เชียงใหม่ ฮ.แบบ MI 17 ยังคงบินทิ้งน้ำสกัดไฟป่าในพื้นที่ อ.พร้าว ต่อเนื่อง

จากรายงานจุด Hotspot ของจังหวัดเชียงใหมรอบเช้าวันนี้ พบจุดความร้อน จำนวน 230 จุด โดยพบในพื้นที่ป่าสงวน 78 จุด ป่าอนุรักษ์ 149 จุด ชุมชนและอื่นๆ 2 จุด ทั้งนี้ในพื้นที่อำเภอพร้าว เกิดจุด hotspot จำนวน 44 จุด อยู่ในโดยเฉพาะพื้นที่ตำบลแม่แวน 19 จุด ศูนย์?สั่งการอำเภอพร้าวขอรับการ สนับสนุน เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 17 หรือ MI 17 ของกองทัพบกเข้าดับในพื้นที่ตำบลแม่แวน เนื่องจากบริเวณ ที่เกิดจุด hotspot เป็นหน้าผาและพื้นที่สูงชัน รวมทั้งมีเขื้อเพลิงหนาแน่น ยากต่อการเข้าดับของภาคพื้น

พันเอกกฤติ พันธะสา เลขานุการ กองกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ในวันนี้ ศูนย์?สั่งการอำเภอพร้าว ได้ร้องขอการสนับสนุนอากาศยานทิ้งน้ำ เพื่อเข้าปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ของอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการตรวจพบจุดความร้อนในหลายตำบลของอำเภอพร้าว โดยเฉพาะที่ตำบลแม่ปั๋ง พบจุความร้อนบนหน้าผาและพื้นที่สูงชัน รวมถึงมีเชื้อเพลิงหนาแน่น ยากต่อการเข้าถึงจากทีมภาคพื้นดิน

กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า จึงจัดส่งเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 17 หรือ MI 17 ออกปฏิบัติการบินทิ้งน้ำดับไฟป่าในพื้นที่อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ การปฏิบัติการภารกิจขึ้นบินทิ้งน้ำดับไฟป่า จะมีการวางแผนร่วมกันจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาไฟป่า ฝุ่นควันในพื้นที่


ขณะที่ เครื่องบิน BT – 67 กองทัพอากาศ ยังคงปฏิบัติภารกิจบินโปรยน้ำลดฝุ่นควันจำนวน 2 เที่ยวบิน บริเวณคูเมืองเชียงใหม่ 2 เที่ยวบิน เพื่อโปรยน้ำลดปัญหาฝุ่นควันในตัวเมืองเชียงใหม่

เชียงใหม่ วัดพระธาตุดอยคำเพิ่มมาตรการรับมือโควิด-19

วัดพระธาตุดอยคำ ยังเปิดให้ศรัทธาประชาชนเข้ามาสักกาละสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดตามปกติ ถึงแม้ว่านักท่องเที่ยวจะลดลง โดยร่วมกับเทศบาลเมืองแม่เหียะ จัดเจ้าหน้าที่มาฉีดพ่นฆ่าเชื้อตามจุดต่างๆ รอบวัด พร้อมนำเจลล้างฆ่าเชื้อมาวางตามจุดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ล้างมือทำความสะอาดก่อนทำบุญ

ผู้สื่อข่าวพาไปดูบรรยากาศภายในวัดพระธาตุดอยคำ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก่อนหน้าที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างดินทางขึ้มมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะนำดอกมะลิมากราบไหว้ขอพรกับหลวงพ่อทันใจ ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงใหม่เก่าแก่ มีอายุมานานกว่า 1,400 ปี บางคนก็มาขอโชคลาภขอให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ โดยการนำดอกมะลิมมาแก้บน ซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้คนเดินทางมายังวัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้ไม่ต่ำกว่าวันละ 1 พันคน หลังจากกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัดแล้ว ก็มีระเบียงจุดชมวิว สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพวิวสวยๆ ดูมุมสูงอุทยานหลวงราชพฤกษ์และตัวเมืองเชียงใหม่ได้อีกด้วย


พระครูสุนทร เจติยารักษ์ (ครูบาพิณเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำ เจริญพรว่า หลังจากเกิดวิกฤตไวรัสโควิด-19 ปริมาณนักท่องเที่ยวก็เริ่มลงลด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ มีนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่จากต่างจังหวัดที่ยังคงเดินทางมาขอพระพระเจ้าทันใจ และเที่ยวชมความสวยงามภายในวัด ซึ่งทางวัดก็ได้จัดเจลสำหรับฆ่าเชื้อ วางไว้ตามจุดต่างๆ ภายในวัด เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทำความสะอาดมือ ก่อนเข้ามาทำบุญ และก่อนหน้านี้ได้ประสานไปยังเทศบาลเมืองแม่เหียะ จัดเจ้าหน้าที่มาทำการฉีดพ่นฆ่าเชื้อภายในทุกจุดของวัดเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยว ส่วนนักท่องเที่ยวลดลง เนื่องจากกลัวติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นวัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้ ยังรวมไปถึงสถานที่แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ดีอยากจะฝากไปยังพุทธศาสนิกชนญาติโยมให้ช่วยดูแลสุขภาพปกป้องตัวเอง ตามนโยบายของรัฐบาล ตามแนวทางของวงการแพทย์ที่ได้แนะนำ โดยล้างมือบ่อยๆ สวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อปกป้องเชื้อโรคนี้ ไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเราและลูกหลานญาติมิตรของเรา ซึ่งทางวัดพระธาตุดอยคำก็ยังคงเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพรพระเจ้าทันใจได้ตามปกติ

เชียงใหม่ นำเฮลิคอปเตอร์แบบ MI 17 ปฏิบัติภารกิจการทิ้งน้ำดับไฟป่า อ.พร้าว

กองทัพบกสนับสุนเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 17 หรือ ฮ.ท.17 ปฏิบัติภารกิจการทิ้งน้ำดับไฟป่า ในอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่เขาสูงชันยากต่อการเข้าถึง

สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังคงน่าเป็นห่วง เกิดไฟป่าในหลายจุด บางพื้นที่อยู่ในบนดอยสูง เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเดินเท้าขึ้นไปดับไฟได้ เช้าวันนี้ตรวจพบจุดความร้อนจากดาวเทียมเวียร์ เกิดขึ้นในพื้นที่ อำเภอพร้าว 39 จุด จาก 181 จุดทั่วจังหวัดเชียงใหม่ โดยเกิดขึ้นในตำบลแม่แวนมากที่สุด 11 จุด รองลงมาคือตำบลแม่ปั๋ง 10 จุด ซึ่งในพื้นที่ตำบลแม่ปั๋งนี้จุดความร้อนที่เกิดขึ้นจุด hotspot เป็นหน้าผาและพื้นที่สูงชัน และมีเชื้อเพลิงหนาแน่น ยากต่อการเข้าดับ โดยเฉพาะที่บ้านห้วยป่าติ้ว หมู่ 6 ก็จุดความร้อนอยู่ใกล้เคียงกัน 5 จุด ทางศูนย์สั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ประสาน กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า จัดส่งเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 17 หรือ ฮ.ท.17 หรือที่เรียกว่า MI17 ออกปฏิบัติการบินทิ้งน้ำดับไฟป่า ซึ่ง ฮ.ท.17 นี้ สามารถลำเลียงน้ำได้เที่ยวละ 3,000 ลิตร บินด้วยความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงในการบินหรือเพดานบินอยู่ที่ 6,000เมตร สามารถบินได้นาน 3 ชั่วโมง 20 นาที


สำหรับภารกิจในวันนี้ ปฏิบัติภารกิจทิ้งน้ำดับไฟป่าบริเวณ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ทิ้งน้ำไปทั้งหมด 5 เที่ยวบิน ปริมาณน้ำเที่ยวละ 3,000 ลิตร รวม 17,500 ลิตรโดยแหล่งน้ำจาก อ่างเก็บน้ำห้วยส้าน บ้านศรีประดู่ ตำบลแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จ.เชียงใหม่ เขตติดต่อระหว่างอำเภอพร้าว จ.เชียงใหม่ และ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย สำหรับการสนับสนุนปฏิบัติการทิ้งน้ำดับไฟป่า เพื่อดับไฟป่า โดยเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 17 /ฮ.ท.17 /MI17 เริ่มปฏิบัติภารกิจตั้งแต่วันวานนร้ (20 มี.ค.63) จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย


ข้อมูล ภาพ : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า

 

เชียงใหม่ ชาวบ้านร่วมให้กำลังใจทีมเสือไฟดับไฟป่าดอยสุเทพ-ปุย

ชาวบ้าน-วิสาหกิจชุมชนเผลิตอาหารสัตว์เมืองแม่เหียะนำร่อง ร่วมให้กำลังใจมอบน้ำ-เครื่องดื่มชูกำลังให้กับทีมเสือไฟ สู้วิกฤตไฟป่า ดอยสุเทพ-ปุย พร้อมเชิญชวนชาวเชียงใหม่ร่วมให้กำลังใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานที่หน่วยดับไฟป่าเคลื่อนที่ห้วยตึงเฒ่า (ทางเข้าห้วยตึงเฒ่า) ภายใต้การดูแลของสถานีควมคุมไฟป่าภูพิงค์ นายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 พร้อมนายวุฒิชัย โสมวิภาต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เดินทางเข้าตรวจสอบความพร้อมของเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เสือไฟที่อยู่ประจำหน่วยฯ ได้เตรียมกำลังไว้ 30 นาย เดินทางมาจากต่างจังหวัดหลายแห่ง เพื่อสลับกันออกปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วในการดับไฟป่าที่เชิงเขาใกล้ศาลากลางเชียงใหม่ และใกล้หมู่บ้านพักข้าราชการตุลาการ เขตพื้นที่ดอยสุเทพ-ปุย โดยสถานการณ์ล่าสุดยังมีกลุ่มควันอยู่บางจุด

อย่างไรก็ดีได้มีนายปทุม เกิดนพคุณ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 เมืองแม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมครอบครัว และนางสาวปุณฑริกา คำบุญทา ผู้จัดการวิสาหกิจชุมชนผลิตอาหารสัตว์ เมืองแม่เหียะ ผู้ประสานงาน และผู้ใจบุญท่านอื่นๆที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดแม่เหียะ ที่เห็นถึงความสำคัญของภาระกิจอันสำคัญของ ทีมเสือไฟ ที่ต้องมาปฏิบัติภาระกิจดับไฟป่านั้น ได้นำน้ำดื่มและเครื่องดื่มชูกำลัง พร้อมลูกอมเย็นๆ ยังมีขนมขบเคี้ยวมามอบให้เจ้าหน้าที่เสือไฟด้วย

ด้านนายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ตัวแทนเสือไฟเป็นผู้รับมอบสิ่งของทั้งหมด และเจ้าหน้าที่เสือไฟก็ได้กล่าวขอบคุณ จากนั้นเจ้าหน้าที่เสือไฟลงพื้นที่ดับไฟต่อไป อย่างไรก็ตาม หากประชาชนหรือนักท่องเที่ยวพบเห็นไฟป่าในบริเวณใกล้กับศาลากลางเชียงใหม่ สามารถแจ้งได้ที่เบอร์ 064-2432679 หรือ ประสานร่วมส่งกำลังใจมอบอาหาร ผลไม้ น้ำดื่ม และเครื่องดื่มชูกำลัง ได้ตามเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวได้ทุกวัน

เชียงใหม่ ประกันสังคมเชียงใหม่ พร้อมช่วยเหลือผู้ประกันตนสู้โควิด-19

 

 

ประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่ เผยกระทรวงแรงงานพร้อมเยียวยาให้กับผู้ใช้แรงงานและสถานประกอบการ โดยประกันสังคมจะลดเงินสมทบจาก 5 % เป็น 4 % ลดลง 1 % ถือว่าเป็นการลดเงินสมทบทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ถึงเดือนสิงหาคม 2563 ระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งคาดว่า วิกฤตไวรัสโควิดน่าจะผ่านพ้นไปในระยะเวลา 6 เดือน และพร้อมช่วยเหลือผู้ประกันตนที่สุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หากมีการติดเชื้อ ประกันสังคมจะเป็นออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้ทั้งหมด

นางสาวลัดดา แซ่ลี้ ประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของการเกิดโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ขึ้นในประเทศไทย ทางกระทรวงแรงงานก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะไวรัสโควิด-19 ไม่ใช่กระทบแต่ผู้ประกันตน หรือลูกจ้างกระทบทั้งนายจ้างด้วย ประชาชนในประเทศไทยถูกกระทบด้วยไวรัสโควิดทั้งหมด ทางกระทรวงแรงงานนำโดย หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้ทุกกรม ในกระทรวงแรงงานไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปเยียวยาให้กับผู้ใช้แรงงานและสถานประกอบการว่า จะมีวิธีทางไหนช่วยได้บ้าง

ทางประกันสังคมโดยนายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) มีนโยบายเสนอบอร์ดเพื่อที่จะนำนโยบายของรัฐมนตรีว่าการการทรวงรงงาน ดำเนินการให้การช่วยเหลือนายจ้าง ผู้ประกันตน ลูกจ้างอย่างไร ในประเด็นของเงินสนทบได้มีการประชาสัมพันธ์ออกมาแล้ว ว่า ทางประกันสังคมจะลดเงินสมทบจาก 5 % เป็น 4 % ลดลง 1 % ก็คือ ปกตินายจ้างจ่าย 5 % ลูกจ้างจ่าย 5 % นำส่งประกันสังคมทุกเดือน แต่ปัจจุบันทางประกันสังคมจะลดให้ 1 % ก็คือนายจ้างจ่าย 4 % ลูกจ้างจ่าย 4 % ถือว่าเป็นการลดเงินสมทบ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ถึงเดือนสิงหาคม 2563 ระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งคาดว่าวิกฤตไวรัสโควิดน่าจะผ่านพ้นไปในระยะเวลา 6 เดือนจึงมีนโยบายออกมา

ประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่กล่าวอีกว่า อีกนโยบายหนึ่งที่ลูกจ้างผู้ประกันตนเรียกร้องมามากก็คือ เรื่องการตรวจเชื่อโควิดว่าตนเองติดเชื้อหรือไม่ ซึ่งทางประกันสังคมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทางประกันสังคมก็ได้ประสานกับทางโรงพยาบาลเครือข่ายของประกันสังคม และมีมาตรการออกมาว่า ผู้ประกันตนที่มีความสงสัยว่า ตนเองจะติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งก็ต้องมีอาการไข้ 37.5 องศา ไอ หายใจไม่สะดวก ให้ไปโรงพยาบาลตามบัตรก่อน ซึ่งโรงพยาบาลตามบัตรจะตรวจเบื้องต้นให้ โดยโรงพยาบาลตามบัตรบางแห่งก็ไม่ใช่เป็นโรงพยาบาลของรัฐบาล เป็นโรงพยาบาลของเอกชน ซึ่งโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่มีเครือข่ายประกันสังคมถึง 7 แห่ง ทั้งรัฐบาลและเอกชน ถ้าไปตรวจแล้วมีข้อบ่งชี้ว่า สัมผัสผู้ติดเชื้อ หรือมีอาการหายใจไม่สะดวก ไอมาก มีอาการไข้ขึ้นสูงมาก ทางโรงพยาบาลตามบัตรก็จะส่งไปยังโรงพยาบาลของรัฐก็คือโรงพยาบาลนครพิงค์และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งทั้ง 2 โรงพยาบาลนี้ก็จะคัดกรองผู้ป่วยอีกครั้งและตรวจดูว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่

ทั้งนี้โรงพยาบาลตามบัตรจะตรวจสอบแค่เบื้องต้น เมื่อเห็นว่าเข้าข่ายอาจติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็จะส่งต่อไปโรงพยาบาลของรัฐ เมื่อโรงพยาบาลของรัฐคัดกรองมาแล้วว่าติดเชื้อโควิด -19 หรือมีความสุ่มเสี่ยงว่าจะติดเชื้อแน่นอนก็จะกักตัวไว้เลยเป็นเวลา 14 วัน ส่วนค่ารักษาพยาบาลเมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดทางประกันสังคมก็จะเป็นผู้จัดการให้ โดยผู้ประกันตนไม่ต้องเสียเงินแต่อย่างใด แต่ขอความร่วมมือ ถ้าเพียงแต่ไอธรรมดาหรือไม่มีไข้เลย แค่สงสัยว่าตัวเองเป็น ก็ไม่ต้องร้องขอตรวจโควิด-19 ขอให้ไปโรงพยาบาลตามบัตรให้หมอตรวจ ซึ่งอาจป่วยเป็นแค่ไข้หวัด ไอ ธรรมดา เนื่องจากฝุ่นควันไฟในจังหวัดเชียงใหม่เยอะ อาจไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 โดยผู้ที่สงสัยตัวเองจะติดเชื้อโควิดก็ต้องไปโรงพยาบาลตามบัตรก่อน อย่างร้องขอให้ตรวจโควิด-19 เลย ซึ่งการขอตรวจโควิด-19 เองทางประกันสังคมจะไม่เข้าไปดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะคุณไม่ได้ทำตามขั้นตอนที่ทางประกันสังคมได้กำหนดเอาไว้

เชียงใหม่ อดีต ผอ.สำนักอุทยานฯ แฉพื้นที่ป่าถูกลักลอบตัดไม้เหลือแต่ตอ

อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังพบมีการลีกลอบตัดไม้หวงห้าม ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานหลังพบเฟสบุ๊กของ นายสมัคร ดอนนาปี อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เผยภาพและคลิป มีการลักลอบตัดไม้หวงห้าม และการแปรรูปไม้ ใกล้กับหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ที่ 1 (ปางจำปี) ตำบลเทพเสด็จ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้สอบถามข้อเท็จจริง จากนั้นได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ

จากการลงพื้นที่พร้อมด้วยนายสมัคร ดอนนาปี ผู้สื่อข่าวพบว่า พื้นที่ป่าเส้นทางจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ะไคร้ที่ 1 ไปยัง อบต.เทพเสด็จ ระยะทางห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร ริมข้างทาง มีการลักลอบตัดโค่นต้นไม้ ส่วนใหญ่เป็นต้นสัก และไม้เนื้อแข็ง ถูกตัดโค่นเหลือแต่ตอกว่า 100 ต้น ลัดเลาะเข้าไปในป่า บางต้นก็ถูกเจาะและบากโคนต้นใส่ยาฆ่าแมลง เพื่อให้ต้นไม้ยืนต้นตาย ก่อนที่จะมาตัดและลักลอบนำออกไปจากป่า นอกจากนั้นยังพบว่า ไม้สักบางท่อนถูกตัดใหม่ๆ วางอยู่ริมถนนเพื่อรอการลำเลียง

ต่อมานายสมัคร ได้พาผู้สื่อข่าวไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ที่ 1 (ปางจำปี) พร้อมชี้ให้ดูท่อนไม้สักที่ถูกตัดเป็นท่อนๆ หลายขนาด กองอยู่หลายจุดภายในหน่วยฯ ซึ่งไม้สักบางท่อนก็ถูกคลุมด้วยใบไม้แห้งเพื่ออำพราง จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยฯ บอกเพียงว่า กองไม้ดังกล่าวเป็นไม้ที่นำมาจากในป่าซึ่งถูกตัดไปแล้ว โดยไม่พบผู้กระทำผิด จึงได้นำมาไว้ที่หน่วยฯ

อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยอีกว่า ตนเองทราบว่ามีการลักลอบตัดไม้หวงห้ามโดยเฉพาะไม้สักในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ จึงได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็พบว่า มีการลักลอบตัดไม้จริงเป็นพื้นที่กว้าง ซึ่งตอไม้บางตอถูกตัดมาแล้วนานกว่า 10 ปี แต่ก็ยังมีตอไม้สักที่พึงถูกตัดอยู่หลายต้น รวมทั้งมีการเจาะรูบากต้นไม้เพื่อใส่ยาฆ่าแมลงทำให้ต้นไม้ตาย ซึ่งบริเวณที่พบการตัดไม้เป็นพื้นที่เขตรับผิดชอบของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ที่ 1 รัศมีไม่ถึง 1 กิโลเมตร แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ จึงเชื่อว่าอาจมีการรู้เห็นกับเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปลักลอบตัดไม้ และตนได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าร้องเรียนกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์และพันธุ์พืช แต่ก็ไม่คืบหน้า เกรงว่าทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้สักที่มีอยู่จะต้องสูญเสียไปในอนาคต จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงและการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่พบว่ามีการดำเนินคดีกับผู้ลักลอบตัดไม้ แต่มีไม้อยู่ภายในหน่วยฯแห่งนี้จำนวนมาก เจ้าหน้าที่อาจเป็นผู้ลักลอบตัดไม้เสียเอง

เชียงใหม่ กองกำลังผาเมือง พร้อมสนับสนุนกำลังพลชุดดับไฟป่าและอากาศยาน

ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เผย พร้อมสนับสนุนกำลังพลชุดดับไฟป่า และอากาศยาน เพื่อใช้ในภารกิจดับไฟป่า ตลอดตามแนวชายแดน


พลตรี ถนัดพล โกศัยเสวี ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เปิดเผยว่า กองกำลังผาเมือง พร้อมให้การสนับสนุนกำลังพลชุดดับไฟป่า และอากาศยาน เพื่อใช้ในภารกิจการดับไฟป่า ลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตลอดตามแนวชายแดน รวมถึงได้เดินทางไปพบปะพัฒนาสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับส่วนราชการฝ่ายสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อขอความร่วมมือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่และผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตามนโยบายของรัฐบาลและกองทัพบก

อย่างไรก็ดีในห่วงที่ผ่านมา ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้นจนเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ โดยประเด็นในการหารือ และขอความร่วมมือ ในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน คือ สถานการณ์ไฟป่า และหมอกควัน มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระดับภูมิภาคของทั้งสองประเทศ ซึ่งฝ่ายไทยยินดีให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าฝ่ายพลเรือน รวมถึงอุปกรณ์ เครื่องมือในการดับไฟป่าในพื้นที่ตอนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก หากมีการร้องขอการสนับสนุนจากสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา ในกรณี กำลังฝ่ายพลเรือนไม่เพียงพอ กองกำลังผาเมือง พร้อมสนับสนุนชุดดับไฟป่า จาก หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้งตามฐานปฏิบัติการ จำนวน 26 ชุดปฏิบัติการ พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการภาคพื้นดินและชุดปฏิบัติการการบินทหารบก และอากาศยาน เฮลิคอปเตอร์รุ่น ฮท.212 รวมถึงกำลังจากกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 326 และกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327 ในเบื้องต้นได้สนับสนุนอุปกรณ์ดับไฟป่าให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จำนวน 10 ชุด


ทั้งนี้ ในส่วนของพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่เสี่ยงซ้ำซาก ใน 5 อำเภอชายแดนของจังหวัดเชียงใหม่ กองกำลังผาเมือง จัดกำลังสนับสนุนจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 พร้อม เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ ในภารกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน รวมทั้งการเข้าร่วมการลาดตระเวน และดับไฟป่าในพื้นที่ที่ยากลำบาก

เชียงใหม่ นายกเทศมนตรีเชิงดอยให้กำลังใจ ผญบ.หมู่ 1พร้อมชาวบ้าน นอนเฝ้าป่า 63 ตารางกิโลเมตร

นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเชิงดอยให้กำลังใจ ผญบ.หมู่ 1พร้อมชาวบ้าน นอนเฝ้าป่า 63 ตารางกิโลเมตร ปกป้องป่าได้ดีที่สุดในเชียงใหม่

นายชุติพนธ์ สารแปง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเชิงดอย ดร.อภิพงค์ คงสัมพันธ์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเชิงดอย พร้อมนายมงคล ชัยวุฒิ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ร่วมกันเปิดโครงการป้องกันและลดปัญหาหมอกควันไฟป่า ประจำปีงบประมาณ 2563 และรับมอบน้ำดื่มจาก นายศักดิ์สิทธิ์ พรหมขัติแก้ว กรรมการบริหามูลนิธิสว่างสำเร็จเชียงใหม่ และ ว่าที่ร้อยตรี วสันต์ สุดาจันทร์ หัวหน้าหน่วยกู้ภัยสว่างสำเร็จเชียงใหม่ จำนวน 30 โหล รวม 360 ขวด เพื่อให้เจ้าหน้าที่สนธิกำลังในการตั้งด่านปิดป่าไม่ให้ชาวบ้านเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์และป้องกันการเผ่าป่า 100% ในพื้นที่จำนวน 63 ตารางกิโลเมตร และใน หมู่ 1 บ้านขุนแม่กวง จำนวน 1,5000 ไร่ พร้อมนำเครื่องมือดับไฟป่ามาประจำการพร้อมปฏิบัติหน้าที่

สำหรับการตั้งด่านดังกล่าวโดยการนำของนายชุติพนธ์ สารแปง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเชิงดอย นายมงคล ชัยวุฒิ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่1 ต.เชิงดอย ทั้งสองได้นำผู้ช่วย ผญบ.และเจ้าหน้าที่กู้ภัยในตำบล พร้อมจิตอาสาชาวบ้าน นำที่นอนมุ้งหมอน และเต็นท์ มาปักหลังนอนเฝ้าป่าอยู่ข้างถนนสายเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด-เชียงราย ตรงกับหน้าศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ดอยสะเก็ด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านนิยมใช้ยานพาหนะเช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ นำเข้าไปหาของป่าในพื้นที่ดังกล่าว และบางพื้นที่เป็นสวนทำไร่ทำสวนลำไยลิ้นจี่และสวนมะม่วง เจ้าหน้าที่หากพบชาวบ้านเข้ามาในเส้นทางดังกล่าวจะขอตรวจยึดไฟแช็ค และกล่าวตักเตือนประชาชนที่เข้าป่าแล้วหากพบว่ามีเหตุเกิดไฟไหม้ในป่าใกล้เคียงสวนใครถือว่าบุคคลที่อนุญาตให้เข้าไปในป่าวันนั้นได้กระทำผิด จะดำเนินคดีตามกฏหมาย

การปฏิบัติงานตามโครงการดังกล่าว ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน และทางเทศบาลตำบลเชิงดอยขอความร่วมมืองดเผาทุกชนิด เพื่อต้านภัยฝุ่นควันพิษเพื่ออากาศสดใส สุขภาพที่ดี กำหนดช่วงเวลาห้ามเผาทุกชนิดอย่างเด็ดขาด ระหว่างวันที่ 10 ม.ค.2563 ถึง 30 เม.ย.2563 โดยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักปลัด ทต.เชิงดอย ดำเนินการที่ผ่านมาโดยนอนเฝ่าป่าดังกล่าว ซึ่งถือว่าได้ผลสำเร็จและรักษาป่าไม่ให้ถูกเฝ้า และเหลือเพียงพื้นที่ป่าในเขตรับผิดชอบไม่เกิดฮอตสปอตแต่อย่างใด หยุดการเผ่าป่าได้ดีที่สุดใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งทางผู้นำชุมชนต่างๆในเชียงใหม่ได้เดินทางมาให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง และวันเดียวกันนี้จึงมีผู้นำอาหารและเครื่องดื่ม และหน้ากากอนามัย นำมามอบให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานดังกล่าว

เชียงใหม่ นำ เครื่องบินลำเลียงแบบที่ 2 ก (BT-67) ในภารกิจการบินควบไฟป่า

กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า นำ เครื่องบินลำเลียงแบบที่ 2 ก (BT-67) ในภารกิจการบินควบไฟป่าและโปรยน้ำสลายหมอกควันในตัวเมืองเชียงใหม่

พ.อ.กฤติ พันธะสา เลขานุการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า นำเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 2ก ( BT -67) ขึ้นปฏิบัติภารกิจบินโปรยละอองน้ำในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่มีค่าเกินมาตรฐาน อยู่ในเกณฑ์ระดับสีส้ม และสีแดง เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่


ด้าน น.ต.พีรพัฒน์ ปั้นกล่ำ นักบิน BT – 67 กล่าวว่า บ่ายวันนี้เครื่องบินลำเลียงแบบที่ 2ก (BT – 67) การบินโปรยน้ำลดฝุ่นละอองในอากาศที่บริเวณในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะบริเวณประตูท่าแพ ซึ่งในส่วนของการบินโปรยน้ำฯ นั้น แต่ละเที่ยวบินจะบรรทุกน้ำได้เที่ยวละประมาณ 3,000 ลิตร ซึ่งจะทำให้ละอองน้ำเกิดการกระจายตัวครอบคลุมบริเวณกว้าง และจับตัวกับฝุ่นละอองตกลงสู่พื้นดิน เพื่อบรรเทาความรุนแรงของปัญหา โดยน้ำที่นำมาใช้เป็นน้ำสะอาด และโปรยลงมาเป็นละอองน้ำ จึงไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน ใช้เวลาบินปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เป้าหมาย 20 นาทีต่อเที่ยวบิน ทั้งนี้อาศัยจิตอาสาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งพิกัดในการปฏิบัติงานในแต่ละวัน

ทั้งนี้ เครื่องบินลำเลียงแบบที่ 2 ก (BT-67) มีแผนประจำการอยู่ที่ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ จนจบภารกิจ

(คลิป)เชียงใหม่ กก.กฎบัตรแห่งชาติ ระดมสมองพัฒนาเมืองเชียงใหม่ นำร่อง 3 สาขา

กก.กฎบัตรแห่งชาติ ระดมสมองพัฒนาเมืองเชียงใหม่ นำร่อง 3 สาขา ด้านอาหารปลอดภัย / SMART BLOCK /ขนส่งสีเขียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมารุต ศิริโก รองประธานคณะกรรมการกฎบัตรแห่งชาติ ได้ประชุมคณะกรรมการ พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่องกฎบัตรเชียงใหม่ กับการพัฒนาเมือง 15 สาขา ที่สำนักงานชั่วคราวย่านนิมมานเหมินท์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อหาความร่วมมือกับทุกภาคส่วนพัฒนาเมืองเชียงใหม่แบบยั่งยืน ภายใต้การสนับสนุนสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มีนายฐาปนา บุณยประวิตร นายกสมาคมการผังเมืองไทย นายภูวนารถ ยกฉวี คณะกรรมการกฎบัตรรัตนโกสินทร์ นายจิรกร สุวงศ์ กรรมการสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะนักวิจัยกฎบัตรเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง


ทั้งนี้ที่ประชุม ได้สรุปแนวทางการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ นำร่อง 3 สาขาประกอบด้วย ด้านเกษตรและอาหารปลอดภัย ด้านโครงการพัฒนาแฟลตฟอร์มประสิทธิภาพ การใช้พลังงานระดับย่าน (SMART BLOCK) และด้านขนส่งสีเขียว หรือระบบขนส่งมวลชนที่ปลอดมลภาวะ เบื้องต้นกำหนด แผนพัฒนาระยะ 3 ปี ในเขตเมืองเก่า หรือรอบคูเมืองเชียงใหม่ รัศมี 2.5ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่แรก

เป้าหมายสาขาเกษตรและอาหารปลอดภัย ปีแรก คือ พัฒนา SMART FARM นำร่อง 20 แห่ง จากผู้สนใจร่วมโครงการ 50 แห่ง เพื่อยกระดับการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ และมีมาตรฐาน อาทิ ข้าว กาแฟ โคนม ไก่พันธุ์และดอกไม้ โดยลดการใช้สารเคมี และลดต้นทุนผลิต 20-30 % ซึ่งราคาสินค้าดังกล่าวต้องต่ำกว่าราคาท้องตลาด ทั้งนี้เป้าหมายภายใน 10 ปี ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ต้องมีพื้นที่อาหารปลอดภัยอย่างน้อย 40 % โดยมีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ คณะทำงานกฎบัตรเชียงใหม่ เป็นผู้ออกแบบ SMART FARM พร้อมเป็นที่ปรึกษาโครงการดังกล่าว ซึ่งผู้ร่วมโครงการไม่เสียค่าใช้จ่ายอย่างใด ทั้งนี้โครงการดังกล่าว ได้รับงบสนับสนุน 5 ล้านบาท

ส่วนสาขา SMART BLOCK มุ่งพัฒนาเมืองเชิงสร้างสรรค์ ใช้พื้นที่สา ธารณะให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นหลักโดยบูรณาการทำงานร่วมกับส่วนราชการ ส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภาคเอกชน และเครือข่ายภาคี อาทิ ปรับฟื้นฟูโครงการถนน คนเดินสายพระปกเกล้า ให้รักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่นและวิถีชีวิตชุมชน โดยมี งบสนับสนุนอีก 3 ล้านบาท สำหรับสาขาขนส่งสีเขียว หรือระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ เน้นการเชื่อมโยงเครือข่ายขนส่ง โดยระบบแอฟพริเคชั่น พร้อม พัฒนาระบบชนส่งของรถรับจ้างสี่ล้อแดง ของสหกรณ์เดินรถนครลานนาจำกัดด้วย

นายฐาปนา สรุปภาพรวมว่า ได้ตั้งคณะทำงานกฎบัตรระดับจังหวัด นำร่อง 6 จังหวัด คือ เชียงใหม่ อุดรธานี นครสวรรค์ สระบุรี ระยอง ภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพหรือความพร้อมดำเนินโครงการ ซึ่งการพัฒนาขึ้นอยู่กับบริบทแต่ละพื้นที่ การพัฒนาอาจไม่เหมือนกัน มีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตการสร้างงานและรายได้สู่ท้องถิ่นเป็นหลัก ที่สำคัญเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจด้วย