เชียงใหม่ จัดพิธีบวงสรวงไอ่ไข่ที่วัดสันมะเกี๋ยงประจำเดือนมีนาคม โดยลูกศิษย์ต่างประเทศก็ขอร่วมพิธีด้วย

จัดพิธีบวงสรวงไอ่ไข่ ที่วัดสันมะเกี๋ยง ประจำเดือนมีนาคม พิธีต่อเงิน – ต่อทอง ปลุกเสก สร้อยแขนไอ้ไข่ หินมงคล 8 ชนิด “ร่ำรวย โชคลาภ แคล้วคล้าด กันภัย เฮง เฮง รวย รวย ปัง ปัง” มีศรัทธาลูกศิษย์ที่อยู่ต่างประเทศ ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานบุญงานบุญได้ จึงฝากเอาชื่อวันเดือนปีเกิดและรูป มาขอพรไอ้ไข่เพื่อให้ธุรกิจการค้าที่ทำอยู่ต่างประเทศได้เจริญรุ่งเรืองโดยการขอพรไอ้ไข่

วันที่ 29 มี.ค.64 เวลา 13.00 น. ที่วัดสันมะเกี๋ยง พระอาจารย์โต พระครูปลัดกฤต ฐิตวิริโย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง รองเจ้าคณะตำบลป่าเมี่ยง – เทพเสด็จ เจ้าอาวาสวัดพระบาทปางแฟน ท่านพระครูปลัดทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยง ต.สำราญราษฏร์ อ.ดอยสะเก็ดจ.เชียงใหม่ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง พร้อมด้วยคุณบอล คเณศ อินทร์ศวร จุดธูปเทียนชัยบูชา พิธีมงคลบวงสรวงไอ่ไข่ พร้อมพิธีต่อเงิน-ต่อทอง

สำหรับพิธีบวงสรวงไอ่ไข่ พ่อท่านเทิ่ม ประจำเดือนมีนาคม มี พระสงฆ์ 5 รูปนั่งอธิฐานจิต เสริมบารมี ไอ้ไข่ พ่อท่านเทิ่ม พร้อมกันนี้ได้ปลุกเสก สร้อยแขนไอ้ไข่ หินมงคล 8 ชนิด “ร่ำรวย โชคลาภ แคล้วคล้าด กันภัย เฮง เฮง รวย รวย ปัง ปัง” จำนวน 21 เส้น โดยมีพุทธศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธี

นอกจากนั้นยังมีพิธีจุดเทียนสืบชะตาเสริมบารมี ซึ่งมีลูกศิษย์จากต่างประเทศที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาประเทศมาได้เนื่องจากติดสถานการณ์โรคโควิด – 19 ได้ร่วมถวายเทียนบูชาเสริมบารมีไอ่ไข่พ่อท่านเทิ่มจำนวน 1,000 ชุด โดยแต่ชุดก็จะติดรูปภาพของผู้ที่ร่วมทำบุญเอาไว้

อย่างไรก็ดีหลังจากพระสงฆ์ได้เจริญพระพุทธมนต์เสร็จได้เปิดอ่างน้ำพระพุทธมนตร์ ปรากฏเป็นตัวเลขรูปร่างเศียรพญานาค ซึ่งมองดูประกอบไปด้วยเลข 9 – 0 – 6 ส่วน พระอาจารย์โตก็ได้นินิตรเห็นเลข 856 ขณะทำพิธีจุดเทียนมงคล และนั่งรถตู้สีดำหมายเลขทะเบียน 18 เดินทางมาร่วมงาน ชาวบ้านต่างพากันจดลงกระดาษก่อนจะนำไปตีเป็นเลขเด็ด

ด้านพระครูปลัดทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยงและผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง เจริญพรว่า พิธีในวันนี้ก็จะเป็นพิธีบวงสรวงไอ้ไข่ ประจำเดือนมีนาคม ของวัดสันมะเกี๋ยง ซึ่งมีพิธีเพิ่มขึ้นมาเป็นพิธีขอพรไอ้ไข่จากลูกศิษย์ลูกหาศรัทธาที่อยู่ต่างประเทศ ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ จึงได้ฝากเอาชื่อวันเดือนปีเกิดและรูป มาขอพรไอ้ไข่เพื่อให้ธุรกิจการค้าทุุกท่านที่ทำอยู่ต่างประเทศได้เจริญรุ่งเรืองโดยการขอพรไอ้ไข่ ซึ่งทางวัดสันมะเกี๋ยงก็ได้จัดชุดบูชาให้ มีเทียน มีไก่ น้ำแดง ประทัดและของเส้นไหว้ไอ้ไข่ เพื่อที่แต่ละคนที่เป็นเจ้าภาพได้รับพรไอ้ไข่โดยทั่วหน้าไป ส่วนใหญ่ที่มาขอพรจะเป็นชาวไต้หวัน, จีน ,มาเลเซีย และฮ่องกง เป็นญาติโยมที่เคารพศรัทธาของวัดสันมะเกี๋ยง มีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่งทางวัดสันมะเก๊่ยงได้จัดขอพรไอ้ไข่ในวันอาทิตย์สุดท้ายของทุกๆ เดือน

 

เชียงใหม่ ประชาชนพากันไปพักผ่อน ลงเล่นน้ำคลายร้อนในลำน้ำแจ่ม อำเภอฮอด เชียงใหม่หรือพัทยาเมืองฮอด

ประชาชนพากันไปพักผ่อน ลงเล่นน้ำคลายร้อนในลำน้ำแจ่ม อำเภอฮอด เชียงใหม่หรือพัทยาเมืองฮอด เป็นระยะทางกว่า 1 กม.

DCIM101MEDIADJI_0901.JPG

ช่วงวันหยุดประชาชนชาวเชียงใหม่ พครอบครัวบุตรหลานไปาพักผ่อนรับระทานอาหาร บริเวณร้านอาหารกิโลเมตรที่ 8 – 9 ถนนสายฮอด – แม่สะเรียง เขตอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ กันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่จะสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ และอาหาร มานั่งรับประทาน นั่งบนแคร่ไม้ไผ่ ที่ทางร้านอาหารนำมาตั้งในลำน้ำแม่แจ่ม ให้ประชาชนนั่งพักผ่อน และนั่งรับประทานอาหาร และลงเล่นน้ำคลายร้อน

DCIM101MEDIADJI_0869.JPG

ซึ่งระดับน้ำในแม่น้ำแจ่ม ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้ง ระดับน้ำลดลง เหลือไม่ถึง 50 เซนติเมตร และยังเป็นหาดทราย น้ำใสไหลเย็น ซึ่งก็จะมีชาวบ้านไปตั้งร้านอาหาร บนฝั่งริมถนน และนำแคร่ไม้ไผ่มาตั้งในน้ำ ให้ประชาชนลงไปนั่งพักผ่อนคลายร้อน สร้างรายได้เป็นอย่างดี ให้กับพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติออบหลวง อำเภอฮอด โดยเฉพาะช่วงวันหยุดจะมีประชาชนพากันมาผ่อนพัก ลงเล่นน้ำ จำนวนมาก เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร หรือที่นี่ชาวบ้านเรียก“พัทยาเมืองฮอด”

DCIM101MEDIADJI_0885.JPG

DCIM101MEDIADJI_0903.JPG

เชียงใหม่ โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิตเชียงใหม่ มอบวุฒิบัตรให้กับเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 3 ที่สำเร็จการศึกษา และสามารถเข้าเรียนต่อในระดับชั้นประถม

โรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิตเชียงใหม่ มอบวุฒิบัตรให้กับเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 3 ที่สำเร็จการศึกษา และสามารถเข้าเรียนต่อในระดับชั้นประถม โรงเรียนแถวหน้าของจังหวัดได้ทั้งหมด สร้างความภูมิใจให้กับผู้ปกครอง บางคนถึงกับน้ำตาซึม

เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนดรุณนิมิต จังหวัดเชียงใหม่ ที่สำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดจำนวน 67 คน เข้ารับวุฒิบัตรจากอาจารย์พรรณี บุญประเสริฐ ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนดรุณนิมิต ด้วยความภาคภูมิใจ ของผู้ปกครอง ที่มาร่วมแสดงความยินดีกับบุตรหลาน พ่อแม่ผู้ปกครองบางคนดีใจถึงกับน้ำตาซึม พร้อมทั้งชมการแสดงความสามารถของลูกๆ ทั้งการเต้น การร้อง เพื่อแสดงออกต่อสาธารณชน และนักเรียนที่จบการศึกษาในปีนี้ สามารถเข้าเรียนต่อในระดับชั้นประถม ในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ระดับแถวหน้าของจังหวัดเชียงใหม่ ได้ครบทุกคน

สำหรับโรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิต ก่อตั้งมานานกว่า 60 ปี โดยพ่อครู สมบูรณ์ กันทะปา ปัจจุบันเปิดการเรียนการสอน 2 แห่ง มีเด็กนักเรียนปฐมวัย หรือที่จบการศึกษาไปแล้ว จำนวนนับหมื่นคนและไปศึกษาต่อในระดับชั้นประถมศึกษาระดับมัธยมศึกษา และระดับอุดมศึกษา ออกมารับใช้สังคม ในสาขาวิชาชีพ ต่างๆ มีทั้งครูบาอาจารย์ แพทย์ พยาบาล หรือรับราชการ สร้างความภูมิภูมิใจให้กับสถาบันแห่งนี้เป็นอย่างมาก ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการอบรมสั่งสอน

โอกาสเดียวกันยังได้มอบรางวัลให้กับบุคลากรดีเด่นและทำงานมาครบ 10 ปี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้เป็นไปตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

เชียงใหม่ ประชาชนชาวบ้านแปะ ตื่นตัวออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามหน่วยเลือกตั้งพื้นที่

ประชาชนชาวบ้านแปะ ตื่นตัวออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามหน่วยเลือกตั้งพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

วันที่ 28 มี.ค.64  เวลา 08.00 น.ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 13 บ.ข่วงเปาใต้ ต.บ้านแปะ  อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นายพันธ์ศักดิ์ แก้วสุดใจ ผู้สมัครชิงนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านแปะ ได้เดินทางออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 13 บ้านข่วงเปาใต้  ภายหลังที่คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเปิดหีบบัตร เวลา 08.00  น. ซึ่งมีประชาชนในพื้นที่มีความตื่นตัวและให้ความสนใจในการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยได้เดินทางออกมาใช้สิทธิเป็นจำนวนมาก

สำหรับเชียงใหม่ มีจำนวนเทศบาลมากที่สุด 121 แห่ง แบ่งเป็น ทน. 1 แห่ง, ทม. 4 แห่ง และ ทต. 116 แห่ง มีผู้สมัครร่วม 4,048 คน แบ่งเป็น นายกเทศมนตรี 299 คน และ ส.ท. 3,749 คน  ซึ่งผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการในแต่ละแห่งน่าจะทราบผลภายหลังเวลา 19.00 น. เป็นต้นไป

เชียงใหม่ 2 กลุ่มชิงนายก ทต.บ้านแปะ ลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงคึกคัก

2 กลุ่มชิงนายก ทต.บ้านแปะ ลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงคึกคัก จัดรถแห่เข้าถึงทุกตารางเมตร หวังอาสารับใช้พัฒนาในพื้นที่ ด้าน กกต.เชียงใหม่ ตั้งเป้าคนออกไปใช้สิทธิ์ร้อยละ 75 มีผู้ชิงนายกฯมากที่สุดในประเทศไทย

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเลือกตั้ง โค้งสุดท้ายพื้นที่เลือกตั้งในเขต ทต.บ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่น่าจับตาบรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงของผู้สมัครทั้ง 2 กลุ่ม ที่มีขั้วการเมืองใหญ่ระดับชาติ 2 ขั้วการเมืองเฝ้าจับตาดูและสนับสนุนสนามเลือกตั้งในพื้นที่ ทต.บ้านแปะ แห่งนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง ผู้ลงสมัครนายกฯมี นายประสิทธิ์ กันทาดง ผู้สมัครนายก ทต.บ้านแปะ เบอร์ 1 “กลุ่มรวมพลังมวลชน” และ นายพันธ์ศักดิ์ แก้วสุดใจ ผู้สมัครชิงนายก ทต.บ้านแปะ เบอร์ 2 “กลุ่มนำพลังบ้านแปะ”

ทางอดีตนายก ทต.บ้านแปะ นายพันธ์ศักดิ์ แก้วสุดใจ ผู้สมัครนายกฯ เบอร์ 2 ลงพื้นที่พร้อมผู้สมัคร สท.เบอร์ 1-6 ขอคะแนนเสียงที่ดอยขุนแปะ บ้านบนนา บ้านขุนแปะ โดยขึ้นรถแห่ขอคะแนนเสียงเพื่ออาสารับใช้พี่น้อง “สานงานต่อ ก่องานใหม่” ในนามกลุ่มนำพลังบ้านแปะ พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านแปะ ทั้ง 2 เขต ชูนโยบายเร่งด่วน ดำเนินการโครงการ 1 ตำบล 1 โรงเรียนเทศบาล, จัดตั้งศูนย์บริการและฝึกอบรมผู้พิการประจำตำบล, จัดทำเอกสารที่ดินรายแปลงสู่สิทธิ์ที่ยั่งยืน, จัดตั้งโครงการตำบลเทคโนโลยี (ตำบลอัจฉริยะ) และขยายการให้บริการศูนย์กู้ชีพกู้ภัยให้ทั่วถึง ส่งเสริมการท่องเที่ยว ยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่

ส่วนผู้ท้าชิงโดยกลุ่มรวมพลังมวลชน ได้ลงพื้นที่หาเสียงของกลุ่มฯนำขบวนรถแห่ประชาสัมพันธ์นโยบายในพื้นที่ บ้านโฮ่งมะค่าและบ้านท่าข้ามเหนือโดยมี นายประสิทธิ์ กันทาดง ผู้สมัครนายกเทศบาล เบอร์ 1 กลุ่มรวมพลังมวลชน ซึ่งเคยเป็นอดีตนายกฯ มาก่อน 1 สมัย โดยนำผู้สมัครทั้ง 2 เขต เบอร์ 8 ถึง 13 ลงรับสมัครการเลือกตั้งครบทุกเขต พร้อมชูนโยบาย “ความดีประจักษ์ เป็นนักประสาน จิตใจเบิกบาน ปะไหนอู้ได้..” พร้อม?ประกาศไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง

โดยทั้งสองกลุ่มยังได้ฝากปัญหาการที่ข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลางให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย และเชิญชวนพี่น้องประชาชน ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลบ้านแปะ ให้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น.เพื่อแสดงออกถึงพลังประชาธิปไตยอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์ชาวบ้านในพื้นที่บ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ถึงการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยกลุ่มชาวบ้านได้ให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นในเรื่องของการเมืองท้องถิ่นในครั้งนี้ โดยชาวบ้านคนแรก บอกว่า ต้องให้คนท้องถิ่นเป็นผู้แก้ไขปัญหาเพราะเป็นคนในพื้นที่และรับรู้รับทราบปัญหาของชาวบ้านเป็นอย่างดี ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่มีชื่อผู้ที่สมควรจะมาเป็นผู้บริหารอยู่ในใจอยู่แล้ว

ในส่วนคำถามที่ว่า การเมืองในครั้งนี้รุนแรงหรือไม่นั้น ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของธุรกิจค้าขายเสื้อผ้าพื้นเมือง ต.บ้านแปะ บอกว่า การเมืองถือว่าไม่รุนแรงเพราะการออกหาเสียงของแต่ละกลุ่ม ถือว่าเป็นเรื่องปกติของการแข่งขัน ชาวบ้านดูออกว่าใครทำงานไม่ทำงานและคนไหนมีประสิทธิภาพในการนำความเจริญก้าวหน้าเข้ามาสู่หมู่บ้าน โดยรวมการหาเสียงในครั้งนี้ก็เห็นชูนโยบายของแต่ละกลุ่ม แต่ต้องดูแลเรื่องปากท้องของชาวบ้าน ซึ่งอดีตนายกฯคนล่าสุด ก็ถือว่ามีผลงานทำงานดีอยู่แล้ว เช่นโครงการ ออมวันละบาท โครงการในส่วนของกลุ่มแม่บ้านที่ได้รับการสนับสนุนทุกโครงการเป็นต้น

ในส่วนความเห็นกลุ่มการเมืองระดับชาติที่ลงมาสนับสนุนการเมืองท้องถิ่นนั้น ชาวบ้านคนหนึ่ง เปิดเผยว่า ในความเห็นส่วนตัว ไม่เห็นด้วย เห็นว่าการเมืองท้องถิ่นควรให้คนในท้องถิ่นเป็นผู้จัดการ เพราะคนในท้องที่รับทราบปัญหาดี การเมืองระดับชาติก็ให้บริหารจัดการในระดับชาติออกกฏหมาย แต่การเมืองท้องถิ่นต้องการให้ต่างคนต่างหาเสียง เลือกตั้งเสร็จทุกคนเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ตรงนี้คือความสำคัญที่ไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยก หากการเมืองระดับชาติมายุ่งจึงทำให้การเมืองท้องถิ่นไม่เจริญ เหมือนการแข่งขันกีฬา กรรมการเป่านกหวีด ก็เริ่มแข่งขันกันไป พอกรรมการเป่านกหวีดหยุดการแข่งขันในวันที่ 28 มี.ค.ที่เป็นวันเลือกตั้งแล้ว คนที่ได้รับเลือกตั้งก็ดีใจกันไป คนที่แพ้ก็ยังเป็นคนในหมู่บ้านมีสติปัญญาก็ช่วยสนับสนุนกันเพื่อพัฒนาบ้านเมืองต่อไป

ส่วนข้อถามเรื่องนโยบายของ 2 กลุ่มการเมืองที่ลงชิงนายก ทต.บ้านแปะ ชาวบ้านบอกว่า นโยบายคล้ายๆกัน อยู่ที่ใครเข้าไปบริหารต้องดูแลปัญหาให้ชาวบ้านอย่างจริงจัง ต้องอิงชาวบ้านเป็นหลัก เพราะไม่ใช่การเมืองใหญ่ระดับชาติ สส.ต้องอิงพรรค สจ.ก็ไปไกลอีกหน่อย ในส่วนของ นายก และ สท.ต้องดูแลชาวบ้าน อีกประการหนึ่งที่ว่า เอาการเมืองเมืองใหญ่มาครอบงำในท้องถิ่น ชาวบ้านไม่เห็นด้วย เพราะการทำงานใดๆจะกลายเป็นหุ่นเชิดต้องฟังแต่ข้างบนอย่างเดียวโดยไม่ฟังเสียงชาวบ้าน

ทางด้าน กกต.เชียงใหม่ ตั้งเป้าคนออกไปใช้สิทธิ์ร้อยละ 75 เพราะ จ.เชียงใหม่ มีผู้สมัครชิงนายกเทศมนตรีถึง 299 คน มากสุดในประเทศ ทางคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง หรือ กปน. จากทั้งหมด 121 หน่วยเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีที่ จ.เชียงใหม่ เดินทางเข้ารับมอบหีบบัตร บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง คูหาลงคะแนน และ ชุดวัสดุอุปกรณ์ จากคณะกรรมการการเลือกตั้งที่โรงพลศึกษา สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่การเลือกตั้งเทศบาลจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ( 28 มี.ค.)


การเลือกตั้งครั้งนี้ จ.เชียงใหม่มีเทศบาลที่จัดให้มีการเลือกตั้งทั้งหมด 121 แห่ง มากที่สุดในประเทศไทย และมีผู้สมัครทั้งหมดถึง 4,048 ราย เป็น ผู้สมัครนายกเทศมนตรี 299 คน และ ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล 3,749 คน มากที่สุดในประเทศไทยเช่นเดียวกัน โดยในส่วนของการเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่ มีผู้สมัครนายกเทศมนตรี 7 ราย ผู้สมัคร ส.ท. 4 แขวงอีก 109 ราย รวม 116 ราย


นายเกรียงไกร พานดอกไม้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า กกต.เชียงใหม่ ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลไม่น้อยกว่าการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ผ่านมาที่ร้อยละ 71 แต่ก็หวังว่ามีคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้ถึงร้อยละ 75

ส่วนความพร้อมการจัดการเลือกตั้ง ขณะนี้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้ง วัสดุอุปกรณ์และบัตรเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุข ที่มีจำนวนกว่า 26,000 คน โดยการแจกจ่ายวัสดุและอุปกรณ์การเลือกตั้งในวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย


นางนุสรา ยันตรโกวิท ปลัดเทศบาลนครเชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาล กล่าวว่า การเลือกตั้งของเทศบาลนครเชียงใหม่มีทั้งหมด 193 หน่วยเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งรวม 100,595 คน แบ่งเป็นแขวงนครพิงค์ 25,533 คน แขวงกาวิละ 27,855 คนแขวงเม็งราย 23,590 คน และ แขวงศรีวิชัย 23,617 คน ตั้งเป้าผู้ใช้สิทธิ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้เจ้าหน้าที่จัดเลือกตั้งกว่า 1,200 คน และ งบจัดเลือกตั้งรวม 8 ล้านบาท.

เชียงใหม่ รองแม่ทัพภาคที่ 3 แนะชุดรณรงค์สร้างจิตสำนึกและประชาชนจิตอาสาภัยพิบัติ ลงพื้นที่สร้างการรับรู้แก้ปัญหาหมอกควัน

รองแม่ทัพภาคที่ 3 แนะชุดรณรงค์สร้างจิตสำนึกและประชาชนจิตอาสาภัยพิบัติ ลงพื้นที่สร้างการรับรู้แก้ปัญหาหมอกควัน เข้มข้นช่วงเดือน เม.ย. เนื่องจากสภาพอากาศร้อนส่งผลต่อการเกิดไฟป่า

พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้เข้าสู่เดือนเมษายน ซึ่งจะมีอากาศที่ร้อนทำให้พื้นที่เกิดความแห้งแล้ง ส่งผลกระทบกับการเกิดปัญหาไฟป่า ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพอากาศของวันนี้พบว่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือเริ่มมีค่าฝุ่นละอองที่มีผลกระทบกับประชาชนในหลายจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ และจังหวัดพะเยา โดยมีค่า PM 2.5 ระหว่าง 37 – 140 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 62 – 157 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร และค่า AQI ระหว่าง 50 – 250 ไมโครกรัม / ลูกบาศก์เมตร โดยมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ในพื้นที่ ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

สำหรับสถานการณ์ไฟป่าและจุดความร้อน 17 จังหวัดภาคเหนือ พบว่า จำนวน Hotspot (ดาวเทียมระบบ VIIRS) ในช่วงเช้านี้จำนวน 320 จุด เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 174 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 112 จุด ,พื้นที่เกษตร จำนวน 14 จุด ,เขต สปก. จำนวน 10 จุดโดยจังหวัดที่มีจุดความร้อนมากที่สุด คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 135 จุด

ปัจจุบันกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้ายังคงส่งชุดรณรงค์สร้างจิตสำนึก ชุดดับไฟของหน่วยทหารในแต่ละพื้นที่ รวมไปถึงประชาชนจิตอาสาภัยพิบัติ ลงพื้นที่จุดเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า เพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชนลดการเผาแก้ปัญหาหมอกควัน

เชียงใหม่ โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง​ ทต.บ้านแปะ พันธ์ศักดิ์ แก้วสุดใจ ลงพื้นที่พร้อมทีมงาน ขอคะแนนเสียงตลาดนัดวันศุกร์

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง ทต.บ้านแปะ พันธ์ศักดิ์ แก้วสุดใจ ลงพื้นที่พร้อมทีมงาน ขอคะแนนเสียงตลาดนัดวันศุกร์ อาสารับใช้พี่น้อง “สานงานต่อ ก่องานใหม่” กลุ่มนำพลังบ้านแปะ

วันที่ 26 มี.ค.64 ที่ตลาดนัดวันศุกร์ข้าง เทศบาลตำบลบ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นายพันธ์ศักดิ์ แก้วสุดใจ ผู้สมัครชิงนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านแปะ “กลุ่มนำพลังบ้านแปะ” พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ้านแปะ ทั้ง 2 เขต ลงพื้นที่ขอคะแนนเสียง ชาวบ้าน พ่อค้า- แม่ค้า พร้อมชูนโยบายเร่งด่วน ดำเนินการโครงการ 1 ตำบล 1 โรงเรียนเทศบาล, จัดตั้งศูนย์บริการและฝึกอบรมผู้พิการประจำตำบล, จัดทำเอกสารที่ดินรายแปลงสู่สิทธิ์ที่ยั่งยืน, จัดตั้งโครงการตำบลเทคโนโลยี (ตำบลอัจฉริยะ) และขยายการให้บริการศูนย์กู้ชีพกู้ภัยให้ทั่วถึง

นายพันธ์ศักดิ์ แก้วสุดใจ เปิดเผยว่า ในด้าน นโยบายด้านการบริหารงาน ส่งเสริมการปกครองโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมการบริหารงานเทศบาลและมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น, จัดระบบการบริหารงานอย่างโปร่งใสสามารถตรวจสอบขอข้อมูลจากศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารจากเทศบาล, ปรับปรุงเครื่องมือเครื่องใช้รวมทั้งบุคลากรของทางเทศบาลเพื่อให้การบริการประชาชน ได้ด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพดำเนินการแก้ไขปัญหาของประชาชนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนของปัญหา

นโยบายด้านการศึกษา ส่งเสริมจัดตั้งโรงเรียนเทศบาลประจำตำบลเพื่อให้มีคุณภาพมาตรฐาน, สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารงานโรงเรียนเทศบาล, สนับสนุนกิจกรรมในด้านต่างๆตามความสนใจของประชาชนและเยาวชนอาทิเช่นด้านกีฬา, ส่งเสริมการจัดการขยะของโรงเรียนให้ผู้เรียนมีรายได้ ขณะเรียนและพัฒนาศูนย์เด็กเล็กให้มีมาตรฐานและการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง

ในด้านนโยบายเศรษฐกิจการส่งเสริมอาชีพและการท่องเที่ยว ส่งเสริมผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน OTOP จากรุ่นสู่รุ่น และผลักดันการขายออนไลน์ ส่งเสริมและจัดตั้งร้านค้าชุมชนให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของตำบล โบราณสถาน และวัฒนธรรมของตำบล เพื่อให้เกิดรายได้สู่ท้องถิ่น และถึงเป็นการประชาสัมพันธ์ตำบลให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ส่งเสริมการยกระดับเศรษฐกิจชุมชนและฟื้นฟูส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมวิถีชีวิตและชาติพันธุ์ ในส่วนของนโยบายด้านการบริการประชาชนจัดตั้งศูนย์กู้ชีพกู้ภัยเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในตำบลจัดหารถดับเพลิง รถพยาบาล ร่วมไปถึงจัดหาบุคลากรเพื่อให้พอเพียงต่อการให้บริการแก่พี่น้อง?ประชาชน? บริการโต๊ะเก้าอี้ในการจัดการงานพิธีการต่างๆ ในตำบล ในส่วนของนโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐาน จัดทำแผนแม่บทในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่น ถนน ประปา ไฟฟ้าส่องสว่างให้ทั่วถึง จัดการแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภค โดยประชาชนมีส่วนร่วม รวมไปถึงการประสานงานขยายเขตไฟฟ้าเพื่อการเกษตร

นโยบายด้านเทคโนโลยีและการประชาสัมพันธ์ปรับปรุงการให้บริการของเทศบาล ด้วยกันนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เช่นการเสียภาษีออนไลน์การยื่นเรื่องร้องเรียนผ่านทางออนไลน์ มีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี มีความปลอดภัยและมีความสุขในการดำรงชีวิต ส่งเสริมสนับสนุนการปรับปรุงระบบ Wifi ให้ดียิ่งขึ้น สนับสนุนการติดตั้งกล้องวงจรปิดตามจุดสำคัญของชุมชนเพื่อให้ความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และจัดทำโครงการเทศบาลโปร่งใส มีการถ่ายทอดสดการประชุมในวาระโอกาสพิเศษงานสำคัญ

นโยบายด้านสาธารณสุข พร้อมสานต่อนโยบายการดูแลผู้ป่วยติดเตียงและเพิ่มการดูแลให้มากขึ้นจัดตั้งศูนย์บริการผู้พิการตำบลบ้านแปะ จัดตั้งชมรมผู้พิการและจัดจ้างผู้ดูแลผู้พิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ในตำแหน่งพี่เลี้ยงผู้พิการของศูนย์ผู้พิการตำบลบ้านแปะ มีการส่งเสริมการพัฒนาอาชีพผู้พิการตามศักยภาพโดยผ่านสมาคมผู้พิการแห่งประเทศไทย และส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืนเช่นจัดตั้งโครงการขยะทองคำเพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างอาชีพ ในด้านนโยบายทรัพยากรสิ่งแวดล้อม จัดตั้งเทศบาลบัญญัติ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตำบลบ้านแปะ อย่างมีส่วนร่วมการใช้ประโยชน์ที่ดินทำกินภายใต้กรอบของความยั่งยืน การเช่าที่ดินภายในเครือข่ายตำบลบ้านแปะ ให้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการลุ่มน้ำ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านรวมไปถึงการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

นายพันธ์ศักดิ์ แก้วสุดใจ กล่าวในตอนท้ายว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ในพื้นทึ่เขตเทศบาลตำบลบ้านแปะ ในวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2561 เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น. ให้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และขอฝาก “กลุ่มนำพลังบ้านแปะ” ขออาสา “สานงานต่อ ก่องานใหม่” เพื่อพัฒนาพร้อมแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนในตำบลบ้านแปะ นำตำบลบ้านแปะสู่เมืองอัจฉริยะในทุกๆ ด้าน.

เชียงใหม่ ม.แม่โจ้ ลงนามบันทึกข้อตกลงเรื่องการพัฒนาพลังงานทดแทน

มหาวิทยาลัยแม่โจ้เชียงใหม่ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับสมาคมผู้ประกอบการ และช่างพลังงานแสงอาทิตย์ในการพัฒนาบุคลากรช่าง และบริษัท ไทย ไบโอ แมททีเรียล เรื่องการพัฒนาพลังงานทดแทน


รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมลงนามความร่วมมือ กับนายพลกฤต กล่ำเครือ นายกสมาคมผู้ประกอบการ และช่างพลังงานแสงอาทิตย์ ความร่วมมือทางวิชาการ เรื่องการพัฒนาพลังงานทดแทน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของนักศึกษาวิทยาลัยพลังงานทดแทน


มหาวิทาลัยแม่โจ้ ให้มีองค์ความรู้และความชำนาญ และความสามารถที่จะปฎิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทันทีเมื่อจบการศึกษา ทั้งนี้เพื่อร่วมให้ความปรึกษา แนะนำ กำหนดทิศทางในการยกมาตรฐาน ของวิทยาลัยพลังงานทดแทน ร่วมดำเนินการหลักสูตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่ เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถ และมีความชำนาญในด้านใช้พลังงานแสงอาทิตย์ สนับสนุนการวิจัย ค้นคว้าวิชาการในด้านพลังงานแสงอาทิตย์ จัดอบรมให้ความรู้ และฝึกงานในหลักสูตรสหกิจศึกษาในด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ร่วมกับสถานประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ และร่วมดำเนินการ ขอการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพ จากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เป็นการรรับรองคุณภาพของบัณฑิตวิทยาลัยพลังงานทดแทน ซึ่งในสาขาวิชาชีพนี้ ยังขาดแคลนอีกเป็นจำนวนมาก ไม่พอกับความต้องการของตลาดที่มีการขยายโรงงาน และใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทดแทน

โอกาสเดียว อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ยังได้ร่วม ลงนามความร่วมมือกับ นาย ฮิโร โยชิ โอซาวา ประธานกรรมการ บริษัท ไทยไบโอแมททีเรียล จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจการ ผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลให้กับหน่วยงานภาคอุตสาหกรรมและชุมชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เน้นการแปรรูปไม้ไผ่ เพื่อการผลิตถ่านชีวภาพคุณภาพสูง โดยใช้เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่นทั้งนี้เพื่อร่วมกันค้นคว้า วิจัยทดสอบและสาธิตเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม งานวิจัยและผลิตภัณฑ์ แบบให้สามารถเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม เชิงพาณิชย์ และร่วมมือในด้านวิชาการ และส่งเสริมพัฒนาบุคลากรด้านพลังงานทดแทน ส่งเสริมการผลิตบัณฑิต เพิ่มทักษะทางวิชาชีพ การปรับวุฒิการศึกษาทั้งในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา ระยะเวลาความร่วมมือ 4 ปี

 

เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงเชียงใหม่ เร่งเปลี่ยนแนวเหล็กกั้นทางโค้ง เส้นทางขึ้นดอยสุเทพ

เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงเชียงใหม่ เร่งเปลี่ยนแนวเหล็กกั้นทางโค้ง เส้นทางขึ้นดอยสุเทพ ให้มีความแข็งแรงและสูงขึ้น เตือนประชาชนช่วงนี้ ให้ชะลอความเร็วและใช้ความระมัดระวัง

เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงเชียงใหม่ เร่งรื้อถอนแนวเหล็กกั้นทางโค้ง เส้นทางขึ้นดอยสุเทพ ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เพื่อเปลี่ยนใหม่ ให้มีความปลอดภัยและมั่นคงแข็งแข็งโดยมีการรื้อของเก่าออกทั้งหมด และช่วงนี้อาจทำให้ทางโค้ง ไม่มีแนวเหล็กกั้น ประชาชนหรือนักท่องเที่ยว ควรชะลอความเร็ว เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะกลางคืน หรือนักท่องเที่ยวที่ไม่มีความชำนาญเส้นทาง หากหลุดโค้งมีสิทธิ์ตกเหวลึกได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งรื้อถอน และมีวัสดุกองตามไหล่ทาง

ในส่วนที่มีการเปลี่ยนใหม่ แนวเหล็กกั้นสูง 2 ชั้น หรือมีความสูงขึ้น ก็จะมีความปลอดภัย หากรถหลุดโค้ง ก็จะอยู่ในแนวถนน ไม่ข้ามแนวกั้นเหล็ก ซึ่งที่ผ่านมา เมื่อเดือนสิงหาคม 2561เคยเกิดอุบัติเหตุ มีรถนักท่องเที่ยวชาวจีน ขณะขับลงจากดอยสุเทพ ฝนตกถนนลื่นหลุดโค้ง รถยนต์ปีนข้ามแนวเหล็กกั้นชั้นเดียว ลงไปเหวข้างทางลึก 5 เมตร แต่โชคดีไปติดต้นไม้ใหญ่ หากหลุดลงไปลึกนับ 100 เมตร ทำให้บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ที่ผ่านมาแนวเหล็กกั้นทางโค้ง มีชั้นเดียว จึงมีการเปลี่ยนใหม่ เป็นแนวเหล็กกั้นสูง 2 ชั้น และมีการติดตั้งไฟส่องสว่าง ในเวลากลางคืนด้วยตลอดเส้นทางขึ้นดอยสุเทพ เพื่อรองรับรถนักท่องเที่ยว ที่มีจำนวนมากขึ้น ในอนาคต และเป็นเส้นทางที่มีถึง 3 เลน ขณะขึ้นลงภูเขา เพิ่มปลอดภัย ในขณะขับขี่

เชียงใหม่ ศูนย์ ปชส.กองทัพภาคที่ 3 นำคณะสื่อมวลชน จ.เชียงใหม่ ศึกษาดูงาน โครงการทหารพันธุ์​ดี ณ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ

ศูนย์ ปชส.กองทัพภาคที่ 3 นำคณะสื่อมวลชน จ.เชียงใหม่ ศึกษาดูงาน “โครงการทหารพันธุ์ดี” ณ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จังหวัดพิษณุโลก ขณะที่สื่อมวลชนจากส่วนกลาง รับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานของ กอ.รมน.ภาค 3

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 3 โดยท่าน พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ได้จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ ระดับภาค กอ.รมน. ภาค 3 มอบหมายให้ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 3 โดย พ.ท.เอกพงศ์ สุวรรณเวียง หัวหน้าส่วนติดตามและประเมินผลกรรมวิธีข้อมูลและสารสนเทศ, ส.อ.หญิง เจนจิรา อ้นคูเมือง พร้อม ส.ท.หญิง พิมพ์ชนา สิทธิจันทร์เสน นายสิบปฏิบัติการ ได้นำคณะสื่อมวลชนจาก จ.เชียงใหม่ เข้าศึกษาดูงาน โดยมี ร.ท.ปุณยวัจน์ ใจปัน นายทหารผู้ช่วยศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชพระราชทานฯ เป็นผู้บรรยายให้คณะสื่อมวลชนพร้อมพาชมโครงการทหารพันธุ์ดี ที่ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชพระราชทาน “เพื่อนช่วยเพื่อน” พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งริเริ่มมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2560 บนพื้นที่ 201.26 ไร่

สืบเนื่องจากสมเด็จกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ภายในค่ายเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก มีพระราชดำริให้มีการอนุรักษ์พันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ดั้งเดิมของไทย ไว้ใช้เพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืน และให้มีการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์กันในหมู่เพื่อนบ้าน โดยเริ่มจากนำเมล็ดพันธุ์พืชมาจากศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จ.เชียงราย เริ่มต้นจาก 10 ไร่ ปี 2561 ขยายเพิ่มเป็น 50 ไร่ และปัจจุบันขยายพื้นที่ออกไปจนถึง 201.26 ไร่

มีนายทหารแต่ละหน่วยรับผิดชอบ จึงใช้ชื่อว่า “กิจกรรมโครงการทหารพันธุ์ดี” ซึ่งในปัจจุบันสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์พืชผักได้กว่า 18 ชนิด อาทิเช่น มะเขือเปราะเจ้าพระยา, น้ำเต้า, มะเขือยาว, ถั่วฝักยาวสีม่วงสิรินธร เบอร์ 1, บวบเหลี่ยม, บวบงู, ฟักแฟง อัญชันเทพรัตนไพริน 63, หมามุ่ยอินเดีย, บวบหอม ฯลฯ รวบไปถึงพืชพื้นบ้านบางอย่างที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ซึ่งโครงการทหารพันธุ์ดีต่างๆ ภายในค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ มีเป้าหมายเพื่อเป็นการอนุรักษ์ทั้งพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ ในการผลิตให้เกิดความมั่นคงทางด้านอาหาร ให้แก่กำลังพลและประชาชนทั่วไป เป็นการดำเนินการผ่านการผลิตที่ปลอดจากสารเคมี โดยเฉพาะการเพาะเมล็ดพันธุ์เพื่อทูลเกล้าฯถวาย เพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์พระราชทานให้แก่ประชาชน

หลังจากนั้นได้พาคณะฯ ไปดูในส่วนของโครงการเลี้ยงแพะพระราชทาน “พันธุ์แบล็คเบงกอล” และการเพาะเลี้ยงปลานิลจิตรลดา ร่วมไปถึงการเลี้ยงเป็ดไข่พันธุ์ปางประกง ซึ่งได้มีการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ เพื่อกระจายให้แก่เกษตรกรทั่วไปนำไปเลี้ยง

โดยทางด้านการศึกษาดูงานของทีมสื่อมวลชนจาก กทม.และจังหวัดอื่นๆ ออกเดินทางจาก กอ.รมน.สวนรื่นฤดี กทม.เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2564 ไป จ.นครสวรรค์ และไปบึงบอระเพ็ด จากนั้นรับฟังการบรรยายสรุปเรื่อง “การจัดการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ดอย่างยั่งยืน” โดย กอ.รมน.จ.นครสวรรค์ จากนั้นล่องเรือทัศนศึกษาธรรมชาติบึงบอระเพ็ด ตามด้วยการศึกษาดูงานโครงการ “โคกหนองนาโมเดลแบบอย่างความยั่งยืน จ.พิจิตร” บรรยายสรุปการดำเนินงานโครงการฯ โดย กอ.รมน.จ.พิจิตร จากนั้นออกเดินทางจากโครงการฯ ไป จ.พิษณุโลก และเข้าที่พักโรงแรมเมย์ฟลาวเวอร์ แกรนด์


กิจกรรมวันที่ 19 มี.ค.2564 คณะเดินทางไปทัศนศึกษาวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร จากนั่นเดินทางไป บก.ทภ.3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระรูปพระสุพรรณกัลยา รับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานของ กอ.รมน.ภาค 3 ที่ห้อง 202 สโมสรบันเทิงทัพ จากนั้นเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ทภ.3 และเดินทางไปโครงการ “อนุรักษ์พลังงานกระจายน้ำเกษตรทฤษฎีใหม่ ขั้นที่ 2” อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก รับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินโครงการฯ โดย กอ.รมน.จ.พิษณุโลก จากนั้นคณะสื่อมวลชนเดินทางกลับ กทม. ไปยัง กอ.รมน. สวนรื่นฤดี กทม.ถือว่าเสร็จสิ่นกิจกรรมใน 2 วันดังกล่าว