เชียงใหม่ เทศบาลเชิงดอยขายไข่ราคาถูกไม่ถึง 20 นาทีหมดเกลี้ยง

เทศบาลตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นำขายเบอร์ 1 มาขายในราคาถูกช่วยเหลือชาวบ้าน ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยไข่ไก่เบอร์ 1 ขายแพงละ 80 บาท ให้ชาวบ้านซื้อได้คนละ 2 แพง มีจำนวน 300 แผง หรือ 9,000 ฟอง ขายหมดเกลี้ยงภายในไม่ถึง 20 นาที ด้านนายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอยเผย ติดต่อซื้อไข่ไก่ยากลำบาก หากมีเพิ่มเติมก็จะนำมาจำหน่ายในราคาถูกช่วยเหลือชาวบ้านอีก ขณะเดียวกันได้จัด 3 มาตรกรป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ที่เทศบาลตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดให้ชาวบ้านลงทะเบียนเพื่อซื้อไข่ไก่ในราคาถูก ซึ่งเทศบาลตำบลเชิงดอยได้นำไข่ไก่เบอร์ 1 มาจำหน่ายในราคาแผงละ 80 บาทเท่านั้น โดยให้ซื้อได้คนละไม่เกิน 2 แผง ซึ่งราคาไข่ไก่ที่นำมาจำหน่าย ถูกกว่าท้องตลาดแผงละเกือบ 30 บาท โดยมีไข่ไก่จำนวน 300 แผง หรือ 9,000 ฟอง ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ไข่ไก่ที่เตรียมมาก็หมด


นายชุติพนธ์ สารแปง นายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย เปิดเผยว่า ทางเทศบาลได้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความลำบากในช่วงวิกฤติไวรัสโควิด-19 ทางเทศบาลก็เลยไปหาไข่ไก่เบอร์ 1 มาจำหน่ายให้กับพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลตำบลเชิงดอย ให้ได้ไม่เกินคนละ 2 แผง ในวันนี้นำไข่ไก่มาจำหน่วย 300 แผง ซึ่งในวันนี้ก็ได้รับคนสนใจจากพี่น้องประชาชนจำนวนมาก โดยไม่ถึง 20 นาทีไข่ไก่ก็ขายจนหมดเกลี้ยง ซึ่งจะพยายามหาไข่ไก่มาขายให้กับชาวบ้านอีก โดยในช่วงเวลานี้ไข่ไก่ก็หากยากเหลือเกิน ไข่ไก่ที่นำมาจำหน่ายครั้งนี้ได้พยายามประสานฟาร์มไข่ในพื้นที่มาช่วยเหลือประชาชน ซึ่งก็พอจัดสรรและรวบรวมมาให้ได้จำนวน 300 แผง ก็ต้องใช้เวลา 3-4 วัน ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น

นายกเทศมนตรีตำบลเชิงดอย กล่าวอีกว่า ในส่วนมาตรการการป้องไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่นั้น ทางเทศบาลมีการเฝ้าระวังอยู่ 14 ราย ที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานครและต่างประเทศ ขณะนี้ได้ให้ทาง อสม.เป็นผู้ดูแล ซึ่งเทศบาลตำบลเชิงดอยก็มี 3 มาตรการในการป้องกันและรับมือไวรัสโควิด-19 คือ 1 ให้ อสม.ในตำบลซึ่งนีร้อยกว่าคน พื้นที่ค้นหาตามหมู่บ้านต่างๆ ในเขตรับผิดชอบว่า ใครเดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดบ้าง มาตราการที่ 2 คือ ฆ่าเชื้อ โดยจัดเจ้าหน้าที่ออกพ่นยาฆ่าเชื้อให้กับหมู่บ้านที่มีจุดเสี่ยงต่างๆ และมาตรการที่ 3 คือช่วยเหลือ ซึ่งวันนี้เทศบาลก็ได้มาช่วยเหลือชาวบ้านโดยนำไข่ไก่มาขายในราาถูกให้อีก

 

เชียงใหม่ มูลนิธิ อ.วารินทร์ ส่งมอบเวชภัณฑ์ให้กับนักรบเสื้อกราวน์ รพ.รัฐ

มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศร่วมกับคุณภีชญา กริ่มวงศ์รัตน์ จัดโครงการ ส่งมอบเวชภัณฑ์ให้กับนักรบเสื้อกราวน์ รพ.รัฐในเชียงใหม่ เพื่อต่อสู้สงครามไวรัสโควิท 19 ครั้งที่ 2 พร้อมถวายสังฆทานชุตปองกันไวรัสโควิท 19 แต่พระสงฆ์ทั่วประเทศ มูลค่ารวม 1 ล้านกว่าบาท


อาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ กล่าวว่า จากเหตุการณ์โรคระบาต โดวิด-19 ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นจากประเทศจีนมาตั้งแต่ปลายปี 2562 จนมาถึงปัจจุบัน สถานการณ์ทั่วโลกมีความรุนแรงมากชื้นทุกวันและลามมายังประเทศไทยของเรา ซึ่งทางมูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัวรัตน์เลิศ ไต้ตระหนักถึงความรุนแรงของโรคระบาดนี้มาตั้งแต่ตัน ซึ่งวันนี้สถานการณ์ โรดโควีด-19 ในประเทศไทยได้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มีผู้ติดเชื้อหลายจังหวัด จนกระทั่งทำให้งานหนักไปตอยู่ที่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งทั่วประเทศ ทำให้อุปกรณ์ทางการแพทย์เกิดความชาดแคลนและราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ร่วมกับคุณภีชญา กริ่มวงศ์รัตน์ ได้จัดโครงการ ส่งมอบเวชภัณฑ์ให้กับนักรบเสื้อกราวน์ ของ รพ.รัฐในเชียงใหม่และทั่วประเทศ เพื่อต่อสู้สงครามไวรัสโควิด 19 ครั้งที่ 2 และถวายสังฆทานชุตปองกันไวรัสโควิด 19 แต่พระสงฆ์ทั่วประเทศ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1 ล้านกว่าบาท ซึ่งเป็นมูลค่าเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตประชาชน

อาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ กล่าวต่อว่า ในครั้งนี้ได้จัดสรรสิ่งของจำเป็นที่ใช้ในการป้องกันโรคโดยส่วนที่หนึ่งจัดชุดสังฆทานที่ใช้ในการป้องกันโรคจำนวน 1,000 ชุดถวายพระภิกษุ กว่า1,000 รูป กระจายไปทั่วกว่า 40 วัดในจังหวัดเชียงใหม่ และ กทม. ในชุดสังฆทานจะประกอบไปด้วยหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ แอลกอฮอล์สเปรย์ น้ำยาล้างมือฆ่าเชื้อ ทิชชูชุบแอลกอฮอล์ และถุงมือยาง เป็นตัน ส่วนที่สองได้จัดสรรอุปกรณ์ป้องกันโรคให้กับบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลรัฐของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในส่วนนี้เกิดจากการเห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นสงครามนักรบชุดขาวอยู่ในแนวหน้าในการสู้ศึกในครั้งนี้ก็คือบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านทั้งหมอพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ทุกฝ่ายคือกลุ่มนักรบเสื้อกราวน์เป็นกลุ่มที่เสี่ยงตายในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับประชาชน

 

(คลิป)เชียงใหม่ เทศบาลตำบลสุเทพทำหน้ากากอนามัย 3 หมื่นชิ้นแจกชาวบ้าน

เทศบาลตำบลสุเทพ จัดทำหน้ากากอนามัยกว่า 3 หมื่นชิ้น แจกให้ชาวบ้านในพื้นที่ ฝ่าวิกฤต COVID-19 และปัญหาหมอกควัน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนดอยสุเทพ-ปุย และเชิงดอยสุเทพ

ที่ลานวัฒนธรรม เทศบาลตำบลสุเทพ อำเภอเมือง เชียงใหม่ นายธัญศักดิ์ แสงศรีจันทร์ นายกเทศมนตรีตำบลสุเทพ เป็นประธานเปิดกิจกรรม รวมพลังฝ่าวิฤต COVID-19 แจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน พร้อมมอบหน้ากาก Face Shield และเครื่องพ่นฆ่าเชื้อ ให้แก่ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่ โดยมีตัวแทนแต่ละหมู่บ้านมารับมอบ และอีกส่วนหนึ่งได้จัดทีมอาสาสมัครมอเตอร์ไซค์ออกขับตระเวนนำหน้ากากอนามัยไปแจกจ่ายในพื้นที่ห่างไกลในเขตเทศบาลตำบลสุเทพอีกด้วย


ทั้งนี้เทศบาลตำบลสุเทพได้ตระหนักถึงสถานการณ์การแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของการเชื้อไวรัสโคโรนา ประกอบกับสภาวะขาดแคลนหน้ากากอนามัย ด้วยความห่วงใย จึงได้ร่วมใจกันจัดทำหน้ากากอนามัยป้องกันการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา ( COVID-19 ) ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนจากทุกพื้นที่ ในเขตเทศบาลตำบลสุเทพพร้อมพนักงานเทศบาล ที่สละเวลาในการช่วยกันจัดทำหน้ากากอนามัย ตั้งแต่ขั้นตอนการตัดผ้า เย็บผ้า ซัก รีด ทำความสะอาด พร้อมบรรจุ มีเป้าหมายในการจัดทำทั้งหมด 30,000 ชิ้น โดยจะแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนทุกหลังคาเรือน เริ่มตั้แต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป โดยเทศบาลตำบลสุเทพมีประชากรตามทะเบียนราษฏร์ทั้งสิ้นประมาณ 17,000 คน กว่า 6,000 ครัวเรือน

ด้านนายธัญศักดิ์ แสงศรีจันทร์ นายกเทศมนตรีตำบลสุเทพ เปิดเผยว่า การจัดทำหน้ากากอนามัยจำนวน 30,000 ชิ้น มีประชาชนจิตอาสาทั้งชาวเขาบนดอยสุเทพ-ปุย และจิตอาสาชาวบ้านพื้นราบ ช่วยกันตัดเย็บ มีการอบฆ่าเชื้อก่อนนำมาแจกจ่ายเพื่อใช้งาน ซึ่งการใช้หน้ากากผ้าผู้ใช้ก็จะได้มีความสบายใจได้ว่า ใช้แล้วสามารถนำไปซักรีดแล้วกลับนำมาใช้ได้ใหม่ โดยทางเทศบาลจะทะยอยแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในเขตเทศบาลตำบลสุเทพทั้ง 15 หมู่บ้าน ให้ครบภายในเดือนเมษายนนี้

 

 

เชียงใหม่ รองแม่ทัพภาคที่ 3 เน้นย้ำ 9 จังหวัดภาคเหนือ เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนป้องกันไฟป่า

รองแม่ทัพภาคที่ 3 เน้นย้ำ 9 จังหวัดภาคเหนือ เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง พื้นที่เผาซ้ำซาก ของแต่ละจังหวัด กดดันไม่ให้มีการลักลอบเผา อย่างต่อเนื่อง

พลตรี จิรเดช กมลเพ็ชร รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เปิดเผยภายหลังการประชุมผ่านระบบ VDO Conference ร่วมกับ 9 จังหวัดภาคเหนือ ว่า จากการประชุมร่วมกับ 9 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ ได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัด เพิ่มความเข้มข้น เพิ่มความถี่ ในการลาดตระเวน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ประกอบด้วย พื้นที่เกิดไฟไหม้ซ้ำซาก พื้นที่เสี่ยงเกิดจุดความร้อนในพื้นที่ โดยขอให้บูรณาการกำลังร่วมกัน ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน และจิตอาสา เพื่อกดดันไม่ให้มีการลักลอบเผาเกิดขึ้นในพื้นที่ และขอให้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง และเคร่งครัด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติภารกิจด้วยความเข้มแข็ง และอดทน

ในส่วนของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย ที่เกิดสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการลาดตระเวนร่วมกับประชาชน ซึ่งในส่วนของกองทัพภาคที่ 3 พร้อมสนับสนุนกำลังพลและอากาศยานเข้าปฏิบัติภารกิจในการดับไฟในพื้นที่ภาคเหนือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่า ฝุ่นควัน และลดจำนวนจุดความร้อนในพื้นที่ และขอให้ทุกจังหวัดบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ควบคู่การดำเนินการตามมาตรการอื่น ๆ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 30 มี.ค. 63 พบว่า ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือเกิดจุดความร้อน สะสม จำนวน 97,177 จุด โดยพบจุดความร้อนสะสมมากที่สุด ที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 15,244 จุด จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 12,532 จุด และจังหวัดตาก จำนวน 10,452 จุด ตามลำดับ

เชียงใหม่ พนักงานเทศบาลตำบลช้างเผือกสละเวลาช่วยกันทำหน้ากากอนามัยหมื่นชิ้น

วันหยุด แต่ข้าราชการพนัก เทศบาลตำบลช้างเผือก ยอมสละเวลาส่วนตัว ร่วมมือผลิต Face shield หน้ากากอนามัยกว่า 10,000 ชิ้นแจกประชาชน ตำรวจ พระสงฆ์และโรงพยาบาลฯลฯ เพื่อสู้ COVID-19

ที่สนามฟุตซอล์ เทศบาลตำบลช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายคเชน เจียกขจร นายกเทศมนตรี ตำบลช้างเผือก ได้นำข้าราชการพนักงานเทศบาลฯ จำนวน 50 คน ร่วมมือกันผลิต Face shield และหน้ากากอนามัย จำนวนกว่า 10,000 ชิ้นเพื่อจ่ายแจกแก่ประชาชนข้าราชการทุกสาขาอาชีพเพื่อป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19

นายคเชน  เจียกขจร นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลช้างเผือก กล่าวว่า จากที่เชื้อไวรัส โควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วยนั้น ในส่วนของเทศบาลตำบลช้างเผือก ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวอีกทั้งเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลและผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แม้จะเป็นวันหยุดของพนักงานก็ตาม แต่พนักงานทุกคนต่างพร้อมที่เสียสละเวลาของตัวเอง เพื่อมาผลิต Face shield และหน้ากากอนามัย โดยเทศบาลฯ ไม่ได้มีคำสั่งหรือบังคับแต่อย่างใด ทุกคนมาด้วยใจ และจิตอาสาจึงเป็นสิ่งที่น่ายกย่องยิ่งนัก

สำหรับ Face shield และน้ากากอนามัยที่ทางเทศบาลผลิตขึ้นมาจำนวน 10,000 ชิ้นนั้นเบื้องต้นได้จ่ายแจกแก่ อสม.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นทำหน้าที่ในการค้นหากลุ่มเสี่ยที่ทำงานและเดินทางมาจากต่างจัหวัด นอกจากนั้นได้ไปแจกให้กับ เจ้าหน้าตำรวจปกครองที่ประจำจุดต่างๆ ตำรวจ สภ.ช้างเผือก สภ.ภูพิงค์ฯ พระสงฆ์ในเขตพื้นที่ พ่อค้าประชาชน และกลุ่มใหญ่ที่ทางเราจะไปมอบให้คือ ตามโรงพยาบาลต่างด้วย

อย่างไรก็ตามช่วงวิกฤตเชื้อไวรัส COVID-19 นั้นขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนให้พักอยู่ที่บ้านหากไม่มีภาระจำเป็นที่จะออกจากบ้าน ส่วนเทศบาลฯนั้นซึ่งเป็นกลไกรสำคัญที่เป็นแกนกลางเพื่อประสานกับระหว่างรัฐฯกับประชาชนเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารและรายงานสถานการณ์ให้หน่วยเหนืออีกระดับหนึ่ง

(คลิป)เชียงใหม่ สถานการณ์ไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยยังคงน่าเป็นห่วง

สถานการณ์ไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยยังคงน่าเป็นห่วง แม้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน จะบูรณาการกำลังเข้าดับไฟอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ยังเกิดไฟป่าบนพื้นที่เขาสูงชัน

ความคืบหน้า สถานการณ์ไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งเกิดขึ้นใกล้กับตัวเมืองเชียงใหม่ในวันนี้ยังคงน่าเป็นห่วง แม้ในช่วงสองวันที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนทั้งทหารจากมณฑลทหารบกที่ 33 อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุย เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ระดมกำลังเข้าดับไฟอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่ยังไม่สามารถดับเพราะอยู่บนภูเขาสูงชันได้ ล่าสุดในเช้าวันนี้ยังคงเกิดไฟป่าใกล้กับหมู่บ้านม้งดอยปุย ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง

ทั้งนี้ พันเอก อโณทัย ชัยมงคล รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก บินสำรวจพื้นที่เกิดไฟไหม้ และส่งพิกัดให้ เฮลิคอปเตอร์ MI 17 ขึ้นบินโปรยน้ำดับไฟป่าที่เกิดขึ้นซึ่งอยู่เขตภูเขาสูงชัน และบางส่วนเป็นเหวลึก ที่มีเศษกิ่งไม้ใบไม้แห้งสะสมอยู่จำนวนมาก ทำให้เป็นเชื้อไฟอย่างดีจนไฟป่าขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว และเป็นจุดที่หน่วยดับไฟภาคพื้นดินเข้าไม่ถึง


ขณะที่ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินโปรยน้ำดับไฟทางด้านทิศใต้ของวัดพระธาตุดอยคำ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ซึ่งพบว่ายังเหลือจุดที่ไฟไหม้ลุกลามอยู่อีก 3-4 จุด ที่ประทุขึ้นจากจุดที่ดับไปแล้วเมื่อวานนี้


สำหรับจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่เช้าวันนี้มีจำนวน 204 จุด ในพื้นที่ 18 อำเภอ 49 ตำบล

(คลิป)เชียงใหม่ รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ ประชุมแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าภาคเหนือ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ ติดตามสถานการณ์ไฟไหม้ป่าภาคเหนือ พบพื้นที่ป่าถูกเผาไปแล้วกว่า 8 ล้านไร่

ที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันส่วนหน้า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธ์พืช,นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้,นายคมสัน สุวรรณอัมมพา รองผวจ.เชียงใหม่และผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอทางไกลไปยัง 9 จังหวัดภาคเหนือด้วย

นายพงศ์บุณย์ ปองทอง รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งรับผิดชอบศูนย์ปฏิบัติการป้องกันไฟป่าฯ ก.ทรัพย์ กล่าวรายงานว่า ภาพรวมจุดความร้อนภาคเหนือปีนี้มากกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 30 โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่และลำปาง พื้นที่เกิดไฟเป็นพื้นที่ป่าเป็นส่วนใหญ่ ทั้งป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษคือพื้นที่รอยต่อเชียงใหม่- เชียงราย,เชียงใหม่- ลำพูนและแม่ฮ่องสอน- เชียงใหม่- ลำปาง ,รอบเมืองแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ก็ฝาง แม่อายและไชยปราการ

ด้านนายนรินทร์ ประทวนชัย ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันเชียงใหม่มีจดความร้อนสะสมมากกว่า 13,500 จุด ค่าpm2.5 จากสถานีตรวจวัด 6 สถานีพบว่าค่าคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานและมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนถึง 49 วัน ทั้งนี้ช่วงที่เกิดไฟป่าลุกลามเป็นวงกว้าง เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพย์ฯ ได้ช่วยทิ้งน้ำดับไฟ 497 เที่ยวบิน นอกจากนี้ผวจ.เชียงใหม่ได้มีการปรับแผนปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าที่เพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มกลยุทธ์ลาดตระเวนร่วมกัน เป็นการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน

ขณะที่ พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สิน รอง ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่สั่งการให้ตำรวจลงบูรณาการร่วมกับทุกพื้นที่และใช้ศูนย์191 รับแจ้งเหตุมีการแจ้งความดำเนินคดี 310 คดีมากสุดในป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ ซึ่งผู้ว่าฯและ ผบก.จ.เชียงใหม่ให้นโยบายหาตัวคนมาดำเนินคดีโดยลงประจำวันและเม.ย.-พ.ค.มีผู้เข้าไปในพื้นที่ไฟไหม้จะดำเนินคดีทันที เพราะมีห้วงเวลาของคดีที่ครอบคลุมอยู่ นอกจากนี้ยังได้ดำเนินคดีในพรบ.สาธารณสุขและเกี่ยวข้อง ซึ่งเชียงใหม่มีพื้นที่กว้าง และเป็นพื้นที่ภูเขาสูง และช่วงนี้อาจจะมีการเผาเพื่อเตรียมการเกษตรและหลังจากนี้อาจจะน้อยลง

อย่างไรก็ตามในช่วงการประชุมนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แสดงวามกังวลและเป็นห่วงถึงสถานการณ์ไฟป่าที่ลุกลามในหลายพื้นที่ว่า คนลักลอบเผาไม่ได้หวั่งเกรงเรื่องการถูกจับดำเนินคดี เพราะที่ผ่านมาจากสถิติจะเห็นว่าเป็นการจับกุมดำเนินคดี โดยที่เจอผู้ต้องหามักจะเป็นคดีพรบ.สาธารณสุขฯ ซึ่งมีโทษปรับค่อนข้างน้อย แต่คดีที่เกี่ยวกับพื้นที่ป่า ยังจับกุมตัวผู้ลักลอบเผาได้น้อย ซึ่งที่จริงความผิดตามพรบ.ป่าสงวนฯมีโทษหนักเพราะทุกวันนี้คนเผาป่ากลัวโทษที่จะดำเนินคดีหรือไม่ เพราะหากตัดสินจำคุกแล้ว มักจะถูกจับกุมไม่นาน การดำเนินคดี จับๆ แต่คนไม่กลัว หากคนไม่กลัว

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพย์ฯ กล่าวให้นโยบายว่า ขอให้กำลังใจทุกภาคส่วน ขณะนี้เจอปัญหาหนักทั้งโควิด และสิ่งที่คนภาคเหนือเจอคือการลักลอบเผาทำให้ปัญหาฝุ่นควัน ปัญหาคือหนึ่งคนเผา ร้อยคนดับ จึงขอให้ ทสจ.และกรมอุทยานฯและป่าไม้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ของเราซึ่งเหนื่อยยากลำบาก ซึ่งขณะนี้ได้ประกาศปิดป่าหมดแล้วหากเจอใครในป่าขอให้จับหมดแล้วค่อยสอบสวนทีหลัง

การประสานกับคนในหมู่บ้านก็สำคัญ หัวใจสำคัญสุดคือผู้ใหญ่บ้านที่จะรู้ความเป็นไปของประชาชนในพื้นที่ แต่บางครั้งผู้ใหญ่บ้านอาจเป็นปัญหาเองอย่างสระบุรี พ่อผู้ใหญ่บ้านเป็นคนเผาเองซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้ การที่ผืนป่าแต่ละผืนโดนเผาไป ซึ่งตอนนี้โควิดระบาดคนในเมืองใหญ่หนีกลับบ้าน บางคนไม่รู้ทำอะไรก็เผาป่า เผาพื้นที่ป่า ดังนั้นการ่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์จึงสำคัญมาก

-สิ่งหนึ่งที่อยากให้สร้างคือ UAV ที่สามารถบินได้ต่อเนื่อง 8-9 ชม.มีกล้องจับความร้อนด้วย ขอให้รีบหาเพื่อช่วยแก้ปัญหา จะเช่าทางกระทรวงฯก็พร้อมที่จะดำเนินการ เพราะครั้งก่อนมาเชียงใหม่ก็เห็นว่ามีการลักลอบเผาคล้อยหลังเพียงหนึ่งชั่วโมง และกว่าจะเข้าไปดับเจ้าหน้าที่เดินเท้าเข้าไปกว่าจะถึงก็ลุกลาม และคนลอบเผาก็มักจะทำกลางคืนทำให้ป่าไหม้ไปหลายสิบ หลายร้อยไร่

“เห็นใจขรก.และเจ้าหน้าที่อยากได้งบฯซื้อยูเอวีในการลาดตระเวน ปัจจุบันความเสียหายที่เกิดขึ้นประเมินค่าไม่ได้ ทั้งคนและป่า และการที่จะป้องกันอีกวิธีหนึ่งคือสถานศึกษาที่อยู่ในภาคเหนืออยากให้คนรุ่นใหม่มีความรู้เพื่อไปสอนคนรุ่นเก่าในหมู่บ้าน ซึ่งสอนก็ไม่ฟังวิธีเดียวคือจับ โดยปกตินิสัยชาวบ้านเวลาเผาจะเผาข้ามตำบล พื้นที่การเดินจะไกลมาก”นายวราวุธ กล่าวและว่า
ผมเชื่อเรื่องไฟไหม้ป่าขึ้นอันดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นอยากได้กล้องยูเอวีมาช่วย ขอให้รีบประสานกับทางกองทัพอากาศซึ่งมีกล้องยูเอวี โดยมีศูนย์ที่ตาคลี นครสวรรค์เพื่อให้นำกล้องดังกล่าวมาบินในพื้นที่ไหม้หนักทั้งแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ที่ไหม้หนักในขณะนี้

นายวราวุธ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ต้องขออภัยชาวภาคเหนือที่ต้องทนกับสภาพหมอกควันไฟป่า ซึ่งเจอทั้งโควิดและหมอกควันทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน สิ่งที่ได้ให้ข้อสังเกตที่ประชุมคือการข่าว ในการป้องกันไฟป่าเกิดขึ้นแล้วดับยาก ไฟลามเข้าโพรงไม้และยอดไม้ สิ่งสำคัญในการป้องกันคือการข่าวจึงได้ขอให้เจ้าหน้าท่ก.ทรัพย์และตำรวจ ฝ่ายปกครองไปฝังตัวอยู่กับประชาชน เจ้าหน้าที่ประมาณสองถึงสามพันที่ไม่ใช่ชุดดับไฟให้ลงพื้นที่ไปกินนอนกับชาวบ้านหมู่บ้านเสี่ยงเลย เพราะผู้นำชุมชนรู้ดีว่าลูกบ้านไปไหน มีอุปกรณ์ติดตัวไปมั้ย เข้า ออกบ้านเวลาไหน จึงได้ย้ำเรื่องทำความเข้าใจและเฝ้าระวังในแต่ละหมู่บ้านเพื่อทำความเข้าใจและระมัดระวัง ผมเชื่อว่าแต่ละคนก็หวงแหนผืนป่า เพราะไฟไหม้ป่าก็เหมือนเผาบ้านตัวเอง

“อีกประเด็นได้ขอให้ประสานกองทัพอากาศนำอากาศยานไร้คนขับยูเอวีซึ่งมีกล้องจับความร้อนด้วย เพื่อเพิ่มเขี้ยวเล็บให้จนท.ยูเอวีบินได้ 6-8กม.และมีกล้องจับความร้อนสามารถส่งข้อมูลทำให้จนท.เข้าไปดำเนินการดับไฟได้ทัน รวมทั้งอาจจะสามารถจับกุมคนลักลอบเผาได้ เพราะไฟป่าที่เกิดขึ้นนอกจากสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ยังส่งผลกระทบสุขภาพของประชาชนทำให้ต้องเสียมูลค่ามหาศาล และอีกประเด็นคือคนภาคเหนือยังเจอหมอกควันข้ามแดนซึ่งกรมควบคุมมลพิษได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการอาเซียนให้งดการเผา เพราะเป็นกิจการนอกประเทศการทำงานมีข้อจำกัดและแนวทางทำงานไม่เหมือนกัน

วันนี้จุดประสงค์หลักคือมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า การเดินเท้าเข้าไปต้องอาศัยความรักและความท่มเทที่ผ่านมาเห็นชาวชม.หาอุปกรณ์ เครื่องมือมาให้เจ้าหน้าที่ก็ต้องกราบขอบคุณด้วย การทำงานนั้นกำลังกายส่วนหนึ่งแต่กำลังใจเป็นส่วนสำคัญ
เรื่องการทำแนวกันไฟ ต้องดูว่าพื้นที่ราบหรือชัน เนินเขาเพราะบางทีพื้นที่ราบการทำแนวกันไฟอาจจะง่าย แต่หากไฟลามตามโพรงต้นไม้และเมื่อเจอลมหอบลูกไฟไปติดที่อื่นก็ทำให้ยาก การทำแนวกันไฟก็ลำบาก ส่วนที่มีคนสงสัยว่าเผาเอางบฯเป็นไปไม่ได้ ไม่มีความคิดแบบนี้แน่ ซี่งนายกรัฐมนตรีและรองนายกฯประวิตรก็กำชับมา และเชื่อมั่นว่าขรก.กระทรวงทรัพย์จะไม่เผาเพื่อเอางบอย่างแน่นอน เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็ต้องมาให้กำลังใจให้คำมั่นว่าเพื่อนขรก.ทำงานกันสุดความสามารถ

การที่จะรักษาป่า สิ่งที่ได้จากป่ามากมายมหาศาลมากกว่าตัวเงินที่ก.ทรัพย์จะให้ ถ้าป่าอุดมสมบูรณ์ ป่าจะเป็นครื่องฟอก แหล่งน้ำแหล่งอาหารให้ชาวบ้าน เพราะป่าใช้เวลานานกว่าจะอุดมสมบูรณ์ จึงอยากให้ชาวบ้านช่วยดูแลป่าเพื่อลูกหลานของท่านเอง ก.มหน้าที่ หากพื้นที่ใดมีไฟหรือเผาซ้ำซาก การสำรวจของคทช.จะเลื่อนออกไป บางคนอาจจะบอกไม่แฟร์ว่าอาจเป็นการกลั่นแกล้ง แต่ในฐานะเจ้าของพื้นที่ต้องช่วยเจ้าหน้าที่รัฐในการเฝ้าระวัง เจ้าหน้าที่มีจำนวนรจำกัด คนอยู่ป่าและชายขอบมีความสามารถมากกว่า อย่างไรก็ดีจากการตรวจสอยพื้นที่ล่าสุดพบว่า พื้นที่ป่าภาคเหนือทั้งหมดกว่า 33 ล้านไร่ ถูกไฟป่าเผาพลาญไปแล้วกว่า 8 ล้านไร่

เชียงใหม่ ร้านลาบต้นยางยังเปิดขายอาหารพื้นเมืองให้ห่อกลับบ้าน

ร้านลาบต้นยาง ร้านลาบดังเชียงใหม่เปิดขายห่อกลับบ้านเท่านั้น ปิดตามมาตรการรัฐบาล แต่ยังเอาใจคนที่ชอบอาหารพื้นเมือง เปิดขายให้ลูกค้าสั่งใส่ห่อกลับบบ้านเท่านั้น ช่วง 14 วัน เจ้าของร้านเข้าครัวทำเองขายเอง ลูกค้ายังคึกคักช่วงกลางวันและเย็น

นางศรินทร สุ่นทอง เจ้าของร้านลาบต้นยางสาขา วงแหวนศาลากลาง ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าทางร้านได้ปิดตามมาตรการของจังหวัดเชียงใหม่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นเวลา 14 วัน แต่มีหลายคนที่ชื่นชอบอาหารพื้นเมือง แต่ไม่สามารถนั่งรับประทานได้ จะปิดไปเลยทำให้ลูกค้าต้องการรับประทานอาหารเมืองทั้งลูกค้าขาประจำ ลูกค้าขาจร สอบถามมาต่อเนื่องเพราะไปหารับประทานไม่ค่อยได้ จึงเปิดให้บริการเฉพาะใส่ห่อกลับบ้านเท่านั้น เริมเปิดขายตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงค่ำ ทั้งวันจะมีลูกค้าแวะมาซื้อสั่งอาหารพื้นเมืองกลับไปรับประทานโดยช่วงกลางวันจะโทรมาสั่งล่วงหน้า เพื่อนำกลับรับประทาน และช่วงเย็นจะมาสั่งซื้อกลับบ้าน

สำหรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกมีบริการจัดเป็นเซต เซตที่ 1 ลาบหมูคั่ว+ข้าวเหนียว 59 บาท หรือ หมูแดดเดียว+น้ำพริกแดง+ข้าวเหนียว 59 บาท ,เซตที่ 2 ลาบหมูคั่ว+จิ้นส้ม+ข้าวเหนียว 99 บาทลาบปลาสุก+คางหมู+ข้าวเหนียว 99 บาท , แอ๊บหมู+หมูแดดเดียว+ข้าวเหนียว 99 บาท หรือจะสั่งอาหารเป็นถุงกลับไปก็มีบริการทำให้เหมือนปกติอาทิ ลาบหมูคั่ว,แกงอ่อมหมู,จิ้นส้มหมก,เเกงตูนใส่กุ้ง,หมูแดดเดียว,น้ำพริกอ่อง,ต้มแซบเอ็นวัว,กุ้งทอดสมุนไพร ในแต่ละวันก็จะมีเมนูอาหารพื้นเมืองหมุนเวียน แต่ไม่เปิดให้นั่งรับประทานภายในร้าน ส่วนลูกค้าสนใจสามารถติดต่อสอบถามหรือสั่งอาหารได้โทร 089-4339786 หรือ เพจ ร้านลาบต้นยางสาขาวงแหวงรอบสอง

เชียงใหม่ ผู้ว่าฯประชุมเร่งแก้ไขปัญหาหมอกควัน

วันนี้ (23 มี.ค. 63)  นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการเชียงใหม่ ประชุมศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์และวางแผนการปฏิบัติงาน โดยเช้าวันนี้เกิดจุด Hotspot (รอบเช้า เวลา 02.06 น.) จำนวน 444 จุด ในพื้นที่ 20 อำเภอ 65 ตำบล พบมากที่สุดในอำเภอพร้าว 75 จุด (ลุกลามจุดเดิมที่ ต.แม่แวน 43 จุด) อำเภอสะเมิง 66 จุด (จุดเกิดใหม่ที่ ต.บ่อแก้ว 30 จุดและสะเมิงเหนือ 12 จุด ลุกลามจุดเดิม ต.ยั้งเมิน 19 จุด) และอำเภอเชียงดาว 55 จุด ลุกลามจุดเดิมที่ ต.เมืองคอง 25 จุดและ ต.เมืองนะ 15 จุด ตามลำดับ

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้นำเครื่องบิน BT67 ของกองทัพอากาศ ขึ้นบินโปรยน้ำเพื่อลดความหนาแน่นของฝุ่นควัน บริเวณไนท์บาซาร์และถนนช้างคลาน เวลา 10.00 น. และ 13.00 น. และเครื่องบิน MI 17 ของกองทัพบก ปฏิบัติการเข้าดับในพื้นที่อำเภอพร้าวติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากบริเวณที่เกิดจุด hotspot เป็นหน้าผาสูงชัน ยากต่อการเข้าถึงของชุดปฏิบัติการดับไฟป่าภาคพื้นดิน โดยเน้นในพื้นที่ตำบลแม่แวนและตำบลแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว ซึ่งเกิดจุดความร้อนมากที่สุด

ชวนเที่ยวทริป เชียงใหม่-ปางอุ๋ง-แม่ฮ่องสอน

ชวนเที่ยวพาขี่บิ๊กไบค์เที่ยวเชียงใหม่-ปางอุ๋ง-แม่ฮ่องสอน

ขอบคุณเพลงผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ..หลิวเต๋อหัว..

///มีบางภาพอาจไม่เหมาะสมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ////