เชียงใหม่ วันมาฆบูชา วัดแม่สาหลวงจัดพิธีสรงน้ำพระธาตุและทำบุญกุฎิสงฆ์อาคารใหม่

วันมาฆบูชา วัดแม่สาหลวงจัดพิธีสรงน้ำพระธาตุและทำบุญกุฎิสงฆ์อาคารใหม่ เลี้ยงข้าวน้ำแก่ผู้มาทำบุญ โดยปฏิบัติตามระเบียบของ ศบค.อย่างเคร่งครัด

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา ถือว่าเป็นวันสำคัญและวันศีลใหญ่สำหรับชาวพุทธ ที่วัดแม่สาหลวง ต.แม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้มีการจัดกิจกรรม สรงน้ำพระธาตุและทำบุญกุฏิพระสงฆ์หลังใหม่ โดยมีพระครูปัญญา วิเชียร์ เจ้าคณะอำเภอแม่ริม เป็นประธานในพิธี พระครูสิริอาภา กร รองเจ้าคณะอำเภอแม่ริม เจ้าภาพผู้หาทุนทรัพย์สร้างกุฏิ  โดยพระสกนิกร ทั้งชาวไทย และแรงงานต่างชาติที่พักอาศัยอยู่บริเวรใกล้พาลูกจูงหลายทยอยเดินมาทำบุญกันเป็นระยะ  ๆ เพื่อให้เป็นศิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัวเจิญยิ่งๆขึ้น

ทั้งนี้การทำบุญครั้งนี้ ได้มีการเว้นระยะความห่างตามคำสั่งของจังหวัดเชียงใหม่ และ ศบค.อย่างเคร่งครัด โดยมี อสม.ได้ตั้งโต๊ะประตูเข้าเพื่อทำการคัดกรองผู้ร่วมทำบุญทุกน ด้วยการวัดอุณภูมิร่ายกาย  ภายในงานมีการสรงน้ำพระธาตุ มัจฉาพาโชค ซอพื้นเมือง นอกจากนี้ได้มีผู้มีจิตรศรัทธาได้จัดโรงทานฟรี แก่ผู้มาร่วมงานดังกล่าว อาทิ้ช่น น้ำหวาน ผลไม้ ก๋วยเตี๋ยวและอื่นๆอีกมากมาย

สำหรับบ้านแม่สาหลวงเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ เป็นชุมชนกี่งชุมชนเมืองและชุมชนเกษตรกร เป็นหมู่บ้านที่รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างเหนียวแน่นตลอดมา วันศีล วันพระ ชาวบ้านในชุมชนต่างเข้าวัดทำบุญตักบาตรเป็นกิจวัตร งานพัฒนาหมู่บ้าน งานวัดชาวบ้านให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างมาโดยตลอด ซึ่งถือว่าเป็นชุมชนต้นแบบให้กับหมู่บ้านตำบลอำเภออื่นหรือต่างจังหวัดศึกษาเรียนแบบอย่างต่อไป

เชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่ออกมาทำบุญตักบาตรพระอุปคุตในวันเป็งปุ๊ด เวียนเทียนในช่วงเช้าแทน ช่วงค่ำ

ชาวเชียงใหม่ออกมาทำบุญตักบาตรพระอุปคุตในวันเป็งปุ๊ด และวันมาฆบูชาจนแน่น วัดบ้านท่อป่าตัน ในตัวเมือง และเดินเวียนเทียนในช่วงเช้าแทน ช่วงค่ำ

ที่วัดบ้านท่อป่าตัน ในตัวเมืองเชียงใหม่ ประชาชนชาวเชียงใหม่ พาครอบครัวลูกหลาน ออกมาทำบุญถวายสังฆทาน และต๋านขันข้าว กับพระสงฆ์อุทิศบุญกุศล ให้กับบรรพบุรุษ ที่ล่วงลับไปแล้ว ตามประเพณี เพื่อแสดงความกตัญญู จนล้นกุฎิเจ้าอาวาส ต้องยืนรอคิว และทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยแอลกอฮอร์และบนพระวิหาร ประชาชนยังร่วมใส่บาตรองค์จำลองพระอุปคุต พระอรหันต์ที่เป็นใหญ่แห่งท้องทะเล

ตามความเชื่อของชาวล้านนา ในวันเป็งปุ๊ดหรือวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวันพุธ พระอุปคุตซึ่งเป็นพระอรหัน จะเสด็จขึ้นมาจากสะตือทะเลมาโปรดสัตว์ บนโลกมนุษย์ หากได้ทำบุญใส่บาตรกับพระอุปคุต จะมีบุญและมีโชคลาภวาสนา และยังร่วมฟังพระธรรมเทศนา เพื่อความเป็นสิริมงคล และร่วมสวดมนต์ถือศีลปฎิบัติธรรม และปีนี้ทางวัดบ้านท่อ ยังจะมีการเวียนเทียนช่วงเช้า รอบพระวิหาร 3 รอบ เป็นปีแรก และงดเวียนรอบค่ำ จากสถานการณ์โควิค

เชียงใหม่ เทศกาลมาฆบูชา คนใจบุญนำพระทองคำและวัตถุมงคลเหรียญเกจิอาจารย์ หล่อสร้างระฆังสัมฤทธิ์ ขนาด 16 นิ้ว น้ำหนักกว่า 60 กก.

เทศกาลมาฆบูชา คนใจบุญนำพระทองคำและวัตถุมงคลเหรียญเกจิอาจารย์ หล่อสร้างระฆังสัมฤทธิ์ ขนาด 16 นิ้ว น้ำหนักกว่า 60 กิโลกรัม เพื่อนำไปประดิษฐานในหอระฆัง วัดบุบผาราม จังหวัดเชียงใหม่ ที่เห็นได้ชัดก็จะเป็นการมีส่วนร่วม ในการส่งสัญญาณตีระฆัง ให้พระเณรมาสวดมนต์ไหว้พระทำวัตรเช้าวัตรเย็น แม้ว่าญาติโยมไม่ได้มาไหว้พระ แต่ก็จะได้บุญที่มีส่วนในกิจของสงฆ์
อาจารย์ วีระพงษ์ วีระกษิตศรีวิชัย เจ้าภาคินัย ณ เชียงใหม่ ศรัทธาชาวเชียงใหม่ ที่ใจบุญร่วมกันนำพระทองคำน้ำหนัก 5 บาท และวัตถุมงคล เหรียญเกจิอาจารย์ชื่อดัง เทลงในองค์หล่อระฆังสำริด เพื่อทำบุญ ในช่วงเทศกาลมาฆบูชา ที่โรงหล่อระฆัง ชูชาติ บ้านป่าตาล ตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นระฆังสำริด ขนาด 16 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม เพื่อนำไปถวาย สร้างหอระฆังวัดบุบผาราม ย่านถนนท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีหอระฆัง
พระมหาดวงรัตน์ ฐิตรตโน (ถิ-ตะ-รัด-ตะ-โน )เปรียญธรรม 9 ประโยค เจ้าอาวาสวัดบุพผาราม ถนนท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เจริญพร การสร้างระฆังเป็นสิ่งประกอบอย่างหนึ่ง ในการสร้างวัดวาอาราม เป็นการส่งสัญญาณ พระภิกษุสามเณร ในการบอกเวลาทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น แต่ปัจจุบันมีนาฬิกา แต่ระฆังก็ยังใช้อยู่ ตามวัดวาอาราม ทุกวัดก็จะมีระฆังอยู่ และยังเป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่กับวัดมาโดยตลอด ศรัทธาญาติโยมก็ยังสร้างระฆังอยู่ ที่เห็นได้ชัด เป็นการสร้างบุญ อนุเคราะห์ให้กับพระสงฆ์ และยังมีความเชื่อการสร้างระฆัง จะมีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนตีระฆัง และคนก็จะได้ยินไปไกล แต่สำหรับพระสงฆ์ ก็จะได้ทำกิจวัตร ไหว้พระสวดมนต์ ถึงแม้ว่าศรัทธาญาติโยม จะไม่ได้มาไหว้สวดมนต์ แต่ก็ถือว่ามีส่วนร่วมในกิจของสงฆ์ ก็จะได้บุญไปด้วย ในการช่วยสนับสนุน ที่ได้ทำบุญ และยังมีความเชื่อว่า คนสร้างจะมีชื่อเสียงโด่งดัง เหมือนการตีระฆังได้ยินไปทั่ว

นายชูชาติ อุดมวิเศษ อายุ 66 ปี ช่างหล่อระฆัง บ้านป่าตาล อำเภอหางดง ซึ่งมีชื่อเสียงในการหล่อระฆัง บอกว่า แม้จะเกิดสถานการณ์โควิค แต่การหล่อระฆัง ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ยังมีลูกค้าหรือวัดจากทั่วประเทศสั่งทำเรื่อยๆ และยังมีคิวยาวตลอดทุกเดือน การหล่อก็มีทั้งขนาดเล็กไปจนถึงระฆังขนาดใหญ่ ขนาดกว้างกว่า 1 เมตรครึ่ง ราคาหลักล้านขึ้นไป นำไปสร้างหอระฆังตามวัด

 

เชียงใหม่ ทีเส็บพร้อมเดินหน้าจัดงาน “World Tea and Coffee Expo 2022” งานชากาแฟใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ

ทีเส็บพร้อมเดินหน้าจัดงาน “World Tea and Coffee Expo 2022” งานชากาแฟใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ชูไฮท์ไลท์ “ไฮบริดเอ็กซ์ซิบิชั่น” ดีเดย์เปิดงานระหว่างวันที่ 24-27 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ศูนย์การประชุมเอมเพรส โรงแรมดิเอมเพรส ใจกลางเมืองเชียงใหม่

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เดินหน้าจัดงานแสดงสินค้านิทรรศการและการประชุมชาและกาแฟระดับนานาชาติ (World Tea and Coffee Expo) ที่จังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าวโดยประธาน นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันอังคาร ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ห้อง Imperial Ballroom โรงแรมดิเอมเพรส เชียงใหม่ เพื่อชูไฮไลท์ไฮบริดเอ็กซ์ซิบิชั่น ตอบโจทย์งานแสดงสินค้ายุคนิวนอร์มัล เน้นความปลอดภัย มั่นใจภาคเหนือของประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลาง การผลิต และการค้าชาและกาแฟระดับโลก ดีเดย์เปิดงานระหว่างวันที่ 24-27 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ศูนย์การประชุมเอมเพรส โรงแรมดิเอมเพรส ใจกลางเมืองเชียงใหม่

ดร.จุฑา ธาราไชย ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคเหนือ กล่าวว่า ภาคเหนือเป็นแหล่งปลูกชา กาแฟ ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ การันตีด้วยรางวัลผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟระดับนานาชาติมากมาย และมีการพัฒนาการผลิต คุณภาพ อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภาคเหนือยังสามารถไปต่อ เพราะยังมีศักยภาพ และโอกาสอีกมากที่จะนำมาส่งเสริมอุตสาหกรรมชาและกาแฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการตลาด และร่วมมือทางธุรกิจ ผ่านทางงานประชุมและแสดงสินค้าที่ สสปน. จัดร่วมกับภาคีเครือข่าย

การจัดงาน “World Tea and Coffee Expo” ในครั้งนี้จะดำเนินการในรูปแบบผสมประสาน หรือไฮบริดเอ็กซ์ซิบิชั่น ตอบโจทย์งานแสดงสินค้ายุคนิวนอร์มัล คือจัดบนสถานที่จริง และทางออนไลน์ โดยรูปแบบของการจัดงานในครั้งนี้จะแบ่งเป็น 3 ส่วน กล่าวคือ งานประชุม งานนิทรรศการแสดงสินค้า และจับคู่ธุรกิจ โดยในส่วนงานแสดงสินค้าจะรวบรวมผู้แสดงสินค้าชั้นนำ 50 ราย ประกอบด้วยผู้จัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการชาและกาแฟในประเทศ 45 รายและอีกห้ารายจากต่างประเทศ โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานจะได้รับโอกาสในการพบปะกับผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้นำเข้า และ ซัพพลายเออร์ ที่อยู่เบื้องหลังเครื่องดื่มสุดโปรดนี้

ขณะเดียวกันจะมีการจับคู่ธุรกิจ การสร้างเครือข่าย เพื่อต่อยอดการค้า การลงทุน ซึ่งกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจนี้นับเป็นหัวใจของงาน โดยทีเส็บจะนำผู้ซื้อตัวจริงในวงการชาและกาแฟจากทั่วประเทศมาร่วมเจรจาการค้าที่มีระบบมาตรฐานมืออาชีพ และมีการกระตุ้นติดตามผลสัมฤทธิ์หลังงาน ในส่วนงานประชุม เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในแปดจังหวัดภาคเหนือจะสามารถเข้าถึงสาระ ความรู้ และข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการผลิต แนวโน้มตลาด และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดที่ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายวงการ สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจ ในงานจะมีการสาธิตรูปแบบการผลิตชาและกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ และเทคนิคการชงกาแฟโดยแชมป์บาริสต้า จากกรุงเทพ และในพื้นที่ภาคเหนือ งานนี้จึงเป็นงานชากาแฟครบวงจรสำหรับตัวจริงในวงการ

ลำปาง มณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมแสดงนิทรรศการและออกร้านเพื่อสร้างการรับรู้ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ

ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคงเขตพื้นที่มณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมแสดงนิทรรศการและออกร้านเพื่อสร้างการรับรู้ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ภายในงาน LAMPANG CERAMIC WORLD CLASS 2022 หรืองาน “ลำปางเซรามิกแฟร์ ครั้งที่ 34”ระหว่างวันที่ 12 – 22 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ลานเอนกประสงค์ห้างไทวัสดุ สาขาลำปาง ตำบลชมพู อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 14.00 น. พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 /ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคงเขตพื้นที่มณฑลทหารบกที่ 32 ได้เดินทางไปเยี่ยมชมและให้กำลังใจกำลังพลและเจ้าหน้าที่ประจำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดลำปางที่ร่วมออกบูธนิทรรศการและโชว์ผลงานผลิตภัณฑ์เซรามิกของโครงการฯ ภายในงาน LAMPANG CERAMIC WORLD CLASS 2022 หรืองาน “ลำปางเซรามิกแฟร์ ครั้งที่ 34” ระหว่างวันที่ 12 – 22 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อสร้างการรับรู้และเผยแพร่พระพระกรุณาธิคุณ และพระเกียรติคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงห่วงใยในความเป็นอยู่ของราษฎรในพื้นที่จังหวัดลำปาง โดยทรงรับสั่งให้จัดตั้งเป็นโครงการศิลปาชีพพิเศษ ได้แก่ โครงการพัฒนาบ้านแม่ต๋ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่ 17 มกราคม 2527 และ โครงการพัฒนาพื้นที่รอยต่ออำเภอเมือง,อำเภอเมืองปาน และอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่ 13 เมษายน 2539

ทั้ง 2 โครงการฯดำเนินงาน ที่ประกอบด้วย กลุ่มเครื่องปั้นดินเผา กลุ่มแกะสลักไม้ กลุ่มทอผ้า กลุ่มจักสาร ฟาร์มตัวอย่าง เป็นต้น ซึ่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงรับสั่งให้จัดตั้งเป็นโครงการศิลปาชีพพิเศษ เพื่อช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎร แก้ไขปัญหาไม่มีที่ทำกิน ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ป้องกันการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ตลอดจนการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ ให้มีความอุดมสมบูรณ์เกิดความยั่งยืน และมีอาชีพเพิ่มรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้พออยู่พอกินพึ่งตนเองได้ตามแนวพระราชดำริ เกิดการมีส่วนร่วมในด้านอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ แหล่งต้นน้ำลำธาร สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป


เชียงใหม่ ธนาคารออมสินภาค 8 จัดกิจกรรม ออมสิน สร้างงาน สร้างอาชีพ

ธนาคารออมสินภาค 8 จัดกิจกรรม “ออมสิน สร้างงาน สร้างอาชีพ” เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดจนการกระตุ้นสินเชื่อตามนโยบายของรัฐบาล

วันนี้ (14 ก.พ.65) นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่ารายการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “ออมสิน สร้างงาน สร้างอาชีพ” ที่ ธนาคารออมสินภาค 8 สำนักงานชั่วคราว ถนนช้างคลาน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ประชาชนทั่วไป ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มความแข็งแกร่งให้ทั้งผู้ประกอบการรายย่อย และ SMEs ตลอดจนการกระตุ้นสินเชื่อตามนโยบายของรัฐบาล และทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการได้อย่างทั่วถึง

โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการประสานความร่วมมือของหน่วยงานภาคีทางเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมาพันธ์ SMEs ไทยจังหวัดเชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ และศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 ร่วมกับธนาคารออมสินภาค 8 โดยให้ความช่วยเหลือใน 4 ด้าน ได้แก่ การสร้างงานและฝึกอบรมอาชีพ การให้ความช่วยเหลือด้านการตลาด การให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนประกอบอาชีพ และการช่วยเหลือด้านการผ่อนปรนการชำระหนี้แก่ธนาคาร ซึ่งสินเชื่อสร้างงงาน สร้างอาชีพ เพื่อเป็นเงินทุนเริ่มต้นในการประกอบอาชีพ หรือเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนสามารถกู้ได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อราย ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.99 ต่อปี ตลอดอายุสัญญากู้เงิน สูงสุดไม่เกิน 5 ปี

เชียงใหม่ ทบ.สนับสนุน MI-17 และอากาศยานไร้คนขับ (UAV ) เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ ทภ.3

ทบ.สนับสนุน MI-17 และอากาศยานไร้คนขับ (UAV ) เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ ทภ.3 ขณะที่ตลอดสัปดาห์ เกิดจุดความร้อนสะสม จำนวน 1,428 จุด

วันที่ 14 ก.พ.65 พล.ต.ประสิษฐิพงศ์ มูลดี รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ภายหลังกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ( บก.คฟป.ทภ.3 สน. ) ตรวจสอบสภาพอากาศในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ห้วง 7 – 13 ก.พ.65 พบว่า ภาคเหนือ มีค่าPM 2.5 เฉลี่ยอยู่ระหว่าง ระหว่าง 14 – 44 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 21 – 67 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ค่า AQI อยู่ระหว่าง 14 – 77 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 ,PM 10 และ ค่า AQI เฉลี่ยสูงตลอดสัปดาห์ ได้แก่ จังหวัดน่าน และ จังหวัดนครสวรรค์ ทั้งนี้คุณภาพอากาศโดยรวมของภาคเหนือยังคงมีสภาพอากาศอยู่ในระดับ ดี

สำหรับจุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ (ดาวเทียมระบบ VIIRS) ห้วง 7 – 13 ก.พ.65 พบเกิดจุดความร้อนสะสมจำนวน 1,428 จุด โดยเฉพาะในจังหวัดน่าน ลำปาง และจังหวัดนครสวรรค์ ส่วนใหญ่เกิดจุดความร้อนในพื้นที่ป่าสงวน จำนวน 716 จุด, พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 356 จุด และพื้นที่เกษตรจำนวน 159 จุด
อย่างไรก็ตาม ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา กอ.รมน.จังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้ลงพื้นที่เพื่อพบผู้นำชุมชน รณรงค์ลดการเผา ลาดตระเวนร่วมกับหน่วยงานเพื่อป้องปรามการเผาป่า และร่วมดับไฟกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ชุดปฏิบัติการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จำนวน 15 ชุด ลงพื้นที่เป้าหมายในการทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง รณรงค์สร้างจิตสำนึกลดการเผาในชุมชน พร้อมร่วมสร้างฝายในพื้นที่ป่าเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ป่าต้นน้ำ ลดปัญหาหมอกควัน จำนวน 40 ครั้ง ส่วนชุดปฏิบัติการลาดตระเวนและดับไฟป่า 4 ชุด จากหน่วยทหารในจังหวัดเชียงใหม่เตรียมลงพื้นที่ 6 อำเภอของจังหวัดเพื่อลาดตระเวน เฝ้าระวังการดับไฟ ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายห้วงวันที่ 15 – 17 ก.พ.65
รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกองทัพบกได้ให้การสนับสนุนอากาศยานใช้งานทั่วไป แบบ 17 (MI-17) และอากาศยานไร้คนขับ (UAV ) สำหรับใช้แก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. – 15 มี.ค.65 ซึ่งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าจะได้บูรณาการในการใช้ยุทโธปกรณ์ร่วมกับศูนย์ไฟป่าหมอกควันระดับจังหวัดฯ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เชียงใหม่ ปางช้างแม่สา จัดงานวันแห่งความรัก วิวาห์ช้าง พลายอ๊อดสุดหล่อ & แม่แป้นสุดสวย สืบสานสายพันธุ์ช้างไทย

เทศกาลวันแห่งความรัก “วิวาห์ช้าง” พลายอ๊อดสุดหล่อ & แม่แป้นสุดสวย “สืบสานสายพันธุ์ช้างไทย” ปางช้างแม่สา เชียงใหม่จัดงานมงคลวิวาห์ช้าง ต้อนรับวันวาเลนไทน์

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 11.30 น. นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เจ้าภาพจัดงานวิวาห์ให้ “คู่รักช้างบันลือโลก” ระหว่างพลายอ๊อดสุดหล่อกับแม่แป้นสุดสวย ที่บริเวณชายป่า ของปางช้างแม่สา ยืนยันถึงความรักของทั้งคู่ที่มีต่อกัน โดยมีพยานรักคือควาญแดง หรือนายแดง นาที ผู้ที่ดูแลเลี้ยงช้างทั้งสองเชือกอย่างใกล้ชิด เพื่อนเจ้าบ่าว กับนางรัตนา ศรีหมอก ผู้จัดการ?ปางช้างแม่สา เพื่อนเจ้าสาว ท่ามกลางสื่อมวลชนหลายสำนักที่ไปรอทำข่าว

นางอัญชลีฯ กล่าวว่าช่วงวันวาเลนไทน์ปีนี้เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด โดยช้างคู่นี้คบหาดูใจกันมาประมาณ 6 เดือน ตั้งแต่ตนได้ให้ควาญแดง ซึ่งเดิมดูแลพลายอ๊อดเพียงเชือกเดียว ได้เลี้ยงพังคูณทรัพย์หรือแม่แป้นด้วย โดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดเป็นความรักของช้างทั้งสองเชือกขึ้นมาได้ นับเป็นเรื่องที่แปลกและน่ายินดีที่ธรรมชาติของช้าง เขาจะมีการดมกลิ่นกันหรือคลอเคลียกันอยู่แล้ว ในช้างเพศผู้และเพศเมีย ที่ชอบพอกันซึ่งพลายอ็อดไม่เคยแบ่งอาหารให้ใครกับยอมให้แม่แป้นร่วมกืนอาหารด้วยแถมยังมีการป้อนให้กันอีกด้วย ซึ่งตนเองเลี้ยงช้างก็ต้องการให้ช้างอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ถ้าโชคดีในอีกไม่ช้าเราอาจจะมีลูกช้างเกิดใหม่ในปางช้าง ซึ่งจะช่วยสืบสานสายพันธุ์ช้างและอนุรักษ์ช้างไทยต่อไป

ปางช้างแม่สาเคยมีช้างเลี้ยงมากถึงกว่า 80 เชือก แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 69 เชือกเท่านั้น เพราะมีช้างชราจำนวนมาก และช้างเรานับวันก็จะล้มตายจากไป เราจึงเร่งสนับสนุนการผสมพันธ์ุตามธรรมชาติของช้าง ขอเพียงแต่ระวังไม่ให้อยู่ในสายเลือดที่ใกล้ชิดกัน หรือเป็นครอบครัวพ่อแม่เดียวกันเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว ทางปางช้างยังมีแผนที่จะพัฒนาปางช้างสู่การเป็นศูนย์อนุรักษ์ช้างแม่สาและยังยืนยันที่จะเลี้ยงช้างให้ดีที่สุดต่อไป เพื่อให้จังหวัดเชียงใหม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมที่คนมาเที่ยวต้องมาเช็คอินดูช้างที่ปางช้างแม่สา นางอัญชลีกล่าว


ทั้งนี้หลังจากได้ทำพิธีวิวาห์ พลายอ๊อดสุดหล่อ & แม่แป้นสุดสวย แล้วนางอัญชลี ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ว่าในช่วงของเทศกาลแห่งความรักนี้ “ปางช้างแม่สา เปิดฟรีทุกวัน” ให้เข้าชมช้าง ทำกิจกรรมป้อนอาหารช้าง จำหน่ายตะกร้าผลไม้เพียงตะกร้าละ 100 บาท จันทร์ – ศุกร์ เปิด 09.00 น. -15.00 น. เสาร์ – อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดถึง 16.00 น. หรือสามารถโอนเงินช่วยช้างชื่อ มูลนิธิอนุรักษ์ช้างไทย Elephant Conservation Foundation ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขากาดสวนแก้ว หมายเลขบัญชี 531 0 66551 7 สอบถามเพิ่มเติม 053-206-247, 053-206-248, 081-882-3738, 089-838-4242

เชียงใหม่ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย มอบโฉนดที่ดินให้กับวัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง

รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย มอบโฉนดที่ดินให้กับวัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง อำเภอดอยสะเก็ดจังหวัดเชียงใหม่ นำไปใช้ประโยชน์เป็นที่ธรณีสงฆ์ เนื้อที่กว่า 170 ไร่ ขณะที่ตัวแทนกำนันผู้ใหญ่บ้าน 4 ตำบล ยื่นขอให้ยกเลิกแนวเขตป่า ในที่ดินทำกินของชาวบ้าน และออกโฉนดที่ดิน ให้กับชาวบ้านอีกกว่า 1 พันรายไว้พิจารณา

นายนิพนธ์ บุญญามนี รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงมหาดไทย เป็นประธานมอบถวายโฉนดที่ดิน ให้กับ พระราชโพธิวรคุณ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 170 ไร่ 3 งาน 5 ตารางวา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงาน โครงการออกโฉนดที่ดิน เพื่อการศาสนาของกรมที่ดินเพื่อประสงค์ให้ที่ดิน ที่ใช้ประโยชน์ เป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัด มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ เพื่อทราบตำแหน่งที่ดิน ขอบเขตและเนื้อที่โดยถูกต้อง ลดปัญหาข้อขัดแย้ง และข้อพิพาทเรื่องแนวเขตระหว่างวัดกับประชาชน และป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่า รวมถึงบริหารจัดการที่ดินของวัดให้เกิดประโยชน์

ขณะเดียวกัน ได้มีตัวแทนกำนันผู้ใหญ่บ้าน ตำบลเชิงดอย ตำบลป่าเมี่ยง ตำบลเทพเสด็จ และตำบลแม่โป่ง อำเภอดอยสะเก็ด ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ขอให้พิจารณาช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 1 พันราย เรื่องขอยกเลิกแนวเขตป่า ในที่ดินทำกินของชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่มานานนับ 10 ปี แต่ไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน โดยขอให้รัฐบาลพิจารณาออกโฉนดให้ เพื่อที่ชาวบ้านจะได้มีหลักประกันความมั่นคงในที่ดิน และยังสามารถนำไปทำธุรกรรมการเงิน กับธนาคารได้ยามต้องการเงินลงทุน ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมกาดไทย รับเอกสารและให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ศึกษาความเป็นไปได้ และรายงานต่อตนเองต่อไป

เชียงใหม่ ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน สร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ตามโครงการ เซฟตี้โซน 4.0


ที่ห้องประชุม ชั้น 3 สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ พันตำรวจเอกภูวนาถ ดวงดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ประธานเปิดการประชุม โครงการเซฟตี้โซน 4.0 โดยมีผู้นำชุมชนบวกหาด ชุมชนหมื่นเงินกอง ชุมชนควรค่าม้า ตัวแทนสถาบันการศึกษา ผู้ประกอบการร้านทองและตัวแทนผู้ประกอบการโรงแรม เข้าร่วมหารือ โดยในการประชุมครั้งที่ผ่านมา พบทั้งปัญหาคนเร่ร่อน กลุ่มวัยรุ่นมั่วสุม ดื่มสุราส่งเสียงดังก่อความเดือดร้อนรำคาญ รวมทั้งปัญหานักศึกษานักศึกษารวมตัวตามตรอกซอกซอย


โดยทางพันตำรวจโทปรัชญา ทิศลา รองผู้กำกับฝ่ายป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ชี้แจงว่าปัญหาต่างๆที่เป็นความเดือดร้อนของชุมชน ได้จัดเจ้าหน้าที่สายตรวจ ลงพื้นที่เข้าไปดูแลและแก้ไขปัญหา จนมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านทอง ในการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม นอกจากนั้นปัญหาใหม่ ในเรื่องของสถานการณ์โควิค บางชุมชนมีปัญหาประชาชนที่ถูกกักตัวไม่เชื่อฟัง ได้ออกจากที่กักตัวมานอกบ้านรวมทั้ง ชาวบ้านที่ถูกกักตัวบางชุมชนไม่มีหน่วยงานท้องถิ่น เข้าไปดูแลเรื่องอาหารการกิน ทางผู้นำชุมชนต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ออกเงินเองไปซื้ออาหารมาให้ รวมทั้งปัญหานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่สวมหน้ากากอนามัย โดยทางตำรวจก็จะประสานหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาแก้ปัญหาต่อไป

ทั้งนี้เป็นนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการมีส่วนร่วม ในการแก้ปัญหา ให้กับชุมชนและผู้ปกระกอบการในพื้นที่ และสร้างความเชื้อมั่นและความปลอดภัย ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมทั้งตำรวจยังฝากเตือนประชาชน จากภัยไซเบอร์ ในรูปแบบต่างๆ ที่นับวันจะมีผู้เสียหาย ถูกหลอกเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน หลังเปิดเทสน์แอนด์โกลด์รอบใหม่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาพักตามโรงแรม บางแห่งในตัวเมืองเชียงใหม่มากขึ้น ทั้งอเมริกา อังกฤษ และนักท่องเที่ยวเกาหลี ทำให้ทิศทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น