เชียงใหม่ กองกำลังผาเมืองเพิ่มมาตรการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้ามาของแรงงานต่างด้าว

กองกำลังผาเมืองเพิ่มมาตรการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้ามาของแรงงานต่างด้าวตามช่องทางท่าข้ามธรรมชาติ ลดการแพร่ระบาดของโรคโควิค 19

ภายหลังจากที่มีการประกาศผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แรงงานต่างด้าวบางส่วนพยายามที่จะลักลอบเข้ามาในเขตไทยตามช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติโดยไม่ผ่านกระบวนการกักตัว (State Quarantine) ตามขั้นตอนของประเทศไทย ส่งผลให้เกิดความหวั่นวิตกของคนภายในประเทศ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวที่พยายามลักลอบเข้ามาทางด้านชายแดน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เนื่องจากผู้ประกอบการในพื้นที่ อำเภอแม่สายฯ มีความต้องการแรงงานเข้ามาดำเนินกิจการของตนเอง เช่น แรงงานในการก่อสร้าง, แรงงานด้านการเกษตร และลูกจ้างตามสถานประกอบการต่างๆ แต่เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีการเปิดด่านพรมแดนถาวรในพื้นที่ จึงทำให้แรงงานต่างด้าวมีความพยายามในการลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

ทั้งนี้ที่ผ่านมากองกำลังผาเมือง ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพิ่มมาตรการเข้มข้นในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามมาตรการ 5 ด้าน โดยการประสานความร่วมมือไปยังประเทศเมียนมาผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น หรือ TBC ในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว การเพิ่มเติมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร จำนวน 25 ชุดปฏิบัติการ ในการเพิ่มความถี่การลาดตระเวนเฝ้าตรวจ พร้อมทั้งได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ตามช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลม ตลอดจนการติดตั้งไฟส่องสว่างแบบโซล่าเซลล์ พร้อมกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อเพิ่มศักยภาพ ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จำนวน 17 จุด, และการทำเครื่องกีดขวางโดยการติดตั้งรั้วลวดหนามเพิ่มเติม 8 จุด ปรับปรุงลวดหนามที่มีอยู่เดิม จำนวน 14 จุด ให้มีความแข็งแรง ทนทาน โดยเฉพาะในช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลม นอกจากนี้กองกำลังผาเมืองยังได้มีการปิดล้อมตรวจค้นแหล่งหลบซ่อน/พักพิง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตามแหล่ง ที่พักพิงชั่วคราวบริเวณพื้นที่หมู่บ้านตามแนวชายแดน พร้อมจัดชุดปฏิบัติการด้านกิจการพลเรือน จำนวน 5 ชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่สร้างการรับรู้ให้กับผู้นำชุมชน และประชาชนในหมู่บ้านตามแนวชายแดน ในการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทั้งการแจ้งเบาะแส และการกระจายข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

ทั้งนี้ กองกำลังผาเมือง จะยังคงเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนี เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเพื่อให้การแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกองทัพบก

เชียงใหม่ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ พระราชทานเทียนพรรษา

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเทียนพรรษา ประจำปี 2563 ณ วัดสันมะเกี๋ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 10 ก.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานที่วัดสันมะเกี๋ยง ต.สำราญราษฏร์ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ได้ประกอบพิธีแห่เทียนพรรษาพระราชทานทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเทียนพรรษา ประจำปี 2563 ท่านพระครูปลัดทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยง และในฐานะผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง เป็นประธานสงฆ์ มีนายจิรชาติ ซื่อตระกูล นายอำเภอดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ ดร.เกษม ปารมีศิลป์ขจร นายกเทศบาลตำบลสำราญราษฏร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำข้าราชการในพื้นที่พร้อมกำนันผู้ใหญ่บ้านร่วมทำบุญกุศลครั้งใหญ่กันอย่างพร้อมเพรียง


พิธีการเริ่มแห่เทียนพรรษาพระราชทาน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเทียนพรรษา ประจำปี 2563 โดยท่าน ดร.เกษม ปารมีศิลป์ขจร นายกเทศมนตรีตำบลสำราญราษฏร อัญเชิญเทียนพรรษาพระทานจากสำนักงานเทศบาลนำขบวนมาหน้าวัดสันมะเกี๋ยง กลุ่มแม่บ้านฟ้อนๆ ต้อนรับ จากนั้นอัญเชิญเทียนพระราชทานเข้าสู่มณฑลพิธี

ในมณฑลพิธี ประธานในพิธี นายจิรชาติ ซื่อตระกูล นายอำเภอดอยสะเก็ด จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย ไหว้พระสมาทานเบญจศีล จากนั้น นายกเทศมนตรีตำบลสำราญราษฏร์ กล่าวรายงาน ตามด้วยพิธีสำคัญ นายอำเภอดอยสะเก็ด ประธานในพิธี เปิดกรวยคารวะหน้าพระรูป ประธานกล่าวคำถวายเทียนพรรษาพระราชทาน ประธานถวายเทียนพรรษาพระราชทานและบริวาร พระครูปลัดทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ พร้อมพระสงฆ์อนุโมทนา ผู้ร่วมทำบุญกรวดน้ำ ถวายความเคารพพระรูป กราบลาพระรัตนตรัย เป็นอันเสร็จพิธี

เชียงใหม่ เทศบาลเชิงดอยเชิญชวนพ่อค่า-แม่ค้า ขายของหนองบัวพระเจ้าหลวง

เทศบาลตำบลเชิงดอย เชิญชวนพ่อค้า-แม่ค้า มาออกร้านจำหน่ายสินค้าบริเวณลานม่วนใจ๋ หนองบัวพระเจ้าหลวง โดย 3 เดือนแรกเปิดให้จำหน่ายขายของฟรี รวมค่าน้ำค่าไฟ เริ่ม 12 กรกฏาคม นี้

นายชุติพนธ์ สารแปง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ฝากเชิญชวนบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในอำเภอดอยสะเก็ด หรืออำเภอใกล้เคียง มาออกร้านจำหน่ายสินค้าบริเวณลานม่วนใจ๋ หนองบัวพระเจ้าหลวง หนองน้ำใหญ่ตรงข้ามที่ทำการสำนักงานเทศบาลตำบลเชิงดอย ซึ่งจะเปิดให้ขายของฟรีในระยะเวลา 3 เดือนแรก ฟรีค่าน้ำค่าไฟ เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฏาคม 2563 เป็นต้นไป

นายกเทศบาลตำบลเชิงดอยบอกว่า ในช่วงเวลานี้ก็ยังคง พรก.ฉุกเฉินอยู่ ทางพ่อค้า-แม่ค้า ตามตลาดก็ได้รับการผ่อนปรนกันแล้ว ซึ่งทางเทศบาลตำบลเชิงดอยก็อยากจะให้ชาวบ้านได้ขายของสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ก็จึงได้จัดสถานที่บริเวณลานม่วนใจ๋ หนองบัวพระเจ้าหลวงให้เป็นสถานที่ขายของ ให้ชาวบ้านได้นำสินค้ามาจำหน่ายทุกวันอาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าพื้นบ้าน เปิดท้ายขายของ หรือจะเป็นกลุ่มอาหารนำมาขายที่หนองบัวพระเจ้าหลวงเนื่องจากว่า ช่วงเย็นจะมีประชาชนมาออกกำลังกายกันจำนวนมาก ก็อยากให้ผู้ที่มาออกกำลังกายได้มาเลือกซื้อของกิน ของที่ระลึกหรือสิ่งของติดมือกลับบ้าน จึงได้คิดเปิดคอนเซ็ปตลาดนัดขึ้นมา โดยตั้งใจว่าจะเป็นตลาดศูนย์รวมของคนอำเภอดอยสะเก็ด รวมทั้งเป็นสถานที่ออกกำลัง สถานที่แสดงศิลปะวัฒนธรรม สถานที่จำหน่ายอาหาร ของที่ระลึก โดยจะฟื้นคืนชีพหนองบัวพระเจ้าหลวงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอดอยสะเก็ดและจังหวัดเชียงใหม่ให้ได้


สำหรับผู้ที่สนใจต้องการนำสินค้าไปขายสามารถมาลงทะเบียนด้วยตนเองได้ที่เทศบาลตำบลเชิงดอย หรือลงทะเบียนออนไล์ตามลิ้งที่แนบมา หรือโทรสอบถามที่หมายเลข 053-104900 ต่อ 11 หมายเหตุ ขอสงวนสิทธิในการจัดล๊อคตามความเหมาะสม https://docs.google.com/…/1FAIpQLSdNhPbYdlU6wIMvan…/viewform และในวันศุกร์ที่ 10 กรกฏาคม 2563 ขอเชิญพ่อค้า-แม่ค้า มาเลือกล็อกขายของได้ที่ลานม่วนใจ๋ หนองบัวพระเจ้าหลวง

เชียงใหม่ ธ.อาคารสงเคราะห์ มอบสายคล้อง หน้ากากอนามัยให้กับ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มอบสายคล้อง หน้ากากอนามัยให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จำนวน 1 หมื่นชิ้น เพื่อใช้รัดหน้ากากลดอาการบาดเจ็บ จากการกดทับในการใช้หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน ตั้งเป้าแจกทั่วประเทศ 1 ล้านชิ้น และยังมอบเงินอีก 1 แสน สนับสนุนด้านการแพทย์ ร่วมต้านภัยโควิค

ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ นาย ปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส.พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร ร่วมกันมอบสายคล้อง หน้ากากอนามัยให้กับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จำนวน 1 หมื่นชิ้น เพื่อแจกให้กับบุคลากร ทางการแพทย์ นำไปใช้ คล้องสายรัดหน้ากากอนามัย ลดอาการบาดเจ็บ และการกดทับ ที่ถูกสายรัดใบหน้าและใบหู จากการสวมใส่ หน้ากากอนามัย เป็นเวลานาน ตลอดทั้งวัน ขณะอยู่ในโรงพยาบาล และยังมอบเงิน อีกจำนวน 1 แสนบาท ให้กับทางโรงพยาบาล นำใช้ในด้านการแพทย์ ร่วมภัยต้านโควิค
นายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการธนาคาร อาคารสงเคราะห์ กล่าวว่าทางธนาคารฯ ได้จัดทำ โครงการ ร้อยพลังเล็ก สู่ล้านพลังยิ่งใหญ่ โดยผู้บริหาร พนักงาน ทั่วประเทศ และหน่วยงานพันธมิตร และผู้สูงอายุ หรือผู้พิการในความดูแล ร่วมกันประดิษฐ์สายคล้อง หน้ากากอนามัยตั้งเป้าจำนวน 1 ล้านชิ้น เพื่อมอบให้กับบุคลากร ทางการแพทย์ และสาธารณสุข และประชาชน เพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บ จากการถูกสายรัดหน้ากากอนามัย กดทับ เป็นเวลานาน ระหว่างการสวมใส่ปฎิบัติหน้าที่ ขณะนี้ได้ร่วมกันประดิษฐ์แล้วจำนวน 870,000 ชิ้น ส่งมอบให้กับโรงพยาบาล และองค์กรต่างๆไปแล้วกว่า 411,000 ชิ้น โดยได้แรงบันดาลใจ มาจากคุณยาย ประเพ็ญ ฮั่นตระกูล วัย 92 ปี ที่จังหวัดลำปาง ประดิษฐ์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ในพื้นที่จังหวัดลำปาง

เชียงใหม่ วัดสันมะเกี๋ยงจัดพิธีไหว้ครูและทำพิธีปรุงยาแบบโบราณล้านนาหาดูยาก

วัดสันมะเกี๋ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีไหว้ครูประจำปี 2563 พร้อมจัดพิธีปรุงยา หรือซางยาโพธิสัตย์ ตามตำนานโบราณล้านนา โดยเกจิอาจารย์ชื่อดังและหมอยาผู้เชี่ยวชาญสมุนไรล้านนา ร่วมกันนำสนุมไพรชนิดต่างมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ไปเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจุบันคนเราส่วนใหญ่ จิตตก เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดความเครียด เกิดความวิตกกังวล

วันนี้(4 กค.) ที่วัดสันมะเกี๋ยง ตำบลสำราญราษฏร์ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีไหว้ครูประจำปี 2563 ของวัดสันมะเกี๋ยง โดยพระอาจารย์พระครูปลัดสุรเชษฐ์ หรือพระอาจารย์เตชรังสี วัดสันมะเกี๋ยง พร้อมทำพิธีซางยา หรือพิธีปรุงยา เป็นยาเกี่ยวกับเมตตามหานิยม มีพระเกจิอาจารย์ และหมอยาที่เชี่ยวชาญทางยาสมุนไพรล้านนาเข้าร่วมในพิธี ถือว่าเป็นพิธีที่หาดูได้ยาก

ด้านพระครูปลัดทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยง และในฐานะผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด เจริญพรว่า วันนี้ทางวัดสันมะเกี๋ยงได้จัดพิธีไหว้ครูประจำปี 2563 ของวัดสันมะเกี๋ยง โดยพระอาจารย์พระครูปลัดสุรเชษฐ์ เตชรังสี ซึ่งท่านได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆทุกแขนง ทุกศาสตร์ของล้านนาของภาคเหนือ ในวันนี้ถือว่าเป็นฤกษ์ดี จึงได้ทำพิธีไหว้ครู เป็นการกตัญญูกตเวฑิตาบูชาครู ซึ่งเป็นความเชื่อของคนล้านนา ที่ต้องมีครูบาอาจารย์ จึงควรรำลึกถึงการกตัญญูกตเวฑิตาครูบาอาจารย์ และพิธีการไหว้ครูประจำปีนี้ เนื่องด้วยเหตุการการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทางวัดจึงได้จัดพิธีแบบเงียบๆ ทำแบบภายใน ลูกศิษย์จากต่างประเทศที่อยู่ประเทศฮ่องกง จีน อินโดนีเซีย มาเก๊า และอีกหลายประเทศ ก็ไม่ได้มาร่วมพิธีในครั้งนี้ ซึ่งการจัดพิธีไหว้ครูก็เป็นการเสริมสิริมงคลลูกศิษย์ที่เคารพนับถือในศาสตร์นี้ แขนงนี้

พระครูปลัดทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ เจริญพรอีกว่า ในส่วนการทำพิธีปรุงยา หรือซางยาโพธิสัตย์ ซึ่งยาในที่นี้ก็เป็นยาเมตตามหานิยม เป็นยาเกี่ยวกับรักษาตามความเชื่อที่ทางครูบาอาจารย์ได้ศึกษาร่ำเรียนกันมา ประกอบกับญาติโยมศรัทธาที่มีความต้องการ หรือมีความไม่สบายใจ ยาตัวนี้ซึ่งเรียกว่ายาเมตตา นำความรู้ที่ได้ร่ำเรียน นำสนุมไพรชนิดต่างมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งมีแต่คุณไม่มีโทษ นำไปเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจุบันคนเราส่วนใหญ่ จิตตก เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เกิดความเครียด เกิดความวิตกกังวล ทางพระอาจารย์เตชรังสีและวัดสันมะเกี๋ยงจึงได้ร่วมกันคิดกันว่าจะทำยาเพื่อเป็นที่ระลึก ให้ศรัทธาประชาชนได้พกติดตัว เพื่อความอุ่นใจสบายใจ เป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ของญาติโยมศรัทธา โดยส่วนประกอบของการทำซางยาโพธิสัตย์นั้น ก็นำสมุนไพรประจำท้องถิ่นที่หามาจากป่าเช่น เมล็ดดีปรี หญ้าฮ่อมเกี่ยว เป็นหญ้าพื้นเมืองชาวล้านนา

นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมที่มาจากหัวเชื้อที่สืบเชื้อกันมาจากครูบาอาจารย์รุ่นเก่าๆ ที่เก็บเอาไว้ให้ เพื่อนำมาเป็นที่ระลึก อาจจะนำมาผสมน้ำกิน นำมาเป็นน้ำมนต์ใช้อาบ เวลาไม่สบายใจ รักษาโรคแต่ไม่จำเป็นต้องรักษาโรคทั่วไป อาจเป็นการรักษาเกี่ยวกับโรควิตกจริต หรือความไม่ดีต่างๆ เป็นการรักษาโรคด้วยความเชื่อ ไม่ใช่รักษาโรคแผนโบราณ ไม่ใช่รักษาโรคปัจจุบัน ไม่ใช่รักษาโรคทั่วไป เมื่อมีความเชื่อใช้ยาตัวนี้ไปก็อาจทำให้ชีวิตดีขึ้นมา


อีกประการหนึ่งในวันที่ 5 กรกฏาคม เป็นวันอาสาฬหบูชา ทางวัดสัมมะเกี๋ยงก็อยากฝากขอบอกบุญ ศรัทธาญาติโยมร่วมทำบุญผ้าจำพรรษาเพื่อจะถวาย ตั้งเป็นกองทุนการศึกษาให้กับพระภิกษุสามเณรวัดสันมะเกี๋ยง เพราะในขณะนี้พระภิกษุสามเณรของวัดสันมะเกี๋ยงมีจำนวนเยอะ รับเด็กด้อยโอกาส เด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษา เอามาบวชเรียนเพื่อได้เข้าศึกษาในโรงเรียนบาลีสาธิตศึกษา ของมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยวิทยาเขต เชียงใหม่ ที่วัดสวนดอก และโรงเรียนดอยสะเก็ดผดุงศาสตร์ มีจำนวน 20 รูป อนาคตอาจมีเพิ่มเติม โอกาสนี้ถือว่าเป็นปฐมฤกษ์จะได้ถวายผ้าจำนำพรรษา ผ้าอาบน้ำฝน และเทียนจำนำพรรษาเสริมบารมีเพื่อนำปัจจัยทั้งหมดถวายพระสงฆ์ ตั้งเป็นกองทุนการศึกษาให้กับพระภิกษุสามเณร ของวัดสันมะเกี่ยงสืบต่อไป ซึ่งผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี พัฒนาวัดสันมะเกี๋ยง เลขที่บัญชี553-0-35610-9 สามารถออกใบอนุโนทนาบัตรอีเลคทรอนิดส์ได้

เชียงใหม่ วัดพระธาตุดอยคำพร้อมรับคลื่นมหาชนเข้ามาทำบุญวันอาสาฬหบูชา

วัดพระธาตุดอยคำ พร้อมรับคลื่นพุทธศาสนิกชนที่จะเดินทางขึ้นไปทำบุญตานขันข้าว เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ถือเป็นประเพณีของชาวเหนือ ในวันอาสาฬหบูชาที่จะถึงนี้ โดยจัดเจ้าหน้าที่ตั้งจุดคัดกรอง ล้างมือด้วยเจลก็จะเข้ามาทำบุญในวัด และจัดทางเข้าออกทางเดียว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัสโควิด-19 ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองแม่เหียะ ย้ำจัดเจ้าหน้าที่เข้าจัดระเบียบด้านการจราจร เน้นความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว

ผู้สื่อข่าวพาเดินทางขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยคำ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้จัดสถานที่และจุดคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นมาทำบุญที่วัดแห่งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่จะนำดอกมะลิมากราบไหว้หลวงพ่อทันใจ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ครูวัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้ เชื่อกันว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้ใดอธิฐานแล้วได้ผลทันใจ พรที่ขอเมื่อสัมฤทธิ์ผล ก็จะนำดอกมะลิมาถวายแก้บน จึงมีประชาชนทั่วประเทศเดินทางขึ้นมายังวัดแห่งนี้เพื่อขอพร และชมบรรยากาศภายในวัด ชมจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองตัวเชียงใหม่และอุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้


พระครูสุนทรเจติยารักษ์ (ครูบาพิณ ) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยคำเจริญพรว่า สำหรับวัดพระธาตุดอยคำนั้น ก็ได้เตรียมพร้อมสถานที่ ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาโดยเฉพาะช่วงตั้งแต่วันที่ 5 กรกฏกาคม เป็นวันอาสาฬหบูชา ประเพณีวัฒนธรรมทางภาคเหนือชาวบ้านจะนิยมทำบุญอาหารที่เรียกกันว่า ถวายขันข้าว ทุกบ้านทุกหลังคาเรือนก็จะเดินทางเข้าวัดเพื่อถวายขันข้าว เพื่ออุทิศไปหาญาติพี่น้องของตนเองที่ได้ล่วงลับดับขันไป

ครูบาพิณ เจริญพรอีกว่า ในส่วนของวัดพระธาตุดอยคำนั้น ทางวัดฯ ก็มีมาตราการปกป้องคุ้มครองผู้ที่จะเดินทางขึ้นมาทำบุญ เพื่อไม่เกิดการติดเชื้อแพร่ไวรัสโควิด-19 ตามที่ทุกคนหวาดกลัวกัน ทางวัดได้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจวัดไข้ มีเจลล้างมือและให้นั่งกราบไว้พระเจ้าทันใจเป็นระเบียบ ระยะนั่งที่พอดีไม่เบียบกัน จัดทำเส้นทางเดินเปิดประตูทางเดียว เข้าทางเดียวออกทางเดียว ซึ่งพร้อมหมดแล้ว โดยคาดว่าจะมีประชาชนหลายหมื่นคนเดินทางขึ้นมาทำบุญที่วัดพระธาตุดอยคำแห่งนี้ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของชาวเหนือโดยตรง คิดว่าในช่วงประชาชนเดินทางมาทำบุญไม่น่าจะมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น จึงอยากขอให้บรรดาญาติโยมทั้งหลาย เมื่อเดินทางขึ้นมาทำบุญแล้ว ให้สวมหน้ากาดอนามัย ล้างมือด้วยเจล และอยู่ในพื้นที่ที่ทางวัดได้จัดระเบียบให้

ด้านนายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศมนตรีเมืองแม่เหียะ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางคณะกรรมการควบคุมโรคระดับประเทศได้เปิดระยะเฟส 5 เปิดให้มีกิจกรรมการท่องเที่ยว เปิดบริการร้านอาหารต่างๆ ได้ โดยวัดพระธาตุดอยคำก็เป็น 1 ใน 4 ของวัดในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นมาทำบุญ โดยมาตราการของทางเทศบาลเมืองเหียะร่วมกับทางวัดพระธาตุดอยคำ และฝ่ายปกครองได้ร่วมดำเนินการด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ในส่วนของเทศบาลเมืองแม่เหียะนั้น ติดตั้งกล้องวงจรปิดรวมถึงเชิงวัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งเทศบาลก็ได้ประชุมกับกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าเชิงพระธาตุดอยคำรวมถึงรถสี่ล้อแดงที่จะบริการส่งนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนวัดสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระธาตุดอยคำและพระเจ้าทันใจ ในเรื่องความปลอดภัยกับนักท่องเที่ยวทางเทศบาลก็ดำเนินการให้รถสี่ล้อแดงที่จัดคิวรถเชิงพระธาตุให้ตรวจเช็คสภาพรถ บริการนักท่องเที่ยวอย่างดีที่สุดและปลอดภัย

นายกเทศมนตรีเมืองแม่เหียะกล่าวอีกว่า สำหรับเชิงวัดพระธาตุดอยคำบริเวณศาลปู่แสะ-ย่าแสะ ทางเทศบาลก็ดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิด ในส่วนบนวัดฯทางวัดเองก็มีการจัดระยะห่าง มีการสกรีนประชาชนที่จะเข้าไปนมัสการพระธาตุและพระเจ้าทันใจโดยคระกรรมการวัด และบนวัดเองก็มีการจัดระเบียบรถและประสานกับตำรวจจราจรภูธรจังหวัดเชียงใหม่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก กรณีที่จะมีการหยุดยาววันที่ 4-5-6-7 กรกฏาคมนี้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเป้นหมู่คณะที่จอดรถเต็ม ทางวัดกับหน่วยรักษาความปลอดภัยดูแลการจราจรอยู่เชิงพระธาตุ ก็จะประสานกันเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกสะบาย

เชียงใหม่ อำเภอเมืองส่งเสริมประชาชนปลูกผักปลอดสารพิษ สู้ Covid-19

อำเภอเมืองเชียงใหม่ร่วมกับเทศบาลเมืองแม่เหียะส่งเสริมประชาชนปลูกผักปลอดสารพิษ สู้ Covid-19 หวังสร้างความมั่นคงทางอาหาร

วันนี้ ( 3 ก.ค. 63) ณ ธนาคารกิ่งไม้ใบไม้ เชิงวัดพระธาตุดอยคำ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ นายสราวุฒิ วรพงษ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดโครงการ ปลูกผักปลอดสารพิษ สู้Covid-19 ภายใต้การดำเนินโครงการส่งเสริมกิจกรรมตามแนวพระราชดำริ และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คาดหวังให้ทุกครัวเรือนมีการปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือน

เทศบาลเมืองแม่เหียะ นำโดยนายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกเทศมนตรีเมืองแม่เหียะ นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน องค์กรเครือข่ายชุมชน และประชาชนเมืองแม่เหียะ เข้าร่วมกิจกรรม โดยสำนักงานพัฒนาชุมชน อำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้จัดกิจกรรมให้ทุกครัวเรือนมีการปลูกผักสวนครัว ให้ครอบคลุมทุกอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหาร และสามารถดำเนินชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยจากวิกฤตโรคไวรัสโควิด –19ที่ระบาดในปัจจุบัน มีพืชผักสวนครัวที่ปลอดภัยบริโภคในครัวเรือน เหลือจากการกินก็นำไปขาย หรือแบ่งปันกันในชุมชน เป็นความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นใกล้ตัวในทุกๆวัน ตามแนวคิด “อิ่มท้อง อิ่มใจ ประหยัด แถมด้วยรายได้และมิตรไมตรี”


ภายในงานนายสุวรรณ เกตุดำ พัฒนาการอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้มอบเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวจำนวน 7 ชนิดแก่เทศบาลฯเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาดหัว ถั่วฝักยาว พริก มะเขือเปราะ มะเขือเทศ แมงลัก และผักบุ้ง กิจกรรมการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกพืชผักสวนครัว โดยเกษตรอำเภอเมืองเชียงใหม่ การสาธิตวิธีการปลูกและฝึกปฏิบัติการเพาะปลูกพืชผักสวนครัว อาทิการปลูกผักในขวดพลาสติก และวัสดุเหลือใช้ ประยุกต์ให้เหมาะกับครัวเรือนที่มีพื้นที่จำกัด ง่ายต่อการดูแลรักษา อีกทั้งยังช่วยลดโลกร้อนอีกด้วย


นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 กลายเป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ ของโลกมีผู้ป่วยกระจายไปทั่วโลก และเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกจำนวนมาก นอกจากนี้ยังส่งกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับจังหวัดเชียงใหม่ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงได้รณรงค์ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยการพึ่งตนเอง และความสามัคคีของคนในชุมชนเป็นหลัก เพื่อให้มีการขยายผลการดำเนินงาน ให้มีความหลากหลาย และครอบคลุมพื้นที่ในเขตเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านจัดสรร มีพื้นที่น้อย และเป็นคอนกรีต จึงได้มีแนวคิดในการนำวัสดุเหลือใช้ เช่น ขวดน้ำ แก้วพลาสติก ภาชนะที่ไม่ใช้แล้ว นำมาปลูกพืชผักสวนครัว เป็นการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้มีผักที่สะอาด ปลอดภัยต่อสุขภาพ เพื่อไว้บริโภคในครัวเรือนและแบ่งปัน แลกเปลี่ยนในชุมชน และสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในชุมชน ต่อไป

เชียงใหม่ เปิดเทอมสถานศึกษาคุมเข้มป้องกันโควิดขณะที่ทหารลงพื้นที่สุ่มตรวจ

เปิดเทอมวันแรกสถานศึกษาคุมเข้มนักศึกษาป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิฯ จัดการเรียนการสอนสองระบบทั้งเรียนออนไลน์และเรียนในสถานศึกษา ขณะเดียวกันตั้งจุดคัดนักศึกษากรองทุกจุดทั้งประตูทางเข้า ห้องเรียน โรงอาหาร นอกจากนี้ยังแบ่งกลุ่มนักศึกษาออกเป็น 5 กลุ่มในการพักรับประทานอาหารกลางวันป้องกันการแออัด สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครองและนักศึกษา ขณะที่ เจ้าหน้าที่ทหารลงพื้นที่สุ่มตรวจสถานศึกษา

บรรยากาศการเรียนการสอนวันแรกหลังภาครัฐได้มีการคลายล็อกให้สถานศึกษากลับมาเปิดการเรียนการสอนได้วันแรกของภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา2563สถานศึกษาทุกระดับชั้นทุกสังกัดกลับมาเปิดเรียนในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 เช่นเดียวกับที่วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา ซึ่งได้มีการจัดการเรียนการสอนวันแรกทำให้สถานศึกษาจัดมาตราป้องกันอย่างเข้มงวดทั้งการคัดกรองนักศึกษาตั้งแต่ประตูทางเข้า การคัดกรองนักศึกษาก่อนเข้าห้องเรียน การเว้นระยะห่างของนักศึกษาในห้องเรียน การจัดช่องทางเข้าออกในแต่ละอาคารเรียน

ด้านอาจารย์ศิรภพ เจริญกุศล รองผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา เปิดเผยว่า หลังจากทางภาครัฐอนุญาตให้มีการเปิดการเรียนการสอนได้ทางวิทยาลัย จึงได้มีการจัดระเบียบในการสอนใหม่ซึ่งในปัจจุบันโรงเรียนมีนักเรียนทุกระดับอยู่กว่า 4 พันคนโดยจะแบ่งให้เด็กนักศึกษาเป็นสองกลุ่มใหญ่ทั้งเรียนออนไลน์ และเรียนที่สถานศึกษา เพื่อง่ายต่อการเรียนการสอนและในส่วนของโรงอาหารซึ่งเป็นจุดที่สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้เนื่องจากเป็นพื้นที่มีนักเรียนมารวมตัวกันจำนวนมากทางวิทยาลัยได้จัดมาตรการใหม่โดยให้แบ่งเป็นรอบๆจำนวน 5 รอบให้นักศึกษามารับประทานอาหารและจำกัดจำนวนนักศึกษาที่นั่งประทานอาหารแต่ล่ะโต๊ะไม่กิน 4 คน เพื่อเป็นการลดความแออัด นอกจากนี้ทางวิทยาลัยได้จัดอาจารย์ฝ่ายพัฒนานักศึกษาจัดระเบียบนักศึกษาให้เว้นระยะห่างขณะเลือกซื้ออาหารและนั่งประทานอาหาร นอกจากนี้ยังได้ให้ความรู้ในการปฏิบัติตนในวิทยาลัย ตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม อีกด้วย ซึ่งก่อนที่จะเปิดเรียนทางวิทยาลัยได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองและนักศึกษาผ่านสื่อโซเชี่ยล ให้นักศึกษาเตรียมความพร้อมในการมาวิทยาลัยเร็วขึ้นกว่าปรกติ 1 ชั่วโมงโดยให้เข้าจุดคัดกรองทั้ง 5 จุดที่วิทยาลัยจัดไว้ให้เพียงพอต่อจำนวนนักศึกษาเพื่อป้องกันการจราจรติดขัด

ส่วนในห้องเรียนยังได้จัดจำนวนนักศึกษาและจัดโต๊ะเรียนเว้นระยะห่างไว้ด้วย นอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์ให้นักศึกษาให้เกิดความตระหนักในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีการจัดการเรียนการสอนแบบวิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal อาทิ การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือบ่อย ๆ การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) โดยยึดหลักว่า “มีไข้ ไม่สบาย หยุดเรียน พบหมอ”

ขณะที่ น.อ.รณพล พุ่มประทีป นำกำลังพลเจ้าหน้าที่ทหารสำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย เข้าตรวจสอบมาตรการการป้องกันและระบบการเรียนการสอนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ในสถานศึกษา เบื้องต้นจากการลงพื้นที่พบว่าสถานศึกษาส่วนใหญ่ได้วางมาตรการการป้องกันและปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐเป็นอย่างดี

เชียงใหม่ ธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมผลไม้ ปี 63 กว่า 1 พันล้านบาท

ธ.ก.ส. หนุนเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนดำเนินธุรกิจ รวบรวมผลไม้ ได้แก่ ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง เงาะ ทุเรียน มังคุด และลองกอง เพื่อดูดซับปริมาณและกระจายผลผลิตผลไม้ในช่วงฤดูกาลไปยังตลาดในจุดต่าง ๆ พร้อมเตรียมวงเงินสินเชื่อกว่า 1,000 ล้านบาท รองรับโดยมีกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ชดเชยดอกเบี้ยให้อีกร้อยละ 3 ต่อปี ในช่วง 6 เดือนแรก ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 30 กันยายน 2563

ที่โรงแรมเมอร์เคียว อำเภอเมือง เชียงใหม่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดการประชุมเสวนาโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการลำไย ปีการผลิต 2563 โดยมีนายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิด ซึ่งมีผู้เข้าร่วมเสวนาเป็นผู้ประกอบการค้าลำไย เกษตรกรผู้ปลูกลำไย โดยเสวานาในหัวข้อเรื่อง การเชื่องโยงธุรกิจตลอดห่วงโซ่ผลผลิตลำไยไทย

นายภูมิ เกลียวสิริกุล ผู้อานวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนบน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมผลไม้ ปี 2563 เพื่อสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนและสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินธุรกิจรับซื้อรวบรวมผลไม้ของเกษตรกร และสถาบันเกษตรกร เป็นการช่วยดูดซับปริมาณผลไม้ในช่วงฤดูกาลไม่ให้ราคาตกต่ำและเพิ่มทางเลือกในการกระจายผลไม้ไปยังแหล่งจาหน่ายต่างๆ อีกทั้งช่วยยกระดับมาตรฐานการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ ปี 2563 กับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยเน้นผลไม้หลัก 7 ชนิด ได้แก่ ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง เงาะ ทุเรียน มังคุด และลองกอง วงเงินสินเชื่อรวม 1,000 ล้านบาท ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ตั้งแต่บัดนี้ถึง


สำหรับผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อต้องเป็นเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกรหรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีประสบการณ์ในการรวบรวมผลไม้ กำหนดวงเงินกู้กรณีเป็นเกษตรกรสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 6.50 ต่อปี) กรณีกลุ่มเกษตรกร สูงสุดไม่เกิน 30 ล้านบาท กรณีสหกรณ์การเกษตร สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท และกรณีกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สูงสุดไม่เกิน 20 เท่าของเงินทุนตนเองและไม่เกิน 20 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MLR (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 4.875 ต่อปี) โครงการดังกล่าวกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจะชดเชยดอกเบี้ยให้ร้อยละ 3.00 ต่อปี ในช่วง 6 เดือนแรกนับจากวันที่จัดทาสัญญาเงินกู้ โดยกาหนดชาระคืนเงินกู้ไม่เกิน 6 เดือนนับจากวันที่จัดทำสัญญาเงินกู้ และไม่เกินวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564

นอกจากนี้ธนาคารยังสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อลำไยจากเกษตรกร เพื่อนำไปรวบรวมหรือแปรรูปเพื่อการส่งออก โดยพร้อมสนับสนุนสินเชื่อ SME เกษตร อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ในระยะเวลา 3 ปี หลังจากนั้นคิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR หรือ MLR แล้วแต่กรณี


นายภูมิกล่าวต่อไปว่า ในส่วนของฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนบน ซึ่งดูแล 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน (เชียงราย แพร่ เชียงใหม่ ลำปาง น่าน พะเยา ลำพูน และแม่ฮ่องสอน) ขณะนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมทุกโครงการแล้วกว่า 100 ราย วงเงินที่ขอกู้กว่า 400 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินกู้เพื่อไปดำเนินการรับซื้อลำไยได้เร็วที่สุดภายในไม่เกินเดือนกรกฎาคมนี้ และในโอกาสนี้ขอเชิญชวนผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและติดต่อขอเข้าร่วมโครงการได้ที่ ธ.ก.ส. ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนทุกสาขาได้

เชียงใหม่ กล้าจริง เจ้าของร้านคาเฟ่ฟ้องสหรัฐฯต่อศาลเชียงใหม่เรียกค่าเสียหาย”โควิด19″

เจ้าของร้านอู๋คาเฟ่ ฟ้องศาลจังหวัดเชียงใหม่เรียกร้องค่าเสียหายจากประเทศสหรัฐอเมริกาข้อหาเผยแพร่ไวรัสโคโรน่า 2019 สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนและผู้ประกอบการร้านอาหารเดือดร้อน

ที่ศูนย์อาหาร ดีเคปาร์ค กลางเมืองเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายเศวต เวียนทอง เจ้าของร้านอู๋คาเฟ่ ภายในศูนย์อาหารดังกล่าว แถลงข่าวหลังจากที่ในช่วงเช้าได้เดินทางไปยื่นคำฟ้องสหรัฐอเมริกา ต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ ข้อหา ละเมิดและเรียกค่าเสียหายจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งคู่กรณีเป็นจำเลย คือสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ เลขที่ 1600 ทำเนียบขาว ถนนเพนซิลเจเนีย วอชิงตัน ดี ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นจำเลยในข้อหาละเมิด และเรียกค่าเสียหาย จำนวนเงิน 450,000 บาท (สี่แสนห้าหมื่นบาทถ้วน) ตามค่าเสียหายจริงที่ปิดกิจการในช่วงเกิดโรคระบาดดังกล่าว และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องคือวันที่ 26 มิ.ย.2563 ไปจนกว่าจำเลยจะชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้โจทย์เสร็จสิ้นจนครบถ้วน


นายเศวต กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ตนฟ้องร้องสหรัฐอเมริกา เพราะตนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 และตนในฐานะโจทย์ทราบว่า จำเลยคือประเทศสหรัฐอเมริกา จากที่มีข้อมูลและหลักฐานต่างๆจำนวนมากที่ได้รับมาและเก็บไว้แล้วว่า สหรัฐอเมริกาเป็นผู้แพร่เชื้อระบาดทำให้รัฐบาลไทย โดยที่ตนมีภูมิลำเนาอยู่ จ.เชียงใหม่ ทำธุรกิจเจ้าของร้านอาหารตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2563 เป็นต้นมา ได้รับผลกระทบจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 6 มี.ค.2563 เป็นผลทำให้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.เชียงใหม่ ออกคำสั่งให้ปิดร้านอาหารทั่วจังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้ร้านของตนซึ่งเปิดร้านอาหาร ชื่ออู๋คาเฟ่ ส่งผลกระทบทำให้ขาดรายได้ เป็นเวลา 3 เดือน ตามประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงใหม่


“การฟ้องร้องต่อศาลวันนี้ ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ประทับรับฟ้องไปแล้ว และคาดว่า จะมีการสืบพยานปี 2564 ซึ่งตนในฐานะโจทย์จึงหวังว่า จะมีหลักฐานสำคัญปรากฏออกมา และจะนำส่งต่อศาลในการนำสืบพยาน เพื่อพิสูจน์ความจริงตามที่โจทย์กล่าวหาจำเลยต่อไป”

นายเศวต เจ้าของร้านอู๋คาเฟ่ เปิดเผยอีกว่า การที่ตนได้ยื่นฟ้องจำเลยครั้งนี้เนื่องจากต้องการให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง หลังเกิดการแพร่ระบาดเชื้อโควิดเป็นต้นมานั้น ตนและรวมไปถึงผู้ประกอบการร้านอาหารภายในศูนย์การค้าดังกล่าว ได้รับความเดือดร้อนหนัก ที่ตนฟ้องนั้นเนื่องจากต้องการให้เป็นคดีตัวอย่าง เจ้าของธุรกิจในประเทศไทยเห็นเป็นตัวอย่าง เพราะถือว่าเป็นการฟ้องศาลรายแรกของประเทศไทยซึ่งตนเชื่อว่า ถ้าหากมีการฟ้องและมีการพิจารณาคดี ชนะจะมีผู้ประกอบการและอีกหลายประเทศที่จะฟ้องประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อเรียกร้องความเสียหายด้วยดังกล่าว


สำหรับการแถลงข่าวครั้งนี้ ได้รับการสนใจจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทั้งทางทหาร และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานความมั้นคงทุกหน่วยงานเดินทางมาติดตามข่าวสารจำนวนมาก ซึ่งการแถลงข่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย