เชียงใหม่ สวนพฤกษศาสตร์พร้อมกลับมาเปิดให้เข้าชมจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว

สวนพฤกษศาสตร์พร้อมกลับมาเปิดให้เข้าชมจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าชมสวนสูงสุด 1,550 คน ต่อช่วงเวลา โดยสวนพฤกษศาสตร์ฯ มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ จุดล้างมือ และทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการเน้นย้ำสุขลักษณะอาคารสถานที่ทุกจุดให้บริการ

นางสาวเกศินีกานต์ เอกกิตติธนภูมิ หัวหน้าส่วนประชาสัมพันธ์และการตลาด องค์การสวนพฤกษศาสตร์ เปิดเผยว่า สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้บริการตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2564 เป็นต้นไป พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวด้วยมาตรฐาน SHA ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่เกิดจากมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ผนวกกับมาตรฐานการให้บริการที่ดีมีคุณภาพ

ทั้งนี้ขอให้นักท่องเที่ยวทุกท่านปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด เพื่อให้นักท่องเที่ยวอุ่นใจและสุขใจที่เข้ามาใช้บริการภายในสวนพฤกษศาสตร์ฯ ยังเป็นการท่องเที่ยววิถีใหม่ แบบ NewNormal นักท่องเที่ยวต้องต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกคนพร้อมทั้งตรวจวัดอุณหภูมิ ลงทะเบียนใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” เว้นระยะห่างทุกจุดที่ให้บริการแต่ละจุดบริการจะมีการนำเจลแอลกอฮอล์ หรือ จุดล้างมือ ให้ได้ล้างมือบ่อยก่อนจะเข้าไปเที่ยวชมตามจุดต่างๆ


นอกจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการเน้นย้ำสุขลักษณะอาคารสถานที่ทุกจุดให้บริการ ที่สำคัญสวนพฤกษศาสตร์ฯ ได้มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าชมสวนสูงสุด 1,550 คน ต่อช่วงเวลา

เชียงใหม่ พระเณรวัดสันมะเกี๋ยงช่วยกันปลูกผักนำไปฉันท์บางส่วนเหลือแจกจ่ายชาวบ้านช่วงโควิด19

วัดสันมะเกี๋ยง อำเภอดอยสะเก็ด นำพระ-เณร มาลงแปลงช่วยปลูกผัก นำไปทำภัทตราหาร ที่เหลือแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นผักปลอดสารพิษ ใช้จุลินทรีย์เป็นปุ๋ยทั้งหมด

พามากันที่วัดสันมะเกี๋ยง ตำบลสำราษราษฏร์ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพระ-เณรที่วัดนี้กำลังลงแปลงผักช่วยกันถางหญ้า พรวนดินและรดน้ำแปลงผักนานาชนิดที่ช่วยกันปลูกบริเวณที่ดินหลังวัด ที่ใช้ชื่อว่า สวนพอเพียงที่เพียงพอ @ พระทำวัดสันมะเกี๋ยง นอกจากนั้นยังมีการเลี้ยงเป็ด-ห่านและไก่ เพื่อนำไข่ไปบริโภค ประหยัดค่าใช้จ่ายภายในวัด ซึ่งอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 โดยแปลงผักที่ปลูกนั้นเป็นแปลงผักตามโครงการเกษตรไร้สารพิษเพื่อให้ผู้ที่นำไปบริโภคมีความปลอดภัยจากสารเคมีทุกชนิด โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ใช้จุลินทรีย์เป็นปุ๋ยทั้งหมดไม่ใช้ปุ๋ยเคมีเลย เป็นผักที่ไร้สารพิษ


ด้านพระครูปลัด ทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก๊ด พระอารามหลวง ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยง เจริญพรว่า โครงการสวนพอเพียงที่เพียงพอ @ พระทำวัดสันมะเกี๋ยง เป็นโครงการปลูกผักตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งวัดสันมะเกี๋ยงได้นำนโยบายของพระเทพวิสุทธิคุณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ และเคยเป็นอดีตเจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด ท่านได้ส่งเสริมให้พระภิกษุสามเณรวัดวาอารามต่างๆ และประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันปลูกพืชผัก จนปัจจุปันพระราชโพธิวรคุณ เจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง ได้สนองนโยบายนี้ จึงได้ส่งเสริมให้พระภิกษุสามเณรในเขตปกครองอำเภอดอยสะเก็ด ได้ทำการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยการปลูกผักสวนครัว ไม่ว่าจะเป็น กระหล่ำดอก,กระหล่ำปลี ,ผักกาดกวางตุ้ง ,ผัดชี,ถั่วฝักยาว,มะเขือ,มะเขือเทศ,มะเขือเจ้าพระยา, มะเขือยาว, เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านหรือเอาไว้ทำภัตราหารต่างๆ ของวัดวาอารามในอำเภอดอยสะเก็ด ซึ่งวัดสันมะเกี๋ยงก็เลยนำนโยบายนี้มาใช้ ซึ่งเมื่อ 30 กว่าปีก่อนท่านพระเทพวิสุทธิคุณได้เคยแจกเมล็ดพันธุ์ผักให้ประศรัทธาประชาชนในอำเภอดอยสะเก็ด จึงได้นำโครงการนี้กลับมาฟื้นคืนอีกครั้งหนึ่ง


สำหรับพืชผักที่ปลูกภายในสวนแห่งนี้ หลังจากที่พระเณรในวัดได้นำมาฉันท์ ก็จะได้นำไปแจกจ่ายให้กับญาติโยมศรัทธาสาธุชนต่างๆที่ได้รับผลกระทบในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 โดยวัดสันมะเกี๋ยงแห่งนี้เป็นวัดเล็กๆ พึ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวัดเมื่อปี พศ.2562 มีพระภิกษุจำนวน 9 รูป และมีสามเณรจำนวน 19 รูป รวม 28 รูป ซึ่งทางวัดก็ได้ส่งเสริมพระภิกษุส่งทั้งทางพระปริยัติธรรมทั้งแผนกบาลีนักธรมมและแผนกสามัญศึกษาเป็นการเรียนพื้นฐาน

DCIM100MEDIADJI_0682.JPG

เชียงใหม่ เร่งสร้าง พระมหาเจดีย์และมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท วัดพระธาตุดอยสะเก็ด

เร่งสร้าง พระมหาเจดีย์และมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท บนดอยพุทธรังษี (ม่อนถ้ำ) วัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง ใช้งบประมาณ 120 ล้านบาท คาดปี 65 แล้วเสร็จ


ผู้สื่อข่าวเดินทางมาความคืบหน้าการก่อสร้าง พระมหาเจดีย์และมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท บนดอยพุทธรังษี(ม่อนถ้ำ) วัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อปี 2561 ใช้งบประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งยังคงดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง และคืบหน้าไปแล้วเกินกว่า 30 % แล้ว


พระราชโพธิวรคุณ เจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง เจริญพรว่า พระมหาเจดีย์ และมณฑปครอบรอยพระบาท นครโยนกซึ่งมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในงานก่อสร้าง และหลวงพ่อ พระราชปฏิภาณโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ เป็นประธานฝ่ายบรรพชิต ซึ่งการก่อสร้างได้ดำเนินมากกว่า 30 % แล้ว คนงานกำลังขึ้นยอดเจดีย์ และทำฝ่าเพดานพร้อมด้วยฝาผนัง คงจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างอีก 80 ล้านบาท


เจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด เจริญพรอีกว่า อย่างไรก็ดีในช่วงนี้เป็นช่วงเศรษฐกิจชะงัก และเป็นช่วงของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 การก่อสร้างก็ดำเนินไปตามปกติ แต่อาจล่าช้าไปนิดหนึ่งในโปรเจ็กบางอย่างในการดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากช่วงนี้ทางเจ้าภาพต้องชะล่อเพราะว่า เกรงใจญาติโยมที่จะขอเชิญมาร่วมบริจาคการก่อสร้าง ฉะนั้นญาติโยมสาธุชนท่านในที่มีกุศลศรัทธาจะร่วมบุญกับหลวงพ่อพระราชปฏิภาณโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ และอนุโมทนาบุญกับ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ก็ขอเชิญร่วมบริจาคได้ตามกำลังศรัทธา เพราะการทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์ และมณฑปครอบรอยพระบาท นครโยนก เป็นรอบพระบาทที่พระพุทธเจ้าทรงประทับไว้ ดินแดนแคว้นโยนก หรือแคว้นล้านนา ในอดีตกาลที่ผ่านมา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป้นรอบพระพุทธบาทที่เหมือนจริงที่สุด หลวงพ่อพระราชปฏิภาณโสภณท่านบอกว่า ท่านได้เดินทางไปกราบรอยพระบาททั่วโลก ที่นี่เหมือนจริงที่สุด เมื่อเราทำสเกลออกมาแล้ว เจ้าของรอยพระบาทก็จะมีความสูง 2 เมตรกับ 5 เซนติเมตร ใกล้เคียงกับพุทธลักษณะพระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงสูง 2 เมตรกับ 2 นิ้ว ถือว่าเป็นบุญใหญ่ที่เราจะได้มาสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทซึ่งใกล้ความจริงหรืออาจเป็นความจริงที่สุด บนวัดพระธาตุดอยสะเก็ดแห่งนี้เป็นที่ศักการะบูชาต่อไป

คลิปภาพ

DCIM100MEDIADJI_0642.JPG

สำหรับรอยพระพุทธบาทมีความยาว 30 ซม. ระดับความสูงของเจ้าของรอยสูง 2.05 เมตร พบด้วยความบังเอิญ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553 จากการนิมิตของพระราชโพธิวรคุณ เจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด ที่ได้ฝันเห็นพื้นที่บริเวณดอยโพธิรังษี มีแสงสว่างไสว ท่านจึงเกิดความสงสัยว่าพื้นที่บริเวณนี้อาจจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตย์อยู่ จึงชวนชาวบ้านและสามเณร ไปสำรวจในป่าดอยโพธิรังษี เมื่อท่านใช้ร่มทิ่มไปตามใบไม้แห้ง ได้พบตะขาบวิ่งออกมา จึงให้ชาวบ้านที่ไปดัวย กวาดใบไม้ออก และได้พบรอยเท้าคนบนแผ่นเห็นเป็นรอยลางๆ ที่น่าอัศจรรย์คือ มีรูปเสมาธรรมจักรอยู่ตรงกลางฝ่าเท้า หลังจากนั้นจึงได้บอกให้ญาติโยมทผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ จึงเห็นรอยเท้าที่ชัดเจนขึ้น สันนิษฐานว่าเป็นรอยพระพุทธบาท จึงเป็นที่เคารพบูชาของชาวอำเภอดอยสะเก็ดและพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก

เชียงใหม่ กองทัพภาคที่ 3 เตรียมจัดกิจกรรม ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ป้องกันไฟป่า ( kick off ) ประจำปี 64 แบบ New Normal

กองทัพภาคที่ 3 เตรียมจัดประชุมบูรณาการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ และ จัดกิจกรรม “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ป้องกันไฟป่า” ( kick off ) ประจำปี 64 แบบ New Normal วันที่ 21 มกราคม 2564 ที่จังหวัดเชียงใหม่

พลตรี ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 3กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าเตรียมจัดประชุมบูรณาการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ( VTC ) และจัดกิจกรรม “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ป้องกันไฟป่า ” ( kick off ) ประจำปี 2564 ในวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2564 ที่กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เกิดความยั่งยืนและเป็นรูปธรรมตามนโยบายของกองทัพภาคที่ 3 และกองทัพบก เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวรวมถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน


ทั้งนี้ภายในงานจะมีการประชุมบูรณาการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ที่ห้องประชุมระวังเมือง 1 กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 โดยแม่ทัพภาคที่ 3/ ผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค เป็นประธานเพื่อมอบนโยบายและแนวทางในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และร่วมกิจกรรม“ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ป้องกันไฟป่า ” ( kick off ) ประจำปี 2564 ที่ลานพื้นแข็งหน้ากองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 7

อย่างไรก็ตามการจัดงานดังกล่าวกองทัพภาคที่ 3กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าเตรียมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 แก่ผู้มาร่วมกิจกรรม แบบ New Normal เว้นระยะห่างทางสังคมโดยจัดจุดคัดกรองบริเวณด้านหน้าทางเข้า 2 จุด จัดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และจัดเตรียมหน้ากากอนามัย 500 ชุด เพื่อแจกจ่ายผู้ที่มาร่วมกิจกรรม

เชียงใหม่ กองทัพน้อยที่ 3 จัดกิจกรรม บริจาคโลหิตเนื่องในวันกองทัพไทย

กองทัพน้อยที่ 3 จัดกิจกรรม บริจาคโลหิตเนื่องในวันกองทัพไทยเพื่อใช้เป็นโลหิตสำรองในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019

พล.ท. บุญยืน อินกว่าง แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นประธานเปิดกิจกรรม บริจาคโลหิตเนื่องในวันกองทัพไทยเพื่อใช้เป็นโลหิตสำรองในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 ที่อาคารอเนกประสงค์ กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกทศรถ โดยมีกำลังพลของกองทัพน้อยที่ 3 , กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 4 กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 104 กองพันทหารม้าที่ 9 กองพลทหารราบที่ 4 เนื่องจาก ภาวะโลหิตสำรองในประเทศ ลดลงเป็นอย่างมาก ประกอบกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019 ในปัจจุบันอาจทำให้โลหิตสำรองขาดแคลนได้

ทั้งนี้ พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมกิจกรรมดังกล่าว พร้อมให้กำลังใจแก่กำลังพลที่ร่วมกิจกรรมและประดับเข็มบริจาคโลหิตให้กับกำลังพลที่บริจาคโลหิตเป็นครั้งแรก โดยกิจกรรมครั้งนี้ ได้โลหิตได้รวม 58,550 cc มีผู้บริจาค ดวงตา จำนวน 77 นาย และบริจาค อวัยวะ จำนวน 76 นาย

 

เชียงใหม่ บก.คฟป.ทภ.3 สน. รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ

กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า(บก.คฟป.ทภ.3 สน.) รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ พบว่ามีค่า PM ๒.๕ ระหว่าง 40 – 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM ๑๐ ระหว่าง 48 – 123 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและค่าAQIระหว่าง 41 – 182 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง ถึง เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือตอนล่างได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี สำหรับภาคเหนือตอนบนจังหวัดที่มีค่าคุณภาพอากาศสูง ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยาและจังหวัดตาก

ในส่วนของกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าที่ผ่านมา พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า ขอให้ กอ.รมน.จว. และ ชุดรณรงค์สร้างจิตสำนึก เร่งตรวจสอบและรายงาน ให้ บก.คฟป.ทภ.3 สน. ทราบ เนื่องจากค่า PM 2.5 ในแต่ละจังหวัดค่าเฉลี่ยอยู่ในสีส้ม ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของประชาชน

ทางด้านกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) แจ้งว่า สืบเนื่องจากแนวโน้มการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละออง และจุดความร้อน ประกอบกับการคาดการณ์สภาพอุตุนิยมวิทยา ที่เอื้อต่อการสะสมตัวของฝุ่นละออง ในวันที่ 16 ม.ค. 64 ทั้งนี้ขอให้ 17 จังหวัดภาคเหนือ เร่งรัดการควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองทุกประเภท โดยเฉพาะไฟป่าและการเผาในที่โล่ง และอาจพิจารณาชะลอการบริหารจัดการเชื้อเพลิงโดยการชิงเผา พร้อมทั้ง ขอให้ดำเนินมาตรการในการเฝ้าระวังและบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน

ทั้งนี้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) : GISTDA รายงานผลการเกิดจุดความร้อนจากดาวเทียม Suomi NPP ระบบ VIIRS บันทึกข้อมูลเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2564 พบจุดความร้อนประเทศไทย รวม 700 จุด พบมากที่สุด จังหวัด ลำปาง 74 จุด เชียงใหม่ 59 จุด และเพชรบูรณ์ 50 จุด


ในส่วนของจังหวัดสุโขทัย ค่าคุณภาพอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM ๒.๕ ณ สถานีตรวจวัดเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี อ.เมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย มีค่าเกินมาตรฐาน เท่ากับ 64 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิด จาก การสะสมตัวของค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก จากการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและการเผาในที่โล่งจากจังหวัดข้างเคียง เนื่องจากจังหวัดสุโขทัย ในห้วงวันที่ 14 – 16 ม.ค. 64 มีจุด Hotspot ตรวจจับด้วย ดาวเทียม suomi viirs พบเกิดจุด Hotspot ขึ้น รวมแล้วจำนวนเพียง รวม 10 จุด โดยตรวจสอบทิศทางลม เป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านจังหวัดสุโขทัย พัดขึ้นเหนือ โดยเช้าวันนี้ ลมสงบ ประกอบกับความกดอากาศสูง ช่วงเช้าอากาศยกตัวได้น้อย ซึ่งจังหวัดสุโขทัย ตอนเหนือสภาพภูมิประเทศ เป็นที่ราบสูงมีภูเขาเป็นพืดยาวมาทางทิศตะวันตก ลักษณะคล้ายเกือกม้าทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ ดังนั้นประชาชน ควรงดกิจกรรมการเผาในที่โล่ง และกิจกรรมใด ๆ ที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นที่


ขณะที่ กอ.รมน.จังหวัด อุตรดิตถ์ รายงานสาเหตุค่าฝุ่นละอองในพื้นที่ ตรวจพบจุดความร้อนจำนวน 5 จุด และได้ตรวจพบจุดความร้อนทางภาคกลาง และประเทศเพื่อนบ้าน (ประเทศกับพูชา)และจังหวัดใกล้เคียงในหลายพื้นที่ ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดจากใต้ขึ้นเหนือซึ่งได้พัดพาฝุ่นละอองจากพื้นที่ดังกล่าวมายังพื้นที่ จว.อุตรดิตถ์ประกอบการระบายฝุ่นควันของอากาศ ในวันที่ 16-19 ม.ค.64 อยู่ในระดับปานกลางทำให้การระบายอากาศได้ไม่ดี จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองในพื้นที่ จว.อุตรดิตถ์และเกิดการเพิ่มขึ้นของฝุ่นละออง ทั้งนี้ได้ส่งหน่วยงานในพื้นที่ที่เกิดจุดความร้อนเข้าดำเนินการดับไฟ และได้แนะนำขาวบ้านที่ทำการเผาในพื้นที่เกษตรให้ควบคุมการเผา หากไม่จำเป็นไม่งดเว้นการเผาไปก่อน และได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใส่หน้ากากกันฝุ่นละอองและรักษาสุขภาพให้แข็ง

ในส่วนของ อ.เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ นายชัชวาลย์ พุทธโธ นายอำเภอเชียงดาว ได้ตรวจสอบพื้นที่ภายหลังสภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พบว่า จุด hotspot ที่เกิดขึ้นไม่อยู่ในแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงของอำเภอ โดยไฟดังกล่าวพบมากที่สุดอยู่ในพื้นที่ของตำบลปิงโค้ง อยู่ในป่าลึก และบางส่วนได้ลามไปถึงสันเขาทำให้ยากแก่การเข้าไปดับไฟ ขณะนี้นายอำเภอเชียงดาวในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯอำเภอเชียงดาว ได้สั่งการให้หน่วยงานป่าไม้และความมั่นคงเพิ่มความถี่ในการออกลาดตระเวนในพื้นที่จุดเสี่ยงเพื่อเฝ้าระวังและจับกุมตัวผู้กระทำความผิดเพื่อลดการเกิด จุด hotspot โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เชียงใหม่ แม่ทัพน้อยที่ 3 นำกำลังพลฯ บริจาคโลหิตนำไปสำรองช่วงโควิด-19

 

แม่ทัพพน้อยที่ 3 นำกำลังพลในสังกัดกองพลพัฒนาที่ 3 ,และหน่วยกำลังพลของกองพันพัฒนาที่ 3 กว่า 50 นาย เข้าบริจาคโลหิต เพื่อนำไปสำรองให้กับโรงพยาบาลในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังสภากาชาดไทยขาดแคลนโลหิต

วันนี้(16 มค) 09.00 น. ที่กองพันพัฒนาที่ 3 อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลโท บุญยืน อินกว่าง แม่ทัพน้อยที่ 3 และรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด กองทัพภาคที่ 3 นำกำลังพลในสังกัดกองพลพัฒนาที่ 3 ,และหน่วยกำลังพลของกองพันพัฒนาที่ 3 กว่า 50 นาย ร่วมบริจาคโลหิต ให้กับสภากาชาดไทยเพื่อนำไปสำรองใช้ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่สภากาชาดไทยได้นำรถบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มาให้บริการ


ทั้งนี้สภากาชาดไทย โดยการเปิดเผยของรองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลใหญ่ๆ หลายแห่ง ที่ต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัดให้ผู้ป่วย รวมทั้งผู้ป่วยเด็กโรคเลือด อาทิ โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย ฮีโมฟีเลีย ที่ต้องใช้เลือดในปริมาณมากและต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 340 แห่ง มีความต้องการเลือดสูงมาก แต่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ไม่สามารถจ่ายเลือดให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ได้อย่างเพียงพอ เนื่องจากผู้บริจาคโลหิตมีจำนวนลดลงทุกแห่งทั่วประเทศ หน่วยงานยกเลิกการจัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิต เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาด และสถาบันการศึกษาปรับรูปแบบการเรียนการสอนเป็นออนไลน์ ส่งผลให้มีปริมาณโลหิตบริจาควันละ 700 – 900 ยูนิต เท่านั้น ลดลงมากถึงร้อยละ 50

เชียงใหม่ ครูบาจง ทำพิธีปลุกเสก รูปปั้นไอ่ไข่และนางขนุน 2 นาง วัดสันมะเกี๋ยง

ครูบาจง ศิษย์เอกครูบาจันทร์แก้ว เจ้าอาวาสวัดศรีสว่าง หางดง ทำพิธีจุดเทียนน้ำมนต์ “ไอ้ไข่วัดสันมะเกี๋ยง” พร้อมปลุกเสกเรียกธาตุ เบิกเนตร รูปปั้นไอ้ไข่และ นางขนุน 2 นาง ที่แกะสลักมาจากต้นขนุนตายพราย

ที่วัดสันมะเกี๋ยง ตำบลสำราญราษฏร์ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมี “ไอ้ไข่ “จากวัดสระสี่มุม จังหวัดนครศรีธรรมราช มาประดิษฐานให้ชาวบ้านและประชาชนทั่วไปได้มากราบไว้ ขอพร ขอโชคลาภ ไม่ต้องเดินทางไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่หลังเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขึ้นมาอีกครั้ง ก็ทำให้ทางวัดได้จัดมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิและเจลล้างมือให้กับผู้ที่มากราบไหว้“ไอ้ไข่” จัดมาตรการป้องกัน พร้อมกันนั้นได้จัดเจ้าหน้าที่เข้ามาฉี่พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อทำความสะอาดสถานที่ ให้ความมั่นใจผู้ที่จะเดินทางยังวัดสันมะเกี๋ยง


ล่าสุด(12 มค.) ทางวัดสันมะเกี๋ยง ได้นิมนต์ ครูบาจง อุปลวณฺโณ ศิษย์เอกครูบาจันทร์แก้ว เจ้าอาวาสวัดศรีสว่าง (วัวลาย) ตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ มาทำพิธีจุดเทียนน้ำมนต์ หน้ารูปปั้น“ไอ่ไข่วัดสันมะเกี๋ยง” และทำพิธีปลุกเสกอธิฐานจิต เรียกธาตุ ตั้งธาตุ วัตถุมงคล พร้อมทำพิธีเบิกเนตรอาการ 32 หุ่นรูปปั้นไอ้ไข่ และนางขนุน 2 นาง ที่แกะสลักมาจากต้นขนุนตายพราย เป็นต้นขนุนยืนต้นตาย ที่อยู่ในตำบลสำราษราษฏร์นี่เอง

สำหรับการทำพิธีปลุกเสกเรียกธาตุในครั้งนี้ ก็เป็นการทำพิธีแบบปิดภายในศาลากลางวัด โดยไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเนื่องจากเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ขณะที่ประชาชนที่เดินทางมากราบไหว้“ไอ้ไข่วัดสันมะเกี๋ยง” ก็สามารถเดินทางมาได้ แต่ขอให้ปฏิบัติตามข้อระเบียบของทางวัดซึ่งจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก โดยขอให้ ตรวจวัดไข้ ล้างมือต้วยเจล เว้นระยะห่าง ก่อนเข้าไปกราบไหว้ไอ้ไข่ เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่เดินทางมายังวัดสันมะเกี๋ยง

เชียงใหม่ นายกฯสื่อมวลชนเอเซีย(ประเทศไทย)แถลงข่าวขอเลื่อนกิจกรรมธรรมะเดลิเวอรี่การกุศล

นายกสมาคมสื่อมวลชนเอเซีย(ประเทศไทย) แถลงข่าว ขอเลื่อนการจัดกิจกรรมบรรยายธรรมะเดลิเวอรี่การกุศล โครงการสืบสานวัฒนธรรมไทยรวมใจเพื่อน้องจากวันที่ 9 มค.64 ไปเป็นวันที่ 17 กค.64 เนื่องจากสถานการการแพร่ระบายของเชื้อโควิส-19

ที่ห้องประชุม โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายธนกฤต กลิ่นนาค นายกสมาคมสื่อมวลชนเอเซีย(ประเทศไทย) แถลงข่าว ขอเลื่อนการจัดกิจกรรมบรรยายธรรมะเดลิเวอรี่การกุศล โครงการสืบสานวัฒนธรรมไทยรวมใจเพื่อน้อง โดยสมาคมสื่อมวลชนเอเซีย(ประเทศไทย) จังหวัดเชียงใหม่ ได้กำหนดจัดกิจกรรมบรรยายธรรมะเดริเวอรี่การกุศล โครงการสืบสานวัฒนธรรมไทยรวมใจเพื่อน้อง โดยพบกับ พระมหาสมปอง ตาลปุตุโต และการแสดงมายากล เหน่งฟรีแมนโชว์ จากรายการเกมส์พันหน้า ณ ห้องประชุมเชียงใหม่ภูคำ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในวันเสาร์ที่ 9 มกราคม 2564 เวลา 15.00-16.00 น.

ทั้งนี้สืบเนื่องจากการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิส-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆ อันอาจมีผลกระทบในวงกว้างต่อประชาชน ดังนั้นเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อโรคไวรัสโควิส-19 ทางสมาคมสื่อมวลชนเอเซีย(ประเทศไทย) ดังนั้นทางสมาคมฯ จึงขอประชาสัมพันธ์ขอเลื่อนการจัดงานบรรยายธรรมะเดลิเวอรี่การกุศล โครงการสืบสานวัฒนธรรมไทยรวมใจเพื่อน้อง โดยพบกับพระมหาสมปอง ตาลปุตุโต และการแสดงมายากล เหน่งฟรีแมนโชว์ จากรายการเกมส์พันหน้า ณ ห้องประชุมโรงแรมเชียงใหม่ภูคำ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ไปเป็นวันเสาร์ที่ 17 กรกฏาคม  2564 เวลาเดิม อย่างไรก็ดี ผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมไปแล้ว ก็สามารถนำบัตรไปเข้าชมตามวันและเวลาดังกล่าวได้หรือโทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 099-5057061/061-6857878/088-2930557 

เชัยงใหม่ วัดสันมะเกี๋ยงเปิดโชว์ “เสือเย็น” ผลงานของ นศ.นักศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่

วัดสันมะเกี๋ยงชวนชม เสือเย็น หรือที่ทางภาคกลางเรียกกันว่า เสือสมิง ซึ่ง นศ.มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ทำขึ้นมา เป็นศิลปะ ปฏิมากรรมการปั้นกระดาษสาในคอนเซ็ป “เสือเย็น” ในรูปแบบท่าทางต่างๆ ที่สวยงามหาชมได้ยาก นอกเหนือจากเดินทางมากราบขอพร ไอ้ไข่วัดสันมะเกี๋ยงแล้ว

ที่วัดสันมะเกี๋ยง ตำบลสำราญราษฎร์ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการนำไอ้ไข่ ของวัดสระสี่มุม จังหวัดนครศรีธรรมราช มาให้ประชาชนทั่วไปได้สักการะกราบไหว้ แต่เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิส-19 ขึ้นมาอีกครั้ง ก็ทำให้บรรยากาศที่วัดสันมะเกี๋ยงแห่งนี้มีประชาชนเดินทางมาขอพรไอ้ไข่วัดสันมะเกี๋ยงบางตากว่าที่ผ่านมา ซึ่งทางวัดก็ได้จัดมาตรการให้มีการเว้นระยะ ตรวจวัดอุณหภูมิ มีเจลล้างมือไว้ฆ่าเชื้อตามจุดต่างๆ โดยที่ผ่านมานายภานุวัฒน์ คำวงศ์ใส กำนันตำบลสำราษราษฏร์ ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิส-19 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงขอให้ประชาชนทั่วไปได้มั่นใจถึงความสะอาดปราศจากเชื้อไวรัศโควิส-19

ด้านพระครูปลัดทวีวัฒน์ อินฺทวณฺโณ ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดสันมะเกี๋ยงและผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง เจริญพรว่า ทางวัดสันมะเกี๋ยงเปิดให้ศรัทธาประชาชนได้เดินทางมา กราบขอพรไอ้ไข่วัดสันมะเกี๋ยงตามปกติ แต่ผู้ที่มาก็ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ตรวจวัดร่างกาย ล้างมือด้วยเจลฆ่าเชื้อ เว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัส


นอกจากนั้นขณะนี้ทางวัดสันมะเกี๋ยงยังได้จัดแสดงผลงานศิลปะปฏิมากรรม ที่ทางนักศึกษามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ทำขึ้นมาเป็นศิลปะการปั้นกระดาษสาในคอนเซ็ป “เสือเย็น” ในรูปแบบท่าทางต่างๆ ที่สวยงามหาชมได้ยาก พร้อมจัดแสดงให้ผู้ที่สนใจได้ชมบริเวณศาลากลางวัด หลังจากที่กราบขอพรไอ่ไข่วัดสันมะเกี๋ยงแล้ว ก็สามารถเดินชมและถ่ายภาพ “เสือเย็น” กันได้


สำหรับ “เสือเย็น” เป็นเรื่องราวความเชื่อของคนล้านนา เล่ากันว่า ครั้งหนึ่งพ่อค้าโคต่างได้พาลูกหาบเข้าไปพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ขณะนั่งกินอาหารอยู่นั้นคนในหมู่บ้านได้เตือนด้วยความหวังดีว่า ‘’ จงระวังที่จะเดินทางผ่านป่านี้เพราะมีเสือร้ายตัวหนึ่งคอยดักทำร้ายคนที่ผ่านไปมาเสมอ ‘’พ่อค้าพูดว่า ‘’ ทำไมไม่มีใครคิดฆ่าเสือร้ายตัวนี้ละ เมื่อมันเป็นภัยแก่คนเดินทางเช่นนี้ ” ก็ได้รับคำตอบว่า‘’ ไม่มีใครรอดเลยและหาไม่พบแม้แต่ซากศพ แล้วเสือตัวนั้นก็จะหายไปด้วยเสมอ เมื่อมันทำร้ายคนแล้ว ” ซึ่งที่จริงแล้วเสือเย็น ก็คือ เสือสมิงทางภาคกลาง แต่ทางภาคเหนือจะเรียกกันว่าเสือเย็น เป้นความเชื่อของคนโบราณ