เชียงราย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 37 จัดกำลังพล ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ เหตุวาตภัย

ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 37 จัดกำลังพล ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ เหตุวาตภัย ในพื้นที่ ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย


วานนี้(18 เม.ย.) เวลา 13.30 น. พลตรี ศุภฤกษ์ สถาพรผล ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 37 มอบหมายให้ ชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 32 เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ เหตุวาตภัย ในพื้นที่ ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย

ทั้งนี้ ชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 32 ได้บูรณาการร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ เข้าสำรวจความเสียหาย และเตรียมดำเนินการให้ความช่วยเหลือ โดยเร่งด่วนต่อไป

เชียงใหม่ รมว.ทส. ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ประชุมรับฟังสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน 17 จว.เหนือ

รมว.ทส. ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ประชุมรับฟังสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า) ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินงานในระยะต่อไป มีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงฯ และเจ้าหน้าที่เข้ารับมอบนโยบายโดยมี มีนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (อส.) นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายเกรียงศักดิ์ถนอมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) นายศักดิ์ชัย จงกิจวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า และเจ้าหน้าที่ในสังกัดร่วมรับมอบนโยบายอย่างพร้อมเพรียงกัน


นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่าการเดินทางมาครั้งนี้เพื่อเป็นการมอบนโนบายและสร้างความกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และรับฟังประเมินสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันไฟป่าโดยถึงแม้ว่าขณะนี้จะลดจุดความร้อนไปร้อยละ 50 แล้ว แต่ความพยายามและการทำงานของภาคราชการทุกๆฝ่ายยังตรึงกำลังกันอย่างเข้มงวดเพราะว่าขณะนี้ถือว่ายังไม่พ้นช่วงวิกฤตถือว่าเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงจนกว่าจะเข้าหน้าฝนเต็มตัวเราถึงจะวางใจได้ดังนั้นการทำงานตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมาของทุกๆหน่วยๆ


วันนี้เราจะยืนยันที่จะตรึงกำลังเข้มงวดกวดขันในทุกๆพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดใดในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มั่นใจว่าจุดความร้อนที่ได้ลดลงไปนั้นจะลดลงไปยิ่งกว่าเดิมอีก พร้อมกันนี้ทางภาคราชการเราก็ได้ให้ความสำคัญในการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอความร่วมมือในการลดจุดความร้อนในประเทศเพื่อนบ้านที่ส่งกระทบต่อปัญหาหมอกควันในภาคเหนือของเรา


สำหรับสถานการณ์ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ พบว่ามีการลดลงของจุดความร้อน (hotspot) ในพื้นที่ป่า ให้ได้ 20%จากปีที่ผ่านมา โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และกรมป่าไม้ดำเนินการในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ นโยบายโครงการชิงเก็บเชื้อเพลิงในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า 17 จังหวัดภาคเหนือ โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า โครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมทั้งการดำเนินงานของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ร่วมกับฝ่ายปกครอง และหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ พบว่าในปีนี้ พบจำนวนจุดความร้อน (hotspot) สะสมในพื้นที่ป่า 58,318 จุด ซึ่งลดลงจากปี 2563 ร้อยละ 51 โดยมีค่า PM2.5 สูงสุด 402 มคก./ลบ.ม. จำนวนวันที่ค่า PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน 91 วัน

ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นเกิดจากการเตรียมความพร้อมกำลังพล เจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ เครื่องมือ/อุปกรณ์ ในการปฏิบัติงานดับไฟป่า แรงผลักดันของ ทส. ในการบูรณาการความร่วมมือกับ ทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงาน ในการขับเคลื่อนให้เกิดการประชุม มอบนโยบาย เร่งรัด แนวทางการดำเนินการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างมีประสิทธิภาพในแต่ละระดับพื้นที่ รวมทั้งการได้รับงบประมาณสนับสนุนโครงการเงินกู้เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประกอบด้วย โครงการเฝ้าระวังสร้างแนวกันไฟสร้างรายได้ชุมชน และโครงการพัฒนาป่าไม้สร้างงานสร้างรายได้ เพื่อกระตุ้นเศษฐกิจชุมชน


สำหรับการดำเนินงานในระยะต่อไปนั้น จะเน้นการดำเนินงานแบบบูรณาการอย่างต่อเนื่อง ทั้งกำลังของ ทส. ร่วมกับฝ่ายปกครอง กองทัพ ให้เกิดการดับไฟป่าอย่างรวดเร็ว และเพิ่มความเข้มข้นของการลาดตระเวน ให้มีการจัดระเบียบการเผาในพื้นที่ทำกินในเขตพื้นที่ป่า หรือรอบพื้นที่ป่า การทำแนวกันไฟและแนวเฝ้าระวัง การใช้เทคโนโลยี รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่ต้องฟื้นฟูป่า หรือพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้ จะต้องกำหนดแนวทางและทำแผนให้แล้วเสร็จ ภายใน 15 พฤษภาคม 2564


นอกจากนี้ จะต้องมีการถอดบทเรียน (After Action Review: AAR) โดยจะต้องกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อนำไปปรับแผนและปรับใช้ในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในปีถัดไปการมุ่งเน้นการดำเนินการ ตามนโยบาย ทส2+4 ของ รมว.ทส. ถือเป็นแรงผลักดัน และแรงขับเคลื่อนที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้การดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในปี 2564 ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าฤดูกาลไฟป่าและหมอกควันจะยังไม่หมดไป แต่สถานการณ์และผลการดำเนินงานที่สามารถลดจำนวนจุดความร้อนในพื้นที่ ได้มากกว่า 50% ได้บ่งชี้ถึงความสำเร็จของการร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ และเครือข่ายจิตอาสาทุกภาคส่วนที่ช่วยขับเคลื่อนนโยบาย ทส2+4 ไปสู่ความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

เชียใหม่ รร.บ้านท้าวบุญเรืองได้โล่ห์รางวัลเกียรติยศรางวัลโรงเรียนวิถีพุทธชั้นนำระดับประเทศ

รร.บ้านท้าวบุญเรือง อ.หางดง ได้โล่ห์รางวัลเกียรติยศรางวัลโรงเรียนวิถีพุทธชั้นนำระดับประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงาน ดร.ธนาวุฒิ ลับภู ผอ.โรงเรียนบ้านท้าวบุญเรือง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 ที่จัดการเรียนการสอบแบบ “บวร” บ้าน วัด โรงเรียน องค์กรแห่งการเรียนรู้ในชุมชนของโรงเรียนบ้านท้าวบุญเรือง มีพระใบฎีกาอินสม อาภทฺธโร (พันธุสา) รองเจ้าอาวาสวัดท้าวบุญเรือง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ครูพระผู้สอนศิลธรรม มจร. พร้อมคณะอาจารย์และครูผู้สอนนักเรียนโรงเรียนบ้านท้าวบุญเรือง ได้ทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน

ซึ่งโรงเรียนบ้านท้าวบุญเรือง ได้รับโล่ห์รางวัลเกียรติยศรางวัลโรงเรียนวิถีพุทธชั้นนำระดับประเทศ ประจำปี พ.ศ.2563 จากที่ได้จัดการเรียนแบบบวร วัด บ้าน โรงเรียน ในโรงเรียนมีลานธรรมให้นักเรียนได้เรียนธรรมะตั้งแต่อนุบาลถึงประถม 6 ในวันพุธ วันพฤหัส และวันศุกร์ ทางโรงเรียนได้ร่วมแข่งขันกับ 630 แห่งทั่วประเทศ จนกระทั้งได้รับรางวัลโล่ห์รางวัลเกียรติยศรางวัลโรงเรียนวิถีพุทธชั้นนำระดับประเทศ ประจำปี พ.ศ.2563 ที่เป็นโล่ห์รางวัลที่ทรงมีคุณค่าให้กับโรงเรียนบ้านท้าวบุญเรืองอย่างดียิ่ง

ทางโรงเรียนยังได้จัดพิธีมอบวุฒิบัตรผู้สำเร็จการศึกษาชั้นอนุบาล 3 และประถม 6 ประจำปีการศึกษา 2563 ของโรงเรียน จัดพิธีมอบวุฒิบัตรสอบได้ธรรมศึกษา ตรี/โท/เอก ทั้งครูและนักเรียน ซึ่งมีอาจารย์คุณครูและนักเรียนร่วมงานจัดขบวนแห่โลห์รางวัล มีนางรำนำขบวนแห่ จัดเลี้ยงอาหารน้ำหวานให้เด็กๆได้รับประทานกันทั่วทุกคน

ในช่วงสงกรานต์ พระใบฎีกาอินสม อาภทฺธโร (พันธุสา) ได้นำเด็กๆนักเรียนไปกราบขอพรแม่อุ้ย นางคำ ยานะ ที่ปัจจุบันอายุ 104 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 3 บ้านท้าวบุญเรือง ต.บ้านแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ อุ้ยคำ ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของหมู่บ้านที่อายุยืน ดูแลสุขภาพแข็งแรงดีมาก การนำเด็กๆเข้าขอพรกราบไหว้ผู้สูงอายุ เพื่อร่วมสืบสานประเพณีปี๋ใหม่เมืองของชาวบ้านทางภาคเหนือให้เด็กๆเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ และนำไปปฏิบัติใช้ในชีวิตจริง สืบสานประเพณีรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ ซึ่งอุ้ยคำ ถือเป็นบุคคลตัวอย่างที่น่านับถือของหมู่บ้านอีกท่านหนึ่ง.

เชียงใหม่ ชมรมคน​รักษ์​ป่า​เชียงใหม่ ​4X4 ลงพื้นที่มอบน้ำดื่มและอาหารแห้ง ช่วยเหลือ จนท.ดับไฟป่า

ชมรมคนรักษ์ป่าเชียงใหม่ 4X4 ลงพื้นที่มอบน้ำดื่มและอาหารแห้ง ช่วยเหลือพื้นที่ภาคเหนือดับไฟป่าในช่วงปี๋ใหม่เมือง

นายบุญฤทธิ์ รังษี ประธานชมรมคนรักษ์ป่าเชียงใหม่ 4X4 จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า ช่วงตลอดเดือนเมษายน 2564 ช่วงวันปี๋ใหม่เมือง วันสงกรานต์ปี พ.ศ.2564นี้ ทางสมาชิกชมรมฯได้เห็นความสำคัญของการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ และได้รับบริจาคน้ำดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง และข้าวสารอาหารแห้ง และเครื่องมือดับไฟป่าบางส่วน จึงจัดโครงการ “ชมรมคนรักษ์ป่าเชียงใหม่ 4X4 ส่งต่อน้ำใจป้องภัยไฟป่า” และลงพื้นที่ภาคเหนือมอบสิ่งของให้ จนท.และตัวแทน ครู กำนัน ผญบ.ในหลายพื้นที่

ภารกิจส่งต่อน้ำดื่มและข้าวสารอาหารแห้งดังกล่าว มีตัวแทนเพื่อนสมาชิกชมรมคนรักษ์ป่าเชียงใหม่ 4X4 ร่วมกิจกรรมทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับเพื่อนสมาชิกคนรักษ์ป่า ตลอดจนชาวเชียงใหม่ทุกคนทุกท่านในประเทศไทยขอให้สุขภาพแข็งแรงทั้งกายใจและพ้นจากโรคระบาด โควิด-19 ครั้งนี้ด้วย และเป็นการทำบุญช่วงปี๋ใหม่เมืองไปพร้อมๆกัน ได้บริจาคปัจจัยและน้ำดื่มและข้าวสารอาหารแห้งให้สำนักสงฆ์ขุนออน จ.เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่พื้นที่สูง ห่างไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่

ส่วนที่บ้านแม่เลย อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ตัวแทนจากผู้ใหญ่บ้านแม่เลย มีคุณครูนิ่ม อนงค์เป็นผู้จัดส่งน้ำดื่มให้กับชาวบ้านแม่เลย ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่แยกออกจากอีกเส้นทางหนึ่งซึ่งเป็นพื้นที่ที่สูงและห่างไกล อ.สะเมิง และ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และยังเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า

ตัวแทนชมรมคนรักษ์ป่าเชียงใหม่ 4X4 โดยท่านรองสุพร ทอนช่วย ไปมอบน้ำดื่มให้กับนายหนิม พุทธเมฆ ผู้ใหญ่บ้านบ้านร่องไฮ อยู่ 165 หมู่ 5 ต.บ้านใหม๋ อ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่ยังเกิดไฟป่าลุกลามอยู่ ชมรมคนรักษ์ป่าเชียงใหม่ 4X4 เป็นกำลังใจให้สู้ๆกับชาวบ้านที่เดือดร้อน

ที่บ้านแม่หวาน ได้ไปมอบน้ำดื่มเพิ่มเติมให้กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และชาวบ้านบ้านแม่หวานได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยสูญหายเข้าไปในป่า ที่เป็นหญิงวัยเจ็ดสิบกว่า ได้รับมอบโดยท่านหัวหน้าอุทยานแม่ออน จ.เชียงใหม่ และผู้ใหญ่บ้านแม่หวาน ผู้ใหญ่ดี รับไว้ ทางชมรมคนรักษ์ป่าเชียงใหม่ 4X4 ขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกท่านด้วย

ยังได้มอบน้ำดื่มและข้าวสารอาหารแห้งเพื่อสมทบการป้องกันไฟป่าให้กับกำนัน ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ดจเชียงใหม่ เพื่อจะได้ดูแลไม่ให้เกิดการลุกไหม่ของไฟป่าขึ้นอีกและได้มาแสดงความยินดีกับท่านกำนัน มงคล ชัยวุฒิ ที่ได้รับความอบอุ่นไว้ใจและเชื่อมั้นในการทำงานของกำนันคนใหม่ในครั้งนี้ด้วย

ชมรมคนรักษ์ป่าเชียงใหม่ 4X4 เดินทางเข้าพบนายปรีชา ศิรินาม ปลัดอวุโสอ.สะเมิง รักษาการนายอำเภอสะเมิง จ.เชียงใหม่ จำนวน 30 แพค มาม่า 1 กล่อง จากนั้นเข้าพบนายจักรา ดิษยนันทน์ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าขุนขาน-สะเมิง จ.เชียงใหม่ จำนวน 40 แพค ปลากระป๋อง 1 หีบ และมอบน้ำดื่มให้นายชาติชาย ใจกันทะ กำนันตำบลสะเมิงใต้ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ จำนวน 30 แพค มาม่า 1 กล่อง

ชมรมคนรักษ์ป่าได้ลงพื้นที่ไปสถานีควบคุมไฟป่าสะเมิง-ขุนขาน มอบน้ำดื่ม จำนวน 40 แพค, ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แก้ไขปัญหาไฟป่า อ.สะเมิง 30 แพค, ศูนย์ควบคุมไฟป่า เขตสะเมิงใต้ 30 แพค, ที่ด่านไฟป่าพะเยา 40 แพค, ด่านไฟป่าแม่ดอกแดง 20 แพค, ด่านไฟป่าบ้านป่าเมี้ยง 10 แพค, วัดขุนออน 10 แพค, ด่านไฟป่าแม่เลย 20 แพค

อย่างไรก็ตามต้องขออภัยท่านที่ร่วมเดินทางไปมอบน้ำดื่มและเครื่อมดื่มชูกำลังข้าวสารอาหารแห้งในครั้งนี้ รวมทั้งรายนามผู้รับบริจาคที่ไม่ได้กล่าวถึง ต้องขออภัยมา ณ โอกาศนี้ เนื่องจากการมอบสิ่งของ ของชมรมฯได้เดินทางไปหลายพื้นที่ รายนามอาจจะขาดตกบกพร่องไปบ้าง ก็ต้องขออภัย หากได้มีโอกาสลงพื้นที่ครั้งต่อไป จะนำรายนามทุกท่านเปิดเผยให้ทราบอีกครั้ง.

เชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุคอยคำให้พรประชาชนเนื่องในวันปีใหม่

เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำ อวยพรให้กับประชาชนชาวไทย เนื่องในวันสงกรานต์ ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย ขอให้ท่านจงมีแต่ความสุขกาย สุขใจ นึกคิดปราถนาสิ่งใดก็ขอให้ได้ดังใจปราถนา ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย อย่าได้มาเบียดเบียน

พระครูสุนทร เจติยารักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ อวยพรให้กับประชาชนชาวไทยเนื่องในวันสงกรานต์ หรือประเพณีปีใหม่เมืองว่า สำหรับสงกรานต์ปีใหม่ วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย ได้ยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ แต่ปัจจุบันนี้ไปยึดเอาหลักสากลของโลกคือวันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นต้นปีใหม่ แต่คนไทยยึดถือเอาวันที่ 13 เมษายน วันสงกรานต์เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่

เพราะฉะนั้นในโอกาสเมื่อถึงวันสงกรานต์ขึ้นต้นปีใหม่ ก็จะมีการขอพรขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ในฐานะที่อาตมาภาพ ก็ขออำนวยอวยพรให้กับสาธุชนญาติโยมทั้งหลาย เมื่อขึ้นต้นปีใหม่วันสงกรานต์นี้ ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงมีแต่ความสุขกาย สุขใจ นึกคิดปราถนาสิ่งใดก็ขอให้ได้ดังใจปราถนา ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย อย่าได้มาเบียดเบียน ขอให้ท่านทั้งหลายจงสมหวังสมปราถนาในสิ่งที่ท่านต้องการขอเจริญพร

เชียงใหม่ วัดพระธาตุดอยคำอัญเชิญพระรอดหลวงอายุ 1,334 ปี ออกมาให้สรงน้ำช่วงสงกรานต์

วัดพระธาตุดอยคำอัญเชิญพระรอดหลวงอายุกว่า 1,334 ปี ออกมาให้พุทธศาสนิกชนได้ทำการสรงน้ำ เพื่อเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือประเพณีปี๋ใหม่เมื่อ พร้อมมาตรการเข้มป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จัดเจ้าหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิพร้อมวางเจลล้างมือเพื่อฆ่าเชื้อไว้ตามจุดต่างๆ รอบวัด

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา(12 เม.ย.) ที่วัดพระธาตุดอยคำ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พระครูสุนทร เจติยารักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำ ทำพิธีอัญเชิญพระรอดหลวง ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวิหารวัดพระธาตุดอยคำ นำออกมาด้านนอกวิหาร เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันสรงน้ำพระรอดหลวง โดยการนำพระรอดหลวงออกมาจากวิหาวัดนั้น ต้องใช้ชายฉกรรจ์5-6 คน ช่วยกันอุ้มออกมา เนื่องจากพระรอดหลวงนั้นทำจากหินทรายมีน้ำหนักมาก


พระครูสุนทร เจติยารักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำ เจริญพรว่า พระรอดหลวงของวัดพระธาตุดอยคำ ทางวัดได้อัญเชิญออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำทุกปี ขุดพบเมื่อปี พ.ศ. 2509 ในพระเจดีย์ของวัดพระธาตุดอยคำ เป็นพระพุทธรูปหินทรายที่มีน้ำหนักมาก ทางวัดพระธาตุดอยคำจึงได้อัญเชิญออกมาให้สาธุชมได้สรงน้ำกันทุกปี

สำหรับพระรอดหลวงมีอายุประมาณ 1,334 ปี เป็นพระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่มาก อยู่ในยุคขององค์พระนางเจ้าจามเทวี กษัตริย์ตรีแห่งเมืองลำพูน และเจ้าอนัตยศ,เจ้ามหันตยศ ซึ่งได้สร้างมาประดิษฐานไว้ ณ พระเจดีย์ของวัดพระธาตุดอยคำ และพระเจดีย์ของวัดพระธาตุดอยคำแตกเมื่อปี พ.ศ. 2509 เราจึงได้พบพระรอดหลวงองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปหินทรายซึ่งมีน้ำหนักมาก ทางวัดจึงได้เก็บรักษาไว้ และได้อัญเชิญออกมาให้สรงน้ำกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ทุกปี การสรงน้ำพระในช่วงเทศกาลนี้เป็นวัฒนธรรมประเพณีของคนเหนือ ซึ่งทุกปีทุกวัดก็จะได้อัญเชิญพุทธรูปที่เก่าแก่ออกมาสรงน้ำ เพื่อความเป็นสิริมงคล เพื่อความร่มเย็นเป็นสุข โดยจะเปิดให้สรงน้ำตั้งแต่วันนี้(12 เม.ย.) ไปจนถึงวันที่ 15 เมษายน 2564


ในส่วนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของวัดพระธาตดอยคำนั้น พระครูสุนทร เจริญพรว่า สำหรับมาตรการป้องกันโตวิด-19 ของทางวัดพระธาตุดอยคำ ก็ได้จัดเจ้าหน้าที่ด้านทางเข้าวัด มีจุดคัดกรองวัดอุณหภูมิอัตโนมัติ วางเจลล้างมือฆ่าเชื้อตามจุดต่างๆ รอบวัด ซึ่งได้ทำการคำสั่งของทางราชการทุกอย่าง


นอกจากพระรอดหลวงเก่าแก่ที่ทำจากหินทราย อายุกว่า 1,334 ปี แล้ว วัดพระธาตุดอตคำยังมีพระเจ้าทันใจ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ โดยในแต่ละวันจะมีประชาชนทั่วทุกสาทิศ ต่างเดินทางนำพวงดอกมะลิขึ้นมากราบไหว้ของพร บางคนสำเร็จในสิ่งที่หวัง ก็จะนำดอกมะลิมาถวายแก้บน

DCIM100MEDIADJI_0841.JPG

เชียงใหม่ สมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ เปิด ตลาดกลางศิษย์เก่าแม่โจ้ เป็นสื่อกลางสนับสนุนกิจการศิษย์เก่าทั่วประเทศ

สมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ เปิด ตลาดกลางศิษย์เก่าแม่โจ้ เป็นสื่อกลางสนับสนุนกิจการศิษย์เก่าทั่วประเทศ


รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นประธานในพิธีปิด เปิด “ตลาดกลางศิษย์เก่าแม่โจ้” (Maejo Alumni Market Center) ซึ่งสมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้จัดขึ้น เพื่อเป็นสื่อกลางในการจัดจำหน่าย กระจายสินค้าบริการของศิษย์เก่าทั่วประเทศ


ดร.สมชาย เขียวแดง นายกสมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางสมาคมฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของศิษย์เก่าที่ได้กระจายทั่วอยู่ทุกภูมิภาค ประกอบอาชีพหลากหลาย มีกิจการต่างๆ มากมาย จึงได้มีโครงการ “ตลาดกลางศิษย์เก่าแม่โจ้” (Maejo Alumni Market Center) “MAMC” เพื่อช่วยเหลือศิษย์เก่าในการเป็นสื่อกลางประชาสัมพันธ์ จัดจำหน่าย กระจายสินค้า ผลิตภัณฑ์และบริการ สู่ผู้บริโภค อีกช่องทางหนึ่ง โดยจัดทำเป็น Facebook Fanpage “ตลาดกลางศิษย์เก่าแม่โจ้” สำหรับเป็นช่องทางในการสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมฐานข้อมูล ธุรกิจ กิจการ อาชีพของศิษย์เก่า ที่สามารถเป็นสื่อกลางในการสร้างกิจกรรมร่วมกันระหว่างสมาคมศิษย์เก่าและเครือข่ายศิษย์เก่าได้ต่อไปในอนาคต

รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดี กล่าวว่า “ตลาดกลางศิษย์เก่าแม่โจ้” (Maejo Alumni Market Center) หรือ “MAMC” ถือเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมด้านการเป็นผู้ประกอบการซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของมหาวิทยาลัยในปัจจุบัน และทำให้พวกเราได้มีส่วนร่วมสร้างเครือข่าย และถือเป็นนิมิตหมายอันดีให้กับสมาคมศิษย์เก่า และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ของเราที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพวกเราทุกคน รวมถึงการตอบสนองยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย Maejo Go Eco มหาวิทยาลัยสีเขียว (Green) มหาวิทยาลัยอินทรีย์(Organic) มหาวิทยาลัยเชิงนิเวศ(Eco) Go Together….ร่วมด้วยช่วยกัน ในการพัฒนาในการดำเนินงานของสมาคมศิษย์เก่า และมหาวิทยาลัย เป็นภารกิจสำคัญที่ท้าทายความสามารถของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในสถานการณ์ปัจจุบันของสภาวะการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ใช้ชีวิตแบบ New Normal มากขึ้น สร้างช่องทางการติดต่อออนไลน์กันมากขึ้นกว่าเดิม”


สำหรับร้านค้าที่มาร่วมออกร้านจำหน่ายสินค้าและประชาสัมพันธ์ในพิธีเปิดตลาดมีจำนวน กว่า 30 ร้านค้า มีทั้งร้านค้าประเภทการเกษตร กล้าพันธุ์พืชผัก ผลไม้ วัสดุเกษตร ร้านค้าจำหน่ายสินค้าและบริการ เช่น ร้านจำหน่ายเครื่องหนัง ร้านเครื่องหนังจระเข้ ให้ทุกท่านได้มาช้อป ธุรกิจร้านอาหาร เช่น ร้านอาหารทะเลไทย ร้านแกงป่าบ้านนายก ร้านยำแม่ปิง ยำสะเด็ด 7 ย่านน้ำ ร้านชบามหาสมุทร ที่จะมาเปิดเมนูพิเศษในงานนี้ ให้ทุกท่านได้มาชิม


ทั้งนี้ ได้ดำเนินกิจกรรมภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิต – 19 อย่างเคร่งครัด

เชียงใหม่ รพ.ราชเวชเชียงใหม่ พร้อมตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถตรวจเชื้อได้300-400 คนต่อวัน

โรงพยาบาลราชเวชยืนยันความพร้อมในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีศักยภาพในการตรวจแบบ CPR ได้วันละ 300-400 เคส ส่วนผู้ที่ต้องการตรวจหาเชื้อแบบเร่งด่วน ทางโรงพยาบาลก็มีแพ็คเกจเสริมไว้คอยให้บริการ สามารถรู้ผลได้เพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยแต่ละวันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทุกวัน ซึ่งได้แจ้งไปยังสาธารณสุขจังหวัดให้มารับตัวไปทำการรักษาต่อไป

บรรยากาศที่โรงพยาบาลราชเวช อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีประชาชน กลุ่มวัยรุ่นซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มเสี่ยง ที่เดินทางไปเที่ยวตามสถานบันเทิงต่างๆ และพื้นที่เสี่ยงที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เดินทางไปตามทามไลน์ต่างๆ ก็ทะยอยการมาเข้าคิวเพื่อรอการตรวจหาเชื้อไว้รัสโควิด-19 กันต่อเนื่อง ซึ่งทางโรงพยาบาลราชเวชก็ได้จัดพื้นที่คัดแยกผู้ที่มีความเสี่ยงไว้เพื่อสะดวกแก่การคัดกรอง


นพ.ธัญ จันทรมังกร ผู้อำนวยการ ฝ่ายแพทย์ โรงพยาบาลราชเวช จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ทางโรงพยาบาลก็จะช่วยได้ในเรื่องการคัดกรองผู้ป่วย หรือผู้ที่มีความเสี่ยงทั้งหมดที่ต้องการรับการตรวจทั้งจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงสามารถมารอรับการตรวจ ซึ่งทางโรงพยาบาลราชเวชมีศักยภาพในการตรวจแบบ CPR ได้วันละประมาณ 300-400 เคส แต่ก็ยังไม่พอต่อความต้องการของผู้ที่จะมาตรวจ ทางโรงพยาบาลมีหน้าที่คัดกรองผู้ป่วย จะตรวจผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงก่อน ผู้ป่วยที่ใกล้ชิดกับคนที่มีอาการ และผู้ป่วยที่ไปพื้นที่เสี่ยงมา ทางโรงพยาบาลจะคัดกรองไว้ก่อน และจะทำการตรวจ ซึ่งจะรายงานผลให้ผู้ป่วยและรายงานผลให้สาธารณสุขจังหวัดทราบ เพื่อเตรียมนำผู้ป่วยไปรักษาต่อไป


ผู้อำนวยการ ฝ่ายแพทย์ โรงพยาบาลราชเวช กล่าวอีกว่า ในส่วนเรื่องความสบายใจของผู้ป่วย ในส่วนกลุ่มที่มีความเสี่ยงไปอยู่ใกล้กับกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการ หรือผู้ที่ติดเชื้อไปแล้ว หรือเพื่อนไปเจอเพื่อนที่เป็นโควิสและมาเจอเรา ตอนนี้โรงพยาบาลมีหน้าที่ให้ความรู้แก่คนที่มาเพื่อความสบายใจว่า คุณมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิดมากน้อยขนาดไหน แต่ถ้ายังไม่สบายใจยังอยากจะตรวจ ทางโรงพยาบาลก็มีแพ็คเกจที่จะใช้ในการตรวจ เป็นการหาเชื้อด้วยวิธีแย่โพรงจมูก จะทราบผลภายใน 1-2 ชั่วโมง เพื่อที่จะให้เกิดความสบายใจก่อนว่า อย่างน้อยยังไม่ได้ตรวจ CPR เพราะคิวยามมาก ก็สามารถตรวจแบบแพ็คเกจของทางโรงพยาบาลได้ เพื่อใช้ในการแยกตัวหรือบางคนอาจไปพบกับญาติผู้ใหญ่ กังวลอยู่ว่าตนเองจะติดโควิด-19 หรือไม่ ญาติผู้ใหญ่จะปลอดภัยหรือไม่ ทางโรงพยาบาลก็จะมีการตรวจเบื้องต้นไว้ก่อน พร้อมให้ความรู้และการปฏิบัติตัวว่า หลังจากที่คุณตรวจไม่พบเชื้อจะต้องทำยังไงนี่ต่อ และหากตรวจพบเชื้อจะต้องทำยังไงต่อ นี่คือหน้าที่ที่ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้

นพ.ธัญ จันทรมังกร บอกอีกว่า เนื่องจากการตรวจแบบ PCR เป็นการตรวจที่ต้องนำเชื้อมาสกัด และนำไปเพาะเชื้อ เพราะฉะนั้นในการสกัดในแต่ละรอบจะจำกัดอยู่ที่ 40 คนต่อรอบ ในแต่ละวันถึงจะทำเต็มศักยภาพแล้วก็ตาม จะทำการตรวจได้อยู่ที่ 300-400 เคสต่อวัน ในวันนี้มีผู้มารอตรวจจำนวนมาก ทางโรงพยาบาลก็ต้องทำบัตรคิว หากเกินศักยภาพที่ทางโรงพยาบาลจะสามารถทำการตรวจแล้ว ก็ให้มาวันพรุ่งนี้แทน ส่วนอุปกรณ์การตรวจโควิด-19 ของทางโรงพยาบาลก็พร้อมให้บริการ ยังมีน้ำยาที่สต๊อกไว้อยู่ ยังสามารถรองรับการตรวจได้พอสมควร เพราะได้สั่งซื้อน้ำยาการตรวจมาเรื่อยๆ โดยการตรวจหาเชื้อโควิด-19 รอบใหม่นี้ พบผู้ที่ติดเชื้อพอสมควรดูแล้วจะหนักกว่ารอบที่แล้ว แต่ไม่สามารถบอกตัวเลขผู้ติดเชื้อได้ ซึ่งเมื่อเก็บสิ่งส่งตรวจเรียบร้อยแล้ว ก็จะส่งผู้ป่วยไปรอฟังผลที่บ้าน แนะนำการปฏิบัติตัว แยกตัวยังไง แยกของใช้ยังไง เพราะการตรวจต้องรอเวลาเพาะเชื้อ พื้นที่โรงพยาบาลไม่เพียงพอ หลังจากนั้นก็จะมีการโทรศัพย์แจ้งผลไปว่าผลตรวจของคุณเป็นบวกหรือลบ หากพบเป็นมีผลบวก ก็จะแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาดำเนินการรับตัวผู้ติดเชื้อไปรักษาต่อไป


อย่างไรก็ดีทางโรงพยาบาลราชเวชเชียงใหม่ เดิมจะมีจุดคัดแยกผู้ป่วยโรคหวัดหรือโรคทางเดินหายใจ อยู่ด้านหน้าทางเข้าโรงพยาบาล แต่ขณะนี้ทางโรงพยาบาลได้แยกจุดที่ใช้สำหรับตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 มาอีกแห่งหนึ่ง เพื่อใช้ตรวจกลุ่มที่ไปสัมผัสกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง หรือไปตามสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามที่เป็นข่าว ห้องนี้จะเป็นห้องที่แยกผู้ป่วยกลุ่มนี้ออกมาและนำมาตรวจ จึงสบายใจได้ว่า โรงพยาบาลได้แยกผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มความเสี่ยงต่ำอีกกลุ่มความเสี่ยงสูง เป็นการแยกผู้ป่วยตามความเสี่ยง

เชียงใหม่ เศรษฐีใจบุญพร้อมกัลยาณมิตร ร่วมทำบุญถวายข้าวสารกว่า 2 ตัน และน้ำดื่มกว่า 1,200 ขวด ให้กับพระสงฆ์

เศรษฐีใจบุญพร้อมกัลยาณมิตร ร่วมทำบุญถวายข้าวสารกว่า 2 ตัน และน้ำดื่มกว่า 1,200 ขวด ให้กับพระสงฆ์วัดป่าไผ่ อำเภอเวียงแหง และวัดเจ็ดลิน จังหวัดเชียงใหม่ นำไปให้พระภิกษุสามเณรกว่า 100 รูปฉันท์ในช่วงโควิค 19

พ่อครูสมบูรณ์ กันทะปา อายุ 88 ปี คหบดีเชียงใหม่และกัลยาณมิต ใจบุญ ร่วมทำบุญถวายข้าวสารจำนวน 100 ถุง น้ำหนักกว่า 2 ตัน และน้ำดื่มอีกจำนวน 1,200 ขวด โดยถวายข้าวสารจำนวน 50 ถุง น้ำหนัก 1.25 ตันและน้ำดื่ม 600 ขวดให้กับพระครู ปราการวรศาสตร์ เจ้าอาวาสวัดป่าไผ่ อำเภอเวียงแหง และเป็นผู้อำนวยการ โรงเรียนเวียงแหงปริยัติศาสตร์ ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีสามเณรนักเรียนมากกว่า 100 รูป และข้าวสาร อีก จำนวน 50 ถุง น้ำหนัก 1. 25 ตัน น้ำดื่มอีก 600 ขวด ถวายให้กับ พระมหาวิศณุ จารุธัมโมเจ้าอาวาสวัดเจ็ดลิน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อนำไปให้พระภิกษุ และสามเณร ของทางวัดฉันท์ ในช่วงโควิค 19

กิจกรรมครั้งนี้ จัดที่บริเวณบ้านพัก พ่อครูสมบูรณ์ ในย่านชุมชนบ้านเมืองลัง ตำบลป่าตัน ในตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นไปแบบชีวิตวิถีใหม่ นิว นอ มอล

เชียงใหม่ พี่น้องชาวไทใหญ่ แห่ปอยส่างลอง บวชสามเณรฤดูร้อนเฉลิมพระเกียรติ

พี่น้องชาวไทใหญ่ แห่ปอยส่างลอง บวชสามเณรฤดูร้อนเฉลิมพระเกียรติ ณ วัดสันมะเกี๋ยง ต.สำราษฏร์ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่

วันที่ 8 เม.ย.64 ที่วัดสันมะเกี๋ยง ต.สำราษฏร์ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ได้จัดพิธีบวชบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน หรือประเพณีปอยส่างลอง ประจำปี 2564 เพื่อบวชเรียนในช่วงปิดภาคเรียน มีเยาวชนชาวไทใหญ่ แต่งชายในชุดเจ้าชายไทใหญ่อย่างงดงาม ตามประเพณีของพี่น้องชาวไทใหญ่ โดยมีขบวนแห่ส่างลองขี่คอและขี่ม้า ขบวนแห่ เครื่องอัฐบริขาร ขบวนศิลปวัฒนธรรม และมีการโปรยทานไปตลอดเส้นทาง และม้าก็จะเต้นไปตามจังหวะเสียงเครื่องดนตรี ไปตามถนนในหมู่บ้าน เคลื่อนไปยังวัดสันมะเกี๋ยง ท่ามกลางความยินดีของผู้ปกครอง และมีความเชื่อ หากบุตรหลานได้บรรพชาเป็นสามเณร บิดามารดาจะไปบุญกุศลสูงสุด ซึ่งพี่น้องชาวไทใหญ่จะจะทุ่มเท ทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ เพื่อให้บุตรหลานไปบรรพชา และก็จะมีญาติพี่น้อง มาร่วมอนุโมธนาบุญ ในบุญกุศลใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งปีนี้มีสามเณร เข้าร่วมบรรพชาจำนวน 14 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยมี หลวงพ่อพระครูสุมนนประสิทธิ์ รองเจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ได้โปรดเป็นพระอุปัชฌาย์ พร้อมด้วยพระครูปลัดทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยง และในฐานะผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด เป็นผู้รับผิดชอบ ในพิธีบรรพชาอุปสมบท สามเณรในครั้งนี้


พระครูปลัดทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ เปิดเผยว่า การบวชบรรพชาสามเณร ภาคฤดูร้อน (ปอยส่างลอง) วัดสันมะเกี๋ยงต.สำราญราษฎร์ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 7-8 เมษายน 2564 เพื่อถวายเป็นพระราชกุลศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามกำหนดการในวันที่ 7 เมษายน 2564 เวลา 17.00 น.ได้มีพิธีปลงผมนาค, ในวันที่ 8 เมษายน 2564 เวลา 06.30 น. อาบน้ำเงิน น้ำทอง (ตามธรรมเนียมพิธีทางไทใหญ่), แต่งชุดส่างลองเข้าพิธีบวชนาค, เวลา 07.00 น. พิธีป้อนข้าว 12 อย่าง (ตามธรรมเนียมไทใหญ่), เวลา 08.00 น. พิธีแห่ขบวนส่างลอง, เวลา 09.00 น. มัดมือนาค, เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล และเวลา 13.00น. พิธีบรรพชาสามเณรเพื่อ ถวายเป็นพระราชกุศล

สำหรับงานประเพณี “ปอยส่างลอง” หรือ “งานบวชลูกแก้ว” เป็นประเพณีบวชเณร ตามธรรมเนียมของชาวไทยใหญ่ เพื่อให้บุตรหลานได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและมีความเชื่อว่าจะได้รับบุญกุศลจากการบวชสามเณร การจัดงานมีขึ้นช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน โดยชาวบ้านจะตกลงกันกำหนดวันนัดหมายให้ลูกหลานได้บวชเรียนพร้อมๆ กัน มีการประดับประดาผู้ที่จะบวชด้วยเครื่องประดับมีค่าอย่างสวยงาม และประกอบพิธีบวชตามวัดที่เจ้าภาพศรัทธาเป็นต้น

DCIM101MEDIADJI_0007.JPG