เชียงใหม่ รองแม่ทัพภาคที่ 3 แนะบริหารจัดการเชื้อเพลิงอย่างเป็นระบบ

รองแม่ทัพภาคที่ 3 แนะจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการเชื้อเพลิงอย่างเป็นระบบภายหลังสิ้นสุดการประกาศห้ามเผาในวันที่ 30 เม.ย.นี้ พร้อมจัดทำบทเรียน ปี 63 เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการเตรียมการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในอนาคต

พล.ต. จิรเดช กมลเพ็ชร รองแม่ทัพภาคที่ 3 รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าเป็นประธานการประชุมผ่าน VTC ร่วมกับ 9 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันที่จังหวัดเชียงใหม่


รองแม่ทัพภาคที่ 3 รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า กล่าวว่า จากสถานการณ์การเกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ จนถึงปัจจุบัน พบว่าจุดความร้อน (Hotspot) ในภาพรวมมีปริมาณลดลง รวมทั้งค่าคุณภาพอากาศ (PM 2.5) เริ่มดีขึ้นตามลำดับในทุกจังหวัด ซึ่งครั้งนี้เกิดจากความทุ่มเทในการปฏิบัติงานดับไฟของทุกภาคส่วนที่บูรณาการร่วมกัน ประกอบกับ ปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยา ในพื้นที่ภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 20 – 26 เม.ย. 63 จะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 30 ของพื้นที่ และการระบายฝุ่นควันของอากาศอยู่ในระดับดีขึ้น

อย่างไรก็ตามขณะที่ทุกจังหวัดจะสิ้นสุดการเผาเด็ดขาด ในวันที่ 30 เม.ย. ที่จะถึงนี้ ขอให้วางแผนในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงให้รัดกุม โดยขอให้พิจารณาไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ ถ้าเป็นไปได้ควรพิจารณาวิธีการบริหารจัดการเชื้อเพลิง อื่นๆ ก่อน ตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่ และวิธีการเผาควรเป็นอันดับสุดท้าย ซึ่งจากนี้ไปขอให้แต่ละจังหวัดจัดทำแผนบทเรียน ผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ประจำปี 2563 ของแต่ละจังหวัด เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการเตรียมการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในปีต่อๆ ไป

ลำพูน นายกฯอบจ.ลำพูนเข้าพบผู้ว่าฯแล้วชีแจงกรณีจัดชื้อชุด CARE SET ให้ผู้สูงอายุ

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน พร้อมสาธารณสุขจังหวัด เข้าพบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ชี้แจงกรณีจัดทำชุด CARE SET จำนวน 27,700 ชุด ใช้งบ 17 ล้านบาท แจกจ่ายให้กับผู้สูงอายุในจังหวัด เกรงผิดระเบียบอาจมีการทุจริตในการจัดซื้อ

นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน

จากกรณีที่การแชร์การแจกจ่ายถุงยังชีพให้กับผู้สูงอายุในจังหวัดลำพูน ระบุ แชร์สนั่นโซเซียล จังหวัดลำพูน แจกของชาวบ้านไม่ได้ตรงตามความเดือนร้อน ขณะที่มีรายงานว่า การช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด มีการขอใช้งบประมาณหลายล้านบาท ซึ่งก็มีคนเข้ามาคอมเม้นต์กันเป็นจำนวนมาก ในเรื่องการนำงบประมาณกว่า 17 ล้านบาท มาจัดซื้อถุงยังชีพให้กับผู้สูงอายุชาวลำพูน บางอย่างไม่จำเป็นและมีราคาแพง มีการแจกแจงราคาเครื่องใช้ต่างๆ โดยรวมราคาถุงละเกือบ 590 บาท แถมยังมีค่าภาษี 7% =25 บาท และค่าดำเนินการ+กำไร 10% =36 บาทอีกด้วย ซึ่งบางรายก็ระบุไปว่า ทางจังหวัดลำพูนเป็นผู้ดำเนินการ

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้(20 เม.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยสาธารณสุขจังหวัดลำพูน เดินทางเข้าพบนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เพื่อชี้แจงกรณีการจัดซื้อสิ่งของเครื่องใช้ให้กับผู้สูงอายุในจังหวัดลำพูนจำนวน 27,700 คน ใช้งบประมาณการจัดซื้อ 17 ล้านบาท

ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายก.อบจ.ลำพูน

ดร.นิรันดร์เปิดเผยว่า กำลังเป็นเรื่องร้อนในการที่ อบจ.ลำพูน ได้จัดซื้อชุด CARE SET ซึ่งผู้ว่าฯได้ให้ทำหนังสือชี้แจงด่วน เพราะเหตุผลใดที่ทาง อบจ.จัดทำชุด CARE SET ไม่ทำถุงยังชีพ เพื่อให้ทางราชการตรวจสอบว่า เหตุผลในการจัดซื้อ ส่วนในเรื่องราคาของสินค้าที่จัดซื้อเดียวค่อยว่ากันอีกที กำลังในขั้นตอนของการดำเนินการ ซึ่งตนเองก็ยอมรับการตรวจสอบ ซึ่งก็มีองค์กรต่างๆ เริ่มทะยอยกันเข้ามาตรวจสอบ ส่วนราคาของสินค้าที่ระบุตามสื่อต่างๆ บางรายการก็เป็นราคาจริง บางรายการก็ไม่จริง บางสินค้าก็เป็นราคากลาง ก็ต้องมาตรวจสอบที่มาที่ไป ซึ่งชุด CARE SET ไม่ใช่ถุง ยังชีพ ขณะนี้ประชาชนมีความต้องการถุงยังชีพ แต่การจัดซื้อชุด CARE SET ขณะนั้นกำลังอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเรื่องการป้องกัน สถานการณ์ในขณะนั้นอยากให้ผู้สูงอายุอยู่กับบ้านจนถึงวันที่ 30 เมษายน และต้องดำเนินใหัทันภายใน 7 วัน ทาง อบจ.จึงต้องรีบดำเนินการ ซึ่งก็เรียบร้อยดีแต่ก็ยังมีความเข้าใจคาดเคลื่อนว่าทาง อบจ.แจกถุงยังชีพ แต่ไม่มีอาหาร ซึ่งมุมของสาธารณสุขก็เป็นมุมที่ทำในเรื่องการป้องกัน ไม่ใช่ด้านเยียวยาจึงจัดทำชุด CARE SET ขึ้น

ด้านนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ขั้นตอนของระเบียบข้าราชการ เมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาแบบนี้ สิ่งแรกที่จะต้องดำเนินการก็คือ ต้องให้ทางผู้ดำเนินการหรือ อบจ.ชี้แจงเข้ามาก่อน ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนแรกคือให้ทาง อบจ.ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทางจังหวัดรับทราบก่อน มีการสั่งอะไร อย่างไร ซึ่งข่าวที่ปรากฏในขณะนี้ที่แชร์ส่งต่อๆ กันมา เป็นเอกสารที่ไม่ได้รับการยืนยัน ดังนั้นข้อมูลเอกสารทั้งหมดที่ อบจ.ต้องชี้แจงเข้ามาต้องรวบรวมมาให้ทางจังหวัดก่อน หลังจากนั้นจังหวัดก็จะดูเอกสารทั้งหมด เมื่อเห็นว่า มีส่วนหนึ่งส่วนใดที่ไม่น่าจะเป็นไปตามระเบียบ จังหวัดก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดนึง ตรวจสอบข้อระเบียบและดำเนินการทางวินัยต่อไป

อย่างไรก็ดีในการเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนของ ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นั้น เป็นการเข้ามาชี้แจงเบื้องต้น โดยจะได้นำเอกสารชี้แจงการดำเนินการจัดซื้อชุด CARE SET โดยละเอียดในวันพรุ่งนี้ ซึ่งทางจังหวัดก็จะได้ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการจัดซื้อว่ามีการทุจริตในโครงการนี้หรือไม่ต่อไป

ลำพูน ผวจ.ลำพูนขอชี้แจงกรณีแจกถุงยังชีพให้ผู้สูงอายุราคาแพงเกินจริง

นายพงศ์รัตน์  ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนให้สัมภาษณ์”เก็บตกทั่วไทย”

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ขอชี้แจงกรณีที่มีการแชร์ตามสื่อฯ ออนไลน์ เรื่องการมอบถุงยังชีพให้กับผู้สูงอายุ 27,700 คนในจังหวัดลำพูนใช้งบฯถึง 17 ล้านบาท ซึ่งระบุว่าจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งแท้จริงแล้ว อบจ.ลำพูน ดำเนินการรจัดซื้อเองทั้้งหมด ล่าสุดได้ทำหนังสือส่งไปยัง อบจ.ลำพูน ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงมาอย่างเป็นทางการและถ้าตรวจสอบแล้วกระทำไปโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบ ก็จะต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาคนทำผิดและดำเนินการสอบสวนทางวินัยต่อไป

จากกรณีที่การแชร์การแจกจ่ายถุงยังชีพให้กับผู้สูงอายุในจังหวัดลำพูน ระบุ แชร์สนั่นโซเซียล จังหวัดลำพูน แจกของชาวบ้านไม่ได้ตรงตามความเดือนร้อน ขณะที่มีรายงานว่า การช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด มีการขอใช้งบประมาณหลายล้านบาท ซึ่งก็มีคนเข้ามาคอมเม้นต์กันเป็นจำนวนมาก ในเรื่องการนำงบประมาณกว่า 17 ล้านบาท มาจัดซื้อถุงยังชีพให้กับผู้สูงอายุชาวลำพูน บางอย่างไม่จำเป็นและมีราคาแพง มีการแจกแจงราคาเครื่องใช้ต่างๆ โดยรวมราคาถุงละ423 บาท แถมยังมีค่าภาษี 7% =25 บาท และค่าดำเนินการ+กำไร 10% =36 บาทอีกด้วย ซึ่งบางรายก็ระบุไปว่า ทางจังหวัดลำพูนเป็นผู้ดำเนินการ

เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกระทบต่อจังหวัดลำพูนด้วยเหตุนี้ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน จึงได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ก่อนหน้านั้นมติในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน (ฉบับที่ 6) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนเป็นประธาน เห็นชอบในหลักการ ทำหนังสือแจ้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนให้ดำเนินการช่วยเหลือผูั้ที่ประสบภัยจากโควิด-19 ในส่วนหนึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนดำเนินการ จัดทำชุด CARE SET ให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป เพื่อใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เป็นอุปกรณ์ดำรงชีวิตประจำวันให้กับกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19 สำหรับให้ผู้สูงอายุที่มีฐานะคนยากจนจำนวน 27,700 คน โดยใช้งบประมาณถึง 17 ล้านบาท ซึ่งก็มีสื่อฯออนไลย์ต่างๆ และประชาชนทั่วไปออกมาแสดงความคิดเห็นในการจัดซื้อดังกล่าวว่า ไม่ตรงกับความต้องการ บางรายการที่จัดซื้อไม่จำเป็นในชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ และกล่าวหาว่าทางจังหวัดเป็นผู้จัดซื้อชุด CARE SET เสียเอง


ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยอีกว่า เมื่อมีข่าวแพร่ออกไป ทางจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อ ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วทาง องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดโดยใช้งบประมาณ 17 ล้านบาท ตนในฐานะผู้กำกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ได้ทำหนังสือฉบับหนึ่ง ส่งไปยัง อบจ.ลำพูน ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงมาอย่างเป็นทางการมาในวันนี้(20 เม.ย.) และหากตรวจสอบแล้วว่า เป็นการกระทำไปโดยไม่ถูกต้องตามระเบียบ ตนก็จะต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาคนทำผิดและดำเนินการสอบสวนทางวินัยต่อไป

แม่ฮ่องสอน ชาวปากเกอะญอ บ้านแม่กี๊ อำเภอขุนยวมร่วมกันทำแนวไฟระยะทาง 50 กม.ทุกปี ไม่ง้องบรัฐฯ

ชาวปากเกอะญอ บ้านแม่กี๊ อำเภอขุนยวมกว่า 200 ชีวิตร่วมกันทำแนวไฟระยะทาง 50 กม.ทุกปี โดยไม่รับงบสนับสนุนจากภาครัฐฯแต่วอนรัฐบาลฯรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ให้ความสนใจชาวบ้านตัวอย่างผู้รักษาผืนป่าด้วย

นายสุขใจ วิชาญพันธ์ ผอ.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนตำบลแม่กิ๊ อ.ขุเม่นยวม จ.แม่ฮ่องสอน ร่วมกับ สมาชิก อบต.แม่กี้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านตำบลแม่กี้หมู่ที่ 1 และ ชาวบ้านเปียงหลวงหมู่ที่ 5 ตำบลแม่กิ๊ โดยมีเด็กนักเรียนเยาวชน พ่อค้า ประชาชน กลุ่มแม่บ้านจำนวน 200 คน ร่วมกันทำแนวกันไฟ ภายใต้ โครงการจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ โดยเริ่มจากบริเวณห้วยขุนห้วยแม่กิ๊ ถึงขุนห้วยแม่ข่อหลวงแม่กี๊ ในระยะความยาวกว่า 50 กม. ซึ่งได้มีประชาชนในหมู่บ้านต่างนำเครื่องไม้เครื่องมือแต่ละคนที่มาจากบ้านของตัวเอง ไม่ว่ามีด จอบ เสี่ยม ตลอดจนเครื่องมือดับไฟป่าที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ อาติเช่นจากไม้ไผ่ ใบไม้ เพื่อเป็นอุปกร์และเครื่องมือในการดับไฟป่า ได้ร่วมกันทำแนวกันไฟในครั้งนี้

นอกจากนี้ชาวบ้านที่มีจิตอาสามาทำแนวกันไฟในวันนี้ต่างคน ได้เตรียมอาหารกับข้าวมาจาบ้านเองและเมื่อพักเที่ยงต่างได้แกะถุงอาหารที่ได้เตรียมมา ได้เปลี่ยน รสชาดอาหารกันอย่างเป็นกันเองอีด้วย


นายสุขใจ วิชาญพันธ์ นายชาญ เปิดเผยว่า ประชาชน ตำบลแม่กี้ และหมู่บ้านใกล้เคียง ทั้งตำบลเป็นชนเผ่า ปกาเกอะญอ หรือ กะเหรี่ยง ซึ่งมีประเพณีและวัฒนธรรมในการอนุรักษ์และดูแลป่ามาเช่นนี้มานับหลายช่วงอายุคน และได้ทำแนวกันไฟแต่บรรพบุรุษมานานแล้ว จนตำบลแม่กี๊ จนได้รับรางวัล ทั้งในระดับจังหวัด ระดับภาคเหนือ และระดับประเทศมาแล้วมากมาย ทั้ง ๆที จังหวัด อำเภอ หน่วยงานป่าไม้ ทราบปัญหา เป็นอย่างดีแต่ยังไม่เห็นหน่วยงานรัฐฯ หรือองค์กรใด มาสนใจหรือช่วยสนับสนุนด้านงบประมาณหรือแต่อย่างใด จึงอย่างขอวิงวอนไปยัง พลเอกประยุทยธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อมหันให้ความสนใจกับพี่น้องชนชาวปากเกอะญอ ชาวแม่กี๊ ที่ปกป้องและรักษาป่ามาอย่างยาวนานบ้างเพื่อเป็นกำลังใจการดูแลปกป้องรักษาพื้นป่าของประเทศไทยแห่งนี้ต่อ ๆ และตลอดไป

เชียงใหม่ เทศบาลสำราญราษฏร์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโควิดพร้อมแจกผ้าปิดปากทำจากสบงพระ

นายกเทศมนตรีตำบลสำราญราษฏร์ขึ้นรถบรรทุกน้ำ ฉีดพ่นทำความสะอาดบริเวณรอบที่ทำการเทศบาลฯ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมจัดกลุ่มแม่บ้านตัดเย็บผ้าปิดปากปิดจมูก โดยขอรับบริจาคผ้าสบงและผ้าอาบน้ำฝนของพระสงห์ตามวัดต่างๆ มาตัดเย็บแจกจ่ายให้กับชาวบ้านฟรี ซึ่งหากหน่วยงานใดไม่มีงบฯจัดทำ ก็มาขอรับที่เทศบาลได้ เพราะได้ตัดเย็บกันเป็นจำนวนมาก

นายเกษม ปารมีศิลป์ขจร นายกเทศมนตรีตำบลสำราญราษฏร์ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นำเจ้าหน้าที่เทศบาลทำความสะอาดบริเวณรอบที่ทำการสำนักงานเทศบาลตำบลสำราญราษฏร์ เนื่องในวันสงกรานต์ หรือปี๋ใหม่เมือง พร้อมขึ้นรถบรรทุกน้ำฉีดทำความสะอาดบริเวณสำนักงานด้วยตัวเอง เป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนั้นยังจัดแม่บ้าน ทำการตัดเย็บหน้ากากซึ่งทำจากสบงและผ้าอาบน้ำฝนพระ เพื่อนำแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่ป้องกันไวรรัวโควิด-19 และป้องกันฝุ่นละอองในอากาศจากการเกิดหมอกควันไฟป่าได้อีกด้วย


นายกเทศมนครีตำบลสำราญราษฏร์เปิดเผยว่า เทศบาลตำบลสำราญราฏร์มีนโยบายที่จะร่วมกันต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยได้ให้กลุ่มแม่บ้านและผู้สูงอายุ ที่อยู่ในช่วงว่างงาน มาช่วยเย็บผ้าปิดปาก ซึ่งเทศบาลได้ลงทุนเฉพาะค่าแรงให้กับแม่บ้านเท่านั้น ส่วนวัตถุดิบเทศบาลก็ได้ขอผ้าสบง, ผ้าอาบน้ำฝนของพระสงฆ์ตามวัดต่างๆ ในตำบลสำราญราษฏร์และวัดในตำบลใกล้เคียง ซึ่งผ้าอาบน้ำฝนทางพระสงห์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้ จึงได้ขอรับบริจาคมาเพื่อทำประโยชน์ให้กับชาวบ้าน เป็นอีกกรรมวิธีที่ทางเทศบาลได้แก้ปัญหา เนื่องจากทางเทศบาลมีงบประมาณจำกัด ซึ่งได้จัดทำไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน และหากหน่วยงานใดมีการขาดแคลนผ้าปิดปาก ไม่มีงบประมาณจัดซื้อ ก็สามารถทำเรื่องและมารับบริจาคได้ที่เทศบาลฯ

ขณะเดียวกันทางเทศบาลก็ได้เตรียมนำยาฆ่าเชื้อ โดยในอันดับแรกจะทำความสะอาดรอบๆ บริเวณสำนักงานเทศบาลก่อน จากนั้นทำความสะอาดตามวัดต่างๆ เพราะชาวบ้านจะต้องๆไปทำบุญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และโรงพยาบาลสุขภาพประจำตำบล เพื่อให้ทุกคนได้มั่นใจ ไม่หวั่นวิตกสนองนโยบายของทางรัฐบาล เป็นการตั้งรับป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งชาวบ้านในตำบลสำราญราษฏร์ก็ให้ความร่วมมือกันอย่างดี

เชียงใหม่ นายกฯลวงเหนือ ให้ความมั่นใจชาวบ้าน ป้องกันไวรัสโควิส-19 เข้าตำบล

เทศบาลตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เร่งดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ชาวบ้านร่วมต้านไวรัสโควิด-19

นายดวงแก้ว สะอาดล้วน นายกเทศมนตรีตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทางเทศบาลตำบลลวงเหนือได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต้าน เชื้อไวรัสโควิด-19 โดยจัดทำโครงการอบรมการทำหน้ากากอนามัยแบบผ้าให้กับประชาชน อสม.แจกจ่ายให้กับประชาชนในตำบลกว่า 7,000 ชิ้น นอกจากนั้นได้ร่วมกันทำ Big Cleaning Day ในสำนักงานเทศบาลลวงเหนือ จัดซื้อ Gel Alcohol สำหรับล้างมือให้ใช้ในสำนักงานฯ และใช้ในจุดเสี่ยงในตำบลลวงเหนือ เช่นตลาดหมู่ที่ 2 ออกพ่นยาฆ่าเชื้อสำหรับจุดเสี่ยง อาทิ สำนักงานเทศบาล ตลาดหมู่ 2 ตลาดนักไทลื้อ ลานกีฬาหมู่ที่ 2

นอกจากนั้นทางเทศบาลยังได้จัดเตรียมชุด PPE(คลีนนิ่งรูม) น้ำยาฆ่าเชื้อ สำหรับเจ้าหน้าที่ พนักงานที่ต้องออกพื้นที่ กรณีพบผู้ติดเชื้อ ออกตรวจเฝ้าระวังร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านทุ่งมะหนิ้ว กรณีมีผู้ที่เข้ามาในพื้นที่ที่มาจากต่างจังหวัด-ต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มียอดสะสมที่ทางเทศบาลได้เฝ้าระวังทั้งหมด 94 ราย ใน 94 ราย ได้เฝ้าระวังจนครบ 14 วัน ไป 74 ราย
แจกเทอร์โมมิเตอร์ให้กับ อสม.สำหรับให้กับคนที่เข้ามาในพื้นที่ตำบลลวงเหนือที่กลับมาจาดต่างประเทศและต่างจังหวัด ในกรณีกักตัว 14 วัน เพื่อวัดไข้ พร้อมจัดป้ายประชาสัมพันธ์การปฏิบัติของร้านค้าและผู้บริโภคในการป้องกันโรค ตามโครงการลวงเหนือ เบญจการต้านโควิด-19 เป็นข้อปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการร้านขายของและร้านอาหารปรุงสุก

ขอขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊กเทศบาลตำบลลวงเหนือ

เชียงใหม่ ธารน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบวิกตฤโควิด-19 ถึงบ้าน จำนวน 500 ชุด

ธารน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบวิกตฤโควิด-19 นำข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้จำเป็นไปมอบให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนตามชุมชนต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่รวม 29 ชุมชน กว่า 500 ชุด โดยชาวบ้านไม่ต้องออกมาเข้าแถวเข้าคิวรอ เป็นการลดความเสี่ยงการเแพร่ระบาดของไวรัส

นายภาณุพงค์ วีรตันตยาภรณ์ ,นายชาลี ฟองมณี และนายปรัชญา สุทธิพันธ์ เดินทางไปมอบสิ่งของอุปโภค-บริโภค ของใช้ที่จำเป็นจำนวนกว่า 500 ชุด นำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนให้กำลังใจในการต่อสู้วิกฤตไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ชุมชนในแขวงกาวิละ , ชุมชนรถไฟ ,ชุมชนบ้านใหม่ ,ชุมชนท่าสะต๋อย ,ชุมชนวัดเกต ,ชุมชนการเคหะหนองหอย รวม 29 ชุมชน ในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่มีรายได้ ไม่มีงานทำต่อหลังจากประกาศปิดเมืองโดยเฉพาะคนหาเช้ากินค่ำ คนทำงานรายวัน คนว่างงาน โดยนำไปส่งมอบให้กับประชาชนถึงประตูบ้านเพื่อไม่ให้มายืนรอเกิดผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัสโควิด -19 เพื่อให้เราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน


นายภาณุพงค์ วีรตันตยาภรณ์ เผยว่าในครั้งมีประชาชนได้รับความเดือนร้อนขาดเครื่องอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็ก จึงได้รวมบรวมข้าวสารอาหารแห้งต่างๆ น้ำ นม มาม่า และ ขนม จัดเป็นชุดเพื่อนไปมอบให้ถึงประตูบ้าน ซึ่งการแจกครั้งจะเน้นผู้ที่เดือนร้อนโดยไม่ต้องออกมายืนรอนานโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางออกมา เพราะสภาพอากาศร้อน จึงใช้วิธีเดินเคาะประตูบ้านจะได้บ้านละ 1 ชุด เพื่อบรรเทาในห้วง 2-3 วันนี้

 

เชียงใหม่ สส.เขต 1 เชียงใหม่ นำสิ่งของไปแจกชาวบ้านและชุดดับไฟป่า

ส.ส.เขต.1 เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย จับมือนายกเทศบาลตำบลช้างเผือก และภาคเอกชน นำเงินส่วนตัวซื้ออาหาร น้ำดื่ม แจกจ่ายประชาชนร่วมสู้วิกฤติไวรัสโควิด-19 และเจ้าหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการช่วยกันป้องกันไฟป่า

น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เขต.1 เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายคเชน เจียกขจร นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลช้างเผือก ตัวแทนกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ห้างสรรพสินค้าเมญ่า นำสิ่งของเช่น ข้าวสาร มาม่า น้ำดื่ม แจกแก่ประชานในเขตพื้นที่ตำบลช้างเผือก จำนวน 1,000 ชุด แบ่งแจกบริเวณวัดเจ็ดยอด 500 ชุด และบริเวณวัดช่างเคี่ยนอีก 500 ชุด โดยมีการจัดพื้นที่รับของแจกให้ห่างกัน 2 เมตร จัดทางเดินเข้า-ออก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีสมาชิกสภาฯ และมีเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลช้างเผือกดูแลอย่างใกล้ชิด หลังจากนั้นคณะได้เดินทางไปมอบน้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง และอาหารแห้งให้กับชุดดับไฟป่าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพปุ๋ย บริเวณอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่


น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ กล่าวว่า เจ้าตัวร่วมกับนายกเทศมนตรีเทศบาลช้างเผือก และเอกชนบางส่วน และตนเองได้นำเงินส่วนตัวได้ซื้อข้าวของต่าง ๆเพื่อมาแจกให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ชุมชนวัดเจ็ดยอด และชาวบ้านช่างเคี่ยน เพื่อเป็นการบรรเทารายจ่ายแก่ได้ในระดับหนึ่ง สืบได้รับผลกระทบจากการประสบปัญหา ไวรัส โควิด -19 และอยากจะฝากให้พี่น้องประชาชนให้มีความอดทนและสู้กับโรคดังกล่าวคาดว่าไม่นานก็จะหายไปจากโลกนี้ไป

อย่างไรก็ตามสำหรับการมามอบสิ่งของให้กับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติฯแล้ว ยังรับฟังปัญหาจากเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อจะไปนำเสนอในสภาต่อไป หลังจากนี้จะเดินหน้าผลิตFace Shie ld และหน้ากากอนามัยแจกแก่พี่น้องประชาชน เพราะโควิด จะอยู่กับเราอีกนาน จะทำอย่างไรจะป้องกันตัวเองได้ Face Shield สามารถป้องสารต่าง ๆ ที่กระจายตามอากาศได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ส.ส.เขต 1 เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ยังได้กล่าวขอบคุณคณะทำงานวงการแพทย์ เจ้าหน้าที่พยาบาลทุกท่าน ซึ่งถือว่าเป็นนักรบระดับแนวหน้าในขณะนี้ ที่ช่วยดูแลประชาชนทุกสาขาอาชีพ อยากจะฝากพี่น้องประชาชนทราบว่าทุกท่านเครียดมาก การงานก็ไม่ได้ทำ เงินทองก็ไม่มีใช้ ก็ขอให้เป็นกำลังใจแก่กันและกันได้ สถานการณ์คงจะดีขึ้น จึงฝากไปยังรัฐบาลเร่งการช่วยเหลือประชาชนระดับรากหญ้าที่ตกงาน ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ในชีวิตประจำวัน ขอให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือประชาชนทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงด้วย

เขียงใหม่ แพทย์เตือนเข้าวัดทำบุญปีใหม่เมืองหรือสงกรานต์ ควรอยู่ห่างกันป้องกันติดเชื้อโควิส-19

แพทย์เตือนประชาชนเข้าทำบุญเนื่องในวันสงกรานต์ ซึ่งชาวล้านนาถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ จะมีประชาชนเดินทางไปทำบุญที่วัดจำนวนมาก ควรจัดคิวผู้ที่มาทำบุญ ให้นั่งห่างกัน และให้พระสงฆ์ให้พรผ่านไมรโครโฟรหรือเครื่องขยายเสียง ป้องกันการแพร่ระบาดและการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้

นายแพทย์ปรีชา สิริจิตราภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เริ่มเข้าสู่ในช่วงเทศกาลปี๋ใหม่เมือง หรือเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะวันพญาวัน ชาวบ้านทางภาคเหนือจะพาครอบครัวเข้าวัดทำบุญ เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ของชาวล้านนา เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตนได้กราบเรียนพระสงฆ์ในอำเภอดอยสะเก็ดว่า เราไม่สามารถห้ามศรัทธาชาวบ้านที่จะมาเข้าวัดทำบุญในวันดังกล่าวได้ แต่เราสามารถประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านได้ คือเมื่อเวลามาวัดก็อย่ารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน อย่าทักทายปราศัยกันมากมาย หากมากันเป็นครอบครัว แต่ละครอบครัวก็ควรจะนั่งห่างกัน และเวลาที่จะเข้าไปถวายภัตตาหารไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าหรือช่วงเพลและช่วงบ่าย เมื่อถวายเสร็จแล้วก็ควรจะแบ่งกลุ่มกันนั่งให้ห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร ส่วนพระสงฆ์ที่จะให้พรก็ให้พูดผ่านไมค์โครโฟนเพราะประชาชนบางส่วนอาจอยู่นอกอุโบสถหรืออยู่นอกวิหารก็สามารถได้ยินเสียงการให้พรของพระ

นอกจากนั้นก็อยากขอให้กรรมการวัดหรือมัคนายกเป็นผู้จัดคิวประชาชนที่จะเข้าไปพบพระ เพื่อเป็นการลดการอยู่ใกล้ชิดกัน เพราะในวันดังกล่าวคาดว่า จะมีประชาชนเดินทางมาทำบุญที่วัดเป็นจำนวนมาก เนื่องจากว่าเป็นวันขึ้นศักราชใหม่ของทางเหนือ จุดนี้เองทางแพทย์ก็เป็นห่วงมาก จึงได้นำเรียนไปยังเจ้าคณะอำเภอและรองเจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด เพื่อปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง และป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้

เชียงใหม่ สท.แม่คือรวบรวมเงินซื้อสิ่งของมอบให้ จนท.และแพทย์ รพ.สู้วิกฤติไวรัสโควิด-19

สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแม่คือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาในพื้นที่ บริจาคเงินจัดซื้ออุปกรณ์ชุดป้องกันการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิส-19 และเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิในร่างกาย นอกจากนั้นยังจัดซื้อ อาหาร เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ น้ำดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ที่สนธิกำลังตั้งจุดตรวจบูรณาการคัดกรองเฝ้าระวังการแพร่ระบาดริมถนนสายเชียงใหม่-เชียงราย และ จัดซื้อหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ น้ำดื่ม และข้าวกล่องจำนวน 100 กล่อง ไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลดอยสะเก็ดอีกด้วย

นายอุดม อิ่นคำ นายกเทศมนตรีตำบลแม่คือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้บริหารและสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแม่คือ มอบอุปกรณ์และชุดป้องกันที่ใช้ในการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคไวรัสโควิด19 พร้อมเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิในร่างกาย เพื่อแก้ไขปัญหาโรคระบาด ให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยเทศบาลตำบลแม่คือ ตามโครงการรวมใจต้านโรคโควิด-19 เพื่อสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และอื่นๆ ซึ่งทางสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแม่คือ พร้อมผู้มีจิตศรัทธาในตำบลแม่คือร่วมใจกันบริจาค โดยเงินส่วนที่เหลือก็ได้นำไปจัดซื้ออาหาร เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำดื่ม กาแฟ มอบให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานบริเวณจุดตรวจบูรณาการ คัดกรองเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ริมถนนสายเชียงใหม่-เชียงราย ด้านหน้าสถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด และจัดซื้อหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ น้ำดื่ม และข้าวกล่องจำนวน 100 กล่อง ไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลดอยสะเก็ดจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายแพทย์ปรีชา สิริจิตราภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดอยสะเก็ด และนายจิรชาติ ซื่อตระกูล นายอำเภอดอยสะเก็ด ร่วมรับมอบ

นายกเทศมนตรีตำบลแม่คือกล่าวว่า เทศบาลตำบลแม่คือได้เล็งเห็นความยากลำบากของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่แพทย์,พยาบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ อสม. ในการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมใจกันป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแม่คือ จึงได้จัดโครงการรวมใจต้านโรคโควิด-19 โดยรวบรวมเงินบริจาคจากสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแม่คือและชาวบ้าน นำมาจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ในการป้องกันเชื้อโรคโควิด-19 และจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกัน อาหารให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ร่วมทั้งแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลดอยสะเก็ด นอกจากนั้นเทศบาลตำบลแม่คือได้อนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นทุนจัดให้นักเรียน,นักศึกษาในพื้นที่ ได้ฝึกทำงานด้านต่างๆของเทศบาลแม่คือ ในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน เป็นเงินงบประมาณฯ ถึง 40,000 บาท


ด้านนายแพทย์ปรีชา สิริจิตราภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดอยสะเก็ดเปิดเผยว่า ผู้มีจิตศรัทธาที่จะนำหน้ากากอนามัย เฟสซิว หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ให้กับทางโรงพยาบาล บางอย่างหายากส่วนเฟสซิวก็มีผู้นำมาบริจาคให้กับโรงพยาบาลแล้วจำนวนมาก จึงคิดว่าจะขอหยุดรับ ส่วนท่านใดจะสนับสนุนให้กับกำลังใจกับเจ้าหน้าที่แพทย์,พยาบาล ในการต่อสู้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สิ่งที่ง่ายที่สุดในการบริจาคไม่รบกวนในยามวิกฤติ ขอเป็นอาหารเครื่องดื่มนำมาให้กับบุคลากรทางารแพทย์ของโรงพยาบาลดอยสะเก็ดซึ่งมีกว่า 200 คน ตามกำลังที่สามารถทำได้ ในช่วงกลางวันก็ขอเป็นก่อนเที่ยงวัน ส่วนในช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ขึ้นอยู่เวรบ่าย อาจเป็นขนมสามารถนำไปทานช่วงดึกได้


“พวกเราก็ยินดีแล้วแต่กำลังศรัทธา เพราะในช่วงเวลานี้หลายโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสันกำแพง โรงพยาบาลสันทราย โรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และโรงพยาบาลสันป่าตอง โรงพยาลเหล่านี้ได้รับผู้ป่วยโควิด-19 เข้ามาดูแล เมื่อมีอุบัติเหตุในท้องที่โรงพยาบาลเหล่านี้ ทางโรงพยาบาลดอยสะเก็ด ก็จะรับผู้บาดเจ็บบางส่วนมารักษา ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทุกคนมีความเสี่ยง และในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วหลายคน ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้ที่มีความเสี่ยง เป็นนักรบแนวหน้า รบกับศัตรูที่มองไม่เห็น หากท่านคิดว่าจะให้กำลังใจพวกเราๆ ยินดีขอรับกำลังใจเหล่านี้โดยแล้วแต่กำลังศรัทธาของพวกท่านที่สามารถช่วยได้ โดยที่เราไม่ได้เจาะจงว่าจะเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้แต่อย่างใด” ผอ.รพ.ดอยสะเก็ด กล่าว

มอบอุปกรณ์และชุดป้องกันที่ใช้ในการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคไวรัสโควิด19 ให้ จนท.กู้ภัย

จัดให้นักเรียน,นักศึกษา มาสมัครฝึกงานช่วงปิดภาคเรียน

มอบอาหาร เครื่องดื่มชูกำลังให้ จนท.