เชียงใหม่ พช.เมืองเชียงใหม่ ประชุมคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมคัดเลือกผู้บริหารชุดใหม่

พช.เมืองเชียงใหม่ ประชุมคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมคัดเลือกผู้บริหารชุดใหม่


วันนี้(23 กพ.) ที่ห้องประชุมอำเภอเมืองเชียงใหม่ ชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ นางยุพา จันดี พัฒนาการอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน ดำเนินการประชุมคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยมี นายสว่าง ธาตุอินทร์จันทร์ ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย คณะกรรมการกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมประชุมโดยมีประเด็นประชุมคือ การทบทวนและเลือกคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอเมืองเชียงใหม่ และการจัดทำแผนการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอเมืองเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ปี พ.ศ.2567


โดยผลการคัดเลือก คณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอเมืองเชียงใหม่ นายสว่าง ธาตุอินทร์จันทร์ ได้รับเลือกเป็น ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่เป็นสมัยที่ 2 และ นายกำพล ทรงคำ และนายพงศธร ขยัน เป็นรองประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน, น.ส. กมลลักษณ์ พรหมาวัตร์ เลขานุการฯ, นางยุพิน ตนมิตร เหรัญญิกฯ, นายศิวกร วิเศษ ประชาสัมพันธ์ฯ และน.ส. วันวิสา ไชยประเสริฐ เป็นนายทะเบียน พร้อมเลือกคณะกรรมการอีก 18 คน รวม 25 คน เพื่อบริหารจัดการ กองทุนแม่ของแผ่นดินอำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป.

เชียงใหม่ รพ.สต.บ้านซาง อำเภอแม่ริม จัดโครงการแก้ไขปัญหาโรคทางเดินหายใจจาก PM2.5 โดยใช้ศาสตร์แพทย์แผนไทย(คลิป)

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาง อำเภอแม่ริม นำศาสตร์แพทย์แผนไทย แก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 โดยใช้การสุมยาสมุนไพรในท้องถิ่น

นางณฤชล รัญเสวะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาง นำศาสตร์แพทย์แผนไทย โดยใช้การสุมยา ฟื้นฟูอาการในระบบทางเดินหายใจ ในช่วงที่ได้รับผลกระทบจาก PM2.5 ซึ่งจากการเก็บข้อมูลทางด้านสาธารณสุขในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนพบว่า จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้สมุนไพรในชุมชน จึงจัดทำโครงการป้องกันอาการในระบบทางเดินหายใจ เพื่อให้แกนนำสุขภาพแกนนำสุขภาพและประชาชนจากหมู่ที่ 3,4 และ 5 ตำบลขี้เหล็ก ในเขตโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซาง มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสมุนไพรที่ใช้ป้องกันอาการในระบบทางเดินหายใจ และสามารถนำสมุนไพรในชุมชนมาใช้ฟื้นฟูอาการในระบบทางเดินหายใจ และป้องกันอาการในระบบทางเดินหายใจเบื้องต้น เพื่อลดผลกระทบจากปัญหา PM2.5 แบบง่าย ๆ ภายในครอบครัวและชุมชนได้


ทั้งนี้ การสุมยาสมุนไพร เป็นหัตถการหนึ่งในทางการแพทย์แผนไทยที่ใช้ในการดูแลระบบทางเดินหายใจ โดยการใช้ความร้อนชื้นจากไอน้ำเป็นตัวนำพาน้ำมันหอมระเหยจากยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการช่วยขยายทางเดินหายใจ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนให้หายใจได้ดีขึ้น บรรเทาอาการหวัด คัดจมูกน้ำมูกไหลหายใจไม่สะดวก อาการไอจาม ลดอาการหอบหืด และยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดลม ลดอาการตื้อศีรษะ มึนงงได้อีกด้วย โดยประขาขนสามารถเลือกใช้สมุนไพรฤทธิ์ร้อน ที่มีอยู่ในชุมชนมาใช้ เช่น หอมแดง มะกรูด ตะไคร้ ข่า ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้ล้วนมีน้ำมันหอมระเหย ที่ช่วยให้หายใจสะดวก ทางเดินหายใจโล่ง ขยายหลอดลมและมีฤทธิ์ต้านการอักเสบเป็นหลัก

เชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน จัดงานเฉลิมฉลองตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ มีกงสุลจีนประจำจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นประธานเปิดงาน

ชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน จัดงานเฉลิมฉลองตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ มีกงสุลจีนประจำจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นประธานเปิดงาน พร้อมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมจีนยูนนาน สุดอลังการณ์


ที่สมาคมชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน ย่านถนนหัสดิเสวี ในตัวเมืองเชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน จัดงานเฉลิมฉลองตรุษจีน ประจำปี 2024 อย่างยิ่งใหญ่ มีนางศิโรรัตน์ ชัยศิริ นายกสมาคมชาวเชียงใหม่เชื้อสายยูนนาน เป็นประธานการจัดงานในปีนี้ ก่อนเริ่มงาน ผู้ร่วมงานทั้งหมด ได้ยืนขึ้น และร่วมกัน ร้องเพลงชาติไทย และเพลงชาติจีน โดยมีนาย เฉิน ไห่ ผิง กงสุลใหญ่จีน ประจำจังหวัดเชียงใหม่ มาร่วมอวยพร และกล่าวเปิดงาน มีนาง วิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ มาร่วมอวยพร โดยมีนักธุรกิจ และคหบดี ชาวจีน เชื้อสายยูนนานในเชียงใหม่ มาร่วมงานอย่างคึกคัก

นาย จิง ไห่ รองผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนนานโพ้นทะเล นำนักแสดงศูนย์ศิลปวัฒนธรรมจีนยูนาน จากมณฑลยูนนาน ประเทศจีนเกือบ 30 ชีวิต มาแสดง และเผยแพร่วัฒนธรรม ทั้งการร้องเพลง การแสดงดนตรีพื้นบ้าน และที่ตื่นตาตื่นใจ เป็นการแสดงกายกรรม ในการต่อตัวที่อ่อนช้อย งดงาม ตระการตา และการแสดงศิลปวัฒนธรรม ของจีนยูนนานอีกหลายชุด สร้างความตื่นตาตื่นใจ เป็นอย่างมาก บางคนถึงกับลุกยืนขึ้นมาถ่ายภาพ การแสดง และเมื่อแสดงจบต่างพากันปรบมือ ให้กำลังใจ และกงสุลใหญ่จีนประจำจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้มอบเงินขวัญถุง อวยพรตรุษจีนให้กับผู้ที่มาร่วมงานด้วย

เชียงใหม่ นายทุนแอบลักลอบนำขยะมาทิ้งพื้นที่กว่า 10 ไร่ ต.ชมภู จนเกิดไฟไหม้หนัก จนท.ต้องระดมฉีดน้ำสกัดไฟ(คลิป)

นายทุนแอบลักลอบนำขยะมาทิ้งพื้นที่กว่า 10 ไร่ ต.ชมภู อ.สารภี จนเกิดไฟไหม้หนัก จนท.ต้องระดมฉีดน้ำสกัดไฟทั้งคืน จนช่วงสายวันนี้จึงเข้าควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ขณะที่ทางนายกเทศบาลตำบลชมภูเผย พื้นที่ตำบลชมภูไม่มีรถขยะ ที่ผ่านมาจ้างเหมานำขยะนำไปทิ้งในพื้นที่ของ อบจ.เชียงใหม่ ส่วนขยะที่เกิดขึ้นเป็นขยะจากพื้นที่ เตรียมให้นิติกรของเทศบาลเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของพื้นที่แล้ว

เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานระดมกำลังกันเข้าสกัดเพลิงที่ลุกไหม้บริเวณบ่อดินพื้นที่ขนาด 10 ไร่ บริเวณด้านหลังวัดป่าเป่า บ้านร่มป่าตอง หมู่ 9 ตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เหตุเกิดช่วงกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา จนกระทั่งช่วงสายของวันนี้(20 กพ.) เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้อยู่ในวงจำกัด

โดยบริเวณจุดเกิดเหตุมีพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ แต่ก่อนเป็นบ่อดินร้างอยู่ห่างจากวัดประมาณ 200 เมตร ต่อมามีกลุ่มนายทุนได้แอบนำขยะจากพื้นที่อื่น นำมาทิ้งในบ่อขยะแห่งนี้ โดยชาวบ้านบอกว่ามีการลักลอบน้ำขยะมาทิ้งกว่า 2 ปีแล้ว ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน กลิ่นขยะส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว

ด้านนายอนันต์ ฟองจันทร์ นายกเทศมนตรีตำบลชมภู เปิดเผยว่า จุดนี้จะเรียกว่าบ่อขยะไม่ได้ จริงๆ แล้วเป็นบ่อดินเดิม เป็นบ่อดินที่ผู้ประกอบการซื้อที่ดินเมื่อกว่า 10 ปีก่อน และมีการขุดดินนำไปขาย แต่มาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการก็มาขออนุญาตจากทางเทศบาลว่า จะมาขออนุญาตขนเศษหินดินทรายหรือกิ่งไม้ที่ไม่ใช่เป็นขยะอันตรายลงถม ซึ่งทางเทศบาลฯก็ได้อนุญาตแต่ปรากฏว่า มีท้องถิ่นอื่นไม่ใช่เทศบาลชมภู แอบลักลอบนำมาทิ้ง ซึ่งที่ผ่านมาเทศบาลชมภู บริหารจัดการขยะแบบบูรณาการ คัดแยกขยะจากครัวเรือน มีการเซ็นต์สัญญาจากผู้ประกอบการที่มารับเหมา จุดที่นำขยะไปทิ้งก็เป็นผู้รับเหมาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ชัดเจน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ขยะในพื้นที่ตำบลชมภูจะไปลงจุดนั้น ซึ่งตำบลชมภูไม่มีรถขยะ เทศบาลชมภูจ้างเหมาอย่างเดียว และหลังจากที่เกิดไฟไหม้บ่อดินทางเทศบาลก็ยังกังวลเรื่องของมลพิษPM 2.5 เป็นช่วงที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศงดการเผา ซึ่งจุดที่เกิดไฟไหม้ก็ห่างจากชุมชนประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ตนเองก็ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตำบลลงไปตรวจสอบเข้าไปดูแลกลุ่มเบาะบาง พร้อมนำแมส หรือหน้ากากอนามัยไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เป็นการแก้ไขเบื้องต้นก่อน ส่วนเรื่องการกระทำผิดกฏหมาย ก็ให้ทางนิติกรของเทศบาลเข้าไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของพื้นที่แล้ว

เชียงใหม่ ชาวบ้านหนองออน ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายอำเภอแม่แตง ให้ตรวจสอบ การตัดต้นปาล์ม จำนวน 20 ต้น อายุเกือบ 20 ปี ความสูง 8 เมตร

ชาวบ้านหนองออน อำเภอแม่แตง เชียงใหม่ ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายอำเภอแม่แตง ให้ตรวจสอบ การตัดต้นปาล์ม จำนวน 20 ต้น อายุเกือบ 20 ปี ความสูง 8 เมตร ที่ปลูกข้างทาง เข้าหมู่บ้าน ซึ่งให้ความร่มรื่นและสวยงาม และยังใช้งบประมาณของเทศบาล ให้ชาวบ้านช่วยกันปลูก ทำให้กระทบต่อจิตใจของชาวบ้าน


นาย จักรกฤษณ์ ไชยยา อายุ 28 ปี สมาชิกสภาเทศบาลเมือง เมืองแกนพัฒนา พร้อมกับตัวแทนชาวบ้าน ได้เข้ายื่นหนังสือ ถึงนายนิรัตน์ พงศ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านนาย ชัยณรงค์ นันตาสาย นายอำเภอแม่แตง ให้ตรวจสอบ การตัดต้นปาล์ม ที่มีการปลูก บริเวณเส้นทางเข้าหมู่บ้านหนองออน ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง ซึ่งปลูกมานานเกือบ 20 ปี และมีขนาดลำต้นใหญ่กว่า 12 นิ้ว ความสูงกว่า 8 เมตร ที่ให้ความสวยงาม แต่กลับถูกตัดทิ้งเหลือแต่ตอ มากถึง 20 ต้น และยังเหลืออีกประมาณ 10 ต้น ที่ชาวบ้านมาห้ามทัน

ทั้งนี้ต้นปาล์มทั้งหมด ใช้งบประมาณ ของเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา และให้ชาวบ้านร่วมกันปลูก ตั้งแต่ต้นเล็กๆ เพื่อให้เกิดความสวยงาม ทั้งที่ความเป็นจริงต้นปาล์มขนาดนี้ มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ต้นละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท หากจะมีการรื้อถอนจริง น่าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้อีก โดยการขุดถอนไปทั้งต้น เพื่อนำไปปลูกสถานที่แห่งใหม่ แต่กลับตัดทิ้งทั้งต้น เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ทำให้กระทบต่อความรู้สึกของชาวบ้าน ที่ช่วยกันปลูกตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้าน ไม่เห็นด้วยที่มาตัด

ซึ่งทางผู้นำชุมชนบางคน อ้างว่าจะมีการขยายถนน จึงตัดต้นปาล์มทิ้ง ทั้งที่ความเป็นจริง ยังไม่มีโครงการปรับปรุงถนน จึงอยากให้ทางราชการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เป็นการทำลายทรัพย์สินราชการหรือไม่ และอยากให้มีการทำประชาพิจารณ์ของหมู่บ้านก่อนว่า ส่วนใหญ่ให้ตัดหรือไม่ ซึ่งทางนายอำเภอ ก็จะมีการประสานทางผู้เกี่ยวข้อง ตามที่ร้องขอต่อไป และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป ซึ่งตัวแทนชาวบ้านพอใจ และเดินทางกลับ และยังได้พาสื่อมวลชน ไปดูสถานที่จริงด้วย

เชียงใหม่ ผบ.ตร.เปิดห้องประชุมสุขวิมล ชั้น 4 อาคาร กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อใช้ประชุมวางแผนการปฎิบัติงานราชกา

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดห้องประชุมสุขวิมล ชั้น 4 อาคาร กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อใช้ประชุมวางแผนการปฎิบัติงานราชการ ของตำรวจภาค 5


พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเป็นประธานในพิธี ทำบุญและเปิดป้าย ห้องประชุม สุขวิมล ชั้น 4 อาคาร กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค5 โดยมีพลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 รวมทั้ง ผู้บังคับการในพื้นที่8 จังหวัดภาคเหนือ และข้าราชการตำรวจภูธรภาค 5 เข้าร่วมพิธี โดยมีพระประชานาถมุนี เจ้าอาวาสวัดดอนจั่น เชียงใหม่ มาเป็นประธาน ในการสวดมหาสันติงหลวง เพื่อขยัดปัดเป่า และเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้น พลตำรวจตรี วรพงศ์ คำลือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวรายงาน ต่อพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

สำหรับโครงการจัดทำห้อง Command and Control Operation Center ขึ้น เพื่อสนับสนุนภารกิจ และเป็นห้องยุทธการ ในการขับเคลื่อนงาน ด้านการสืบสวนปราบปราม จึงได้ขออนุญาตใช้นามสกุล “สุขวิมล” เป็นชื่อศูนย์และห้องประชุม ของ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค5 โดยเริ่มทำการก่อสร้างปรับปรุงเมื่อเดือน พฤษภาคม 2566 จนแล้วเสร็จเมื่อเดือนมกราคม 2567 ส่วนการจัดสร้างห้องประชุม และการตกแต่ง และปรับปรุงห้อง ประชุมชั้น 4 พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก โดยไม่ได้ใช้งบของทางราชการ และได้ตั้งชื่อ ห้องประชุม สุขวิมล เพื่อเป็นเกียรติ กับ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ จากนั้น พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กดปุ่มผ้าแพรคุมป้าย เพื่อเปิดอย่างเป็นทางการ จากนั้น พระประชานาถมุนี ได้ปะพรมน้ำพุทธมนต์ และลงอักขระ เจิมป้าย ห้องประชุมสุขวิมล เพื่อความเป็นสิริมงคล

เชียงใหม่ ทต.บ้านแปะ รับมอบเตาเผาขยะติดเชื้อแห่งแรกในประเทศ ทดสอบประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน(คลิป)

ทต.บ้านแปะ รับมอบเตาเผาขยะติดเชื้อแห่งแรกในประเทศ ทดสอบประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เผยกำจัดขยะ 25 กก./สัปดาห์ เผยลดต้นทุนกำจัด 20 – 50%

วันนี้(17 กพ.) ที่เทศบาลตำบลบ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นายพันธ์ศักดิ์ แก้วสุดใจ นายก ทต.บ้านแปะ เป็นประธานรับมอบเตาเผาขยะติดเชื้อจากบริษัท ไทยเบอร์เนอร์แอนด์เฟอร์เนส จำกัด พร้อมทดสอบประสิทธิภาพเตาเผาดังกล่าว ที่ใช้กำจัดขยะติดเชื้อจากวัสดุทางการแพทย์โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) 5 แห่งของตำบลบ้านแปะ แพมเพริส์จากเด็กผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผ้าอนามัยของเยาวชน สุภาพสตรี เพื่อป้องกันแพร่ระบาดของขยะติดเชื้อ โรคระบาดในชุมชน และไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยประชาชน ซึ่งเตาเผาดังกล่าว ถือเป็นเครื่องต้นแบบ หรือนำร่องที่ ทต.บ้านแปะ เป็นแห่งแรกของประเทศ ก่อนขยายผลไปสู่ ทต.บ้านหลวง ทต.แม่สอย ทต.สบเตี๊ยะ ตามลำดับ

นายพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า เทศบาลได้จัดเก็บและกำจัดขยะ 2 ประเภท คือ ขยะทั่วไปที่สามารถคัดแยก หรือรีไซเคิล กับขยะติดเชื้อ โดยส่งขยะทั่วไปที่กำจัด กลบฝังที่บ้านตาล อ.ฮอด ส่วนขยะติดเชื้อ ส่งไปกำจัดที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ และแยกขยะมีพิษ ไปกำจัดที่โรงขยะองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งค่ากำจัดขยะทั่วไปตันละ 1,200 บาท ส่วนค่ากำจัดขยะติดเชื้อ 80,000 – 90,000 บาท/เดือน

“เทศบาล มีพื้นที่กว่า 200 ตารางกิโลเมตรมีเนื้อที่กว่า 69,000 ไร่ ครอบคลุม 20 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 12,300 คน รวม 4,000 ครัวเรือน มี รพ.สต. 5 แห่ง โรงเรียน 9 แห่ง มีผู้ป่วยติดเตียงกว่า 200 ราย ส่งผลมีขยะติดเชื้อเพิ่ม เฉลี่ยวันละ 5 กิโลกรัม หรือ 25 กิโลกรัม/สัปดาห์ ถ้าใช้เตาเผาขยะสามารถกำจัดขยะติดเชื้อได้ 100 % และลดค่ากำจัดได้ถึง 20-50 % เพื่อนำงบประมาณไปพัฒนาด้านอื่นแทน” นายพันธ์ศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้เตาเผาดังกล่าว ยังช่วยลดปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง หมอกควันและฝุ่น PM 2.5 เพราะเหลือเถ่าไม่เกิน 3 % ตามมาตรฐานกรมอนามัย ซึ่งผู้ผลิตรับรองคุณภาพและมาตรฐานสากล เพราะเป็นเตาเผาที่ออกแบบใช้ขยะดังกล่าวเป็นเชื้อเพลิงกำจัด สามารถกำจัด ตั้งแต่ 5 – 50 กิโลกรัม เสียค่าไฟฟ้ากำจัดขยะ 12 บาท/ชั่วโมง ซึ่งต้นทุนผลิตเตาเผาขยะ 700,000 – 800,000 บาท/เตา แต่จำหน่ายให้เทศบาลเพียง 500,000 บาทเท่านั้น โดยรับประกันคุณภาพ2 ปีด้วย

จากนั้นตัวแทนบริษัทไทยเบอร์เนอร์แอนด์เฟอร์เนส จำกัด ได้มอบเงินแก่นายพันธ์ศักดิ์ เพื่อสนับสนุนโครงการกีฬาต้านยาเสพติดของเทศบาล อาทิ ชกมวย ฟุตบอล ตระกร้อ และวอลเลย์บอล ก่อนมอบข้าวสาร อาหารแห้งให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอนและผู้จัดการทีม ในโครงการดังกล่าวตามลำดับ.

ลำพูน จังหวัดลำพูนจัดกิจกรรมรักษ์โลก “ปลูกรักที่รถแก้ว” ในเดือนแห่งความรัก เพิ่มพื้นที่สีเขียว-ลดฝุ่น PM2.5 เติมเต็มปอดให้ชาวลำพูน(คลิป)

เทศบาลเมืองลำพูน ร่วมกับบริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ลำพูน ซิตี้ แลป จำกัด ชวนรักษ์โลกในเดือนแห่งความรัก จัดกิจกรรม “ปลูกรักที่รถแก้ว” โดยการปลูกต้นไม้บนถนนรถแก้วย่านเมืองเก่าลำพูน เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียว คืนปอดและส่งต่อความสุขให้แก่ชาวลำพูน พร้อมให้ความรู้และตรวจสมรรถภาพปอดให้แก่ประชาชนเพื่อคัดกรองผู้ป่วยทางเดินหายใจเชิงรุกในช่วงฝุ่น PM 2.5 ภายใต้โครงการต้นแบบ “ลำพูน สุขก๋าย สบายใจ๋” เพื่อพัฒนาพื้นที่แห่งความสุขกายสบายใจบนถนนรถแก้ว โดยมี นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธี ณ คุ้มเจ้าสุริยา อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน

นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า โครงการ “ลำพูน สุขก๋าย สบายใจ๋” (Lamphun Healing Town) ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายในภาคีเครือข่ายพัฒนาโครงการนี้ โดยในวันนี้ได้เริ่มการปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่เมืองลำพูนบนพื้นที่ถนนรถแก้ว เส้นทางพระธาตุ – เชื่อม – พระรอด ที่มีศักยภาพในการพัฒนาที่เกิดผลดีต่อผู้อยู่อาศัยในพื้นที่และดึงดูดนักท่องเที่ยว พร้อมจัดกิจกรรมการ “ตรวจสมรรถภาพปอด” คัดกรองผู้ป่วยทางเดินหายใจเชิงรุกในช่วงฝุ่น PM 2.5 เพื่อสุขภาพปอดที่ดี โดยจังหวัดลำพูนได้มีมาตรการเพื่อลดและป้องกันปัญหา PM 2.5 ได้แก่ 1) มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ในพื้นที่ป่าสงวน/ป่าอนุรักษ์ พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน 2) มาตรการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) ในการควบคุมและลดมลพิษด้านการคมนาคมและขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ด้านการก่อสร้าง ภาคครัวเรือน และ 3) มาตรการการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ ผ่านระบบบัญชาการเหตุการณ์ การสร้างความตระหนัก สร้างการรับรู้กับประชาชน การควบคุมการบริหารจัดการเชื้อเพลิง การบังคับใช้กฎหมาย และการใช้ทีมประชารัฐในการบูรณาการทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของจังหวัดลำพูน

นายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกเทศมนตรีจังหวัดลำพูน กล่าวว่า เทศบาลเมืองลำพูนมีความพร้อมในการให้ความร่วมมือการพัฒนาโครงการ “ลำพูน สุขก๋าย สบายใจ๋” (Lamphun Healing Town) อย่างเต็มความสามารถ โดยในปี 2567 และ 2568 นี้ ถนนรถแก้วที่จะเป็นพื้นที่ต้นแบบพื้นที่แห่งความสุขกายสบายใจ มีการปรับปรุงผิวถนนและการปรับปรับระบบไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ สวยงาม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีต่อผู้อยู่อาศัย และดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งการที่โครงการฯ เดินหน้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นเพราะกระบวนการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคท้องถิ่น โดยเทศบาลที่อำนวยความสะดวกและสนับสนุนโครงการทั้งงบประมาณและการปฏิบัติงาน ทั้งฝั่งกองช่างโยธาและกองแพทย์ และ อสม.ชุมชน ส่วนภาคเอกชน คือ ลำพูน ซิตี้ แลป และ GSK รวมทั้งบริษัทอื่น ๆ ที่มาร่วมภาคีเครือข่าย เชื่อว่าโครงการฯ จะถูกต่อยอดขยายผลออกไปอย่างไม่สิ้นสุด ทั้งโครงการด้านสุขภาพ การตรวจสมรรถนะปอดและคัดกรองผู้ป่วยทางเดินหายใจเชิงรุก โครงการด้านปรับปรุงภูมิทัศน์เพิ่มพื้นที่สีเขียวและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีบนถนนรถแก้วแห่งนี้ ทั้งนี้เพราะเรามีเป้าหมายเดียวกันคือ การสร้างความสุขกายสบายใจให้ประชาชน ส่วนสำคัญที่จะขาดเสียไม่ได้ คือ การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ที่มีความแข็งแกร่งและให้ความสนับสนุนเป็นอย่างดี

ภายในงาน “ปลูกรักที่รถแก้ว” ยังได้จัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชนในหัวข้อ “ชาวหละปูนฮักปอด รู้เร็ว หายง่าย” โดย รศ.นพ.วัชรา บุญสวัสดิ์ ประธานเครือข่ายคลินิกโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังอย่างง่าย หัวข้อ “การจัดการขยะเพื่อชุมชนของเรา” โดย นายเปรม พฤกษ์ทยานนท์ แอดมินเพจ “ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป” ดำเนินรายการโดย นายชนกนันทน์ นันตะวัน จากกลุ่มสม-ดุลเชียงใหม่ และหัวข้อ “ต้นไม้และระบบนิเวศน์เขตเมืองเก่า” โดย อาจารย์จุลพร นันทพานิช สถาปนิกป่าเหนือสตูดิโอ เพื่อให้ประชาชนมีความตระหนักรู้ในการดูแลสุขภาพปอดและพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 มีความรู้ในการจัดการขยะในชุมชนอย่างถูกต้อง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และความรู้ในการปลูกต้นไม้เพื่อระบบนิเวศน์ย่านเมืองเก่า

ด้าน รศ. ดร.สิงห์ อินทรชูโต ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ลำพูน ซิตี้ แลป จำกัด กล่าวว่า โครงการ “ลำพูน สุขก๋าย สบายใจ๋” (Lamphun Healing Town) เป็นโครงการที่ทันสมัยในระดับโลก โดยมุ่งเน้นความยั่งยืนหรือการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กับชุมชน และเดินหน้าในการสร้างสุขภาวะให้แก่ชุมชน ทั้งสุขภาวะทางกายและสุขภาวะทางใจ จากแนวคิด Restorative City “เมืองแห่งอนาคตไม่จำเป็นต้องอาศัยวิสัยทัศน์สุดโต่งหรือดูล้ำสมัย เพียงนำสุขภาพจิต ความเป็นอยู่ที่ดีและคุณภาพชีวิตมาเป็นปัจจัยแรกสุดของการวางผังและออกแบบเมือง” ซึ่งตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่การลงนามความร่วมมือโครงการฯ ในเดือนมิถุนายน 2566 โครงการฯ ได้ทำงานเชิงลึกร่วมกับนักออกแบบ ชุมชน และเทศบาลอย่างต่อเนื่อง โดยการออกแบบถนนรถแก้วโดย อาจารย์จุลพร นันทพานิช สถาปนิกผู้เชี่ยวชาญด้านระบบนิเวศน์ ได้วางผังและโครงสร้างทางระบบนิเวศน์ของเมือง

นางมาเรีย คริสติช กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด (GSK) กล่าวว่า GSK ในฐานะผู้นำด้านชีวเภสัช (Biopharma) ต้องการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการปกป้องและฟื้นฟูสุขภาพของโลก บริษัทฯ ตระหนักดีว่า ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และชีวิตของผู้คนมากขึ้น เช่น ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ในเทศกาลวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก GSK ขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความรักให้กับลำพูน โดยร่วมกับเทศบาลเมืองลำพูน และ ลำพูน ซิตี้ แลป จัดกิจกรรมรักษ์โลก “ปลูกรักที่รถแก้ว” ภายใต้โครงการ “ลำพูน สุขก๋าย สบายใจ๋” (Lamphun Healing Town) โดยเชิญชวนชาวลำพูนร่วมปลูกต้นไม้บนถนนรถแก้ว เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ลดมลพิษทางอากาศและเติมเต็มปอดให้กับชาวลำพูน รวมทั้งการตรวจสมรรถภาพปอดให้แก่ประชาชนเพื่อคัดกรองผู้ป่วยทางเดินหายใจเชิงรุกในช่วงฝุ่น PM 2.5 เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมของเมืองลำพูนและร่วมดูแลและปกป้องสุขภาพของชาวลำพูน

สำหรับโครงการต้นแบบ “ลำพูน สุขก๋าย สบายใจ๋” (Lamphun Healing Town) ดำเนินการโดยเทศบาลเมืองลำพูน บริษัท ลำพูน ซิตี้ แลป จำกัด และบริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด (GSK) เพื่อสร้างสรรค์พื้นที่ย่านใจกลางเมืองเก่าลำพูนให้เป็นพื้นที่แห่งความสุขทั้งกายและใจ ผ่านการพัฒนาในหลายมิติ ได้แก่ มิติด้านสุขภาวะ มิติสิ่งแวดล้อม และมิติเศรษฐกิจ โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้เศรษฐกิจครัวเรือนมีความมั่งคั่งบนวิถีพอเพียงอย่างยั่งยืน ต่อยอดการพัฒนาอัตลักษณ์วิถีบนฐานวัฒนธรรมภูมิปัญญาสร้างสรรค์ สู่อัตลักษณ์การท่องเที่ยว

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:
GSK: สุพัตรา หาญเจริญ โทร 088 664 1188 อีเมล supattra.x.harncharoen@gsk.com
ABM: สาธิดา มีอุดร โทร 085 166 2442 อีเมล satida.m@abm.co.th

เชียงใหม่ ชาวบ้านและผู้นำชุมชน ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ยื่นหนังสือ ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เลื่อนการเลือกตั้ง คณะกรรมการชุมชน ออกไปก่อน ที่จะมีการเลือกตั้ง(คลิป)

ชาวบ้านและผู้นำชุมชน ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ยื่นหนังสือ ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เลื่อนการเลือกตั้ง คณะกรรมการชุมชน ออกไปก่อน ที่จะมีการเลือกตั้ง ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 และให้ตรวจสอบรายชื่อ บางชุมชนมีรายชื่อเพิ่ม เข้ามาหลายร้อยคน ทั้งที่อยู่คนละชุมชน หรือบางราย ชื่อหายทั้งครอบครัว ทำให้ชาวบ้านเกิดความสับสน


ตัวแทนชาวบ้าน 4 แขวง ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ พร้อมรายชื่อ เข้าร้องเรียน และยื่นหนังสือ ถึง นาย นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ และท้องถิ่นจังหวัดเชียงใหม่ มารับเรื่องและรับฟังปัญหา ข้อร้องเรียน เกี่ยวกับการเลือกตั้งคณะกรรมการชุมชน ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ที่จะมีการเลือกตั้ง ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 ที่จะถึงนี้ มีทั้งรายชื่อหาย ออกจากทะเบียนบ้าน ไม่ทราบสาเหตุ หรือมีรายชื่อชาวบ้าน จากชุมชนอื่น เพิ่มเข้ามาอยู่ในชุมชน


นาง จาลยากร สายมาธิ รักษาการณ์ประธานชุมชน แจ่งหัวลินตัวแทนที่ได้รับผลกระทบ ให้ข้อมูลว่า วันนี้มีตัวแทน จากหลายชุมชน ที่พากันมาขอความเป็นธรรม สำหรับชุมชนของตนเอง มีรายชื่อบุคคลภายนอก ย้ายเข้ามาอยู่ ในชุมชนมากกว่า 300 คน ไม่รู้ย้ายเข้ามาได้อย่างไร หรือบางคนรายชื่อหาย ไม่มีสิทธิในการเลือกตั้ง คณะกรรมการชุมชน ซึ่งจะมีการเลือกตั้ง ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 ที่จะถึงนี้ ทำให้ชาวบ้าน ในชุมชนหลายแห่ง มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน จนเกิดความสับสน จึงเรียกร้องให้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ตรวจสอบ และพิจารณาสั่งการ ให้เทศบาลนครเชียงใหม่ เลื่อนการเลือกตั้ง คณะกรรมการชุมชนออกไปก่อน และขอให้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดทำขอบเขตชุมชน และรายชื่อผู้มีสิทธิ์ เลือกตั้งให้ถูกต้อง พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ให้เป็นไปตามระเบียบ ที่กำหนดไว้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ จะได้ประสานกับทางเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป และจะแจ้งให้ทางกลุ่มผู้ร้อง รับทราบอีกครั้ง

เชียงใหม่ คุณหมอสองสามี-ภรรยาผู้ใจบุญมอบที่ดินแปลงใหญ่เกือบ 30 ไร่ให้กับเทศบาลตำบลสันปูเลยให้เป็นสถานที่ส่งเสริมสุขภาพและออกกำลังกาย (คลิป)

คุณหมอสองสามี-ภรรยาผู้ใจบุญ มอบที่ดินขนาด 29 ไร่ 3 งาน 26 ตารางวาให้กับเทศบาลตำบลสันปูเลยให้เป็นสถานที่ส่งเสริมสุขภาพและออกกำลังกายสำหรับชาวตำบลสันปูเลยและอำเภอดอยสะเก็ด


เมื่อวันนี้ (09 กพ.67 )ที่โรงเรียนบ้านป่าเสร้า ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเป็นประธานรับมอบที่ดินเพื่อการก่อสร้างจัดทำเป็นสวนสาธารณะในพื้นที่ตำบลสันปูเลย ระหว่าง นายแพทย์อุส่าห์ ลีลาวิวัฒน์ และแพทย์หญิงผุสดี ลีลาวิวัฒน์ อายุ 76 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้กับเทศบาลตำบลสันปูเลย เนื้อที่ 29 ไร่ 3 งาน 26 ตารางวา ซึ่งดินดังกล่าวทั้งหมดให้กับเทศบาลตำบลสันปูเลย ตั้งอยู่เลขที่ 198 หมู่ที่ 5 ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ด

ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อก่อสร้างหรือจัดทำเป็นสวนสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกายสถานที่สำหรับส่งเสริมสุขภาพ สนามกีฬา หรือสถานที่อื่นใดสำหรับการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรครักษาพยาบาลและฟื้นฟูสุขภาพให้แก่ประชาชนทั่วไป และให้รวมถึงสถานที่สำหรับใช้ในการบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนตามอำนาจหน้าที่ของเทศบาลตามที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น และห้ามนำที่ดินดังกล่าวไปใช้สำหรับการกำจัดขยะมูลฝอยหรือการกระทำอย่างอื่นที่มีความหมายเดียวกันโดยการทำให้ขยะมูลฝอยสูญสิ้นไป ลดลง หรือเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม รวมทั้งห้ามมิให้มีการซื้อขายที่ดินตังกล่าวโดยเด็ดขาด

แพทย์หญิงผุสดี ลีลาวิวัฒน์ เปิดเผยว่า ตนเอง มีสายเจ้า ณ เชียงใหม่ อาศัยในพื้นที่นี้มาตั้งแต่เด็ก มีความผูกพันธ์กับชาวบ้านในพื้นที่ ก่อนหน้านั้นได้บริจาคเงินต่อเติมสร้างวัดบ้านป่าเสร้าและโรงเรียนบ้านป่าเสร้ามาต่อเนื่อง การมอบที่ดินส่วนตัวให้กับเทศบาลตำบลสันปูเลยก็เพื่อที่จะได้ทางเทศบาลนำพื้นที่นี้มาจัดสร้างสถานที่ออกกำลังการให้กับชาวบ้าน เพราะที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่คนมีการออกกำลังกายน้อยลง โรคอ้วนโรคเบาหวานก็มากขึ้น อยากให้ชาวบ้านหันมาเดินและวิ่งกันมากกว่า จึงอยากจะสนับสนุนตั้งแต่เด็กเล็กๆ ให้รู้จักออกกำลังกายพอโตขึ้นจะได้ไม่เป็นโรคอ้วนโรคเบาหวาน ด้วยเหตุนี้ตนเองได้มอบที่ดินพื้นนี้ให้กับทางเทศบาลดังกล่าว

ด้านนายสาธิต คำหน่อแก้ว นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสันปูเลย กล่าวว่า สำหรับที่ดินที่ได้รับมอบในวันนี้เกือบ 30 ไร่ หาคิดเป็นมูลค่าของที่ดินน่าจะมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ นายแพทย์อุส่าห์ ลีลาวิวัฒน์ และแพทย์หญิงผุสดี ลีลาวิวัฒน์ ได้เดินทางมามอบสิ่งของอุปกรณ์เครื่องใช้และก่อสร้างสิ่งต่างๆ ให้กับโรงเรียนและวัดบ้านป่าเสร้า จึงมีโอกาสได้คุณกับท่านผู้ใหญ่ใจดีทั้ง 2 ท่าน และในวันนี้ก็ได้จัดพิธีมอบนโฉนดที่ดินให้กับทางเทศบาลฯ ซึ่งทางเทศบาลฯ ก็มีแผนที่จะดำเนินการก่อสร้างจัดทำเป็นสวนสาธารณะ เป็นที่ออกกำลังกายให้กับพี่น้องชาวบ้านตำบลสันปูเลยและตำบลใกล้เคียง โดยเทศบาลมีโครงการเรียบร้อยแล้วที่จะสร้างสนามกีฬามาตรฐาน จะสร้างสวนสุขภาพ จะสร้างโรงพยาบาลชุมชนและศูนย์เด็กเล็กในอนาคต และจะสร้างสระวายน้ำในโครงการชราบำบัดในพื้นที่แห่งนี้อีกด้วย