วันมาฆบูชา วัดแม่สาหลวงจัดพิธีสรงน้ำพระธาตุและทำบุญกุฎิสงฆ์อาคารใหม่ เลี้ยงข้าวน้ำแก่ผู้มาทำบุญ โดยปฏิบัติตามระเบียบของ ศบค.อย่างเคร่งครัด

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา ถือว่าเป็นวันสำคัญและวันศีลใหญ่สำหรับชาวพุทธ ที่วัดแม่สาหลวง ต.แม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้มีการจัดกิจกรรม สรงน้ำพระธาตุและทำบุญกุฏิพระสงฆ์หลังใหม่ โดยมีพระครูปัญญา วิเชียร์ เจ้าคณะอำเภอแม่ริม เป็นประธานในพิธี พระครูสิริอาภา กร รองเจ้าคณะอำเภอแม่ริม เจ้าภาพผู้หาทุนทรัพย์สร้างกุฏิ โดยพระสกนิกร ทั้งชาวไทย และแรงงานต่างชาติที่พักอาศัยอยู่บริเวรใกล้พาลูกจูงหลายทยอยเดินมาทำบุญกันเป็นระยะ ๆ เพื่อให้เป็นศิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัวเจิญยิ่งๆขึ้น
ทั้งนี้การทำบุญครั้งนี้ ได้มีการเว้นระยะความห่างตามคำสั่งของจังหวัดเชียงใหม่ และ ศบค.อย่างเคร่งครัด โดยมี อสม.ได้ตั้งโต๊ะประตูเข้าเพื่อทำการคัดกรองผู้ร่วมทำบุญทุกน ด้วยการวัดอุณภูมิร่ายกาย ภายในงานมีการสรงน้ำพระธาตุ มัจฉาพาโชค ซอพื้นเมือง นอกจากนี้ได้มีผู้มีจิตรศรัทธาได้จัดโรงทานฟรี แก่ผู้มาร่วมงานดังกล่าว อาทิ้ช่น น้ำหวาน ผลไม้ ก๋วยเตี๋ยวและอื่นๆอีกมากมาย
สำหรับบ้านแม่สาหลวงเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ เป็นชุมชนกี่งชุมชนเมืองและชุมชนเกษตรกร เป็นหมู่บ้านที่รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างเหนียวแน่นตลอดมา วันศีล วันพระ ชาวบ้านในชุมชนต่างเข้าวัดทำบุญตักบาตรเป็นกิจวัตร งานพัฒนาหมู่บ้าน งานวัดชาวบ้านให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างมาโดยตลอด ซึ่งถือว่าเป็นชุมชนต้นแบบให้กับหมู่บ้านตำบลอำเภออื่นหรือต่างจังหวัดศึกษาเรียนแบบอย่างต่อไป





อาจารย์ วีระพงษ์ วีระกษิตศรีวิชัย เจ้าภาคินัย ณ เชียงใหม่ ศรัทธาชาวเชียงใหม่ ที่ใจบุญร่วมกันนำพระทองคำน้ำหนัก 5 บาท และวัตถุมงคล เหรียญเกจิอาจารย์ชื่อดัง เทลงในองค์หล่อระฆังสำริด เพื่อทำบุญ ในช่วงเทศกาลมาฆบูชา ที่โรงหล่อระฆัง ชูชาติ บ้านป่าตาล ตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นระฆังสำริด ขนาด 16 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม เพื่อนำไปถวาย สร้างหอระฆังวัดบุบผาราม ย่านถนนท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีหอระฆัง
พระมหาดวงรัตน์ ฐิตรตโน (ถิ-ตะ-รัด-ตะ-โน )เปรียญธรรม 9 ประโยค เจ้าอาวาสวัดบุพผาราม ถนนท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เจริญพร การสร้างระฆังเป็นสิ่งประกอบอย่างหนึ่ง ในการสร้างวัดวาอาราม เป็นการส่งสัญญาณ พระภิกษุสามเณร ในการบอกเวลาทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น แต่ปัจจุบันมีนาฬิกา แต่ระฆังก็ยังใช้อยู่ ตามวัดวาอาราม ทุกวัดก็จะมีระฆังอยู่ และยังเป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่กับวัดมาโดยตลอด ศรัทธาญาติโยมก็ยังสร้างระฆังอยู่ ที่เห็นได้ชัด เป็นการสร้างบุญ อนุเคราะห์ให้กับพระสงฆ์ และยังมีความเชื่อการสร้างระฆัง จะมีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนตีระฆัง และคนก็จะได้ยินไปไกล แต่สำหรับพระสงฆ์ ก็จะได้ทำกิจวัตร ไหว้พระสวดมนต์ ถึงแม้ว่าศรัทธาญาติโยม จะไม่ได้มาไหว้สวดมนต์ แต่ก็ถือว่ามีส่วนร่วมในกิจของสงฆ์ ก็จะได้บุญไปด้วย ในการช่วยสนับสนุน ที่ได้ทำบุญ และยังมีความเชื่อว่า คนสร้างจะมีชื่อเสียงโด่งดัง เหมือนการตีระฆังได้ยินไปทั่ว
























วันที่ 14 ก.พ.65 พล.ต.ประสิษฐิพงศ์ มูลดี รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ภายหลังกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ( บก.คฟป.ทภ.3 สน. ) ตรวจสอบสภาพอากาศในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ห้วง 7 – 13 ก.พ.65 พบว่า ภาคเหนือ มีค่าPM 2.5 เฉลี่ยอยู่ระหว่าง ระหว่าง 14 – 44 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 21 – 67 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ค่า AQI อยู่ระหว่าง 14 – 77 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 ,PM 10 และ ค่า AQI เฉลี่ยสูงตลอดสัปดาห์ ได้แก่ จังหวัดน่าน และ จังหวัดนครสวรรค์ ทั้งนี้คุณภาพอากาศโดยรวมของภาคเหนือยังคงมีสภาพอากาศอยู่ในระดับ ดี
สำหรับจุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ (ดาวเทียมระบบ VIIRS) ห้วง 7 – 13 ก.พ.65 พบเกิดจุดความร้อนสะสมจำนวน 1,428 จุด โดยเฉพาะในจังหวัดน่าน ลำปาง และจังหวัดนครสวรรค์ ส่วนใหญ่เกิดจุดความร้อนในพื้นที่ป่าสงวน จำนวน 716 จุด, พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 356 จุด และพื้นที่เกษตรจำนวน 159 จุด
อย่างไรก็ตาม ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา กอ.รมน.จังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้ลงพื้นที่เพื่อพบผู้นำชุมชน รณรงค์ลดการเผา ลาดตระเวนร่วมกับหน่วยงานเพื่อป้องปรามการเผาป่า และร่วมดับไฟกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ชุดปฏิบัติการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จำนวน 15 ชุด ลงพื้นที่เป้าหมายในการทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง รณรงค์สร้างจิตสำนึกลดการเผาในชุมชน พร้อมร่วมสร้างฝายในพื้นที่ป่าเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ป่าต้นน้ำ ลดปัญหาหมอกควัน จำนวน 40 ครั้ง ส่วนชุดปฏิบัติการลาดตระเวนและดับไฟป่า 4 ชุด จากหน่วยทหารในจังหวัดเชียงใหม่เตรียมลงพื้นที่ 6 อำเภอของจังหวัดเพื่อลาดตระเวน เฝ้าระวังการดับไฟ ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายห้วงวันที่ 15 – 17 ก.พ.65
รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกองทัพบกได้ให้การสนับสนุนอากาศยานใช้งานทั่วไป แบบ 17 (MI-17) และอากาศยานไร้คนขับ (UAV ) สำหรับใช้แก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. – 15 มี.ค.65 ซึ่งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าจะได้บูรณาการในการใช้ยุทโธปกรณ์ร่วมกับศูนย์ไฟป่าหมอกควันระดับจังหวัดฯ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

















ขณะเดียวกัน หลังเปิดเทสน์แอนด์โกลด์รอบใหม่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาพักตามโรงแรม บางแห่งในตัวเมืองเชียงใหม่มากขึ้น ทั้งอเมริกา อังกฤษ และนักท่องเที่ยวเกาหลี ทำให้ทิศทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น