เชียงใหม่ จัดพิธีสถาปนาคณะกรรมการ สมาคมนักธุรกิจไทย-จีนเชียงใหม่ สมัยที่ 26 มีนาย พีรพงศ์ เชิดสถิรกุล เป็นนายกสมาคมนักธุรกิจไทยจีน สมัยที่ 26 ปีบริหาร 2567 – 2569(คลิป)

จัดพิธีสถาปนาคณะกรรมการ สมาคมนักธุรกิจไทย-จีนเชียงใหม่ สมัยที่ 26 มีนาย พีรพงศ์ เชิดสถิรกุล เป็นนายกสมาคมนักธุรกิจไทยจีน สมัยที่ 26 ปีบริหาร 2567 – 2569 มีกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแสดงความยินดี


สมาคมนักธุรกิจไทย-จีนจังหวัดเชียงใหม่ ทำพิธีสถาปนาคณะกรรมการสมัยที่ 26 แทน นาย พิสิษฐ์ จินตวิวัฒน์ นายกฯสมาคมนักธุรกิจไทย-จีนเชียงใหม่ สมัยที่ 25 และคณะกรรมการชุดเก่าที่หมดวาระ และคณะกรรมการชุดใหม่ ปีบริหาร 2567 – 2569 มีนาย พีรพงศ์ เชิดสถิรกุล เป็นนายกสมาคมฯ สมัยที่ 26 พร้อมกับคณะกรรมการชุดใหม่ และในวันนี้มีพิธีสถาปนา คณะกรรมการ สมาคมนักธุรกิจไทย-จีน เชียงใหม่ สมัยที่ 26 มีนาย เฉิน ไห่ ผิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มาร่วมแสดงความยินดี และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ให้กับ นาย พิสิษฐ์ จินตวัฒน์ นายกสมาคมฯสมัยที่ 25 และนาย พิสิษฐ์ ได้มอบตราสารสมาคมฯ คืนให้กับ นาย ไพฑูรย์ ตระการศิรินนท์ ประธานการเลือกตั้งฯ

ในการนี้มีนาย วีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีแสดงความยินดี และมอบตราสารสมาคมฯ ให้กับนาย พีรพงศ์ เชิดสถิรกุล นายกสมาคมนักธุรกิจไทย-จีนเชียงใหม่ สมัยที่ 26 และกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ยังมอบเกียรติบัตรแต่งตั้ง ให้กับนาย พีรพงศ์ เชิดสถิรกุล นายกสมาคมนักธุรกิจไทย-จีน เชียงใหม่ สมัยที่ 26

จากนั้นก็จะมี พลตำรวจตรี ศิริวัฒน์ บุญประสิทธิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตัวแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ขึ้นกล่าวแสดงความยินดี และนางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และสมาคมองค์กรชาวจีน ในจังหวัดเชียงใหม่ เข้ามอบช่อดอกไม้ แสดงความยินดี กับนาย พีรพงศ์ เชิดสถิรกุล นายกสมาคมนักธุรกิจไทย-จีนเชียงใหม่ สมัยที่ 26 ซึ่งถือว่าเป็นองค์กร ที่มีสมาชิก เป็นนักธุรกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ของจังหวัดเชียงใหม่

เชียงหม่ ชาวสันทราย รุ่นพี่ ศิษย์เก่า ร่วมต้อนรับน้องใหม่แม่โจ้ รุ่น 89 กว่า 6,700 คน อย่างอบอุ่น ประเพณี เดินวิ่ง แม่โจ้ – สันทราย กิจกรรมสร้างสัมพันธ์ชุมชนน้องใหม่แม่โจ้

ชาวสันทราย รุ่นพี่ ศิษย์เก่า ร่วมต้อนรับน้องใหม่แม่โจ้ รุ่น 89 กว่า 6,700 คน อย่างอบอุ่น ประเพณี เดินวิ่ง แม่โจ้ – สันทราย กิจกรรมสร้างสัมพันธ์ชุมชนน้องใหม่แม่โจ้

วันที่ 27 มิ.ย.67 ดร.อำนวย ยศสุข นายกสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน เดินวิ่ง แม่โจ้-สันทราย ณ สนามกีฬาอินทนิล. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิ่งเข้าสู่เส้นชัย ณ ที่ว่าการอำเภอสันทราย เพื่อให้นักศึกษาใหม่เข้าคารวะ นายณัชฐเดช มุลาลี นายอำเภอสันทราย และหัวหน้าส่วนราชการในอำเภอสันทราย โดยมี รศ.ดร.วีระพลทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวมอบตัวนักศึกษาใหม่ พร้อมทั้งได้ฝากตัวกับชาวอำเภอสันทราย ซึ่งมีประชาชนชาวอำเภอสันทราย ศิษย์เก่าแม่โจ้ และรุ่นพี่ นำอาหาร เครื่องดื่ม ผลไม้ต่าง ๆ มาคอยต้อนรับและให้กำลังใจตลอดเส้นทาง ตั้งแต่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จนถึง หน้าที่ว่าการอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่อบอุ่น น่ารัก สุดประทับใจ

ทั้งนี้ ประเพณี เดิน – วิ่ง การกุศล แม่โจ้ – สันทราย ได้เริ่มมีมาเมื่อปี พ.ศ. 2505 ซึ่งเป็นการสอบรับนักเรียนรุ่น 27 เพื่อทดสอบสมรรถภาพความอดทน ของผู้ที่สมัครเข้าเรียนแม่โจ้สมัยนั้น แรกเริ่มเดิมที เป็นการทดสอบวิ่งทน ของนักเรียนที่จะมาเรียนแม่โจ้ โดยวิ่งจากในเมืองมายังแม่โจ้ ถือเป็นคะแนนพิเศษเพิ่มจากการสอบสัมภาษณ์ เพราะผู้ที่จะทำการเกษตรต้องมีร่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์ และเป็นการฝึกความอดทน ตามคติพจน์ของ ศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย ที่ว่า “งานหนักไม่เคยฆ่าคน” จนทำให้กิจกรรมการ เดินวิ่ง แม่โจ้ – สันทราย เกิดเป็นประเพณีขึ้นจวบจนปัจจุบัน

ในปีนี้มีนักศึกษาใหม่ ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก จาก(เชียงใหม่, แพร่ฯ,ชุมพร) เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนกว่า 6,700 คน ซึ่งนักศึกษาชาย และ หญิง ที่วิ่งเข้าเส้นชัย 5 อันดับแรก จะได้รับเสื้อสามารถจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ขอขอบคุณหน่วยงาน องค์กร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ในการร่วมกันจัดกิจกรรมสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวแม่โจ้ และร่วมกันเสริมสร้างเสริมอัตลักษณ์ลูกแม่โจ้และคุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์


ฝ่ายสื่อสารองค์กร ม.แม่โจ้ //รายงาน

เชียงใหม่ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดงาน หอการค้าแฟร์ 2024 “Local Food Good Taste” ระหว่างวันที่ 8 – 14 ก.ค.นี้ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบฯ(คลิป)

หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมจัดงานหอการค้าแฟร์ 2024 “Local Food Good Taste” ระหว่างวันที่ 8 – 14 ก.ค.นี้ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบฯ

วันนี้(26 มิ.ย. 67) ณ ห้องประชุม 101-104 ชั้น 1 อาคารตันตราภัณฑ์ 7/11 ม. 5 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางนัยนภัส สังขนุกิจ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ นายปรกฤษฎิ์ สายหัสดี กรรมการเลขาธิการ หอหารค้าจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมแถลงข่าวจัดงานหอการค้าแฟร์ 2004 จัดยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 8 – 14 ก.ค.นี้ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบฯ

สำหรับการจัดงานแสดงนวัตกรรมและจำหน่ายสินค้า Lanna Expo 2024 ภายใต้แนวคิด BCG Creative LANNA โดยในปีนี้ภายในงานจะพบกับสุดยอดนวัตกรรม สินค้า และงานบริการ กว่า 800 คูหา โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานให้เที่ยวชม มากกว่า 10 โซน พร้อมทั้งกิจกรรมเจรจาธุรกิจเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มภูมิภาค ขยายฐานการตลาดสู่ระดับนานาชาติ พร้อมสนุกสนานไปกับกิจกรรมบันเทิง และร่วมลุ้นรับของรางวัลมากมายภายในงาน ระหว่างวันที่ 8 – 14 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่

ทางด้านนายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของสมาชิก สนับสนุนและส่งเสริมการค้า การลงทุน ตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดมาอย่างต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรม ในปีนี้ทางหอการค้ามาในคอนเซ็ปต์ Local Food Good Taste เน้นไปที่อาหารพร้อมทาน อาหารปรุงสดใหม่ สะอาด ถูกหลักอนามัย

ภายในโซนหอการค้าแฟร์จะมีไฮไลท์ภายในงานที่ดึงดูด และกระตุ้นการซื้อขายนั่นก็คือการไลฟ์สินค้าภายในงานของผู้ประกอบจาก สำหรับผู้ที่อยู่ต่างที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ก็สามารถสั่งซื้อสินค้าภายในงานได้เช่นเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการนำเอาเทคโนโลยีใกล้ตัว มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างง่ายได้ อีกทั้งกิจกรรมเวิคช็อป DIY สุดสร้างสรรค์อาทิเช่น เวิคช็อปทำน้ำหอมที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ เวิคช็อปร้อยลูกปัด เวิคช็อปทำบาธบอมบ์ เวิคช็อปแต่งหน้าเค้ก จัดดอกไม้ Coding เด็ก กิจกรรม Workshop ที่เป็นงาน Craft ต่าง ๆ การนำเอาวัสดุเหลือใช้มาสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ในเรื่อง BCG สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักในการจัดงาน รวมถึงกิจกรรมการแสดงบนเวที ทั้งการแสดงดนตรี Cover Dance และ แฟชั่นโชว์ จากหลากหลายโรงเรียนในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้กับคนรุ่นใหม่

เชียงใหม่ รมช.คมนาคมลงพื้นที่ตรวจราชการ ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่(คลิป)

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่

วันที่(24 มิ.ย.) ที่บริเวณถนนเลียบทางรถไฟ ด้านหลังโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย (ใต้สะพานยกระดับ) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายก อบจ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ อบจ.เชียงใหม่ ให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลในการปรับปรุงสถานที่

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกอบจ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากถนนเลียบทางรถไฟเชียงใหม่-ลำพูน ซึ่งดำเนินการก่อสร้างและออกแบบโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง และเปิดใช้งานมาตั้งแต่สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจากยังขาดช่วง 2ช่วงทาง ได้แก่ ช่วงตั้งแต่แยกเหมืองง่า เขตจังหวัดลำพูน ถึง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทาง 9.52 กิโลเมตร และช่วงแยกถนนมหิดลจนถึงสถานีรถไฟ ระยะทาง 1.82 กิโลเมตร ซึ่งยังมิได้มีการก่อสร้างถนน ส่งผลให้ขาดความต่อเนื่องในการสัญจรระหว่างตำบล อำเภอ และจังหวัดทำให้เกิดความยากลำบาก

นายก อบจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ในฐานะที่อบจ.เชียงใหม่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ ที่ต้องดูแลด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานทั้งจังหวัด จึงได้ประสานขอความอนุเคราะห์ไปยังนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในการติดตามเรื่องไปยังกรมโยธาธิการให้เร่งออกแบบและประมาณการค่าก่อสร้าง ซึ่งจะใช้งบประมาณ 214 ล้านบาท เป็นการใช้งบรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านการจราจร เกิดความคล่องตัวต่อเนื่องในการสัญจร พร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน โดยขณะนี้ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่เพื่อดำเนินการก่อสร้างถนนตามโครงการดังกล่าวแล้ว และวันนี้ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ซึ่งหลังจากดูพื้นที่จุดนี้แล้ว ก็จะไปติดตามดูความคืบหน้าพื้นที่สวนสาธารณะรถไฟด้วย

ต่อมาเวลา 11.00 น รมช.คมนาคมและคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่สาธารณะตรงข้ามสถานีรถไฟ สวนสาธารณะบนที่ดินของการรถไฟ ณ สวนสาธารณะบนที่ดินของการรถไฟ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ดูหน้างานและรับฟังข้อมูลต่างๆ แล้ว ทั้งสองโครงการที่จะพัฒนาพื้นที่ของการรถไฟฯไม่มีปัญหาอุปสรรคอะไร เพราะ ล้วนแต่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน จุดแรกที่ไปดูมาคือการก่อสร้างถนนเลียบทางรถไฟฝั่งตะวันตกที่ยังขาดช่วงอยู่ 2 ช่วงทาง เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะเป็นประโยชน์สำหรับพี่น้องประชาชนในการสัญจรเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด อำเภอและตำบลด้วย และยังช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรเพราะเป็นเส้นทางเลี่ยงการจราจรเส้นหลัก

สำหรับการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่สาธารณะตรงข้ามสถานีรถไฟ ให้เป็นสวนสาธารณะที่อบจ.เชียงใหม่ได้เข้ามาปรับปรุงสภาพพื้นที่จากที่รกร้างให้แล้ว ต่อไปก็จะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างสองหน่วยงานคือการรถไฟแห่งประเทศไทยและอบจ.เชียงใหม่ ซึ่งเบื้องต้นการรถไฟฯได้เห็นชอบในการให้ใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะหรือปอดแห่งใหม่ขนาดใหญ่ใจกลางเมือง และอนาคตเมื่อมีรถไฟความเร็วสูงกับรถไฟรางคู่ขึ้นมาอีก อนาคตพื้นที่แห่งนี้ยิ่งสำคัญและเป็นประโยชน์ทั้งกับคนเชียงใหม่ในพื้นที่ ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่มาเชียงใหม่อีกด้วย ก็ได้ฝากไปทั้งสองหน่วยงานให้เร่งดำเนินโครงการให้เร็ว หากสามารถดำเนินการได้เสร็จทันสิ้นปีนี้เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ก็ยิ่งจะดีมาก.

เชียงใหม่ ชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพื้นที่ภาค 5 ประชุมสัมมนาเพื่อเชื่อมโยงเครือข่าย ขอความร่วมมือสหกรณ์ฯ ให้ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 4.75 (คลิป)

ชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพื้นที่ภาค 5 ประชุมสัมมนาเพื่อเชื่อมโยงเครือข่าย ขอความร่วมมือสหกรณ์ฯ ให้ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 4.75 ส่วนเงินปันผล ให้ประธานฯจากร้อยละ 10 เปอร์เซ็นต์ ลดลงเหลือร้อยละ 3 เพื่อให้เงินกระจายถึงสมาชิก และช่วยเหลือตำรวจผู้น้อย ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


ที่ห้องประชุมวารีกุญชร เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พลตำรวจโท กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เป็นประธานการประชุมสัมมนา เชื่อมโยงเครือข่าย สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพื้นที่ภาค 5 ประจำปี 2567 ซึ่งมีจำนวน 12 แห่ง โดยมีผู้จัดการสหกรณ์และผู้บังคับการตำรวจภูธรในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และสหกรณ์ตำรวจตระเวนชายแดน เข้าร่วม ซึ่งการประชุมสัมมนาวันนี้ หลังจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือ ให้สหกรณ์แต่ละแห่ง ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ให้เหลือร้อยละ 4.75 เปอร์เซ็นต์ เพื่อช่วยเหลือข้าราชการ ตำรวจชั้นผู้น้อย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังขอความร่วมมือให้ลดเงินปันผลกับประธานสหกรณ์ฯ จากร้อยละ 10 เหลือร้อยละ 3 เพื่อให้เงินปันผลกระจาย ไปถึงสมาชิกอย่างทั่วถึง ในการหารือ ให้ความร่วมมืออย่างดี และอยู่ระหว่างไปหาแนวทางการปรับลด

พลตำรวจตรี วุฒิ วิฑิตานนท์ รองประธานกรรมการชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภาค 5 เปิดเผยว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะช่วยเหลือตำรวจชั้นผู้น้อย ในการลดดอกเบี้ยเงินกู้สามัญ ของแต่ละสหกรณ์ ฯ ที่ผ่านมาสหกรณ์ฯบางแห่ง มีการดำเนินการ ลดดอกเบี้ยไปก็มี ทั้งนี้สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพื้นที่ภาค5 มีสมาชิกกว่า 6,000 ราย มียอดเงินกู้ ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท สมาชิก มียอดเงินเดือนเหลือ แค่ร้อยละ 30 มีมากถึงร้อยละ 50 ส่วนยอดเงินปันผล ได้ขอความร่วมมือ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ฯแต่ละแห่ง จากที่ได้เงินปันผล ร้อยละ 10 ให้ลดเหลือร้อยละ 3 เพื่อกระจายเงินปันผล ให้กับสมาชิกอย่างทั่วถึง ซึ่งสหกรณ์ออมทรัพย์ขนาดใหญ่บางแห่ง ประธานฯมีเงินปันผลมากกว่า 2 ล้านบาท ต่อปีก็มี ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทาง ในการช่วยเหลือข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย

เชียงใหม่ ประชาชนชาวเชียงใหม่ ร่วมทำบุญและพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้าง เจดีย์ พุทธคยาจำลอง ขนาดเท่าของจริง บริเวณพุทธมณฑลเชียงใหม่ เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(คลิป)

ประชาชนชาวเชียงใหม่ ร่วมทำบุญและพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้าง เจดีย์ พุทธคยาจำลอง ขนาดเท่าของจริง บริเวณพุทธมณฑลเชียงใหม่ เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


พระเดชพระคุณ พระพรหมโมลี กรรมการมหาเถระสมาคม รักษาการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นองค์ประธาน ในการประกอบพิธี วางอิฐและแผ่นศิลาฤกษ์ ในการสร้างเจดีย์ พุทธคยาจำลอง ให้เหมือนในประเทศอินเดีย ขนาดเท่าองค์จริง เป็นองค์เจดีย์สี่เหลี่ยม ที่สูงใหญ่ โดยสูงถึง 51 เมตร ฐานวัดโดยรอบได้ 121.29 เมตร โดยก่อสร้าง บริเวณพุทธมณฑลเชียงใหม่ หมู่บ้านโทกเสือ หมู่ที่ 18 ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง มากถึง 190 ไร่

มีพลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข รักษาราชการ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ฝ่ายฆราวาส และมีคุณแม่ จันทร์ฟอง กิ่วแก้ว พร้อมกับ คุณเชิดพงศ์ กิ่วแก้ว ผศ.ดร.สมพร ปีนทะยา คุณพฤกษา ธิติธาวินโชค ทพ.พงค์เพชร กิ่วแก้ว คุณน้ำเพชร กิ่วแก้ว คุณ เกษรา บุตรบัว ด.ช.พชร กิ่วแก้ว คุณกัลยา คำปัน บจก. เพชรอินทรีทรานสปอร์ต บจก. เขมรัชตทรานสปอร์ต บมจ ปูนซีเมนต์นครหลวง บจก. นครหลวงคอนกรีต เป็นเจ้าภาพในการจัดสร้าง เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และใช้ประกอบพิธี วันสำคัญทางพุทธศาสนา เป็นศูนย์รวมจิตใจ ของพุทธศาสนิกชน ของชาวเชียงใหม่ และจากทั่วประเทศ

นอกจากนี้มีนาย นิรัตน์ พงศ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มาร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์ด้วย ขณะที่ประชาชนที่มาร่วมงาน ได้นำแก้ว แหวน เงินทอง ของมีค่า อัญมณี พระเครื่อง นำมาใส่ในฐานแผ่นศิลาฤกษ์ เพื่อร่วมบุญใหญ่

สำหรับพุทธคยา สถานที่จริง เป็นพุทธสังเวชนียสถาน ที่สำคัญที่สุด 1 ใน 4 สังเวชนียสถาน และถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่สุดของชาวพุทธทั่วโลก เพราะเป็นจุดเริ่มต้น ของพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ที่จังหวัดคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา 350 เมตร อดีตตำบลที่ตั้ง พุทธคยาชื่อว่า อุรุเวลาเสนานิคม ซึ่งเป็นสถานที่ เจ้าชายสิทธัตถะ ได้ตรัสรู้ พระ – อะ-นุต-ตะ-ระ-สัมมา-สัมโพธิญาณ เป็นสมเด็จพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเวลากว่า สองพันห้าร้อยปี ที่สถานที่แห่งนี้ เป็นศูนย์รวมของจุดหมายแสวงบุญ ของชาวพุทธ ผู้มีศรัทธาทั่วโลก ซึ่งพุทธมณฑณเชียงใหม่ จะจำลอง สังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง มาไว้ณ. สถานที่แห่งนี้

เชียงใหม่ ผบ.นบ.ยส.35 ระบุสถานการณ์ยารุนแรงขึ้นรอนำเข้าทางชายแดนกว่า 90 ล้านเม็ด(คลิป)

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ 35 หรือ นบ.ยส.35 ระบุสถานการณ์ยารุนแรงขึ้นรอนำเข้าทางชายแดนกว่า 90 ล้านเม็ด

วันที่ 15 มิถุนายน 2567 เวลา 11.00 น. พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ 35 หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า จากการเฝ้าติดตามทางการข่าวพบว่าสถานการณ์ยาเสพติดในปัจจุบันยังคงมีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องและรุนแรง เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตค่อนข้างมีเสรีในการผลิตโดยเฉพาะเขตรัฐฉานเหนือที่ติดกับประเทศจีนถือว่าเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญประกอบกับเมียนมานำกำลังส่วนใหญ่ออกรบบริเวณพื้นที่ด้านล่างตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตากเป็นหลัก

ขณะที่การผลิตยาในปัจจุบันนิยมใช้สารสังเคราะห์ทำให้การผลิตง่าย โดยไม่ต้องมีการขนส่งสารตั้งต้นจากต่างประเทศ ตลอดจนราคายาบ้ามีราคาถูกลง จากการซื้อขายหน้าโรงงาน 3-4 เท่า โดยบริเวณชายแดนราคาอยู่ที่ 5 บาท ข้ามเข้ามาในเขตไทยราคาจะอยู่ที่ 20-30 บาท ซึ่งแต่เดิมราคาในจังหวัดเชียงใหม่จะอยู่ที่เม็ดละ 50 – 100 บาท ส่วนที่กรุงเทพฯราคาจะอยู่ที่เม็ดละ 150 บาท เนื่องจากมีกำลังการผลิตมากขึ้นกลุ่มผู้ค้าต้องการงบประมาณค่อนข้างมาก ดังนั้นการลักลอบขนยาเข้าพื้นที่ตอนในของไทยจึงมีปริมาณค่อนข้างมาก จะเห็นได้จากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ในแต่ละครั้ง ทั้งนี้จากการข่าวล่าสุดพบว่ามียาเสพติดรอนำเข้าทางชายแดนกว่า 90 ล้านเม็ด ไอซ์ 2 ตัน

ทั้งนี้ที่ผ่านมาหน่วยงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ที่มีทั้งหน่วยทหาร ตำรวจ และพลเรือนตลอดจนประชาชนในพื้นที่ได้บูรณาการร่วมกันในการสกัดกั้น ทั้งด้าน 5 อำเภอชายแดนของจังหวัดเชียงใหม่ และ อ.แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย จะเห็นได้จากกรณีการจับกุมที่ อ.เชียงดาว กว่า 8 ล้านเม็ด ซึ่งเกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแจ้งเบาะแส ส่งผลให้กลุ่มขบวนการเริ่มนำเข้ายาทาง อ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อ.ภูซาง อ.เวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ไม่นับที่ไปทางภาคอีสาน ทาง นบ.ยส.35 ได้วิเคราะห์ว่าตลาดยาไม่ได้เพิ่มตามจำนวนยาที่จับกุมได้ ส่วนในต่างประเทศตลาดยาบ้ายังคงอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซียที่เป็นตลาดแรงงาน ส่วนยาไอซ์ตลาดส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น และประเทศทางยูโรป

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือกล่าวต่อว่า จากสถิติการจับกุมยาที่ผ่านมาพบว่า มีการจับกุมยาเสพติดบริเวณชายแดนภาคเหนือได้มากกว่า 70 % ตามจับกุมในพื้นที่ตอนใน 20-30 % และยาหายจากวงจรการสกัดกั้นประมาณ 1 ใน 3 ของการนำเข้า ปัจจุบันการสกัดกั้นยาเสพติดค่อนข้างยากลำบากเนื่องจากสภาพภูมิประเทศ เส้นทางการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว เทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบกับภาคเหนือมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญหลายจังหวัด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หน่วยงานสกัดกั้นจะต้องบูรณาการงานด้านการข่าวอย่างรัดกุม เพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น และเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความปลอดภัย ที่สำคัญต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ในการแจ้งเบาะแส

ทั้งนี้หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) มีผลการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ 11 อำเภอชายแดน ของจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย รวมถึง การติดตามจับกุมไปจนถึงพื้นที่ตอนในของหน่วยบูรณาการภายใต้ นบ.ยส.35 ในภาพรวมตั้งแต่ 1 ธ.ค. 66- 14 มิ.ย.67 )มีเหตุการณ์สำคัญ 94 เหตุการณ์ โดยมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการ 36 ครั้ง ตรวจยึดจับกุม 53 ครั้ง และขยายผล ยึดทรัพย์ 5 ครั้ง ตรวจยึด ยาบ้ารวม 178,179,021เม็ด, ไอซ์ 1,890 กก., เฮโรอีน 252 กก., ฝิ่นดิบ 188 กก., จับกุมผู้ต้องหา 1,521 ราย, กลุ่มขบวนการ เสียชีวิต 25 ศพ ซึ่งจากสถิติการจับกุมยาเสพติดย้อนหลัง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในห้วงเดียวกัน พบว่า การตรวจยึดยาบ้า เพิ่มขึ้น 105,819 เม็ด คิดเป็นร้อยละ 146.24 ส่วน ไอซ์ เพิ่มขึ้น 608 ก.ก. คิดเป็นร้อยละ 47.43

เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ มอบกล้าไม้มีค่า 10 ชนิด ให้กับส่วนราชการ นำไปร่วมกันปลูก เพิ่มความสมบูรณ์ให้ธรรมชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ(คลิป)

จังหวัดเชียงใหม่ มอบกล้าไม้มีค่า 10 ชนิด ให้กับส่วนราชการ นำไปร่วมกันปลูก เพิ่มความสมบูรณ์ให้ธรรมชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ที่ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีมอบกล้าไม้ให้กับหัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ “โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ซึ่งเป็น 1 ใน 10 โครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ของรัฐบาล ที่ต้องการให้พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมกันแสดงถึงพลังแห่งความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลยิ่งนี้ โดยได้มีการเชื่อมโยงสัญญาณร่วมกับการจัดพิธีในส่วนกลาง ซึ่งมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ที่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

.
สำหรับกิจกรรม ของจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ ได้มีการมอบกล้าไม้ให้แก่ส่วนราชการในจังหวัดฯ เป็นพันธุ์กล้าไม้มีค่าจำนวน 10 ชนิด ได้แก่ ต้นรวงผึ้ง ราชพฤกษ์ ทองอุไร เหลืองอินเดีย เหลืองปรีดียาธร นางพญาเสือโคร่ง อินทนิลน้ำ เสลา ทองกวาว และแคนา ชนิดละ 72 ต้น รวม 720 ต้น เพื่อนำไปปลูกในสถานที่ราชการและสถานที่ต่างๆ ตามความเหมาะสม พร้อมทั้งบำรุงรักษาต้นไม้ให้เจริญเติบโตงอกงาม อันเป็นการสนองพระราชดำริด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้

เชียงใหม่ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และกงสุลใหญ่สหรัฐฯ จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมฉลองครบรอบ 248 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ กับมิตรในภาคเหนือของไทย(คลิป)

เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต โกเดค และกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ ลิสา บูเจนนาสเฉลิมฉลองครบรอบ 248 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ร่วมกับมิตรในภาคเหนือของไทย

วันที่ 13 มิถุนายน 2567 ที่โรงแรมยู นิมมาน จังหวัดเชียงใหม่ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โรเบิร์ต โกเดค และกงสุลใหญ่สหรัฐฯเชียงใหม่ ลิสา บูเจนนาสเฉลิมฉลองครบรอบ 248 ปีแห่งการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ใน จ.เชียงใหม่ร่วมกับมิตรและแขกผู้มีเกียรติจากทั่วภาคเหนือของไทย ซึ่งในแต่ละปี ชาวอเมริกันจะเฉลิมฉลองการประกาศอิสรภาพในวันที่ 4 กรกฎาคม เพื่อระลึกถึงและเชิดซูเกียรติของบิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐฯ และค่านิยมต่าง ๆ ที่กำหนดความเป็นสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นเสรีภาพ การปกครองตนเอง และความเสมอภาคทั้งนี้ เอกอัครราชทูตโกเดค และกงสุลใหญ่บูเจนนาสได้ร่วมเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งจัดขึ้นด้วยแนวคิด

“งานวันฉลองการประกาศอิสรภาพสหรัฐฯ ที่ National Mal” ซึ่งเป็นสวนสาธารณะในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ที่แวดล้อมไปด้วยอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์มากมายที่บอกเล่าเรื่องราวของสหรัฐฯ โดยภายในงานมีการจำลองอาคารต่าง ๆ ที่ผู้ชมมีส่วนร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็นอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ Smithsonian Air and Space Museum อนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่สอง อนุสรณ์สถานลินคอล์น และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ภายในงานยังมีการนำเสนอบริษัทที่ประกอบกิจการโดยชาวอเมริกันที่จ้างงานในอัตราตอบแทนที่เหมาะสม มีการฝึกอบรมและมาตรฐานแรงงานชั้นสูงให้แก่ชุมชนต่าง ๆ ในภาคเหนือของไทย

นอกจากนี้ยังมีการแสดงรับเชิญของวง II MarineExpeditionary Force Band ซึ่งประจำอยู่ที่เกาะโอกินาวาและมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยได้แสดงเพลงอเมริกันที่เป็นที่รู้จักให้แก่แขกผู้มีเกียรติ ซึ่งเน้นย้ำถึงวัฒนธรรมอเมริกันที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในระหว่างที่เดินทางมาแสดงรับเชิญที่จ.เชียงใหม่ ทางวงจะได้จัดเวิร์กช็อปด้านดนตรีให้กับนักเรียนโจงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยด้วย

ภายในงาน เอกอัครราชทูตโกเดคยังได้กล่าวถึงความสำเร็จต่าง ๆ อันเนื่องมาจากความความสัมพันธ์สหรัฐฯไทยในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือครั้งใหม่กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของไทยในโครงการ International Academic Partnership Program (IAPP) ซึ่งเชื่อมโยงสถาบันการศึกษาขอสหรัฐฯ และไทย 50 สถาบัน รวมถึงมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง นเรศวร แม่โจ้และพายัพที่อยู่ในภาคเหนือของไทย เอกอัครราชทูตโกเดคยังได้กล่าวถึงโครงการของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่สนับสนุนการอนุรักษ์โลไม้อายุ 2,000 ปีที่ถ้ำผีแมนโลงลงรักใน จ.แม่ฮ่องสอน ปฏิบัติการค้นหาทหารสหรัฐฯ ที่สูญหายใน จ ลำปาง ในช่วงครามโลกครั้งที่สอง และการจัดฝึกอบรมให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นและกำลังเติบโตในภาคเหนือของไทย

ในการเยือนจังหวัดเชียงใหม่ครั้งที่ 5 เอกครราชทูตโกเดคยังได้เยี่ยมชมมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ซึ่งโครงการของรัฐบาลสหรัฐเพื่อส่งเสริมคามหลากหลายและความเท่าเทียมได้มอบทุนการศึกษาให้กับผู้นำชาวเมียนมาร์นใหได้ศึกษา ณ สถาบันแห่งนี้และแห่งอื่น ๆ ทั่วภูมิภูมิภาคเอเซีย เอกอัครราชทูตโกเดคและกงสุลใหญ่บูเจนนาสยังได้เข้าพบ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชากาภาค 5 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการบังคับใชักฎหมายเพื่อปกป้องชาวอเมริกัน การสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าสู่ประเทศไทย และการต่อสู้กับขบวนการลักลอบค้ามนุษย์และสัตว์ป่า

“ไม่มีช่วงเวลาไหนที่สำคัญต่อประเทศไทยและสหรัฐฯ ในการทำงานร่วมกันเท่ากับเวลานี้อีกแล้ว ในค่ำคืนนี้ขณะที่เราเฉลิมฉลอง ขอให้เรามุ่งมั่งทุ่มเทต่อความเป็นหุ้นส่วนของเราเพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายต่าง ๆ ของวันนี้ เรามาทำงานเพิ่มขึ้นกันสองเท่าเพื่อสร้างโลกที่มีความสุขสงบ รุ่งเรือง มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นสำหรับทุก ๆ คนในทุก ๆ ที่” เอกอัครราชทูตโกเดคกล่าว

ลำพูน องค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย ตลาดสาขาลำพูน จัดโครงการพัฒนารายได้ชุมชนยั่งยืน ภาคเหนือ(คลิป)

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดงานโครงการพัฒนารายได้ชุมชนยั่งยืน ภาคเหนือ โดยองค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย ตลาดสาขาลำพูน


วันนี้ 12 มิถุนายน 2567 เวลา 14.30 น. นายเกรียง กัลบัตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิด โครงการพัฒนารายได้ชุ่มชนยั่งยืน ภาคเหนือ จัดขึ้นบริเวณองค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย ตลาดสาขาลำพูน ซึ่งองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน พัฒนาส่งเสริมและสนับสนุนช่องทางการตลาด ให้เป็นตลาดต้นแบบ โดยมีองค์ประกอบของตลาด มาตรฐาน Go Green 6 G ซึ่งประกอบด้วย 1.Green Product 2.Green Price 3. Green Press 4.Green Process 5.Green Power 6.Green partnership ตามนโยบายของรัฐบาล

โดยให้ความสำคัญกับกิจกรรมการรณรงค์ ลด ละ เลิก การใช้ภาชนะโฟมบรรจุอาหาร (No Foam) เพื่อต่อยอดตลาดสะอาด ปราศจากโฟม ต่อยอดให้เกิดมาตรฐานตลาด อีกทั้งองค์การตลาดยังส่งเสริมและสนับสนุนระบายสินค้าลันตลาดของจังหวัดต่างๆ โดยประสานความมือกับภาคีเครื่อข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการระบายสินค้าให้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว พร้อมทั้งส่งเสริมทักษะการประกอบอาชีพบนพื้นฐานของความถนัดและทรัพยากรท้องถิ่นของตลาดสาขาลำพูน ให้เกิดรายได้ต่อชุมชนอย่างยั่งยืน
นี้

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาส่งเสริมและสนับสนุนช่องทางการตลาด ส่งเสริมทักษะการประกอบอาชีพบนพื้นฐานของความถนัดและทรัพยากรท้องถิ่นของตลาดสาขาลำพูน ที่มีอยู่เพื่อให้เกิดรายได้ต่อชุมชนอย่างยั่งยืน

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติอต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ องค์การตลาด (อต.)โทร.02-0249270-4 โทรสาร 02-0249277 e-mail: prmo.org@gmail.co