอันดีงามที่สะท้อนวิถีชีวิต เชียงใหม่ ในแต่ละปีมีผู้คนมากมายเดินทางมาเยือน การท่องเที่ยวในปัจจุบันได้มีการเปิดกว้างมากขึ้นได้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย ทุกรุ่น โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียม

ในช่วงเดือนมิถุนายน ของทุกปีในระดับนานาชาติ ยกให้เป็นเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ : LGBTQ+ Pride Month สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายของผู้คน แหล่งท่องเที่ยว และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ จึงเป็นเป้าหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งเชียงใหม่พร้อมจะโอบรับทุกคนจากทั่วโลกที่มีความหลายหลาก ด้วยความอบอุ่นด้วยไมตรีจิต ด้วยรอยยิ้มที่เชื่อว่าทุกคนที่เดินทางมาเชียงใหม่ จะมีความสุขได้อย่างหลากหลาย

เสน่ห์ของเชียงใหม่อีกประการ คือในแต่ละช่วงของการเดินทางมาสัมผัสจะมีความแตกต่างกันออกไป ในช่วงฤดูฝน สภาพอากาศเชียงใหม่ได้กลับมาสดใสมากขึ้น พร้อมที่จะให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสธรรมชาติสวยงามมองไปทางไหนก็สบายตา สบายใจ ไร้หมอกควันเต็มไปด้วยภูเขา ต้นไม้ ในช่วงที่เรียกว่า “Green Season” ท้ายนี้ผมขอย้ำว่า เชียงใหม่ คือ นครแห่งชีวิต และความมั่งคั่ง ที่เต็มไปด้วยสีสันและความสุขที่หลากหลาย และพร้อมที่จะต้อนรับผู้คนที่หลากหลาย เช่นกันครับ”

ด้าน นายเก่ง ชัยวารินทร์ รองผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวว่า “สำหรับกิจกรรม Chiang Mai Colourful Pride Month 2024 ในปีนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ร่วมบูรณาการกับพันธมิตรทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นเทศบาลนครเชียงใหม่, กลุ่ม Chiang Mai Pride และ Asset World Corporation (AWC) เพื่อสร้างสีสันให้กับงานตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. 2567 ไปจนตลอดเดือนมิถุนายน 2567 ด้วยการเพิ่มสีสันให้กิจกรรมภายในงานมากมาย อาทิ การเพิ่มขบวน Pride Parade ให้มีความยิ่งใหญ่มากขึ้น และการเชิญศิลปินชื่อดังมาร่วมแสดง บนเวทีกิจกรรม, การจัด Installation Arts เพื่อสร้าง Landmark จุดถ่ายรูปเช็คอินให้แก่นักท่องเที่ยว อาทิ บริเวณประตูท่าแพ สะพานขั๋วเหล็ก และแยกรินคำ, กิจกรรมนิทรรศการศิลปะประกวดภาพถ่าย และกิจกรรม Random Dance เปิดพื้นที่ให้ผู้มีความชื่นชอบในการเต้นได้มาแสดงออก นอกจากกิจกรรมข้างต้นแล้ว ททท. ยังได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และพันธมิตรต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ สายการบิน, กอล์ฟ, สปา, ร้านอาหาร, ที่พัก/ โรงแรม, รถเช่าและรถขนส่งสาธารณะ จัดทำแคมเปญส่วนลดพิเศษ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง Pride month ตลอดทั้งเดือนมิถุนายน 2567 โดยคาดว่าจะส่งผลให้เกิดมูลค่าเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยวตลอดทั้งเดือนมิถุนายน มากกว่า 7,500 ล้านบาทและเกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยว 790,000 คน/ครั้ง และ ททท. จะผลักดันให้งาน Chiang Mai pride festival เป็นกิจกรรมหลักของเดือนมิถุนายนในปฏิทินท่องเที่ยว 12 เดือน 12 เทศกาลของจังหวัดเชียงใหม่และเกิดการจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อให้เป็นหมุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยว Top LGBTQ+Friendly Destination ต่อไป ทั้งนี้ สามารถติดตามโปรโมชั่นต่างๆในเดือน Pride month ได้ที่ Facebook Page Chiangmai Colourful Pride Month 2024, ททท. สำนักงานเชียงใหม่ และเพจพันธมิตรอื่น ๆ ”

ทางด้าน นายภวฤทธิ์ กาญจนเกตุ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ในนามของนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า “ สำหรับปีนี้ เทศบาลนครเชียงใหม่ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดงานนี้ขึ้นในระหว่างวันที่ 1-2 มิถุนายน 2567 บนพื้นที่จากถนนช้างคลาน ย่านไนท์บาร์ซาร์ ถึงข่วงประตูท่าแพ ซึ่งจะได้รับ การตกแต่งให้เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งสีสันของเดือนแห่งความภาคภูมิใจหรือเดือน Pride และขบวนพาเหรดที่ผสมผสานวัฒนธรรมล้านนาและวัฒนธรรมร่วมสมัยภายใต้แนวคิด We are all Human ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของคุณค่าแห่งมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าพวกเราทั้งหลายจะเป็นเพศไหนก็ตาม

นอกจากสีสันและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองแล้ว เพื่อให้ผู้คนทั่วไปได้รับรู้ถึงความสำคัญและความหมายของงาน Chiang Mai Colourful Pride Month 2024 นี้ จึงได้ประกอบด้วยนิทรรศการเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับ LGBTQ อาทิ กฎหมายสมรสเท่าเทียม ความหมายของเพศสภาพ ความเท่าเทียมของมนุษย์ทุกคนอีกด้วย
ด้วยเล็งเห็นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการแสดงคุณค่าของมนุษย์ทุกคน เทศบาลนครเชียงใหม่จึงได้ให้การสนับสนุนในการจัดงานด้วยความยินดียิ่ง และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงาน Chiang Mai Colourful Pride Month 2024 ในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของการจัดงานที่ว่า ไม่ว่าเราทั้งหลายจะเป็นเพศใด ทุกคนก็ล้วนมีความเท่าเทียมกัน หรือ We are all Human ”

ทางด้าน นายศิริศักดิ์ ไชยเทศ ประธานคณะทำงาน Chiang Mai Pride 2024 กล่าวว่า “ เนื่องด้วยเดือนมิถุนายนของทุกปี ทั่วโลกต่างร่วมกันเฉลิมฉลอง รวมทั้งรำลึกการต่อสู้ของคนที่มีความหลากหลายทางเพศ และสืบทอดเจตนารมณ์ที่ต้องการให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศได้รับการปกป้อง คุ้มครองให้ปลอดภัยจากความรุนแรง ยกระดับคุณภาพชีวิต และสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชนของคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือที่เรียกว่าเทศกาลแห่งความภาคภูมิใจ PRIDE MONTH ซึ่งคณะทำงาน Chiang Mai Pride 2024 ประกอบด้วยนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน องค์กรภาคประชาสังคม จากหลากหลายประเด็นอาทิ สิทธิความหลากหลายทางเพศ, สิทธิพนักงานบริการ, สิทธิด้านสุขภาพ, สิทธิด้านแรงงาน, สิทธิคนพิการ, สิทธิผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV, สิทธิเยาวชน, สิทธิผู้หญิง, สิทธิชาติพันธ์, สิทธิผู้ใช้ยา, นักกิจกรรมประชาธิปไตย ฯลฯ โดยธีมปีนี้คือ “Chiang Mai Pride 2024 : Beyond Gender : Pride United : Celebrating Diversity, Embracing Unity” “ เชียงใหม่เป็น จังหวัดเปิดเทศกาลเฉลิมฉลองเดือน ไพรด์ จัดหวัดแรกของประเทศไทย”

ในวันอาทิตย์ ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 13.00 น. – 24.00 น. ณ พุทธสถานเชียงใหม่ ไนท์บาซาร์เชียงใหม่ และ ลานอเนกประสงค์ ข่วงประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ โดยกิจกรรมจะประกอบด้วยการเดินขบวน Pride Parade ดนตรี การแสดงศักยภาพของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ การประกวด Chiang Mai Pride Ambassador 2024 และการแสดงบันเทิงหลากหลายรูปแบบและไฮไลท์ สำคัญคือ การแสดงจุดยืนเพื่อให้รัฐไทยออกกฎหมายที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชนให้เป็นจริง อาทิ
● สมรสเท่าเทียม ผ่าน พิธิสมรสของคู่รักความหลากหลายทางเพศ เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมีกฎหมาย สมรมเท่าเทียม สำหรับทุกคน
● Sex work Is Work เพื่อยกเลิก พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีปี 2539 และส่งเสริมให้รัฐไทยออกกฏหมาย พรบ.มาตรฐานคุ้มครองพนักงานบริการทางเพศ ผ่านกิจกรรมของพนักงานบริการเอง
● กฎหมายรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ ผ่านถ้อยแถลงของเยาวชนคนข้ามเพศ
● รัฐไทยต้องออกฎหมาย พรบ.ขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ผ่านถ้อยแถลงของตัวแทนชุมชน
● พบกับSpeech จากชุมชนทุกประเด็น
● การประกาศเจตนารมณ์ เรื่องการต่อต้าน Rain Bow washing ทุกรูปแบบ

ซึ่ง นายพิสันต์ สุวรรณธาดา General Manager The Pantip Lifestyle Hub กล่าวว่า “ในนามของ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์ แบบครบวงจร รวมพลังเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกซน อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร และ Chiangmai Pride รวมถึงกลุ่มธุรกิจของโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครื่อ AWC กว่า 15 แห่ง ร่วมต้อนรับเทศกาล Pride Month จัดแคมเปญ ‘AWC Let’s Pride’ สร้างปรากฎการ์ณแห่งความเท่าเทียม สนับสนุนความหลากหลาย ทางเพศครั้งยิ่งใหญ่ทั่วกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างเชียงใหม่ พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทย ก้าวสู่จุดหมายปลายทางการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความเท่าเทียม และเป็นจุดหมายปลายทางยั่งยืนระดับโลก ทั้งด้านไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยว

AWC Let’s Pride’ คือ แคมเปญของความภาคภูมิใจ ความเท่าเทียมของความหลากหลาย และการยอมรับตนเอง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการรวมพลังสนับสนุนการเปิดกว้างของสังคมร่วมสมัย และความเสมอภาคอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นเมืองแห่งความเท่าเทียมที่มีบทบาทบนเวที่โลกโดย AWC Let’s Pride’ ร้างสรรค์ภายใต้ 3 กิจกรรมฮไลท์ ‘Pride Experience, Pride Talk และ Pride Cheerfu!’

AWC Let’s Pride’ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ AWC ในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนภายใต้กรอบ
การดำเนินงาน ‘3BETTERs’ ในด้าน ‘BETTER PEOPLE’ เพื่อผู้คนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยการพัฒนา ทรัพยากรบุคคล สนับสนุนสิทธิมนุษยชน และส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศในการทำงานและ การแสดงความคิดเห็น โดยมุ่งเน้นเรื่องการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและสร้างโอกาสที่เสมอภาค ”

ทั้งนี้ สามารถติดตามโปรโมชั่นต่างๆในเดือน Pride month ได้ที่ Facebook Page Chiangmai Colourful Pride Month 2024, ททท. สำนักงานเชียงใหม่ และเพจพันธมิตรอื่น ๆ