เชียงใหม่ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ คุมเข้มการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนช่วงเทศกาลปีใหม่(คลิป)

หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ คุมเข้มการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนช่วงเทศกาลปีใหม่ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย


พลโทนฤทธิ์ ถาวรวงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลของหน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ ที่ค่ายพิชิตปรีชากร อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองกำลังผาเมืองที่ดูแลพื้นที่ 5 อำเภอชายแดนของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการวางกำลังคุมเข้ม 12 ช่องทางพื้นที่เสี่ยง ที่เป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดจากแหล่งผลิตประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาพักคอยตามแนวชายแดน

โดยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบันหน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ สามารถสกัดกั้นยาเสพติดไปแล้ว 36 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหา 40 คน เสียชีวิตจากการปะทะกัน 5 ศพ ยึดของกลางยาบ้าได้ 21 ล้าน 3 แสนเม็ด เฮโรอีน 1.3 กิโลกรัม และฝิ่นดิบ 5.1 กิโลกรัม ในช่วงบ่ายคณะได้เดินทางต่อไปยัง หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตเชียงราย ที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบตามลำแม่น้ำโขงตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำ ที่บ้านสบรวก ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน ไปสิ้นสุดที่แก่งผาได บ้านห้วยลึก ตำบลม่วงยาย อำเภอเวียงแก่น รวมระยะทาง 100 กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ 3 อำเภอ

โอกาสนี้ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ ได้เน้นย้ำกำลังพลให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ เข้มแข็ง เต็มความสามารถ นำมาตรการเฝ้าระวังและป้องปรามเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน ตามจุดเสี่ยงเพื่อสกัดกั้นขบวนการลำเลียงยาเสพติด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติงานเป็นอันดับแรก

สำหรับการดำเนินการของ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือนั้น จะเน้นการสกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ตามบริเวณแนวชายแดนทั้ง 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่อาย ฝาง เชียงดาว เวียงแหง และไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอแม่จัน แม่ฟ้าหลวง แม่สาย เชียงแสน เชียงของ และเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ซึ่งรัฐบาลกำหนดให้เป็นพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อลดจำนวนยาเสพติดที่จะเข้าสู่ประเทศไทยตอนใน โดยบูรณาการกำลังจากทุกภาคส่วน ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ ป.ป.ส. เพื่อเพิ่มความเข็มแข็งให้กับแนวชายแดน

เชียงใหม่ บก.ตม.5 ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมและอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมือง เทศกาลปีใหม่ 2567(คลิป)

บก.ตม.5 ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมและอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมือง เทศกาลปีใหม่ 2567


ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ประกอบกับนโยบายด้านการส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยของรัฐบาล คาดการณ์ว่าในช่วงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2567 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะมีคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติแฝงตัวมากับนักท่องเที่ยวเข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภานุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5 จึงได้สั่งการให้ ตม.จว.เชียงใหม่ จัดให้มีการปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมและอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองในห้วงเทศกาล ปีใหม่ 2567

วันที่ 25 ธ.ค.66 เวลา 16.30 น. พล.ต.ต.ภานุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. ได้เป็นประธานในพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมและอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองในห้วงเทศกาล ปีใหม่ 2567 ณ ตม.จว.เชียงใหม่ เพื่อออกตรวจสอบย่านที่พักอาศัยของคนต่างด้าวในบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ หรือพื้นที่ที่มีคนต่างด้าวพำนักอยู่บริเวณเดียวกันเป็นจำนวนมาก เพื่อตรวจสอบผู้ต้องสงสัยหรือผู้มีพฤติการณ์อันควรน่าสงสัย โดยมีการบูรณาการกำลังทั้งหมดกว่า 100 นาย ประกอบด้วย ตม.จว.เชียงใหม่, กก.สส.บก.ตม.5, ตม.จว.ลำพูน, กลุ่มงานจราจร ภ.จว.เชียงใหม่, กก.2 บก.ทท.2, สภ.เมืองเชียงใหม่, สภ.ช้างเผือก, สภ.แม่ปิง, สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์, พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่, จัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ และปกครองจังหวัดเชียงใหม่



ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่ได้โดยตรงผ่านทาง website ของหน่วยงาน : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755

เชียงใหม่ ร้านขายของตกแต่ง เครื่องประดับและของขวัญคึกคัก พนักงานร้านแทบไม่ได้พัก ลูกค้าแห่ซื้อ นำไปตกแต่งร้านค้า ร้านอาหาร(คลิป)

ร้านขายของตกแต่ง เครื่องประดับและของขวัญ สุดคึกคัก พนักงานร้าน แทบไม่ได้พัก ลูกค้าแห่ซื้อ นำไปตกแต่งร้านค้า ร้านอาหาร และนำไปแลกของขวัญ เทศกาลคริสต์มาส และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เงินสะพัดอย่างมาก ในรอบหลายปี

แหล่งจำหน่ายสินค้า ของตกแต่ง เครื่องประดับ เสื้อผ้า ของชำร่วย และกิ๊ฟช็อฟ ร้าน ดากอน ย่านถนนโชตนา ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีถึง 3 คูหา มีนักเรียน นักศึกษา กลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน เจ้าของร้านค้า ร้านอาหาร พากันแห่มาซื้อ สินค้าของตกแต่ง เพื่อนำไปประดับตกแต่ง ตามบ้านเรือน ร้านค้า ร้านอาหาร รับเทศกาลคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ ที่กำลังจะมาถึง ทำให้ทางร้านขายดีมาก มีลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ เข้ามาเลือกซื้อเต็มร้าน จนต้องเข้าแถว รอจ่ายเงิน

นางสาว นงนุช สุธิการ ผู้จัดการร้านบอกว่า สินค้าในร้านมีมาก เป็นหมื่นๆชิ้น ขายดีมาก มีทั้งสินค้า ประเภทตกแต่ง เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของใช้ ตุ๊กตา และสินค้าทั่วไป ต้องสั่งสินค้ามาเพิ่ม แต่ละวันยอดขายกระฉูด ขายดีมากทุกวัน มาได้ประมาณ 1 สัปดาห์ สินค้ามีราคาตั้งแต่ชิ้นละ 5 บาท ไปจนถึงหลักหลายพันบาท ยิ่งช่วงเย็น ที่นักเรียนนักศึกษา เลิกเรียน และคนทำงานเลิกงาน ร้านจะแน่นมาก จนที่จอดรถเต็ม ต้องให้พนักงานคอย จัดระเบียบ ในการจอดรถ ให้กับลูกค้า จนแทบไม่มีที่จอด

เชียงใหม่ เจ้าของและพนักงานกว่าร้านขายยา “ดาราเภสัช” แต่งชุดซานต้าและกวางเรนเดียร์ร่วมร้องเพลงแมรี่คริสต์มาส(คลิป)

เจ้าของและพนักงานกว่า ร้านขายยาดาราเภสัช ในตัวเมืองเชียงใหม่ กว่า 30 คน แต่งชุด ซานต้า ซานตี้ และกวางเรนเดียร์ ร่วมร้องเพลงแมรี่คริสต์มาส คืนความสุขให้กับลูกค้า ในวันคริสต์มาส ประชาชนที่ขับรถผ่านไปมาถึงกับอมยิ้ม


เจ้าของและพนักงาน ร้านขายยาดาราเภสัช ย่านถนนแก้วนวรัฐ ในตัวเมืองเชียงใหม่ พากันแต่งชุดซานต้า ซานตี้ และกวางเรนเดียร์ ในชุดสีแดงและสีเขียว รวมตัวกันหน้าร้าน กว่า 30 คน ร่วมกันยืนร้องเพลงแมรี่คริสต์มาส อวยพรและส่งความสุข ให้กับลูกค้า ที่เข้ามาซื้อยา และประชาชน ที่ขับรถผ่านไปมาหน้าร้าน ถึงกับอมยิ้ม ที่ทางร้านร่วมร้องเพลงและอวยพรและส่งความสุข ในวันคริสต์มาส

นางจรรยาลักษณ์ ใบเนียม พร้อมกับเภสัชกร ณรงค์ศักดิ์ ใบเนียม เจ้าของร้านดาราเภสัชบอกว่า หลังจากเกิดสถานการณ์โควิค ทำให้ไม่สามารถแต่งชุด ตามเทศกาล ที่สำคัญได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลสงกรานต์ เทศกาลตรุษจีน ที่ตามปกติ ก็จะแต่งตัวฮ่องเต้ ชูสีไทเฮา หรือนางสนม หรือแม้กระทั่งชุดขันที ซึ่งในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีแต่งชุดกัน จากสถานการณ์โควิค มาปีนี้สถานการณ์คลี่คลาย จึงได้ร่วมกับพนักงานของร้าน รวมทั้งหมดกว่า 30 คน แต่งชุดซานต้าซานตี้ กวางเรนเดียร์ รับวันคริสต์มาส ส่งความสุขให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้าเห็นแต่ง ชุดแบบนี้ก็จะพากันกันอมยิ้ม มีความสุข และมาขอถ่ายรูปด้วย ซึ่งก็สร้างสีสันในช่วงคริสต์มาส และในโอกาสต่อไป ก็จะมีการแต่งชุด ตามเทศกาลต่างๆต่อไป เพื่อเป็นคืนกำไรและคืนความสุขให้กับลูกค้า

เชียงใหม่ ตำรวจสืบสวนสภ.กัลยานิวัฒนา เชียงใหม่ พร้อมผู้ใหญ่บ้านหญิง เป็นพยานเข้าตรวจค้นจับกุม เอเย่นต์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ทั้งยาบ้าและเฮโรอีน(คลิป)

ตำรวจสืบสวนสภ.กัลยานิวัฒนา เชียงใหม่ พร้อมผู้ใหญ่บ้านหญิง เป็นพยานเข้าตรวจค้นจับกุม เอเย่นต์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ทั้งยาบ้าและเฮโรอีน ให้กับชาวบ้าน และกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ในพื้นที่ พร้อมของกลางทั้งยาบ้าและเฮโรอีนจำนวนมาก


พันตำรวจโท อำนาจ ธรรมสร รองผู้กำกับสืบสวน สภ.กัลยานิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และนาง อนันทต์ศรี แก้วเลิศตระกูล ผู้ใหญ่บ้าน แม่แดดน้อย หมู่ 4 อำเภอ กัลยานิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ นำหมายศาลเข้าตรวจค้น บ้านเอเย่นต์ ลักลอบจำหน่าย ยาเสพติด ให้กับชาวบ้าน และกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ในบ้านเลขที่ 5 / 1 หมู่บ้านแม่แดดน้อย ตำบลแม่แดด พบยาบ้าซุกซ่อน อยู่ในถุงเท้าสีเทา และยังพบเฮโรอีนบรรจุหลอดกาแฟ ในถุงย่าม ซุกซ่อนใต้ที่นอน นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังได้นำตัวเจ้าของบ้าน ไปตรวจค้นที่ห้างนา พบยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง ที่ซุกซ่อนไว้บนคานไม้ใต้หลังคา รวมยาบ้าที่พบ ทั้งหมด 985 เม็ด เฮโรอีนจำนวน 43 กรัม

สอบสวนนาย แข่ทูพอ อายุ 58 ปี เจ้าของบ้านและเจ้าของห้างนา และตรวจปัสสาวะ พบว่าเป็นสีม่วง ซึ่งก็ยอมรับสารภาพว่า เพิ่งเสพยาบ้ามา ส่วนยาเสพติดทั้งหมด ซื้อมาจากพ่อค้ายาบ้า กลุ่มชาติพันธุ์ ราคายาบ้าเม็ดละ 15 บาท นำมาขายเม็ดละ 30 บาท ส่วนเฮโรอีนซื้อมาราคาหลอดละ 1,500 บาท นำมาแบ่งขายใส่ในหลอดกาแฟ แบ่งขายหลอดเล็กละ 50 บาท ซึ่งก็จะได้กำไร 2 เท่า นอกจากนั้นยังยึด อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ได้อีก 1 กระบอก จึงควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.กัลยานิวัฒนา ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้การตัดวงจรการแพร่ระบาดในชุมชน

เชียงใหม่ พระเจ้าอินทร์สานหรือพระพุทธเจ้าทำจากไม้สาน ใช้เวลาสานกว่า 3 เดือนนับว่า เป็นองค์ที่ 9 ของประเทศไทย นำมาประดิษฐานที่ม่อนพญาราคราช (คลิป)

เสร็จแล้วพระเจ้าอินทร์สาน พระพุทธเจ้าที่ทำจากไม้สาน ขนาดหน้าตัก 89 นิ้ว ซึ่งนับว่า เป็นองค์ที่ 9 ของประเทศไทย สร้างด้วยไม้ไผ่มุงจำนวน 99,999 เส้น นำมาประดิษฐานที่ธรรมสถาน ม่อนพญานาคราช อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่

ที่ธรรมสถานม่อนพญานาคราช อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ครูบาชัยประสิทธิ์ภิกขุ เจ้าสำนักธรรมสถาน ม่อนพญานาคราช ได้ทำพิธีอัญเชิญพระเจ้าอินทร์สาน หรือพระพุทธรูปที่ทำจากไม้ไผ่ มาประดิษฐานที่ธรรมสถาน ม่อนพญานาคราช โดยพระเจ้าอินทร์สานองค์นี้ เป็นพระพุทธปางสมาธิสิงห์ 2 ขนาดหน้าตักกว่า 89 นิ้ว ใช้ไม้ไผ่มุงจำนวนถึง 99,999 เส้น เพื่อสานพระเจ้าอินทร์สานขึ้นมา นับว่าเป็นองค์ที่ 9 ของประเทศไทย

พระอาจารย์ ปันติจ๊ะ เกจิ ชื่อดังจากประเทศพม่า ซึ่งนิมนต์มาจำพรรษาที่ วัดจองกลาง ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานตลอดระยะเวลาจำพรรษา 3 เดือนหรือในเวลา 99 วันจึงแล้วเสร็จ โดยต้องใช้ไม้ไผ่ไล่มุงจำนวนถึง 99,999 เส้น สานพระเจ้าอินทร์สานขึ้นมา ถือว่าเป็นองค์ที่ 9 ของประเทศไทย โดยได้นำมาประดิษฐ์สถานให้ศรัทธาสาธุชนผู้ที่เคารพนับถือทางพุทธศาสนา มากราบไหว้สักการะบูชาที่ธรรมสถานม่อนพญานาคราช อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ และจะมีพิธีแห่สมโภชอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับไม้ไผ่มุง มีลักษณะเหนียว ทนทานเป็นพิเศษ มีกิ่งก้านสาขาเลื้อยขึ้นมุงไม้ใหญ่ คล้ายหวาย มักจะขึ้นในหุบเขาหนาวเย็น

เชียงราย นบ.ยส.35 ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 5 และป.ป.ส.ภาค 5 ขยายผลตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย (คลิป)

นบ.ยส.35 ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 5 และป.ป.ส.ภาค 5 ขยายผลตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย หลังตั้งจุดตรวจสกัดยาบ้า 200,000 เม็ด บริเวณจุดตรวจท่าเจริญ อ.เชียงของ จว.เชียงราย


วันที่ 20 ธ.ค.66 เวลา 15.00 น.พล.ท.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) เปิดเผยว่า หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ ร่วม กับตำรวจภูธรภาค 5 และป.ป.ส.ภาค 5 เข้าทำการตรวจค้นเพิ่มเติม 2 เป้าหมาย ที่บ้านเลขที่ 126 ม.11 ต.เวียง อ.เชียงของ จว.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.อรทัย แสงว้า ผู้ต้องหา และบ้านเลขที่ 244 หมู่ 11 บ.ทุ่งนาน้อย ต.เวียง อ.เชียงของ จว.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านของนาง เหลียงฮิง แซ่ย่าง แม่ ของ น.ส.อรทัย แสงว้า ผลการตรวจค้น ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงส่งตัวผู้ต้องหาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป

สืบเนื่องจาก เมื่อ 19 ธันวาคม 2566 เวลา 1430 น. นบ.ยส.35 โดย หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 31 กองกำลังผาเมือง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย สภ.เชียงของตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย บริเวณ จุดตรวจท่าเจริญ ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จว.เชียงราย ตรวจพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน 4 ประตู สีขาว หมายเลข ทะเบียน ขง 6955 เชียงราย เข้ามายังจุดตรวจ โดยมี นายสมเดช แซ่ว่าง อายุ 32 ปี ที่อยู่ 108 ม.5 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จว.ช.ร. (ผู้ขับขี่) และ น.ส. อรทัย แสงว้า อายุ 28 ปี ที่อยู่ 126 ม.11 ต.เวียง อ.เชียงของ จว.เชียงราย (ผู้โดยสาร) ลักษณะท่าทางมีพิรุธ จึงขอตรวจค้น ผลการตรวจไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงได้นำรถ คันดังกล่าวไป X-ray ที่ด่านตรวจศุลกากรเชียงของ ตรวจพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 100 มัด ประมาณ 200,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะที่นั่งผู้โดยสาร โดยการดัดแปลงตัวถังรถเป็นช่อง เพื่อซุกซ่อนยาเสพติดดังกล่าว หน่วยจึงได้ร่วมกันนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่ง สภ.เชียงของ เพื่อทำการขยายผล


ทั้งนี้ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดพื้นที่ชายแดนภาคเหนือให้มีการสกัดกั้นยับยั้งยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์อย่างเป็นรูปธรรมจึงได้กำหนดพื้นที่เร่งด่วนใน 11 อำเภอจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายให้ทุกส่วนบูรณาการร่วมกันโดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ (นบ.ยส.35) ซึ่งประกอบด้วยกำลังทหาร ตำรวจ ป.ป.ส. ฝ่ายปกครอง ร่วมดำเนินการ โดยมีกำหนดการปฏิบัติ 10 เดือน ตั้งแต่ 1 ธ.ค.66 -30 ก.ย.67

เชียงใหม่ ชาวปะโอ( เมียนมาร์ )วัดหนองคำ จังหวัดเชียงใหม่ ชวนชมรูปจิตรกรรมดาวเคราะห์สถาปัตยกรรมศิลปะแบบพม่า

ชาวปะโอ( เมียนมาร์ )วัดหนองคำ จังหวัดเชียงใหม่ ชวนชมรูปจิตรกรรมดาวเคราะห์สถาปัตยกรรมศิลปะแบบพม่าอัตลักษณ์เครื่องนุ่งห่มของตนเองที่น่าชม พร้อมขอพรปีใหม่


วัดหนองคำ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่เป็นวัดที่ชาวพม่าที่พำนักในจังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือ และยังคงมีศิลปวัฒนธรรมของความเป็นชาวพม่าปรากฏ วัดหนองคำเป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2380 ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2380 ได้รับพระราชทานพัทธสีมา เมื่อ พ.ศ. 2533

วัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยความสามัคคีกันของคณะอุบาสิก อุบาสิกา ชาวปะโอ (ต่องสู้) ผสมไต (ไทใหญ่) และคณะอุบาสก อุบาสิกาชาวไทยในเมืองเชียงใหม่ จนเมื่อ ปี พ.ศ.2380 ได้ชื่อวัดหนองคำ เนื่องจากในสมัยนั้นที่ตั้งวัดเป็นป่า มีบึงกว้างและลึก อยู่ทางทิศเหนือหลังวัด ต่อมาเมื่อมีการขยายตัวของเมืองบึงใหญ่ก็เป็นหนองน้ำ จากคำบอกเล่าในสมัยนั้น พบว่าใต้ก้นบึ้งของน้ำมีทองคำจำนวนมาก ความยาวของหนองน้ำขณะนั้นประมาณ 600 เมตร ซึ่งอ้อมมาทางทิศตะวันออกจรดถนนใหญ่หน้าวัด ทางวัดได้ใช้บึงใหญ่กับหนองน้ำดังกล่าวเป็นกำแพง โดยธรรมชาติ และเป็นเขตของวัดไปด้วยพร้อมกัน อาศัยเหตุนี้จึงเรียกว่า วัดหนองคำ

วัดหนองคำได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2445 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 11 เมตร ยาว 12 เมตร ในสมัยพระสันติละ ชาวปะโอ เป็นเจ้าอาวาส ในอดีต วัดหนองคำขึ้นอยู่กับการปกครองคณะสงฆ์พม่า จึงทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจและเรียกวัดนี้ว่า วัดพม่า แต่โดยแท้จริงแล้ว วัดนี้เป็นวัดของชาวปะโอ หรือ ต่องสู้ หรือ ชาวเงี้ยว ที่อยู่ภายใต้การปกครองของคณะสงฆ์พม่าเท่านั้น ซึ่งชาวปะโอนั้นจะมีประเพณี วัฒนธรรม ของตนเอง นับถือพญานาค เครื่องแต่งกายจะมีรูปของพญานาคไว้โพกหัว และติดหน้าอก มีภาษาพูด และเขียนคล้ายชาวล้านนาในอดีต และมีอัตลักษณ์เครื่องนุ่งห่มของตนเองที่น่าชม


สำหรับวัดหนองคำมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มีพระธาตุแบบเจดีย์ทรงฐานสูงสองชั้น มีห้องเล็กๆเพื่อเก็บคัมภีร์และหนังสือใบลานต่างๆ ภายในพระอุโบสถ มีพระประธานเนื้อปูนปั้น 3 องค์ พร้อมด้วยพระสาวก ทรงโปรดพระโพธิสัตว์สุเมธ ฤษี ไม้ ลงรักปิดทอง ศิลปะแบบพม่า สัตตภัณฑ์ เครื่องบูชา มีพระบัลลังหรือซุ้มสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปหรือชาวปะโอเรียกว่า พระจอง หรือ พระบัลลังก์ 2 หลัง ทำด้วยไม้ มีลักษณะช่อฟ้าใบระกางดงามตามแบบพม่า นอกจากนี้ในวิหารยังมีรูปจิตรกรรมดาวเคราะห์ต่างๆ และพุทธประวัติต่างๆ บนฝ้าเพดานให้ชมอีกด้วย

นอกจากนี้พระอานนท์ อินฺทวํโส (ปู่อ้าย)เจ้าอาวาสวัดหนองคำ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ยังเป็นองค์ผู้ถ่ายทอดบทสวดการบูชาคุณพระรัตนตรัย และคาถาบารมี 30 ทัศ ให้เป็นภาษาเมียนมาร์โดยการแปลจากภาษาไทย เป็นภาษาปะโอ ตามวิถีพุทธในแบบวัฒนธรรมชองชาวพม่า ที่สืบทอดจากคนรุ่นหลัง ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันในการสืบสานศาสนา ตามเจตนารมณ์ของมูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศภายใต้ร่มบารมีองค์หลวงปู่เฒ่าเกวลัน แห่งเทือกเขาหิมาลัย คณะศิษยานุศิษย์ รวมถึงมูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา ได้ดำเนินกิจกรรมหนุนเสริมกับส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานเตรียมเสนอชื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ทางด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรมและสันติภาพ ต่อองค์การยูเนสโก ในสาขาวัฒนธรรมที่สร้างความสงบสุขอันนำไปสู่สันติภาพ ร่วมกับโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนภาคเหนือ (ตอนบน) โดยมุ่งหวังที่จะสืบสานศาสนา รักษาแผ่นดิน ผ่านกระบวนการธรรมทูต เพื่อนำไปเผยแพร่และประดิษฐานใน ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงการประสานงานกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ในการจัดทำกรอบแนวทางการนำไปประดิษฐานเพื่อการติดตามและเก็บข้อมูลทั้ง 10 จังหวัด (ภาคเหนือ) ระดับประเทศและการเผยแพร่เกียรติคุณไปยังต่างประเทศ ประกอบการยกร่างข้อเสนอด้วยกระบวนการวิจัยที่สอดคล้องกับแบบเสนอ (ANNEX II) ที่องค์การยูเนสโกกำหนดอีกด้วย


อย่างไรก็ตามชาวปะโอยังคงรักษาประเพณี วัฒนธรรม ของตนเองได้อย่างดี หากใครมีโอกาสเดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาชมความงดงามของวัดในแบบฉบับของชาวปะโอ

 

 

เชียงใหม่ ชมรมนักวิทยุและโทรทัศน์เชียงใหม่-ลำพูน พร้อมด้วยเครือข่ายแบ่งปันไออุ่น ทำดีร่วมกัน สร้างสรรค์สังคมเด็กที่ด้อยโอกาส

ชมรมนักวิทยุและโทรทัศน์เชียงใหม่-ลำพูน พร้อมด้วยเครือข่ายแบ่งปันไออุ่น ทำดีร่วมกัน สร้างสรรค์สังคมเด็กที่ด้อยโอกาส ประจำปี 2566/67 ที่โรงเรียนบ้านขุนแม่หยอด อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

ที่โรงเรียนบ้านขุนแม่หยอด อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ชมรมนักวิทยุและโทรทัศน์เชียงใหม่-ลำพูน พร้อมด้วยองค์กรเครือข่าย ได้จัดโครงการทำดีร่วมกันแบ่งปันไออุ่น ประจำปี 2566 ณ โรงเรียนบ้านขุนแม่หยอด ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกปี เพื่อร่วมแบ่งปันไออุ่นบรรเทาผลกระทบจากภัยหนาวแก่เด็กๆโรงเรียนที่ห่างไกลและขาดแคลนได้รับโอกาสสนับสนุน ซึ่งทุกครั้งจะมีผู้ใหญ่ใจดีในองค์กรเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชนร่วมบริจาคทั้งสิ่งของและทุนทรัพย์ โดยกิจกรรมปีนี้มี ผศ.อาคม ตันตระกูล ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประธานชมรมฯ และ นาวาตรี นิพันธ์ พงษ์แดง ผู้อำนวยการ สทร.11 เชียงใหม่ ในฐานะประธานจัดงานในครั้งนี้ พร้อมด้วยนายทรงวิทย์ ดิษฐวุฒิ ผู้จัดการศูนย์บริหารวิทยุกระจายเสียง อสมท. ภาคเหนือ นายรัชชัย วัฒนะโชติ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.แม่ฮ่องสอน รวมทั้งสมาชิกเครือข่ายองค์กรความร่วมมือ สื่อมวลชน เป็นผู้แทนในนาม ชวท.ได้มอบผ้าห่มสิ่งของเครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์การเรียน กีฬาและทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน โดยมีนายจักร พิชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านขุนแม่หยอด พร้อมคณะครูและนักเรียนให้การต้อนรับและร่วมรับมอบสิ่งของในโครงการ

สำหรับโรงเรียนบ้านขุนแม่หยอดปลูกสร้างเมื่อ พ.ศ.2520 เป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 6 สังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดการเรียนการสอนตั้งระดับชั้นอนุบาล 1 ถึง ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ขยายโอกาส) โดยระดับอนุบาล 1 ถึง 3 มีนักเรียนรวม 23 คน ระดับประถม 1 ถึง 6 จำนวน 53 คน และมัธยมศึกษา 1 ถึง 3 รวม 36 คน บุคลากรผู้บริหารรวมครูจำนวน 13 คน โดยเปิดเป็นโรงเรียนพักนอนสำหรับนักเรียนที่อยู่ห่างไกลโรงเรียน และ การคมนาคมยากลำบาก เขตพื้นที่บริการ มีทั้งหมด 2 หมู่บ้าน 4 หย่อมบ้าน คือ บ้านขุนแม่หยอด หย่อมบ้านป่ากล้วย บ้านแม่ราจี บ้านห้วยขี้เปอะ หย่อมบ้านน้ำตก และหย่อมบ้านยอดไผ่ ห่างจากตัวอำเภอแม่แจ่ม 94 กิโลเมตร

ประสานงานได้ที่ นายดิลก ตระกูลรุ่งอำไพ อายุ 63 ปี ประธานกรรมการตรวจสถานศึกษา โรงเรียนบ้านขุนแม่หยอด 0840436965 นางสาวชนากานต์ แก้วเกตุ อายุ 44 ปี ครู คศ.1 โรงเรียนบ้านขุนแม่หยอด 0625548481

เชียงใหม่ สสส.ร่วมกับเครือข่าย 23 องค์กรในจังหวัดเชียงใหม่ เล่านิทานให้เด็กและการแสดงละคร เกี่ยวกับผลกระทบจากหมอกควันไฟป่า(คลิป)

สสส.ร่วมกับเครือข่าย 23 องค์กรในจังหวัดเชียงใหม่ เล่านิทานให้เด็กและการแสดงละคร เกี่ยวกับผลกระทบจากหมอกควันไฟป่า

ที่ศูนย์ธรรมชาติวิทยาดอยสุเทพ ถนนห้วยแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สสส.ร่วมกับภาคีเครืออข่าย ในจังหวัดเชียงใหม่ 23 องค์กร จัดกิจกรรม มหกรรมนิทานสร้างเมือง ครั้งที่ 4 มี เด็กๆและครอบครัว เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน และยังมีกิจกรรมอีก 25 ฐาน ให้เด็กๆเรียนรู้และร่วมสนุก


นางสาวทัทยา อนุสรราชกิจ  ผู้ประสานงานเครือข่ายเชียงใหม่อ่าน กล่าวถึงที่มาของการจัดงานว่า “งาน มหกรรมนิทานสร้างเมืองเริ่มต้น จัดครั้งแรกในปี 2563 และได้จัดต่อเนื่องในปี 2564 และ 2565 โดยทุกครั้งที่ จัดงานจะมีการกำหนดแนวคิดหลัก เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้เด็กๆ และเป็นประเด็นเดียวกับ นิทานที่เราสร้างสรรค์ขึ้น ในแต่ละปี ปี 2563 เราผลิตนิทานชุด ‘อ่านดอยสุเทพ’ ธีมงานก็คือ ‘ตะลุยป่าดอยบ้านของเรา’ ปีต่อมาเราทำ นิทาน ‘มาช่วยเพื่อนเรากันนะ’ รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อม จึงใช้หัวข้อ ‘มาช่วยกันสร้างเมืองน่าอยู่’ ปีที่แล้ว เรามี นิทานชุด ‘โลกของน้องหล้า’ ออกมาสองเล่ม คือ ‘น้องหล้าหาผักแกงแค’ กับ ‘อยู่ดีมีรอยยิ้ม’ เราก็ใช้หัวข้อ ‘อยู่ดี มีรอยยิ้ม’ มาสร้างการเรียนรู้ให้เด็กๆ”

หัวใจหลักของการจัดงาน มหกรรมนิทานสร้างเมือง คณะการสื่อสารมวลชน เพราะฝุ่นควันส่งผลกระทบร้ายแรง ทั้งร่างกาย จิตใจ และสมองของเด็ก ถ้าเขาไม่ได้รับการปกป้องที่ดี พอ เขาจะเติบโตเป็นประชากรที่แข็งแรงไม่ได้ และประชากรที่ไม่แข็งแรงก็จะเป็นภาระอย่างใหญ่หลวงของเมือง เราก็ใช้นิทานเล่มเล็กๆ นี่แหละทำงาน ทั้งสร้างการตระหนักรู้โดยการส่งไปให้ครูใน 451 ศูนย์พัฒนาเด็ก เล็ก ทั่วจังหวัด รวมทั้งผู้ปกครองอีก 1,000 คน ซึ่งงานมหกรรมนิทานฯ ก็ทำหน้าที่เดียวกัน เพียงแต่เราโฟกัส เรื่องความแข็งแรงของเด็กแทนการรับมือ เพราะเชื่อว่าผู้ปกครองในเมืองมีความเข้าใจเรื่องนี้ในระดับหนึ่ง”

นอกจากนี้ ในงานมหกรรมนิทานสร้างเมือง ทางแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. โดย ดร.จิรพร วิทยศักดิ์พันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 8 และที่ปรึกษาคณะกรรมการ กำกับทิศทางแผน ระบบสื่อและวิถีสุขภาวะทางปัญญา สสส. สำนัก 11 ได้มอบหนังสือนิทาน “เจ้าชายน้อยกับเพื่อนใหม่ในล้านนา” จำนวน 500 เล่ม ให้ตัวแทนเครือข่ายเชียงใหม่อ่านนำไปใช้ในการสร้างวัฒนธรรมการอ่าน

ด้านนางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน กล่าวว่า “ในวาระเฉลิม ฉลอง80 ปี เจ้าชายน้อย ทางแผนงานฯ ได้เชิญ ครูปรีดา ปัญญาจันทร์ และครูระพีพรรณ พัฒนาเวช ร่วม พัฒนาออกแบบหนังสือมาส่งต่อเครือข่ายเชียงใหม่อ่าน เพื่อเป็นตัวแทนความแข็งแกร่งแห่งพลังจินตนาการ ถ่ายทอดภูมิปัญญา วัฒนธรรมและธรรมชาติ พื้นที่เรียนรู้ที่แข็งแรงของเด็กๆ สมทบต้นทุนการทำงานที่น่าชื่นชม ของเชียงใหม่อ่าน”